[CR] Hong Kong 101 ++ เดินทาง ชม ชิม และมองฮ่องกงมุมใหม่ ๆ ไปด้วยกันครับ

งานเขียนฉบับนี้จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อใช้เป็นทางเลือกประกอบการวางแผนเดินทางท่องเที่ยวฮ่องกง อย่างไรก็ตาม หลาย ๆ ท่านอาจจะสงสัยว่า หัวข้อกระทู้ที่กล่าวว่า ฮ่องกงในมุมใหม่ ๆ คืออะไร ผมเลยจะต้องอรรถาธิบายไว้ตรงนี้ ดังนี้ ครับ




1. รีวิวนี้ไม่ได้เน้นการท่องเที่ยวแบบประหยัด ด้วยงบประมาณแบบ shoestring ขณะเดียวกัน ก็ไม่ได้เน้นการใช้งบประมาณอย่างหรูหราหรือแพงจนน่าตกอกตกใจ


2. รีวิวนี้ อาจไม่ปรากฏสถานที่ท่องเที่ยวอันเป็นที่นิยม หากท่านเข้ามาอ่าน เพื่อหาข้อมูลจำพวก ดิสนีย์แลนด์ โอเชี่ยนปาร์ก กระเช้านองปิง รถรางเพื่อขึ้นสู่ยอดวิกตอเรียพีค ซิตี้เกทเอาท์เล็ท ซิมโฟนีออฟไลฟ์ วัดแชกงหมิวหรือวัดกังหัน ติ่มซำไอคอน ร้านคาเฟ่มูมิน คาเฟ่สนูปปี้ เจ้าแม่กวนอิม ณ หาดรีพัลส์เบย์ การตามรอยหนังว่องกาไว หรือแม้แต่ทางเดิน dragon’s back ผมคงต้องแสดงความเสียใจ เพราะมันจะไม่ปรากฏในรีวิวของผมรีวิวนี้ครับ


3. ผมไปฮ่องกงครั้งสุดท้าย เมื่อ 14 ปีที่แล้ว หรือในปี 2002 และมีสาเหตุสำคัญมากๆ ที่ทำให้ผมไม่เคยคิดจะกลับไปฮ่องกงอีก เพราะในครั้งนั้น คนที่ผมรักมากที่สุดในชีวิตตัดสินใจขับรถไปส่งผมที่สนามบินเป็นครั้งแรก ครั้งเดียว และครั้งสุดท้าย และการเดินทางครั้งนั้นเป็นการเดินทางที่ผมรู้สึกเศร้าและหดหู่ที่สุดในชีวิตอีกหนหนึ่ง ดังนั้น เมื่อมีโอกาสต้องเดินทางไปไหนต่อไหนอีกครึ่งโลก ฮ่องกงจึงไม่เคยอยู่ในตัวเลือกหรือระบบความคิดของผมอีกเลยครับ จนกระทั่งในครั้งนี้ ที่ผมมีเหตุให้เปลี่ยนแผนกะทันหันจากบาหลีเป็นฮ่องกง ผมจึงเลือกที่จะไปมองฮ่องกงในมุมเก่า ๆ ที่หลายคนไม่เคยสัมผัสแต่ถูกผ่านตาผมเมื่อ 14 ปีที่แล้ว ไปพร้อมๆ กับมุมใหม่ๆ ที่ผมอยากเห็นเพิ่มเติมครับ


ภาคหนึ่ง การเดินทาง


ฮ่องกง เดินทางง่ายมากๆ ด้วยจำนวนเที่ยวบินมากกว่า 26 เที่ยวบินต่องวัน โดยมีรายละเอียดสามารถสรุปได้ดังตารางด้านล่างครับ



หากอยากประหยัดเสียหน่อย สายการบินที่ไม่ได้บินทุกวันดูจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม สายการบินยอดฮิตของคนไทย กลับเป็นเอมิเรสต์ และในช่วงหลัง คาเธ่ย์กับฮ่องกงแอร์ไลนส์ ก็ดูเหมือนจะเป็นทางเลือกที่เป็นที่นิยมยิ่งขึ้น เพราะความถี่ที่มากกว่า ราคาที่ถูกลงเรื่อย ๆ เพราะขยันออกโปรโมชั่นถี่ ๆ โดยเฉพาะไฟลท์ตีหนึ่งที่ถูกอกถูกใจหลาย ๆ คนเพราะลงเครื่องเช้าแล้วแวะรับประทานโจ๊กหรือติ่มซำก่อนจะเริ่มเที่ยวได้เลย เราจึงได้เห็นรีวิวทั้ง SR และ CR ของสายการบินเหล่านี้ถี่ ๆ ในช่วงที่ผ่านมาครับ  


ค่าตั๋วชั้นประหยัด ถ้าโชคดี ไม่นับโลว์คอสต์ อาจจะเห็นราคาเริ่มต้นที่ 5,000 นิด ๆ ส่วนชั้นธุรกิจ 10,000 ต้นๆ ก็สามารถเดินทางได้แล้ว ดังนั้น ฮ่องกงจึงไม่ใช่จุดหมายที่เอื้อมไม่ถึงอีกต่อไป


สำหรับผมแล้ว การเดินทางหนนี้ ดูจะเรียกว่า “เดจาวู” กับเมื่อ 14 ปีก่อนเป็นอย่างมาก แต่ก็ถือเป็นมุมมใหม่สำหรับห้องบลูแพลเน็ทพอสมควร เพราะเป็นการเดินทางโดยการบินไทยเหมือนเดิมที่ไม่ค่อยจะได้เห็นรีวิวในเส้นทางนี้ ในชั้นโดยสารนี้ และในห้องบลูแพลเน็ทนี้บ่อยนัก


น่าเสียดายที่ไฟลท์การบินไทยตอน 8.30 น. ซึ่งเป็นเส้นทางกรุงเทพฯ – ฮ่องกง – ไทเป ถูกยกเลิกไปแล้ว ไม่อย่างนั้น ผมคงได้ย้อนรอยเดิม แต่อย่างไรก็ดี ผมยังคงเลือกจองเที่ยวบินขากลับเป็น TG 607 เหมือนหนก่อน จะได้มีเวลาอยู่กับฮ่องกงนานๆ ได้เห็นไฟระยิบระยับยามเครื่องขึ้น สำหรับเมืองที่มีชีวิตชีวาที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชียครับ




ตัดกลับมาที่ไฟลท์รีวิวกันต่อ วันนี้ผมเดินทางโดยรักคุณเท่าฟ้าเหมือนเคย ราคาตั๋วซื้อชั้นธุรกิจอยู่ในราคา 20,000 กลางๆ ซึ่งหากเปรียบเทียบแล้วก็ต้องยอมรับว่าคุ้มค่าน้อยที่สุด แต่เพราะเป็นตั๋วรางวัลก็เลยยอมแลกไปครับ สำหรับท่านที่เดินทางโดยการบินไทยในชั้นธุรกิจขึ้นไป ผมมีข้อแนะนำ ดังนี้ครับ


ถ้าไปเช้ามาก การบินไทยท่านยังไม่เริ่มปฏิบัติงานนะครับ อย่างผมไปตี 5 ช่องตรวจสัมภาระหรือเช็คอิน เปิดเพียงช่องเดียว ผู้โดยสารพรีเมียมก็จงต่อคิวกันไปอย่างไม่ทราบชะตากรรมครับ


ข้อดีของบริการภาคพื้นที่สุวรรณภูมิ คือ fast track สำหรับการผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองในขาออก และช่องสำหรับตรวจโลหะพิเศษ ซึ่งเมื่อเสร็จแล้วจะมีบันไดเลื่อนลงไปยังห้องรับรองของการบินไทยทันที


ห้องรับรองของการบินไทย ใช้คำพูดง่ายๆ ว่า “พลาดบ้างก็ได้” ครับ เพราะไม่มีอะไรน่าประทับใจ การตกแต่งแสนธรรมดา และไม่มีอะไรน่าสนใจในไลน์อาหาร นอกจากเครื่องดื่มตามปกติแล้ว อาหารในไลน์ก็เป็นไปอย่างจำกัดจำเขี่ยมาก ในมื้อเช้า มีเพียง ไข่ต้ม ไส้กรอก แฮม โจ๊กไก่ (ซึ่งยังไม่เสร็จ) ผลไม้ และอาหารที่อุดมไปด้วยแป้ง ทั้งซาลาเปา พาย แซนด์วิช และหากเป็นเลานจ์รองนอกคองคอร์ส D ท่านจะยิ่งพบความโกลาหล เพราะทั้งผู้โดยสารบัตรทองสตาร์ อัลไลแอนซ์ และลูกค้าบัตรเครดิตประมาณ 10 สถาบันการเงินในไทย สามารถใช้เลานจ์นี้ได้ ยิ่งทำให้เลานจ์เข้าใกล้ความเป็นชุมชนแออัดอย่างเลี่ยงไม่ได้ครับ




ถ้าจะมีสิ่งเดียวที่ยังทำให้เลานจ์การบินไทยมีมาตรฐานที่ดี ก็คือ royal orchid spa ผมใช้เวลาหลังผ่านด่านตรวจ ไปอยู่ที่นี่ สำหรับผู้โดยสารชั้นธุรกิจ สามารถเลือกนวดระหว่าง นวดศีรษะและไหล่ หรือ นวดฝ่าเท้า ได้เป็นระยะเวลาครึ่งชั่วโมง เมื่อคะเนจากสภาพภูมิศาสตร์ของเกาะฮ่องกงแล้ว การนวดฝ่าเท้าดูจะเป็นคำตอบที่ดีสุด สำหรับการเตรียมความพร้อมเดินมินิฮาล์ฟมาราธอน ตลอดทั้ง 4 วันครับ




ถ้าเลานจ์การบินไทยไม่ถูกจริต แล้วจะไปอยู่ที่ไหน คำตอบก็คือ Silver Kris Lounge ของสิงคโปร์ แอร์ไลนส์ เลานจ์อยู่บริเวณคองคอร์สเอ หรือชั้นบทของประตูทางออกขึ้นเครื่องภายในประเทศ ตัดกำลังผู้โดยสารส่วนใหญ่ไปเยอะ เพราะต้องเดินไกล และในช่วงเช้าที่ไฟลท์แรกของสิงคโปร์แอร์ไลนส์ ออกเวลา 9.45 น. ผมก็แทบจะเป็นผู้ครอบครองเลานจ์ย่อมๆ นี้แต่เพียงผู้เดียว อาหารการกินอุดมสมบูรณ์มาก ไวน์ แชมเปญ อยากดื่มสิงคโปร์สลิงตอนเช้าก็มีให้ อาหารเช้ามีเท่าการบินไทย แต่เพิ่มเติมถั่วขาวอบซอส เฟรนช์โทสต์ เบค่อน ขนมจีบ พาสต้าอีกถาดใหญ่


ถ้ายังไม่พอ น้ำมะพร้าวทั้งลูกก็มีให้เลือก และถ้าเป็นไข่ที่นี่ ทำตามสั่ง ผมเลยได้ไข่ดาวน้ำมารับประทานเล่นๆ ก่อนปิดท้ายด้วยไอศกรีมฮาเก้นดาซที่มีให้เลือก 3 รส ทั้งช็อกโกแลต วานิลา และสตรอเบอร์รี่ หรือถ้าไม่ถูกโรคนัก ก็ยังมีไอศกรีมชาไทยเป็นทางเลือกสำรอง หากท่านคิดว่า สิงคโปร์แอร์ไลนส์จะสร้างความประทับใจเพียงเท่านี้ คงต้องบอกว่า ท่านคิดผิด เพราะที่เลานจ์ยังอุตส่าห์มีจุ๋ยก๊วย ใช่แล้วครับ มาเป็นขนมถ้วยพร้อมไชเท้าสับและน้ำพริกซัมบัลไว้ให้ราดเสียด้วย ผมก็เลยอยู่ที่นี่ไม่ไปไหนจนขึ้นเครื่องครับ






มาต่อที่บนเครื่อง 14 ปีผ่านไป จากเครื่อง 777-300 ลำเดิมที่เคยนั่ง มาวันนี้เปลี่ยนเป็น 777-300 ER ที่มีชั้นธุรกิจอันสะดวกสบาย ไฟลท์วันนี้คนแน่นทุกที่นั่ง แต่การบริการกลับไม่ขาดตกบกพร่องเลย ต้องเรียกว่าดีเกินคาดเสียด้วยซ้ำ โดยพนักงานสาววัยกลางคนที่ใส่ใจผมประหนึ่งลูกหลาน คะยั้นคะยอให้ผมรับหนังสือพิมพ์ แต่ผมปฏิเสธ เพราะผมยังจำเมื่อ 14 ปีก่อนว่าผมรับหนังสือพิมพ์มา แล้วก็เห็นหน้าของเพื่อนๆ คนรู้จักที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้เป็นลำดับต้น ๆ ของประเทศ แต่วันนั้นผมสอบไม่ติดที่ไหนเลย และกลายเป็นคนเคว้งคว้างไม่ได้เรียนต่อ




ะหว่างที่รอขึ้นเครื่องในวันนี้ ผมก็พยายามหา track เพลงในอัลบั้มออนดีมานด์ เพียงเพื่อจะดูว่ามีเพลงในวันนั้นที่มีเนื้อท่อนคุ้นเคยว่า “เดียวดายอ้างว้าง ท่ามกลางผู้คน ไม่เคยสักหนจะพบกับแสงตะวัน” ให้ผมได้ย้อนกลับไปฟังอีกหรือไม่ แต่หาเท่าไรก็ไม่เจอและเพื่อเป็นการแก้เคล็ดให้กับสภาพอากาศของฮ่องกงผมเลยจัดอัลบั้มของตัวเอง และเลือกเพลงที่คิดว่ามีความเหมาะสม และทำให้บรรยากาศการเดินทางดูน่ารื่นรมย์ขึ้นอย่าง “ฟ้าใส แดดไกลๆ สีจางๆ อากาศตอนเช้าๆ สวยงามสะอาดเหลือเกิน” แทนครับ



เครื่องไต่ระดับอย่างเชื่องช้า วันนี้ผมนั่งคนเดียวไม่เหมือนหนก่อนที่มีคุณป้ากลุ่มใหญ่ต่อเครื่องไปแวนคูเวอร์ ชวนคุยด้วยเพราะท่าทีที่ซึมเศร้าผิดปกติของผม พนักงานเริ่มบริการจากผ้าร้อน ก่อนจะมาถึงอาหารเช้าคอร์สแรก เอาตรงๆ สิ่งที่ผมอยากให้การบินไทยปรับปรุงมากที่สุดก็คือวิธีบริการอาหารผู้โดยสารชั้นพรีเมียม อยากให้เลิกถาดกับกระดาษรอง มันดูไม่สวยและดูไม่ต่างอะไรกับชั้นประหยัด ถาดกับกระดาษสีเทานี่ยังพอไหว แต่ถ้าเป็นรุ่นถาดสีเลือดหมูและกระดาษสีๆ นี่ดูน่าอ่อนใจมาก ผมก็เลยจัดการเอาถาดออกและจัดโต๊ะอาหารเองเสียใหม่ ดังรูป ตัวอาหารอร่อยดี ผลไม้แกะมาเสียสวย องุ่นไร้เมล็ด แต่ที่ดี่สุดคงเป็นแตงโมคว้านมากลมๆ รสชาติหวานฉ่ำ




การบินไทย ยังไม่หยุดเซอร์ไพรส์บนเครื่อง นอกจากขนมปังปกติและครัวซองต์แล้ว สิ่งที่กินขาดอีกอย่างคงจะเป็นจาโก้ยหรือปาท่องโก๋ แม้ว่าจะมันไปหน่อยแต่ก็อร่อย เหมาะกับคนบ้าน ๆ แบบผมมากกว่าเบเกอรี่หรู ๆ ยังไม่นับ dipping ที่เลือกได้ว่าจะเอาสังขยาใบเตยหรือนมข้นหวาน ทำเอาผมลืมอ้วนกันเลยทีเดียวครับ



จานหลักบนเครื่อง ผมทำใจมาจากบ้านแล้วว่า ถ้าบินรักคุณเท่าฟ้า อย่างไรก็หลบไข่หรือบะหมี่ผัดไม่พ้น แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ แม้จะมีอีกทางเลือกเป็นโจ๊กก็ตาม ผมก็เลยสั่งอาหารล่วงหน้า ซึ่งมีให้บริการในเส้นทางที่ออกจากกรุงเทพ เส้นมทางที่ออกจากต่างทวีป แล้วก็ในเอเชียไฟลท์ไกลๆ จำพวก ดูไบ ญี่ปุ่น และโซลครับ วันนี้รับเป็นสเต็กเนื้อ ซึ่งพนักงานไม่ได้ถามระดับความสุกของเนื้อเลยทำให้ผมรับประทานอย่างไม่ค่อยมีความสุขเพราะแทนที่จะเป็นแค่ medium well หรือ เต็มที่ก็ well done แต่วันนี้การบินไทยจัดเต็มมาแบบ best done มีดที่บรรจงกดลงไปพร้อมๆ กับส้อมไม่อาจหั่นเข้าไปยังเนื้อได้ ทำเอาผมงกเงิ่นอยู่หลายที ถ้าขอเลื่อยได้คงขอไปแล้วครับ ปิดท้ายด้วยกาแฟดีคาฟ พร้อมสารให้ความหวาน และแน่นอนว่าครีมเทียมข้นหวานที่เหลือจากจิ้มปาท่องโก๋ครับ



ณ เช็ก แลป ก๊อก หากท่านลงเครื่องที่ประตูตั้งแต่ 40 ขึ้นไป รวมทั้งประตู 200 เศษๆ ท่านจะได้นั่งรถไฟใต้ดินส่งตรงมายังด่านตรวจคนเข้าเมืองซึ่งใช้เวลาไม่นาน ที่นี่ไม่มีช่องทางพิเศษสำหรับผู้โดยสารพรีเมียม จะมีเฉพาะผู้ที่ผ่านเข้าออกบ่อยๆ หรือหนังสือเดินทางทูต ซึ่งหน้าตาผมคงพอไปได้ พนักงานช่องหนังสือเดินทางทูตเลยกวักมือให้ไปใช้บริการครับ
ชื่อสินค้า:   ฮ่องกง
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่