8 องค์กรสิทธิฯ แฉ! แกนนำชาวบ้าน 89 คน โดนอุ้มหาย ซัด คสช. ทบทวน กม.


องค์การสิทธิ ออกแถลงการณ์ ซัด กฎหมายเอื้อให้บุคคลหายสาบสูญ จี้ทบทวนคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 3/2558 กฎอัยการศึก พรก.ฉุกเฉิน


สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (HRLA) สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (UCL) มูลนิธิผสานวัฒนธรรม (CrCF) ศูนย์ศึกษากะเหรี่ยงและพัฒนา มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา (HRDF) ศูนย์พิทักษ์และฟื้นฟูสิทธิชุมชนท้องถิ่น ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน (TLHR) และมูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน ร่วมกันออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 10 พ.ค.2559 เนื่องในวันครบรอบ 2 ปี การหายตัวไปของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี

สำหรับแถลงการณ์ฉบับดังกล่าว เรียกร้องให้รัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการป้องกันการบังคับบุคคลสูญหายอย่างจริงจัง และเร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนเพื่อทราบชะตากรรมของผู้ถูกบังคับสูญหายหลายรายที่ผ่านมา เนื่องในโอกาส 2 ปีการหายตัวไปของนายบิลลี่ที่ปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้า

“เหตุส่วนหนึ่งมาจากข้อบกพร่องของกระบวนการยุติธรรมไทย ซึ่งความไม่คืบหน้าและการลอยนวลของผู้กระทำในอดีต ประกอบกับสถานการณ์บังคับใช้กฎหมายและนโยบายภายใต้รัฐบาลนี้ ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการบังคับสูญหาย” แถลงการณ์ ระบุ

แถลงการณ์ ระบุอีกว่า ประเทศไทยในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา มีนักต่อสู่เพื่อสิทธิมนุษยชนถูกคุกคาม สังหาร หรือถูกบังคับให้หายสาบสูญเป็นจำนวนมาก จากสถิติที่มีการรวบรวมระหว่างปี 2523-2557 พบว่ามีการบังคับสูญหาย 89 กรณี โดยมักจะเกิดขึ้นเมื่อมีการให้อำนาจเจ้าหน้าที่โดยปราศจากการตรวจสอบ แม้ประเทศไทยได้ลงนามในอนุสัญญา CED เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2555 แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่ได้ให้สัตยาบันในอนุสัญญาดังกล่าว และแม้จะมีการยกร่างกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันการทรมานและบังคับสูญหายแล้ว แต่กระบวนการที่จะสถิติ 34 ปี แกนนำชาวบ้านถูกอุ้มหาย 89 คน
องค์กรสิทธิจวกรัฐเปิดช่องให้ จนท.ก่อเหตุ
-------------------------------------------
แถลงการณ์องค์การสิทธิ ซัด กฎหมายเอื้อให้บุคคลหายสาบสูญ จี้ทบทวนคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 3/2558 กฎอัยการศึก พรก.ฉุกเฉิน

สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (HRLA) สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (UCL) มูลนิธิผสานวัฒนธรรม (CrCF) ศูนย์ศึกษากะเหรี่ยงและพัฒนา มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา (HRDF) ศูนย์พิทักษ์และฟื้นฟูสิทธิชุมชนท้องถิ่น ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน (TLHR) และมูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน ร่วมกันออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 10 พ.ค.2559 เนื่องในวันครบรอบ 2 ปี การหายตัวไปของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี

สำหรับแถลงการณ์ฉบับดังกล่าว เรียกร้องให้รัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการป้องกันการบังคับบุคคลสูญหายอย่างจริงจัง และเร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนเพื่อทราบชะตากรรมของผู้ถูกบังคับสูญหายหลายรายที่ผ่านมา เนื่องในโอกาส 2 ปีการหายตัวไปของนายบิลลี่ที่ปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้า

“เหตุส่วนหนึ่งมาจากข้อบกพร่องของกระบวนการยุติธรรมไทย ซึ่งความไม่คืบหน้าและการลอยนวลของผู้กระทำในอดีต ประกอบกับสถานการณ์บังคับใช้กฎหมายและนโยบายภายใต้รัฐบาลนี้ ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการบังคับสูญหาย” แถลงการณ์ ระบุ

แถลงการณ์ ระบุอีกว่า ประเทศไทยในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา มีนักต่อสู่เพื่อสิทธิมนุษยชนถูกคุกคาม สังหาร หรือถูกบังคับให้หายสาบสูญเป็นจำนวนมาก จากสถิติที่มีการรวบรวมระหว่างปี 2523-2557 พบว่ามีการบังคับสูญหาย 89 กรณี โดยมักจะเกิดขึ้นเมื่อมีการให้อำนาจเจ้าหน้าที่โดยปราศจากการตรวจสอบ แม้ประเทศไทยได้ลงนามในอนุสัญญา CED เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2555 แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่ได้ให้สัตยาบันในอนุสัญญาดังกล่าว และแม้จะมีการยกร่างกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันการทรมานและบังคับสูญหายแล้ว แต่กระบวนการที่จะทำให้กฎหมายฉบับนี้ออกมาบังคับใช้ก็เป็นไปอย่างล่าช้า

สำหรับข้อเรียกร้องของทางเครือข่าย ได้แก่ 1.ขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พิจารณารับคดีการหายตัวไปของนายบิลลี่เป็นคดีพิเศษอย่างเร่งด่วน และดำเนินการสืบสวนอย่างจริงจังจนทราบชะตากรรมของบิลลี่ เพราะคดีนี้มีความสำคัญต่อนโยบายด้านกระบวนการยุติธรรม 2.ให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ หรือ DSI ร่วมกันสอบสวนกรณีการหายตัวไปของนายเด่น เนื่องจากหลักฐานบ่งชี้ว่าอาจเกิดจากการกระทำของมนุษย์

3.ขอให้มีการดำเนินการทั้งทางอาญาและทางวินัยต่อเจ้าหน้าที่รัฐ เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงที่เชื่อได้ว่ากระทำการ หรืออนุญาต สนับสนุน รู้เห็นเป็นใจต่อการบังคับบุคคลให้หายสาบสูญ 4.ขอให้ทบทวนระเบียบและกฎที่เอื้อให้มีการบังคับบุคคลให้หายสาบสูญ โดยเฉพาะกฎหมายที่ให้อำนาจในการควบคุมตัวบุคคลไว้เป็นเวลานาน โดยไม่เปิดเผยสถานที่ควบคุมตัวหรือไม่มีการนำตัวไปศาล เช่น คำสั่งหัวหน้า คสช.ฉบับที่ 3/2558 กฎอัยการศึก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ หรือ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามยาเสพติดฯ เป็นต้น

5.ขอให้เร่งดำเนินการตรากฎหมายป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับให้บุคคลสูญหายอย่างเร่งด่วน เพื่อสร้างมาตรฐานทางกฎหมายอาญาในการป้องกันการกระทำผิด รวมถึงมีมาตรการเยียวยาผู้เสียหายที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
-------------------------------------------
http://www.greennewstv.com/?p=9319
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่