สวัสดีครับทุกคน วันนี้ผมจะพาทุกคนไปเที่ยวฮ่องกงในฉบับที่ประหยัดสุดๆ งกมากๆตั้งแต่ซื้อตั๋วไปจนเรื่องกิน ไม่ให้เสียเวลา เริ่มกันเลยนะครับ ทริปนี้ได้ไปเพราะเพื่อนซื้อตั๋วได้ถูก และก็ได้มาพูดคุยชวนเพื่อนคนอื่นๆในกลุ่มให้ไปด้วยกัน สรุปแล้วมีคนไปกันแค่ 4 คน จาก13 คน ฮ่าๆๆ ก็เน๊อะ หลังจากเรียนจบก็แยกย้ายกันไปทำงาน ติดงานมั่งติดธุระส่วนตัวมั่ง เลยมากันได้แค่นี้ครับ ซื้อตั๋ว เฉลี่ยเลยไม่เกินคนละ 4,000 บาท นะครับ ไปกลับ ไม่โหลดกระเป๋าไม่เลือกเอาอะไรเพิ่มทั้งนั้นราคาเลยอยู่ประมาณนี้ครับ พวกเราบินไปกับ Hong Kong Express Airlines (UO) ซึ่งจองก่อนไปประมาณ 2-3 เดือนได้ครับ ช่วงนั้นราคาตั๋วมีโปรโมชั้น อ๋อลืมบอกไป พวกเราเดินทางวันที่ 6-9/05/59 จาก เชียงใหม่-ฮ่องกง ครับ ที่พักเราจองก่อนไปกับ อโกด้า ซึ่งจะมีรายละเอียดให้ฟังภายหลังนะครับ
วันแรก 6/05/59 ออกเดินทางพร้อมกัน 3 คน อ่าว!!! อีกคนถามว่าหายไปไหน คือเพื่อนเค้าบินล่วงหน้าไปก่อน 1 วันครับ เริ่มจากก้าวขาไปเช็คอินแล้วรอเครื่องเลยนะครับ เดินทางเวลา 09.25 ถึงประมาณ 12.25 "บ้านเค้าเร็วกว่าเราไป1ชม.นะครับ"
ถึงท่าอากาศยานฮ่องกงเป็นที่เรียบร้อยครับ พอถึงปุบก็รีบเดินๆไปขึ้นรถไฟฟ้ากันเลยครับ เพราะต้องไปหาตม.ที่ข้างในครับ ที่นี่แบ่งออกเป็น Terminal 1 และ Terminal 2 นะครับ
ไม่ได้ถ่ายรูปตอนรอตม.แต่ถ้าลงจากรถไฟฟ้าให้รีบเดินไปยังจุดตรวจคนเข้าเมืองและรีบเขียนใบขาเข้า เหมือนกับใบขาออกที่เรามาจากเชียงใหม่ ตรงที่อยู่ Address in Hong Kong ให้เขียนชื่อที่พักไปเลยครับ เช่นพวกผมพักที่ โรงแรมชื่อ V-inn ซึ่งอยู่ในย่าน Tsim Sha Tsui ที่ต้องบอกเพราะพวกผมไม่ได้เขียนไว้ครับ แล้วทีนี้ตม.ถามโชคดีผมเจอตม.ใจดีเค้าเลยขอ E-mail ที่เราจองที่พักยืนยัน ก็เปิดให้เค้าดู เค้าก็เขียนให้แล้วให้ผ่านไปครับเพราะเมลอยู่ที่ผมผมจึงรอดผ่านตม.ไปด้วยดี แต่เพื่อนผมโดนโยนพาสปอร์ตคืนเลยครับ ที่ต่อแถวมาก็ต้องออกไปเขียนแค่ชื่อโรงแรมแล้วกลับมาต่อแถวเพื่อยื่นแค่ชื่อโรงแรมไปใหม่ เสียเวลาครับ ส่วนใบที่ต้องเขียนรูปร่างหน้าตาประมาณนี้ครับ
พอผ่านตม.มาได้ก็รีบไปเอาซิมการ์ดที่จองไว้ตอนอยู่ไทยเลยครับ เป็นซิมใช้เล่นอินเตอเน็ทครับ ชื่อว่าซิม I-sim รบกวนหาขอมูลวิธีการจองกันเองนะครับ เพราะผมก็จองไม่เป็นให้เพื่อนจองให้ มันต้องใช้เลขพาสปอร์ตและอีเมลในการจองด้วยครับ ที่ต้องรีบไปเอาเพราะมันจะบ่ายสองแล้วครับ เพื่อนผมเค้านัดรับซิมไว้ก่อนบ่ายสอง เค้าบริการเปลี่ยนให้และตั้งค่าให้ด้วยนะครับ

หลังจากนั้นพวกเราก็เดินไปซื้อบัตรสารพัดประโยชน์ที่ใช้ได้ทั้ง Mtr,รถบัส,เรือ,หรือแม้กระทั่งร้านต่างๆที่มีเครื่องรับบัตร Octopus ครับ เจ้าบัตรนี้ก็ราคาอยู่ที่ 150hkd มีเงิน 100hkd มันจำบัตร 50hkd เอาบัตรมาคืนก่อน3เดือนได้คืน 41hkd บัตรมีอายุ 3 ปีครับ ที่ต้องบอกเพราะเราก็พบปัญหากับบัตรตอนคืนบัตร ขอยกไปเล่าในวันที่คืนบัตรนะครับ พอได้ทั้งวิมและบัตร ก็ไปถามราคาเข้าเมือเพื่อจะไปที่พักเลยครับ ลองไปถามรถไฟฟ้าดู โอ้พระเจ้า 89hkd ซึ่งเงินในบัตรมี100hkd แล้วจะต่อรถต่อลาไปยังไง ก็เลยหาวิธีใหม่ครับ เลยใช้ซิมให้เกิดประโยชน์เล่นเน็ทได้แล้วหนิ ทักไปถามเพื่อนที่มาก่อนเลยครับว่าเข้าเมืองยังไง คือเพื่อนบอกไปบัสครับ 36hkd รถที่เราขึ้นสาย A21 สิ้นสุดปลายทางจำไม่ได้เพราะเค้าเหมาจายเป็นสาย ขึ้นปุบโดนหักเงินค่ารถแบบเหมาสายปั๊บเลยครับ แต่มันผ่าน Tsim Sha Tsui ซึ่งพักอยู่ย่านนั้นครับ


ผมชอบรถบัสที่นี่มากครับ ซึ่งเค้าคิดดีครับ ใช้ LED ในการบอกสายที่หน้ารถ ซึ่งลองคิดดูว่าถ้ารถจะเปลี่ยนมารับสายอื่นก็แค่เปลี่ยนตัวอักษร LED ก็แค่นั้นเองใช่ไหมครับ พอถึงจุดต่างๆก็จะมีจอบอกในรถด้วยครับ พวกผมนั่งชั้น2ก็มีบอกครับ ถ้าไม่ได้ดูก็ฟังเอาครับเค้าก็ประกาศว่าถึงสถานีไหนแล้ว พอมาถึง ซึ่งเลย ก็เดินวุ่นเลยครับงานนี้ เดินหาเพื่อนที่มาก่อนเพื่อรอเช็คอินที่พัก+เดินหาที่พัก วุ่นวายมาก พวกเราเจอที่พักก่อนเพื่อนครับซึ่ง ก่อนจะเจอที่พักนั้นลำบากมากครับ ขออนุญาติเอารูปมาจากในเน็ทนะครับ

เอาง่ายๆครับ ถ้าคุณจองที่พักไว้ ซึ่งเป็นโรงแรม เราก็มักจะหาโรงแรมที่มีป้ายบอกว่าเป็นโรงแรมชื่อนี่ แต่ผิดคาดครับ ตามรูปที่เป็น ซึ่งตึกนี้แหละครับที่พวกผมพักอยู่ ในเมลบอกว่าอยูที่ CHUNGKING MANSION ซึ่งทางเข้าลองมองรูปดูนะครับ ป้ายสีทองๆ มีร้านต่างๆอยู่ข้างๆ ซึ่งมันงงมากครับว่าทำไมมีโรงแรมอยู่ในนี้อีก พอเข้าไปก็เจอแขกมารุมเสนอที่พักเลยครับ แขกไม่ใช่แขกที่เค้าพักนะครับ แขกที่เขาเป็นต่างชาติอะ เพื่อนก็ถามว่ารู้จัก V-inn ไหม เค้าบอกอยู่ไหนขอดูที่อยู่หน่อย เราจึงเปิดเมลให้เค้าดูครับ เค้าเลยเดินไปส่ง คนที่นี่เค้าพยายามช่วยเราครับ ไม่รู้อะไรถามได้เลยครับ พอเค้าไปส่งที่หน้าลิฟบอกชั้นแล้วบอกว่า ไม่มีชื่อนี้นะ แต่ถ้าชั้นนี้ก็ขึ้นไปดูก่อนว่าที่พักโอเคไหมถ้าไม่โอเคมาพักกับเค้าได้ เค้าก็อยากขายที่พักเค้าแหละครับ บอกว่าห้องไม่ดีห้องเล็กนิดเดียว มาพักกับเค้าเถอะ ประมาณนี้ครับ พอพวกผมขึ้นไป ก็งงหนักเลยครับ เพราะไม่มีชื่อโรงแรมนี้จริงๆด้วย เลยเปิดเมล อ่าวที่เช็คอินก็อยู่อีกที่ ขออธิบายก่อนนะครับ ที่นี่จะเป็นตึกๆนึงที่แบ่งเป็นบล็อคๆไปซึ่งมีตั้งแต่ A B C D E ไปจนถึงเท่าไหร่ไม่รู้ แต่มี 16 ชั้นครับ แต่ละบล๊อคก็จะมีชื่อโรงแรมอยู่ครับ เพราะฉะนั้นเข้าใจได้เลยครับว่า ตึกนี้มีหลายโรงแรม ครับหลังจากนั้นพวกเราก็เปิดเมลดูรายละเอียดที่พักอีกที เค้าบอกให้ไปเช็คอินที่ บล็อค A ชั้น 15 พวกเราก็ไป พอไปถึงมีคนเดินออกจากห้องมาถามว่าพักที่ไหน ไม่ใช่ใครหรอกครับ Reception ของพวกเราเอง เราก็บอกว่า V-inn เค้าถามว่าใช่ที่พัก 4 คน ไหม พวกเราก็บอกว่าใช่ เค้าก็ให้เข้าไปเช็คอินกับเขา พอจะเช็คอินก็มีปัญหาครับ เพราะก่อนจะมาฮ่องกงผมเกือบไม่ได้มาแล้วชื่อผมจองที่พัก ถามผมไม่มาก็เช็คอินไม่ได้ เพราะฉะนั้นเลยเลือกเปลี่ยนชื่อคนเข้าพักครับ แต่เมลก็อยู่ที่ผม แล้วชื่อที่เปลี่ยน คือสมาชิคอีก1 ที่มาก่อนแล้วเรายังไม่เจอกันไงครับ เพื่อนก็อาสาออกไปรับเพื่อนอีกคน ผมก็รอกันอยู่ข้างบน ระหว่างรอเลยเกิดข้อสงสัยว่าทำไมเปลี่ยนชื่อที่พักแล้วไม่แจ้ง

Canada Hotel ชื่อที่พักชื่อใหม่ครับ ซึ่งความผิดนี้ขอไปโทษที่ Agoda นะครับ เพราะพวกเราจองผ่านที่นี่ เพราะอะไรถึงโทษอะโกด้าไม่โทษโรงแรม เพราะ Reception บอกว่า เปลี่ยนชื่อตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ Sep 2015 แล้ว ซึ่งทางอะโกด้าไม่อัพเดทเอง พอเพื่อนมาถึงอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา 4คน เค้าก็พาไปที่ห้องครับ ก่อนมาผมอ่านรีวิวที่พัก ปัญหาที่เจอส่วนใหญ่คือ 1.ผ้าเช็ดตัวเหม็น 2.ห้องน้ำเล็ก 3.ห้องพักเล็ก ซึ่งพอไปถึงจริง ผ้าเช็ดตัวไม่เหม็นนะครับ แต่ห้องน้ำและห้องเล็กจริงครับ แต่นอนได้เตียงละ2คนไม่เบียดกัน ห้องน้ำอาบน้ำได้ขับถ่ายได้สะดวก ในราคานี้พวกผมก็มองข้ามไปเลยครับ แต่ที่เซ็งคือ รูปห้องทางอะโกด้าอย่างนึงพอมาถึงที่พักอย่างนึง มีรูปให้ดูครับ


ไม่ซีเรียสครับ ขอให้มีที่ซุกหัวนอนก็ดีละ ฮ่าๆๆ พอถึงที่พักก็ผิดแผนครับ เพราะพวกเราวางแผนไปเที่ยวเก็บโซนแถวที่พัก แต่ตอนนั้น 16.00 น. แล้ว ซึ่งพวกเราวางแผนว่าจะเจอเพื่อนกับที่พักก่อน 14.00 น. เพราะต้องไปเอาซิมก่อนตอนลงเครื่องมา แต่มันช้าด้วยหลายๆอย่างที่เล่ามา แผนเลยถูกยอกเลิก จากที่วางแผนมาล่วงหน้า 1 อาทิตย์ (คุยกันจริงๆ 2 วันก่อนเดินทาง ฮ่าๆๆ) ผมอ้างอิงจากแผนที่ในเน็ทเลยนะครับ
แผนก่อนถูกเปลี่ยน
วันแรก เที่ยวแถวที่พัก ซึ่งมันจะคาบเกี่ยวระหว่างโซนสีส้มกับสีชมพูครับ พวกผมพักอยู่ที่ Tsim sha tsui ก็แถวๆ เลข 22 HK Museum of history
วันที่สอง เที่ยวโซนสีม่วง แล้วกลับที่พัก
วันที่สาม เที่ยวโซนสีส้มกับสัชมพูให้ครบ เก็บให้หมดจากวันแรหที่ไม้ได้ไป
วันที่สี่ นอนสนามบินขึ้นเครื่องรอกลับตอนเช้า เฉพาะเพื่อน3คน ส่วนผม ลืมดูเวลากลับตอนจองรีบเกิน เลยได้กลับตอนเย็น
แผนที่เปลี่ยนหน้างาน (หลังจากนี้ผมขออนุญาติเรียกเป็นโซนสีตามแผนที่อ้างอิง บางทีอาจมีตัวเลขแทนชื่อสถานที่ในแผนที่บ้างไม่ว่ากันนะครับ)
วันแรก เที่ยวแถวที่พัก คือออกไปศึกษาว่าบริเวรรอบๆมีที่เที่ยวใกล้ๆที่ไหนบ้างครับ แล้วก็ตัดสินใจออกจากห้องพักเดินมาเรื่อยๆครับ ผ่าน Kowloon Park ครับ สวยงามครับ เป็นสวนสาธารณะที่ไม่เสื่อสภาพจากการใช้งานของคน คือคนที่นี่เค้ารักษาของส่วนรวมนะผมว่า
ก่อนถึง Kowloon เรามีเพื่อนร่วมทางเพิ่มอีก 1คนครับ พี่เค้ามากับเพื่อนเค้าเหมือนกัน แค่เค้าไม่อยากออกไปกับเพื่อนแล้วพวกผมผ่านแถวพี่เค้าพักพอดี เลยยืนรอพี่เค้าไปพร้อมๆกันครับ ถามว่าทำไมถึงรู้จักพี่เค้า เพื่อนผมรู้จักผมก็เลยรู้จัก ฮ่าๆๆ จบนะ ระหว่ารอพี่เค้าครับ นี่พวกผมเอง
พอไปถึงเกาลูน ก็แวะถ่ายรูปแต่ไม่ได้เข้าไปในสวนจริงๆนะครับ แค่เดินขึ้นไป เค้าก็จะมีประตูอีกสำหรับเข้าสวนสาธารณะ พวกผมเดินข้างนอกเลาะไปเรื่อยๆถ่ายรูปเล่นกันกับตุ๊กตาข้างทาง ถ่ายกับวิวมาบ้างครับ
หลังจากนั้นแหละครับ มหากาพย์แห่งการเดิน เดินตั้งแต่ที่พัก ที่พักจะอยู่ระใกล้ๆแถวๆ เลข 22 HK Museum of history เดินศึกษาระหว่างทาง สังเกตได้ว่าร้านข้างทางเป็นร้านเปิดโล่งแบบไม่มีกระจกกันครับ อ่าวแล้วบอกทำไม? ก็เพราะว่าเค้าเปิดโล่งแต่เปิดแอร์กันทุกร้านเลยครับ เดินผ่านแต่ละซอยทุกซอยมี 7 "เซเว่น" ครับ ซึ่ง 7 ก็เปิดโล่งเช่นกัน ถ้า 7 ดีๆหน่อยก็ติดกระจกเหมือนบ้านเราแหละครับ และก็ Mc ครับ ซอยเว้นซอยเลยครับ หากินง่ายมาก แต่ที่หากินตอนนี้คือข้าวมือเย็น ซึ่งเดินมาจะสองทุ่มแล้ว ยังหาที่กินไม่ได้ ตัดสินใจไป Temple Street Night Market ครับ เค้าบอกของกินเยอะ พอไปถึงย่านของกินแล้วมีโซนขายของเป็นซอยยาวๆ คล้ายถนนคนเดินบ้านเราครับ
วันแรกที่ไปก็อยากกิน Local Foods หรือ อาหารพื้นเมืองพื้นบ้านที่แหล่งนี้แหละครับ คือไม่มีหรือหาไม่เจอไม่รู้นะครับ มีแต่ร้านแพงๆ ซึ่งจานที่ผมถ่ายไป ตกอยู่ที่ 47hkd ครับ ไม่มีน้ำเปล่า "ฟรียริการตนเอง" เหมือนบ้านเรานะครับ
ทริปแบกเป้เที่ยว ฮ่องกง 4 วัน 3 คืน กับ 4 Backpacker ฉบับ "ประหยัดสุดๆ" ปี 59
วันแรก 6/05/59 ออกเดินทางพร้อมกัน 3 คน อ่าว!!! อีกคนถามว่าหายไปไหน คือเพื่อนเค้าบินล่วงหน้าไปก่อน 1 วันครับ เริ่มจากก้าวขาไปเช็คอินแล้วรอเครื่องเลยนะครับ เดินทางเวลา 09.25 ถึงประมาณ 12.25 "บ้านเค้าเร็วกว่าเราไป1ชม.นะครับ"
ถึงท่าอากาศยานฮ่องกงเป็นที่เรียบร้อยครับ พอถึงปุบก็รีบเดินๆไปขึ้นรถไฟฟ้ากันเลยครับ เพราะต้องไปหาตม.ที่ข้างในครับ ที่นี่แบ่งออกเป็น Terminal 1 และ Terminal 2 นะครับ
ไม่ได้ถ่ายรูปตอนรอตม.แต่ถ้าลงจากรถไฟฟ้าให้รีบเดินไปยังจุดตรวจคนเข้าเมืองและรีบเขียนใบขาเข้า เหมือนกับใบขาออกที่เรามาจากเชียงใหม่ ตรงที่อยู่ Address in Hong Kong ให้เขียนชื่อที่พักไปเลยครับ เช่นพวกผมพักที่ โรงแรมชื่อ V-inn ซึ่งอยู่ในย่าน Tsim Sha Tsui ที่ต้องบอกเพราะพวกผมไม่ได้เขียนไว้ครับ แล้วทีนี้ตม.ถามโชคดีผมเจอตม.ใจดีเค้าเลยขอ E-mail ที่เราจองที่พักยืนยัน ก็เปิดให้เค้าดู เค้าก็เขียนให้แล้วให้ผ่านไปครับเพราะเมลอยู่ที่ผมผมจึงรอดผ่านตม.ไปด้วยดี แต่เพื่อนผมโดนโยนพาสปอร์ตคืนเลยครับ ที่ต่อแถวมาก็ต้องออกไปเขียนแค่ชื่อโรงแรมแล้วกลับมาต่อแถวเพื่อยื่นแค่ชื่อโรงแรมไปใหม่ เสียเวลาครับ ส่วนใบที่ต้องเขียนรูปร่างหน้าตาประมาณนี้ครับ
พอผ่านตม.มาได้ก็รีบไปเอาซิมการ์ดที่จองไว้ตอนอยู่ไทยเลยครับ เป็นซิมใช้เล่นอินเตอเน็ทครับ ชื่อว่าซิม I-sim รบกวนหาขอมูลวิธีการจองกันเองนะครับ เพราะผมก็จองไม่เป็นให้เพื่อนจองให้ มันต้องใช้เลขพาสปอร์ตและอีเมลในการจองด้วยครับ ที่ต้องรีบไปเอาเพราะมันจะบ่ายสองแล้วครับ เพื่อนผมเค้านัดรับซิมไว้ก่อนบ่ายสอง เค้าบริการเปลี่ยนให้และตั้งค่าให้ด้วยนะครับ
หลังจากนั้นพวกเราก็เดินไปซื้อบัตรสารพัดประโยชน์ที่ใช้ได้ทั้ง Mtr,รถบัส,เรือ,หรือแม้กระทั่งร้านต่างๆที่มีเครื่องรับบัตร Octopus ครับ เจ้าบัตรนี้ก็ราคาอยู่ที่ 150hkd มีเงิน 100hkd มันจำบัตร 50hkd เอาบัตรมาคืนก่อน3เดือนได้คืน 41hkd บัตรมีอายุ 3 ปีครับ ที่ต้องบอกเพราะเราก็พบปัญหากับบัตรตอนคืนบัตร ขอยกไปเล่าในวันที่คืนบัตรนะครับ พอได้ทั้งวิมและบัตร ก็ไปถามราคาเข้าเมือเพื่อจะไปที่พักเลยครับ ลองไปถามรถไฟฟ้าดู โอ้พระเจ้า 89hkd ซึ่งเงินในบัตรมี100hkd แล้วจะต่อรถต่อลาไปยังไง ก็เลยหาวิธีใหม่ครับ เลยใช้ซิมให้เกิดประโยชน์เล่นเน็ทได้แล้วหนิ ทักไปถามเพื่อนที่มาก่อนเลยครับว่าเข้าเมืองยังไง คือเพื่อนบอกไปบัสครับ 36hkd รถที่เราขึ้นสาย A21 สิ้นสุดปลายทางจำไม่ได้เพราะเค้าเหมาจายเป็นสาย ขึ้นปุบโดนหักเงินค่ารถแบบเหมาสายปั๊บเลยครับ แต่มันผ่าน Tsim Sha Tsui ซึ่งพักอยู่ย่านนั้นครับ
ผมชอบรถบัสที่นี่มากครับ ซึ่งเค้าคิดดีครับ ใช้ LED ในการบอกสายที่หน้ารถ ซึ่งลองคิดดูว่าถ้ารถจะเปลี่ยนมารับสายอื่นก็แค่เปลี่ยนตัวอักษร LED ก็แค่นั้นเองใช่ไหมครับ พอถึงจุดต่างๆก็จะมีจอบอกในรถด้วยครับ พวกผมนั่งชั้น2ก็มีบอกครับ ถ้าไม่ได้ดูก็ฟังเอาครับเค้าก็ประกาศว่าถึงสถานีไหนแล้ว พอมาถึง ซึ่งเลย ก็เดินวุ่นเลยครับงานนี้ เดินหาเพื่อนที่มาก่อนเพื่อรอเช็คอินที่พัก+เดินหาที่พัก วุ่นวายมาก พวกเราเจอที่พักก่อนเพื่อนครับซึ่ง ก่อนจะเจอที่พักนั้นลำบากมากครับ ขออนุญาติเอารูปมาจากในเน็ทนะครับ
เอาง่ายๆครับ ถ้าคุณจองที่พักไว้ ซึ่งเป็นโรงแรม เราก็มักจะหาโรงแรมที่มีป้ายบอกว่าเป็นโรงแรมชื่อนี่ แต่ผิดคาดครับ ตามรูปที่เป็น ซึ่งตึกนี้แหละครับที่พวกผมพักอยู่ ในเมลบอกว่าอยูที่ CHUNGKING MANSION ซึ่งทางเข้าลองมองรูปดูนะครับ ป้ายสีทองๆ มีร้านต่างๆอยู่ข้างๆ ซึ่งมันงงมากครับว่าทำไมมีโรงแรมอยู่ในนี้อีก พอเข้าไปก็เจอแขกมารุมเสนอที่พักเลยครับ แขกไม่ใช่แขกที่เค้าพักนะครับ แขกที่เขาเป็นต่างชาติอะ เพื่อนก็ถามว่ารู้จัก V-inn ไหม เค้าบอกอยู่ไหนขอดูที่อยู่หน่อย เราจึงเปิดเมลให้เค้าดูครับ เค้าเลยเดินไปส่ง คนที่นี่เค้าพยายามช่วยเราครับ ไม่รู้อะไรถามได้เลยครับ พอเค้าไปส่งที่หน้าลิฟบอกชั้นแล้วบอกว่า ไม่มีชื่อนี้นะ แต่ถ้าชั้นนี้ก็ขึ้นไปดูก่อนว่าที่พักโอเคไหมถ้าไม่โอเคมาพักกับเค้าได้ เค้าก็อยากขายที่พักเค้าแหละครับ บอกว่าห้องไม่ดีห้องเล็กนิดเดียว มาพักกับเค้าเถอะ ประมาณนี้ครับ พอพวกผมขึ้นไป ก็งงหนักเลยครับ เพราะไม่มีชื่อโรงแรมนี้จริงๆด้วย เลยเปิดเมล อ่าวที่เช็คอินก็อยู่อีกที่ ขออธิบายก่อนนะครับ ที่นี่จะเป็นตึกๆนึงที่แบ่งเป็นบล็อคๆไปซึ่งมีตั้งแต่ A B C D E ไปจนถึงเท่าไหร่ไม่รู้ แต่มี 16 ชั้นครับ แต่ละบล๊อคก็จะมีชื่อโรงแรมอยู่ครับ เพราะฉะนั้นเข้าใจได้เลยครับว่า ตึกนี้มีหลายโรงแรม ครับหลังจากนั้นพวกเราก็เปิดเมลดูรายละเอียดที่พักอีกที เค้าบอกให้ไปเช็คอินที่ บล็อค A ชั้น 15 พวกเราก็ไป พอไปถึงมีคนเดินออกจากห้องมาถามว่าพักที่ไหน ไม่ใช่ใครหรอกครับ Reception ของพวกเราเอง เราก็บอกว่า V-inn เค้าถามว่าใช่ที่พัก 4 คน ไหม พวกเราก็บอกว่าใช่ เค้าก็ให้เข้าไปเช็คอินกับเขา พอจะเช็คอินก็มีปัญหาครับ เพราะก่อนจะมาฮ่องกงผมเกือบไม่ได้มาแล้วชื่อผมจองที่พัก ถามผมไม่มาก็เช็คอินไม่ได้ เพราะฉะนั้นเลยเลือกเปลี่ยนชื่อคนเข้าพักครับ แต่เมลก็อยู่ที่ผม แล้วชื่อที่เปลี่ยน คือสมาชิคอีก1 ที่มาก่อนแล้วเรายังไม่เจอกันไงครับ เพื่อนก็อาสาออกไปรับเพื่อนอีกคน ผมก็รอกันอยู่ข้างบน ระหว่างรอเลยเกิดข้อสงสัยว่าทำไมเปลี่ยนชื่อที่พักแล้วไม่แจ้ง
Canada Hotel ชื่อที่พักชื่อใหม่ครับ ซึ่งความผิดนี้ขอไปโทษที่ Agoda นะครับ เพราะพวกเราจองผ่านที่นี่ เพราะอะไรถึงโทษอะโกด้าไม่โทษโรงแรม เพราะ Reception บอกว่า เปลี่ยนชื่อตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ Sep 2015 แล้ว ซึ่งทางอะโกด้าไม่อัพเดทเอง พอเพื่อนมาถึงอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา 4คน เค้าก็พาไปที่ห้องครับ ก่อนมาผมอ่านรีวิวที่พัก ปัญหาที่เจอส่วนใหญ่คือ 1.ผ้าเช็ดตัวเหม็น 2.ห้องน้ำเล็ก 3.ห้องพักเล็ก ซึ่งพอไปถึงจริง ผ้าเช็ดตัวไม่เหม็นนะครับ แต่ห้องน้ำและห้องเล็กจริงครับ แต่นอนได้เตียงละ2คนไม่เบียดกัน ห้องน้ำอาบน้ำได้ขับถ่ายได้สะดวก ในราคานี้พวกผมก็มองข้ามไปเลยครับ แต่ที่เซ็งคือ รูปห้องทางอะโกด้าอย่างนึงพอมาถึงที่พักอย่างนึง มีรูปให้ดูครับ
ไม่ซีเรียสครับ ขอให้มีที่ซุกหัวนอนก็ดีละ ฮ่าๆๆ พอถึงที่พักก็ผิดแผนครับ เพราะพวกเราวางแผนไปเที่ยวเก็บโซนแถวที่พัก แต่ตอนนั้น 16.00 น. แล้ว ซึ่งพวกเราวางแผนว่าจะเจอเพื่อนกับที่พักก่อน 14.00 น. เพราะต้องไปเอาซิมก่อนตอนลงเครื่องมา แต่มันช้าด้วยหลายๆอย่างที่เล่ามา แผนเลยถูกยอกเลิก จากที่วางแผนมาล่วงหน้า 1 อาทิตย์ (คุยกันจริงๆ 2 วันก่อนเดินทาง ฮ่าๆๆ) ผมอ้างอิงจากแผนที่ในเน็ทเลยนะครับ
แผนก่อนถูกเปลี่ยน
วันแรก เที่ยวแถวที่พัก ซึ่งมันจะคาบเกี่ยวระหว่างโซนสีส้มกับสีชมพูครับ พวกผมพักอยู่ที่ Tsim sha tsui ก็แถวๆ เลข 22 HK Museum of history
วันที่สอง เที่ยวโซนสีม่วง แล้วกลับที่พัก
วันที่สาม เที่ยวโซนสีส้มกับสัชมพูให้ครบ เก็บให้หมดจากวันแรหที่ไม้ได้ไป
วันที่สี่ นอนสนามบินขึ้นเครื่องรอกลับตอนเช้า เฉพาะเพื่อน3คน ส่วนผม ลืมดูเวลากลับตอนจองรีบเกิน เลยได้กลับตอนเย็น
แผนที่เปลี่ยนหน้างาน (หลังจากนี้ผมขออนุญาติเรียกเป็นโซนสีตามแผนที่อ้างอิง บางทีอาจมีตัวเลขแทนชื่อสถานที่ในแผนที่บ้างไม่ว่ากันนะครับ)
วันแรก เที่ยวแถวที่พัก คือออกไปศึกษาว่าบริเวรรอบๆมีที่เที่ยวใกล้ๆที่ไหนบ้างครับ แล้วก็ตัดสินใจออกจากห้องพักเดินมาเรื่อยๆครับ ผ่าน Kowloon Park ครับ สวยงามครับ เป็นสวนสาธารณะที่ไม่เสื่อสภาพจากการใช้งานของคน คือคนที่นี่เค้ารักษาของส่วนรวมนะผมว่า
ก่อนถึง Kowloon เรามีเพื่อนร่วมทางเพิ่มอีก 1คนครับ พี่เค้ามากับเพื่อนเค้าเหมือนกัน แค่เค้าไม่อยากออกไปกับเพื่อนแล้วพวกผมผ่านแถวพี่เค้าพักพอดี เลยยืนรอพี่เค้าไปพร้อมๆกันครับ ถามว่าทำไมถึงรู้จักพี่เค้า เพื่อนผมรู้จักผมก็เลยรู้จัก ฮ่าๆๆ จบนะ ระหว่ารอพี่เค้าครับ นี่พวกผมเอง
พอไปถึงเกาลูน ก็แวะถ่ายรูปแต่ไม่ได้เข้าไปในสวนจริงๆนะครับ แค่เดินขึ้นไป เค้าก็จะมีประตูอีกสำหรับเข้าสวนสาธารณะ พวกผมเดินข้างนอกเลาะไปเรื่อยๆถ่ายรูปเล่นกันกับตุ๊กตาข้างทาง ถ่ายกับวิวมาบ้างครับ
หลังจากนั้นแหละครับ มหากาพย์แห่งการเดิน เดินตั้งแต่ที่พัก ที่พักจะอยู่ระใกล้ๆแถวๆ เลข 22 HK Museum of history เดินศึกษาระหว่างทาง สังเกตได้ว่าร้านข้างทางเป็นร้านเปิดโล่งแบบไม่มีกระจกกันครับ อ่าวแล้วบอกทำไม? ก็เพราะว่าเค้าเปิดโล่งแต่เปิดแอร์กันทุกร้านเลยครับ เดินผ่านแต่ละซอยทุกซอยมี 7 "เซเว่น" ครับ ซึ่ง 7 ก็เปิดโล่งเช่นกัน ถ้า 7 ดีๆหน่อยก็ติดกระจกเหมือนบ้านเราแหละครับ และก็ Mc ครับ ซอยเว้นซอยเลยครับ หากินง่ายมาก แต่ที่หากินตอนนี้คือข้าวมือเย็น ซึ่งเดินมาจะสองทุ่มแล้ว ยังหาที่กินไม่ได้ ตัดสินใจไป Temple Street Night Market ครับ เค้าบอกของกินเยอะ พอไปถึงย่านของกินแล้วมีโซนขายของเป็นซอยยาวๆ คล้ายถนนคนเดินบ้านเราครับ
วันแรกที่ไปก็อยากกิน Local Foods หรือ อาหารพื้นเมืองพื้นบ้านที่แหล่งนี้แหละครับ คือไม่มีหรือหาไม่เจอไม่รู้นะครับ มีแต่ร้านแพงๆ ซึ่งจานที่ผมถ่ายไป ตกอยู่ที่ 47hkd ครับ ไม่มีน้ำเปล่า "ฟรียริการตนเอง" เหมือนบ้านเรานะครับ