นี้ไม่ใช่เคสแรกที่เราเจอแบบนี้แล้วมาตั้งกระทู้หรอกคะ มันเป็นเคสที่2แล้วล่ะ แต่ว่า เราหวั่นใจ กลัวมันจะเหมือนเคสแรก รึเปล่าไม่รู้ - -"??
ขอเล่าอดีตเคสแรกที่เราเจอก่อนล่ะกันนะคะ
-- เคสแรก --
ตอนนั้นเราอยู่ ม.5 มีแบดบอยคนนึงมาจีบเรา ตอนแรกเราก็ไม่เอาหรอก ไม่เอาเพราะตอนนั้นเขาเป็นแบดบอยอ่ะแหละ ติดเที่ยว ติดหญิง ดื่มแต่เมรัย และสูบบุหรี่ ซึ่งเราก็ไม่ชอบเอาเสียเลย ตอนนั้นเราผลักไสไช่ส่งเขาตลอด อย่ามายุ่งนะ! อะไรแบบนี้.. แต่แล้วเขาก็ลั่นวาจา ลั่นให้คนแถวนั้นได้ยินเลยอ่ะว่าจะเลิกเป็นแบดบอย เลิกเที่ยว เลิกติดหญิง เลิกกินเหล้า เลิกสูบบุหรี่ แต่ตอนนั้นเราก็ไม่ได้ใจอ่อนนะคะ เราคิดว่ามันก็พูดไปยังงั้นแหละ อยากเอาหน้า มันติดขนาดนั้นแล้วอยู่ๆจะมาเลิกเพื่อเราได้ไง ผ่านไป1เดือน ปรากฏว่าเขาทำเพื่อเราได้จริงๆไง เราอึ้งเหมือนกัน เกิดมามีผู้ชายทำเพื่อเราขนาดนี้ เราเลยใจอ่อนยอมเป็นแฟนเขา ตอนเป็นแฟนเขาเขาดีต่อเรามากอ่ะ อยากได้ไรเขาก็ซื้อให้(ถ้าไม่แพงเกินไป) เราเจอปัญหาอะไร เขาก็จะเข้ามาให้คำแนะนำและคำปรึกษา และที่สำคัญ เพราะเขาเป็นแบดบอยมาก่อนนี้แหละทำให้เขาดูรู้จักโลกภายนอกมากกว่า ทำให้เราระวังตัวมากขึ้น ทำให้เราเรียนรู้จิตใจคนว่าต่อหน้ามันทำแบบนี้ลับหลังมันอาจจะทำอีกอย่างก็ได้ โลกภายนอกมันไม่ได้จะดีอะไรแบบในรั้วโรงเรียน ใช่ดิ เราจะไปรู้โลกภายนอกอะไรขนาดนั้น ตอนนั้นเราแค่ เด็ก ม.ปลาย ไม่เคยเที่ยวกลางคืนเลย ไม่เคยรู้จักโลกภายนอกดี เชื่อพ่อเชื่อแม่ทุกอย่าง พ่อแม่ชอบหวงเราไง ทุกวันในตอนนั้นกลับบ้านไม่เกิน17.30 อ่ะ
แต่แล้ว ทุกอย่างที่ดีสำหรับเราในตอนนั้นก็สลายไปในพริบตา มีผู้หญิงคนนึงมาหาเขาที่เป็นแฟนราในตอนนั้น แล้วบอกว่า มีลุก แล้วลูกเขาคือลูกของแฟนเราในตอนนั้น เราสตั้นเลย ในวินาทีนั้นเราแทบไม่เชื่อสิ่งที่ตัวเองเจออ่ะ แฟนเราในตอนนั้นยังดูเงิบๆอยู่เลย เด็กคนนั้นได้ขวบกว่าๆแล้วอ่ะ แล้วมาบอกว่านั้นลูกแฟนเรา!! ผู้หญิงคนนั้นพยายามพูด เล่า พิสูทน์ทุกอย่างว่าเด็กคนนั้นอ่ะลูกของแฟนเราในตอนนั้นจริงๆ แล้วความจริงก็ปรากฏว่า....
ผู้หญิงคนนั้นมีความสัมพันกับแฟนเราในตอนนั้นจริง ตอนนั้นเขายังเป็นแบดบอยไง เป็นความสัมพันธ์ช่วงข้ามคืน แล้วผู้หญิงคนนั้นอ่ะท้อง แต่เขามีแฟนฝรั่งอยู่แล้ว แต่พอคลอดออกมา อ้าวไม่ใช่ลูกของแฟนฝรั่งนิ เป็นลูกของแฟนเราในตอนนั้น ที่นางมั่นใจ เพราะความสัมพันธืช่วงข้ามคืนในตอนนั้นมีแค่แฟนเราในตอนนั้นแค่คนเดียว แต่แฟนนางก็บอกไม่เป็นไรรับได้ สุดท้ายบินไปสวีเดนกับแฟนนาง จนลูกนางขวบกว่าแล้วเลิกกันแล้วพยายามหาแฟนเราเพื่อขอให้มารับผิดชอบลูกนั้นแหละ
ตอนนั้นเราโคตรอึ้งเลยอ่ะ อึ้งที่สุดในชีวิตเราก็ว่าได้ และเราไม่สามารถทำอะไรได้เลย มันชัดเจนอยู่แล้วว่าเรากำลังจะเสียคนที่ทำทุกอย่างเพื่อไรไป เสียคนที่ปกป้องเรามาตลอดในตอนนั้น เสียคนที่เรารักไป เราทำไรไม่ได้เลย ไม่มีสิทธิ์จะรั้ง ไม่มีสิทธิ์ในตัวแฟนเราในตอนนั้นอีก มันจบแล้ว! นางมีสิทธิ์เอาแฟนเราไปเพื่อไปรับผิดชอบสิ่งที่เขาสร้างขึ้นมา และเขาซึ่งเป็นแฟนเราในตอนนั้นสมควรที่สุดที่ต้องไปรับผิดชอบนางกับลูกนาง! ส่วนเรา นับตั้งแต่วินาทีนั้นกลายเป็นคนอื่นทันที
. . . อึ้ง เป็น วัน เสีย ใจ เป็น เดือน . . . -- จบ. เคสแรก --
-- เคสต่อมาาาาา --
หลังจากนั้นเราก็ใช้ชีวิตอย่างปกติดี จนเราขึ้น ม.6 เทอมแรก เรารู้จักกับนายสิบทหารจบใหม่คนนึง ขอใช้ชื่อสมมุติของเขาว่า เอ ล่ะกันเนาะ
เรากับพี่เอคุยกันอยู่ 2 เดือนและตกลงเป็นแฟนกัน เรานั้นเข้าใจดีว่าทหารไม่ค่อยมีเวลาว่างสักเท่าไหร่หรอก แต่มันก็เหมาะพอดี ตอนนั้นเราต้องเริ่มเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย ทั้งเตรียมสอบเตรียมพอร์ทและที่สำคัญเตรียมเงิน การจะเข้ามหาลัยใช้เงินเยอะแน่นอน แค่ค่าสมัครสอบบางมหาลัยแค่เห็นก็เงิบล่ะ สอบไม่ติดขึ้นมาได้เงิบกว่าเดิมอีกแน่นอน ดังนั้นเรากับเอจึงเป็นแฟนคู่ที่เข้าใจความเหนื่อยและความไม่มีเวลาต่อกันในตอนนั้น
และก็คบกันทางออนไลน์ เพราะไม่ได้อยู่จังหวัดเดียวกัน แต่จังหวัดก็ติดกันอ่ะ เราคบกันแบบออนไลน์ วิดิโอคอลไลน์บ้าง คุยโทรศัพท์กันบ้าง แชทคุยกันบ้าง ตามประสารักออนไลน์
จนเรากับพี่เอคบกันได้5เดือน เราก็ปิดเทอม ม.6 เทอม1เข้าสู่เทอม2 อยู่ แล้วพี่เอก็พักงานทหารพอดี เลยถือโอกาสพาเราไปไหว้แม่เขาที่บ้านเกิดของเขา เราก็ไป ที่เราไปบ้านพี่เอก็เจอแม่เขา พี่สาวเขา น้องชายต่างพ่อ และเด็กผู้หญิงคนนึงอายุประมาณ1ขวบกว่าๆ โดยเด็กคนนั้นพยายามเรียกพี่เอว่า น้าเอ เราเลยเข้าใจว่า เป็นหลานสาวของพี่เอ และคงเป็นลูกของพี่สาวของพี่เอ ครอบครัวพี่เอต้อนรับเราอย่างดีและดีต่อเรามากๆ เราก็ดีตอบนะคะ และความรู้สึกของเราที่มีต่อเด็กผู้หญิงคนนั้นคือก็น่ารักดี น่าเอ็นดู แต่ก็ไม่ได้เอ็นดูเป็นพิเศษอะไรนะคะ
แล้วก็คบต่อมาเรื่อยๆ เหมือนเดิม พี่เอเขาก็เป็นคนดีนะคะ ที่เขาว่าทหารเจ้าชู้ แต่พี่เอไม่ใช่เลย คบกันมาเป็น1ปี1เดือน เราก็จบ ม.6 เป็นที่เรียบร้อย และมีมหาลัยที่จะไปต่อเรียบร้อย ระยะนี้ก็ว่างล่ะสิ ได้เปรียบที่สามารถสอบรอบรับตรงได้ เวลาว่างก็เลยเยอะ กว่าจะเปิดเทอมก็คงอีกนาน แล้วพี่เอก็พาเราไปบ้านเขาเหมือนเดิม
ตอนนั้นเราไปบ้านแม่เขาเป็นครั้งที่ 2 เองเนาะ ตอนนั้นเราก็เล่นกับเด็กผู้หญิงที่อายุ2ขวบได้แล้วล่ะในตอนนั้น แล้วอยู่ๆแม่พี่เอก็เรียกพี่เอมาดู ว่า "เอ ทำไรอยู่ไม่มาดูลูกเอ็งหรอ ปล่อยลูกไว้กับแฟนเอ็งเนี่ย" เราเอะใจทันที แล้วถามแม่พี่เอไปว่า "แม่คะ นี้หลานพี่เอลูกพี่สาวของพี่เอไม่ใช่หรอคะ ทำไมถึงบอกให้พี่เอมาดูลูกล่ะคะ" แม่พี่เอตอบ "ก็เนี่ยแหละ ลูกมัน แม่เรียกถูกแล้วจ๊ะ"
ความรู้สึกเราเหมือนมีอะไรมาแทงหัวใจเราอ่ะ ความรู้สึกเหมือนฟ้าผ่าลงมาที่ตัวเราก็ว่าได้ แล้วเราก็สตั้น มองเด็กผู้หญิงคนนั้นด้วยความเงิบ
เด็กคนนี้คือลูกของพี่เอ? พี่เอคนที่คบเรามาเป็นปี? แต่เด็กคนนี้พยายามเรียกพี่เอว่าน้า? เราก็เข้าใจว่าเป็นหลาน? และไม่มีใครบอกเรื่องนี้กับเราแม้แต่คนเดียว ? ตอนนั้นเรางงมากอ่ะ งงว่านี้มันอะไรกัน งงว่าทำไมเราต้องมาเจออะไรแบบนี้อีกแล้ว ??
และความจริงก็ปรากฏว่า
เด็กคนนี้เป็นลูกแฟนเก่าของพี่เอ ก่อนที่พี่เอจะสอบเป็นทหารแล้วล่ะ นางท้องแล้วนางไม่อยากเลี้ยงเด็กคนนี้ นางอยากมีคนใหม่ นางอยากมีอนาคตที่ดีกว่า และครอบครัวนางก็พยายามหาคนที่ดีกว่าพี่เอมาให้นางด้วย ง่ายๆ ครอบครัวนางไม่เอาลูก แล้วมาให้ฝั่งพี่เอ ฝั่งพี่เอตอนแรกก็ว่าจะไม่เอา แต่ถ้าไม่เอาแล้วเด็กคนนี้จะเป็นไงใครจะเลี้ยง และแล้วพี่สาวของพี่เอก็ขอเอามาเป็นลูกซะเอง
และในใบเกิดของเด็กคนนั้นนางก็เซ็นเป็นแม่ให้แล้ว พี่เอก็เซ็นต์เป็นพ่อให้แล้ว แต่ให้เด็กคนนั้นเข้าใจว่าเป็นลูกของพี่สาวของพี่เอ และพี่เอคือน้า
ทุกคนที่บ้านพี่เอ ขอให้เราเข้าใจและยอมรับ พี่เอก็พยายามรั้งเราไว้ เรากับพี่เอก็คบมาเป็นปีไม่ใช่แค่วันสองวัน 1ปีที่ผ่านมาขอให้มันมีความหมายมากพอที่จะยอมรับเรื่องนี้ได้ และขอให้เราอยูต่อ
เราถาม ทำไมไม่บอกเรื่องนี้ตั้งแต่ทีแรก พี่เอตอบ กลัวเรารับไม่ได้แล้วจากไป เพราะรักเรามาก
เราถาม แล้วนางติดต่อมารึเปล่า พี่เอตอบ เห็นพี่สาวบอกว่าแอบมาสืบๆจากพี่ดูอยู่ แต่ก็ไม่ได้ส่งเสียอะไรแต่อย่างใด
เราถาม ตอนนี้เขาอยู่ไหน มีครอบครัวใหม่ไปแล้วรึยัง พี่เอตอบ ยังหรอก อายุเท่าเรา รุ่นเดียวกับเรา เรียนมัธยมที่เดียวกับเรา มีลูกด้วยกันเมื่อ2ปีที่แล้ว ก็ประมาณเรา ม.5เทอม1อ่ะ
เราถาม นางชื่ออะไร พี่เอตอบ .....(ชื่อ-สกุลจริง ของนาง).....
โอ้วววววววววววววววววววววว เรานี้อึ้งหนักเลยจ้า ตอนนั้นเราแทบเป็นลมอ่ะ นั้นลูกเพื่อนเราเลยอ่ะ แค่เรียนคนละแผนการเรียน รู้จักกัน นี้ถ้าสนิทกันเราคงช็อคตายอ่ะ
เอาตรงๆเราสับสนนะ สับสนมากในตอนนี้
รักไหม ก็รัก
ยอมรับได้ไหม ....................ไม่รู้ งงอยู่ สับสนอยู่..............................
เราก็ยังไม่ได้บอกและปรึกษาครอบครัวเราเรื่องลูกพี่เอ แต่แอบปรึกษาพี่ชายที่เป็นญาติ เขาก็พูดถูกของเขานะ อนาคตเรายังอีกไกล อาจจะเจอคนที่ดีกว่าก็ได้ แต่ถ้าเรารับได้ก็แล้วไป จะเอาไงล่ะ
บางที เราก็ไม่เข้าใจ อายุก็แค่นี้ 18 ย่าง 19 แต่เจอเรื่องแบบนี้มา 2 ครั้งติดๆกัน แล้วครั้งที่ 2 เงิบหนักมากด้วย
เราสับสนกับความรู้สึกของตัวเอง และไม่รู้ว่าจะเอายังไงต่อไป สักวันนึงเด็กคนนึงก็ต้องรู้ความจริง แล้วเราจะแน่ใจได้ไงว่านางที่เป็นแม่แท้ๆจะไม่กลับมา จะแน่ใจได้ไงว่าจะไม่เหมือนเคสแรก ประวัติศาสตร์จะไม่ซ้ำรอย เคสแรกเราก็เจ็บมากมาแล้วอ่ะ ไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเจออะไรอีก
ยอมรับ ว่า จขกท อายุยังน้อย ยังเงิบ ยังไม่เข้าใจบางความรู้สึก ยังไม่ผ่านโลกที่มันโหดร้ายอะไรอีกมากมาย
แล้วคุณล่ะ เจ็บจากเคสแรกแบบนั้นมาแล้ว เคสนี้จะรับได้ไหม มีความเห็นว่ายังไงคะ ??
ปล. อย่าด่าและอย่าแรงมากกับ จขกท นะคะ จขกท เป็นคนเซ้นสิทีฟ
รับได้ไหมคะ ถ้าแฟนมีลูกติด ?? [ ครั้งนี้จะรับได้อีกรึเปล่า ]
ขอเล่าอดีตเคสแรกที่เราเจอก่อนล่ะกันนะคะ
-- เคสแรก --
ตอนนั้นเราอยู่ ม.5 มีแบดบอยคนนึงมาจีบเรา ตอนแรกเราก็ไม่เอาหรอก ไม่เอาเพราะตอนนั้นเขาเป็นแบดบอยอ่ะแหละ ติดเที่ยว ติดหญิง ดื่มแต่เมรัย และสูบบุหรี่ ซึ่งเราก็ไม่ชอบเอาเสียเลย ตอนนั้นเราผลักไสไช่ส่งเขาตลอด อย่ามายุ่งนะ! อะไรแบบนี้.. แต่แล้วเขาก็ลั่นวาจา ลั่นให้คนแถวนั้นได้ยินเลยอ่ะว่าจะเลิกเป็นแบดบอย เลิกเที่ยว เลิกติดหญิง เลิกกินเหล้า เลิกสูบบุหรี่ แต่ตอนนั้นเราก็ไม่ได้ใจอ่อนนะคะ เราคิดว่ามันก็พูดไปยังงั้นแหละ อยากเอาหน้า มันติดขนาดนั้นแล้วอยู่ๆจะมาเลิกเพื่อเราได้ไง ผ่านไป1เดือน ปรากฏว่าเขาทำเพื่อเราได้จริงๆไง เราอึ้งเหมือนกัน เกิดมามีผู้ชายทำเพื่อเราขนาดนี้ เราเลยใจอ่อนยอมเป็นแฟนเขา ตอนเป็นแฟนเขาเขาดีต่อเรามากอ่ะ อยากได้ไรเขาก็ซื้อให้(ถ้าไม่แพงเกินไป) เราเจอปัญหาอะไร เขาก็จะเข้ามาให้คำแนะนำและคำปรึกษา และที่สำคัญ เพราะเขาเป็นแบดบอยมาก่อนนี้แหละทำให้เขาดูรู้จักโลกภายนอกมากกว่า ทำให้เราระวังตัวมากขึ้น ทำให้เราเรียนรู้จิตใจคนว่าต่อหน้ามันทำแบบนี้ลับหลังมันอาจจะทำอีกอย่างก็ได้ โลกภายนอกมันไม่ได้จะดีอะไรแบบในรั้วโรงเรียน ใช่ดิ เราจะไปรู้โลกภายนอกอะไรขนาดนั้น ตอนนั้นเราแค่ เด็ก ม.ปลาย ไม่เคยเที่ยวกลางคืนเลย ไม่เคยรู้จักโลกภายนอกดี เชื่อพ่อเชื่อแม่ทุกอย่าง พ่อแม่ชอบหวงเราไง ทุกวันในตอนนั้นกลับบ้านไม่เกิน17.30 อ่ะ
แต่แล้ว ทุกอย่างที่ดีสำหรับเราในตอนนั้นก็สลายไปในพริบตา มีผู้หญิงคนนึงมาหาเขาที่เป็นแฟนราในตอนนั้น แล้วบอกว่า มีลุก แล้วลูกเขาคือลูกของแฟนเราในตอนนั้น เราสตั้นเลย ในวินาทีนั้นเราแทบไม่เชื่อสิ่งที่ตัวเองเจออ่ะ แฟนเราในตอนนั้นยังดูเงิบๆอยู่เลย เด็กคนนั้นได้ขวบกว่าๆแล้วอ่ะ แล้วมาบอกว่านั้นลูกแฟนเรา!! ผู้หญิงคนนั้นพยายามพูด เล่า พิสูทน์ทุกอย่างว่าเด็กคนนั้นอ่ะลูกของแฟนเราในตอนนั้นจริงๆ แล้วความจริงก็ปรากฏว่า....
ผู้หญิงคนนั้นมีความสัมพันกับแฟนเราในตอนนั้นจริง ตอนนั้นเขายังเป็นแบดบอยไง เป็นความสัมพันธ์ช่วงข้ามคืน แล้วผู้หญิงคนนั้นอ่ะท้อง แต่เขามีแฟนฝรั่งอยู่แล้ว แต่พอคลอดออกมา อ้าวไม่ใช่ลูกของแฟนฝรั่งนิ เป็นลูกของแฟนเราในตอนนั้น ที่นางมั่นใจ เพราะความสัมพันธืช่วงข้ามคืนในตอนนั้นมีแค่แฟนเราในตอนนั้นแค่คนเดียว แต่แฟนนางก็บอกไม่เป็นไรรับได้ สุดท้ายบินไปสวีเดนกับแฟนนาง จนลูกนางขวบกว่าแล้วเลิกกันแล้วพยายามหาแฟนเราเพื่อขอให้มารับผิดชอบลูกนั้นแหละ
ตอนนั้นเราโคตรอึ้งเลยอ่ะ อึ้งที่สุดในชีวิตเราก็ว่าได้ และเราไม่สามารถทำอะไรได้เลย มันชัดเจนอยู่แล้วว่าเรากำลังจะเสียคนที่ทำทุกอย่างเพื่อไรไป เสียคนที่ปกป้องเรามาตลอดในตอนนั้น เสียคนที่เรารักไป เราทำไรไม่ได้เลย ไม่มีสิทธิ์จะรั้ง ไม่มีสิทธิ์ในตัวแฟนเราในตอนนั้นอีก มันจบแล้ว! นางมีสิทธิ์เอาแฟนเราไปเพื่อไปรับผิดชอบสิ่งที่เขาสร้างขึ้นมา และเขาซึ่งเป็นแฟนเราในตอนนั้นสมควรที่สุดที่ต้องไปรับผิดชอบนางกับลูกนาง! ส่วนเรา นับตั้งแต่วินาทีนั้นกลายเป็นคนอื่นทันที
. . . อึ้ง เป็น วัน เสีย ใจ เป็น เดือน . . . -- จบ. เคสแรก --
-- เคสต่อมาาาาา --
หลังจากนั้นเราก็ใช้ชีวิตอย่างปกติดี จนเราขึ้น ม.6 เทอมแรก เรารู้จักกับนายสิบทหารจบใหม่คนนึง ขอใช้ชื่อสมมุติของเขาว่า เอ ล่ะกันเนาะ
เรากับพี่เอคุยกันอยู่ 2 เดือนและตกลงเป็นแฟนกัน เรานั้นเข้าใจดีว่าทหารไม่ค่อยมีเวลาว่างสักเท่าไหร่หรอก แต่มันก็เหมาะพอดี ตอนนั้นเราต้องเริ่มเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย ทั้งเตรียมสอบเตรียมพอร์ทและที่สำคัญเตรียมเงิน การจะเข้ามหาลัยใช้เงินเยอะแน่นอน แค่ค่าสมัครสอบบางมหาลัยแค่เห็นก็เงิบล่ะ สอบไม่ติดขึ้นมาได้เงิบกว่าเดิมอีกแน่นอน ดังนั้นเรากับเอจึงเป็นแฟนคู่ที่เข้าใจความเหนื่อยและความไม่มีเวลาต่อกันในตอนนั้น
และก็คบกันทางออนไลน์ เพราะไม่ได้อยู่จังหวัดเดียวกัน แต่จังหวัดก็ติดกันอ่ะ เราคบกันแบบออนไลน์ วิดิโอคอลไลน์บ้าง คุยโทรศัพท์กันบ้าง แชทคุยกันบ้าง ตามประสารักออนไลน์
จนเรากับพี่เอคบกันได้5เดือน เราก็ปิดเทอม ม.6 เทอม1เข้าสู่เทอม2 อยู่ แล้วพี่เอก็พักงานทหารพอดี เลยถือโอกาสพาเราไปไหว้แม่เขาที่บ้านเกิดของเขา เราก็ไป ที่เราไปบ้านพี่เอก็เจอแม่เขา พี่สาวเขา น้องชายต่างพ่อ และเด็กผู้หญิงคนนึงอายุประมาณ1ขวบกว่าๆ โดยเด็กคนนั้นพยายามเรียกพี่เอว่า น้าเอ เราเลยเข้าใจว่า เป็นหลานสาวของพี่เอ และคงเป็นลูกของพี่สาวของพี่เอ ครอบครัวพี่เอต้อนรับเราอย่างดีและดีต่อเรามากๆ เราก็ดีตอบนะคะ และความรู้สึกของเราที่มีต่อเด็กผู้หญิงคนนั้นคือก็น่ารักดี น่าเอ็นดู แต่ก็ไม่ได้เอ็นดูเป็นพิเศษอะไรนะคะ
แล้วก็คบต่อมาเรื่อยๆ เหมือนเดิม พี่เอเขาก็เป็นคนดีนะคะ ที่เขาว่าทหารเจ้าชู้ แต่พี่เอไม่ใช่เลย คบกันมาเป็น1ปี1เดือน เราก็จบ ม.6 เป็นที่เรียบร้อย และมีมหาลัยที่จะไปต่อเรียบร้อย ระยะนี้ก็ว่างล่ะสิ ได้เปรียบที่สามารถสอบรอบรับตรงได้ เวลาว่างก็เลยเยอะ กว่าจะเปิดเทอมก็คงอีกนาน แล้วพี่เอก็พาเราไปบ้านเขาเหมือนเดิม
ตอนนั้นเราไปบ้านแม่เขาเป็นครั้งที่ 2 เองเนาะ ตอนนั้นเราก็เล่นกับเด็กผู้หญิงที่อายุ2ขวบได้แล้วล่ะในตอนนั้น แล้วอยู่ๆแม่พี่เอก็เรียกพี่เอมาดู ว่า "เอ ทำไรอยู่ไม่มาดูลูกเอ็งหรอ ปล่อยลูกไว้กับแฟนเอ็งเนี่ย" เราเอะใจทันที แล้วถามแม่พี่เอไปว่า "แม่คะ นี้หลานพี่เอลูกพี่สาวของพี่เอไม่ใช่หรอคะ ทำไมถึงบอกให้พี่เอมาดูลูกล่ะคะ" แม่พี่เอตอบ "ก็เนี่ยแหละ ลูกมัน แม่เรียกถูกแล้วจ๊ะ"
ความรู้สึกเราเหมือนมีอะไรมาแทงหัวใจเราอ่ะ ความรู้สึกเหมือนฟ้าผ่าลงมาที่ตัวเราก็ว่าได้ แล้วเราก็สตั้น มองเด็กผู้หญิงคนนั้นด้วยความเงิบ
เด็กคนนี้คือลูกของพี่เอ? พี่เอคนที่คบเรามาเป็นปี? แต่เด็กคนนี้พยายามเรียกพี่เอว่าน้า? เราก็เข้าใจว่าเป็นหลาน? และไม่มีใครบอกเรื่องนี้กับเราแม้แต่คนเดียว ? ตอนนั้นเรางงมากอ่ะ งงว่านี้มันอะไรกัน งงว่าทำไมเราต้องมาเจออะไรแบบนี้อีกแล้ว ??
และความจริงก็ปรากฏว่า
เด็กคนนี้เป็นลูกแฟนเก่าของพี่เอ ก่อนที่พี่เอจะสอบเป็นทหารแล้วล่ะ นางท้องแล้วนางไม่อยากเลี้ยงเด็กคนนี้ นางอยากมีคนใหม่ นางอยากมีอนาคตที่ดีกว่า และครอบครัวนางก็พยายามหาคนที่ดีกว่าพี่เอมาให้นางด้วย ง่ายๆ ครอบครัวนางไม่เอาลูก แล้วมาให้ฝั่งพี่เอ ฝั่งพี่เอตอนแรกก็ว่าจะไม่เอา แต่ถ้าไม่เอาแล้วเด็กคนนี้จะเป็นไงใครจะเลี้ยง และแล้วพี่สาวของพี่เอก็ขอเอามาเป็นลูกซะเอง
และในใบเกิดของเด็กคนนั้นนางก็เซ็นเป็นแม่ให้แล้ว พี่เอก็เซ็นต์เป็นพ่อให้แล้ว แต่ให้เด็กคนนั้นเข้าใจว่าเป็นลูกของพี่สาวของพี่เอ และพี่เอคือน้า
ทุกคนที่บ้านพี่เอ ขอให้เราเข้าใจและยอมรับ พี่เอก็พยายามรั้งเราไว้ เรากับพี่เอก็คบมาเป็นปีไม่ใช่แค่วันสองวัน 1ปีที่ผ่านมาขอให้มันมีความหมายมากพอที่จะยอมรับเรื่องนี้ได้ และขอให้เราอยูต่อ
เราถาม ทำไมไม่บอกเรื่องนี้ตั้งแต่ทีแรก พี่เอตอบ กลัวเรารับไม่ได้แล้วจากไป เพราะรักเรามาก
เราถาม แล้วนางติดต่อมารึเปล่า พี่เอตอบ เห็นพี่สาวบอกว่าแอบมาสืบๆจากพี่ดูอยู่ แต่ก็ไม่ได้ส่งเสียอะไรแต่อย่างใด
เราถาม ตอนนี้เขาอยู่ไหน มีครอบครัวใหม่ไปแล้วรึยัง พี่เอตอบ ยังหรอก อายุเท่าเรา รุ่นเดียวกับเรา เรียนมัธยมที่เดียวกับเรา มีลูกด้วยกันเมื่อ2ปีที่แล้ว ก็ประมาณเรา ม.5เทอม1อ่ะ
เราถาม นางชื่ออะไร พี่เอตอบ .....(ชื่อ-สกุลจริง ของนาง).....
โอ้วววววววววววววววววววววว เรานี้อึ้งหนักเลยจ้า ตอนนั้นเราแทบเป็นลมอ่ะ นั้นลูกเพื่อนเราเลยอ่ะ แค่เรียนคนละแผนการเรียน รู้จักกัน นี้ถ้าสนิทกันเราคงช็อคตายอ่ะ
เอาตรงๆเราสับสนนะ สับสนมากในตอนนี้
รักไหม ก็รัก
ยอมรับได้ไหม ....................ไม่รู้ งงอยู่ สับสนอยู่..............................
เราก็ยังไม่ได้บอกและปรึกษาครอบครัวเราเรื่องลูกพี่เอ แต่แอบปรึกษาพี่ชายที่เป็นญาติ เขาก็พูดถูกของเขานะ อนาคตเรายังอีกไกล อาจจะเจอคนที่ดีกว่าก็ได้ แต่ถ้าเรารับได้ก็แล้วไป จะเอาไงล่ะ
บางที เราก็ไม่เข้าใจ อายุก็แค่นี้ 18 ย่าง 19 แต่เจอเรื่องแบบนี้มา 2 ครั้งติดๆกัน แล้วครั้งที่ 2 เงิบหนักมากด้วย
เราสับสนกับความรู้สึกของตัวเอง และไม่รู้ว่าจะเอายังไงต่อไป สักวันนึงเด็กคนนึงก็ต้องรู้ความจริง แล้วเราจะแน่ใจได้ไงว่านางที่เป็นแม่แท้ๆจะไม่กลับมา จะแน่ใจได้ไงว่าจะไม่เหมือนเคสแรก ประวัติศาสตร์จะไม่ซ้ำรอย เคสแรกเราก็เจ็บมากมาแล้วอ่ะ ไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเจออะไรอีก
ยอมรับ ว่า จขกท อายุยังน้อย ยังเงิบ ยังไม่เข้าใจบางความรู้สึก ยังไม่ผ่านโลกที่มันโหดร้ายอะไรอีกมากมาย
แล้วคุณล่ะ เจ็บจากเคสแรกแบบนั้นมาแล้ว เคสนี้จะรับได้ไหม มีความเห็นว่ายังไงคะ ??
ปล. อย่าด่าและอย่าแรงมากกับ จขกท นะคะ จขกท เป็นคนเซ้นสิทีฟ