- High-Rise เป็นหนังเกี่ยวกับชีวิตของคนกลุ่มหนึ่งซึ่งอาศัยร่วมกันอยู่ในตึกสูง ซึ่งปฏิสัมพันธ์ของคนในตึกนำมาสู่การแบ่งแยกและขัดแย้งอันเป็นแกนหลักของหนัง
- ความสนุกของการดูหนังเรื่องนี้คือการตีความ ซึ่งหนังทำได้ดีเพราะเรียกสมาธิของเราให้อยู่กับหนังด้วยการปล่อยของมาให้ตีความอยู่เรื่อยๆ มีทั้งที่ประหลาดล้ำและที่จำเจ
- หนังไม่ได้ดูง่าย แต่ไม่น่าเบื่อ อาจจะชวนงงด้วยสถานการณ์และพฤติกรรมประหลาด จนเราสับสนว่าหนังจะเดินไปทางไหน แต่หนังไม่ได้เล่าเรื่องอย่างซับซ้อนหรือน่าเบื่อตามแบบฉบับหนังนอกกระแส คนดูหนังธรรมดาๆ อย่างผมจึงดูได้ไม่ง่วงเหงาหาวนอน
- หนังมีสัญลักษณ์มากมาย มีแบบที่ตอนนี้ก็ยังงงอยู่ว่ามันคืออะไรวะ (หมา ม้า การทาสี กล่องของ เป็นต้น) แบบที่ผมต้องเดาต้องแถเพื่อจะตีความให้ออก และแบบที่ตีความได้ง่ายๆ ตรงไปตรงมา (โดยเฉพาะแกนของหนัง ซึ่งนอกจากจะถ่ายทอดออกมาโจ่งแจ้งแล้ว ยังมีคำพูดสรุปตีความให้ตอนท้ายหนังเสร็จสรรพเลยทีเดียว)
- ตีความด้วยประสบการณ์ส่วนตัว ดังนี้
ชัดเจน
- ตัวละครที่ชื่อ “Royal” หรือสมญา “The Architect” แค่ชื่อก็บอกโคตรจะตรงตัวแล้วว่าสื่อถึงอะไร รอยัลเป็นผู้ออกแบบตึก เป็นผู้สร้างตึก รอยัลกับภรรยาผู้นิยมความหรูหราอาศัยอยู่บนชั้นบนสุดของตึกซึ่งเนรมิตดาดฟ้งให้เป็นสวนสวยราวกับอุทยาน กว้างขวางร่มรื่นขนาดที่ม้าวิ่งได้เลยทีเดียว
- รอยัลมีเจตนาที่ดีที่จะเนรมิตอุดมคติของเขาออกมาเป็นตึกที่ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข และใช่ รอยัลอาศัยอยู่ในตึกอย่างหรูหรามีความสุขตามอุดมคติของเขา แต่รอยัลห่างเหินกับชาวตึกเหลือเกิน เขาและเมียจมอยู่ในกองความสุข เฝ้าครุ่นคิดถึงการพัฒนาตึกต่อไป โดยแทบไม่รู้ความเป็นไปอะไรที่เกิดขึ้นชั้นล่างของตึกเอาเสียเลย
- ประชาชนในตึกแบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ ตามชั้นของตึก โซนบนร่ำรวยหรูหรา นิยมจัดปาร์ตี้ย้อนยุคแต่งตัวอลังการแบบยุโรปสมัยก่อน ขณะที่โซนล่างรวยน้อยกว่า ชอบจัดปาร์ตี้เหมือนกันแต่เป็นปาร์ตี้ดิบๆ บ้านๆ
- หนังไม่ได้แสดงภาพของชนชั้นล่างให้ออกมายากจนข้นแค้น พวกเขามีงานมีการทำที่ค่อนข้างดี มีชีวิตที่ไม่ได้ลำบาก ชนชั้นล่างในตึกนี้ หากไปอาศัยอยู่ที่อื่น พวกเขาก็อาจจะเป็นชนชั้นบนก็ได้ ด้วยเหตุนี้ผมจึงตีความว่าหนังจะสื่อถึงการต่อสู้ระหว่างชนชั้น แต่ไม่ใช่การต่อสู้ทางชนชั้นระหว่างนายทุนกับกรรมาชีพตามการอธิบายของลัทธิมาร์กซ์ เหตุการณ์ในตึกผ่านพ้นยุคของการต่อสู้ระหว่างทุนนิยมกับอุดมการณ์อื่นแล้ว ทุนนิยมเอาชนะกลายเป็นกระแสหลักของสังคมไปแล้ว คราวนี้ก็ถึงคราวที่ทุนนิยมต้องสู้กันเอง
- ชนชั้นบน เป็นตัวแทนของกลุ่มคนที่นิยมอุดมการณ์นิยมที่ควบคุมโดยรัฐ พวกเขาต้องการ “รอยัล” (ไม่ได้ต้องการตัวรอยัล แต่ต้องการสถานะของ “รอยัล” แม้กระทั่งตัวรอยัลเองก็ไม่ได้มีสถานะเหนือไปกว่าความเป็นรอยัล ชาวชนชั้นบนคลั่งรอยัลมากกว่าตัวรอยัลเองเสียอีก) เพื่อเป็นเหตุผลในการกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ ออกมาควบคุมคนในตึก ซึ่งกฎเกณฑ์ต่างๆก็เอื้อประโยชน์ต่อชนชั้นบนเป็นส่วนใหญ่ ทรัพยากรถูกจัดสรรให้ชนชั้นบนมากกว่าชนชั้นล่าง เช่น ไฟฟ้าซึ่งมีอยู่อย่างจำกัด หรือสิทธิในการใช้สระว่ายน้ำส่วนกลาง
- ชนชั้นล่างโดยการนำของชายชื่อไวล์เดอร์ เป็นตัวแทนของกลุ่มคนที่นิยมอุดมการณ์ทุนนิยมที่ไม่ต้องมีการควบคุม พวกเขาไม่ได้ต่อสู้เพื่อให้มีการ “จัดสรรทรัพยากรอย่างเป็นธรรมทั่วถึง” แต่ต่อสู้เพื่อ “ให้ตัวเองเข้าถึงทรัพยากร”
- โลกิเป็นน้องของธอร์ (ซึ่งไม่เกี่ยวปะ) ทอม ฮิดเดิลสตัน แสดงเป็นคุณหมอแลงก์ อาศัยอยู่ชั้นกลางๆของตึก แลงเพิ่งย้ายเข้ามาในตึกนี้ เขามีฝันที่สวยงามเกี่ยวกับชีวิตในตึก แลงค์พยายามสร้างสัมพันธ์กับทั้งชั้นบนและชั้นล่าง แต่ก็โดนเหยียดออกมาจากทั้งสองชั้น (เหยียดว่ารสนิยมไม่ถึงคนรวย และเหยียดว่าไม่เข้าใจคนจน) เมื่อเกิดเหตุการณ์วุ่นวายปะทะกันระหว่างชนสองชั้น ตึกทั้งตึกอยู่ในสภาพเสื่อมโทรม สิ่งที่แลงค์เลือกทำคือ เก็บตัวในห้อง ทาสีห้องให้สวยงาม มีเซ็กส์ ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้นั้น ขณะเดียวกันเมื่อการต่อสู้เข้ามายุ่งมากระทบชีวิตเขาบ้าง แลงค์ก็ลุกขึ้นมาสู้เพื่อปกป้อง “เฉพาะในส่วนที่ตัวเองได้รับผลกระทบ”
- ความแตกแยกและการต่อสู้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนสภาพตึกทรุดโทรม โทรมซัซๆ ขยะเกลื่อนกลาดจนไม่รู้ว่ามันอยู่กันได้อย่างไร แต่ทุกคนก็ยังใช้ชีวิตแต่งตัวสวยงามกันตามปกติ ทุนนิยมนี่แหละที่เป็นระบอบที่อนุญาตให้ประชาชนเพิกเฉยต่อความทรุดโทรมของสภาพสังคม ตราบใดที่ตนเองยังคงอยู่ดีมีความสุข
- ตัวละครที่น่าสนใจหนึ่งตัวคือซิมม่อน ซิมม่อนเป็นคนใช้ของรอยัล ซิมม่อนศรัทธาในตัวรอยัล ศรัทธาในชนชั้นสูงมากๆ เมื่อเกิดการต่อสู้ระหว่างชนชั้น ซิมม่อนก้าวขึ้นมาเป็นแกนนำ และบังคับเจ้านายอย่างรอยัลซึ่งไม่ชอบความขัดแย้งให้ร่วมต่อสู้เพื่อพิทักษ์ชนชั้นสูง แม้รอยัลจะเป็นคนสร้างตึก แต่ซิมม่อนไม่ได้ผูกความศรัทธาที่ตัวบุคคล (รอยัล) ซิมม่อนยึดติดกับระบอบ (ตึก ซึ่งรอยัลเป็นคนสร้าง) ต่างหาก
ไม่ชัดเจน ผมแถซะมาก
- ทั้งสองชั้น ผมมองว่าผู้ชายคือสัญลักษณ์ของผู้นำของชนชั้น ส่วนผู้หญิงและเด็กคือสัญลักษณ์ของประชาชน ผู้หญิงเป็นเหยื่อของการต่อสู้ มีการข่มขืนผู้หญิงอยู่บ่อยครั้ง ขณะเดียวกันผู้หญิงก็คือความหวังของการเปลี่ยนแปลง ในขณะที่พวกผู้ชายสู้กัน พวกเธอรวมตัวกันเงียบๆ เก็บกวาดสิ่งสกปรกในตึก และวางแผนจะบูรณะ (หรือสร้างตึกใหม่)
- ตอนจบของหนัง รอยัลถูกไวล์เดอร์ผู้นำชนชั้นล่างฆ่า บรรดาผู้หญิง (ประชาชน) คลั่งแค้นมาก เข้ามารุมฆ่าไวล์เดอร์ตายตามไปอีกคน
- ในขณะที่คนส่วนใหญ่เพิกเฉยต่อความทรุดโทรมของตึก มีชนชั้นล่างคนหนึ่งคอยจู้จี้จุกจิกกับปัญหาขยะที่เกิดขึ้นในหนังตั้งแต่ต้นเรื่องซึ่งตึกยังสวยสง่ายันท้ายเรื่อง เขามองเห็นปัญหา พยายามแก้ไขปัญหา และพยายามกราดนิ้วชี้ใส่ทุกๆ คนที่เดินผ่านหน้าว่าเป็นต้นเหตุของปัญหา (ด่าแลงค์ว่าทิ้งผ้าอ้อมเด็กทั้งที่แลงค์ไม่มีลูก) พฤติกรรมเช่นนี้ทำให้คนเอือมระอาและไม่ฟังเขาเอาเสียเลย ผมว่าผมเห็นแล้วนึกถึงสถานะของ NGOs ในปัจจุบันนะ
สรุป
- หนังสนุกและเคว้ง สนุกด้วยได้บริหารการมโน เคว้งคือดูจบแล้วรู้สึกมีอะไรลอยเคว้งอยู่ในหัวเต็มไปหมด ด้วยมีอะไรมีสัญลักษณ์และพฤติกรรม ประหลาดล้ำอีกมากมายที่ผมยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร ไปดูเถอะครับจะได้มาช่วยบอกผมเพิ่มเติมและแย้งผมด้วยว่าผมเพ้อเจ้อผิดไปตรงไหนบ้าง
บันทึกประสบการณ์ดูหนังเรื่อง "High-Rise" ซึ่งมีสปอยล์เกลื่อนกลาดและมีวัตถุประสงค์เพื่อจะบอกคุณว่าสนุกนะไปดูเถอะ
- ความสนุกของการดูหนังเรื่องนี้คือการตีความ ซึ่งหนังทำได้ดีเพราะเรียกสมาธิของเราให้อยู่กับหนังด้วยการปล่อยของมาให้ตีความอยู่เรื่อยๆ มีทั้งที่ประหลาดล้ำและที่จำเจ
- หนังไม่ได้ดูง่าย แต่ไม่น่าเบื่อ อาจจะชวนงงด้วยสถานการณ์และพฤติกรรมประหลาด จนเราสับสนว่าหนังจะเดินไปทางไหน แต่หนังไม่ได้เล่าเรื่องอย่างซับซ้อนหรือน่าเบื่อตามแบบฉบับหนังนอกกระแส คนดูหนังธรรมดาๆ อย่างผมจึงดูได้ไม่ง่วงเหงาหาวนอน
- หนังมีสัญลักษณ์มากมาย มีแบบที่ตอนนี้ก็ยังงงอยู่ว่ามันคืออะไรวะ (หมา ม้า การทาสี กล่องของ เป็นต้น) แบบที่ผมต้องเดาต้องแถเพื่อจะตีความให้ออก และแบบที่ตีความได้ง่ายๆ ตรงไปตรงมา (โดยเฉพาะแกนของหนัง ซึ่งนอกจากจะถ่ายทอดออกมาโจ่งแจ้งแล้ว ยังมีคำพูดสรุปตีความให้ตอนท้ายหนังเสร็จสรรพเลยทีเดียว)
- ตีความด้วยประสบการณ์ส่วนตัว ดังนี้
ชัดเจน
- ตัวละครที่ชื่อ “Royal” หรือสมญา “The Architect” แค่ชื่อก็บอกโคตรจะตรงตัวแล้วว่าสื่อถึงอะไร รอยัลเป็นผู้ออกแบบตึก เป็นผู้สร้างตึก รอยัลกับภรรยาผู้นิยมความหรูหราอาศัยอยู่บนชั้นบนสุดของตึกซึ่งเนรมิตดาดฟ้งให้เป็นสวนสวยราวกับอุทยาน กว้างขวางร่มรื่นขนาดที่ม้าวิ่งได้เลยทีเดียว
- รอยัลมีเจตนาที่ดีที่จะเนรมิตอุดมคติของเขาออกมาเป็นตึกที่ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข และใช่ รอยัลอาศัยอยู่ในตึกอย่างหรูหรามีความสุขตามอุดมคติของเขา แต่รอยัลห่างเหินกับชาวตึกเหลือเกิน เขาและเมียจมอยู่ในกองความสุข เฝ้าครุ่นคิดถึงการพัฒนาตึกต่อไป โดยแทบไม่รู้ความเป็นไปอะไรที่เกิดขึ้นชั้นล่างของตึกเอาเสียเลย
- ประชาชนในตึกแบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ ตามชั้นของตึก โซนบนร่ำรวยหรูหรา นิยมจัดปาร์ตี้ย้อนยุคแต่งตัวอลังการแบบยุโรปสมัยก่อน ขณะที่โซนล่างรวยน้อยกว่า ชอบจัดปาร์ตี้เหมือนกันแต่เป็นปาร์ตี้ดิบๆ บ้านๆ
- หนังไม่ได้แสดงภาพของชนชั้นล่างให้ออกมายากจนข้นแค้น พวกเขามีงานมีการทำที่ค่อนข้างดี มีชีวิตที่ไม่ได้ลำบาก ชนชั้นล่างในตึกนี้ หากไปอาศัยอยู่ที่อื่น พวกเขาก็อาจจะเป็นชนชั้นบนก็ได้ ด้วยเหตุนี้ผมจึงตีความว่าหนังจะสื่อถึงการต่อสู้ระหว่างชนชั้น แต่ไม่ใช่การต่อสู้ทางชนชั้นระหว่างนายทุนกับกรรมาชีพตามการอธิบายของลัทธิมาร์กซ์ เหตุการณ์ในตึกผ่านพ้นยุคของการต่อสู้ระหว่างทุนนิยมกับอุดมการณ์อื่นแล้ว ทุนนิยมเอาชนะกลายเป็นกระแสหลักของสังคมไปแล้ว คราวนี้ก็ถึงคราวที่ทุนนิยมต้องสู้กันเอง
- ชนชั้นบน เป็นตัวแทนของกลุ่มคนที่นิยมอุดมการณ์นิยมที่ควบคุมโดยรัฐ พวกเขาต้องการ “รอยัล” (ไม่ได้ต้องการตัวรอยัล แต่ต้องการสถานะของ “รอยัล” แม้กระทั่งตัวรอยัลเองก็ไม่ได้มีสถานะเหนือไปกว่าความเป็นรอยัล ชาวชนชั้นบนคลั่งรอยัลมากกว่าตัวรอยัลเองเสียอีก) เพื่อเป็นเหตุผลในการกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ ออกมาควบคุมคนในตึก ซึ่งกฎเกณฑ์ต่างๆก็เอื้อประโยชน์ต่อชนชั้นบนเป็นส่วนใหญ่ ทรัพยากรถูกจัดสรรให้ชนชั้นบนมากกว่าชนชั้นล่าง เช่น ไฟฟ้าซึ่งมีอยู่อย่างจำกัด หรือสิทธิในการใช้สระว่ายน้ำส่วนกลาง
- ชนชั้นล่างโดยการนำของชายชื่อไวล์เดอร์ เป็นตัวแทนของกลุ่มคนที่นิยมอุดมการณ์ทุนนิยมที่ไม่ต้องมีการควบคุม พวกเขาไม่ได้ต่อสู้เพื่อให้มีการ “จัดสรรทรัพยากรอย่างเป็นธรรมทั่วถึง” แต่ต่อสู้เพื่อ “ให้ตัวเองเข้าถึงทรัพยากร”
- โลกิเป็นน้องของธอร์ (ซึ่งไม่เกี่ยวปะ) ทอม ฮิดเดิลสตัน แสดงเป็นคุณหมอแลงก์ อาศัยอยู่ชั้นกลางๆของตึก แลงเพิ่งย้ายเข้ามาในตึกนี้ เขามีฝันที่สวยงามเกี่ยวกับชีวิตในตึก แลงค์พยายามสร้างสัมพันธ์กับทั้งชั้นบนและชั้นล่าง แต่ก็โดนเหยียดออกมาจากทั้งสองชั้น (เหยียดว่ารสนิยมไม่ถึงคนรวย และเหยียดว่าไม่เข้าใจคนจน) เมื่อเกิดเหตุการณ์วุ่นวายปะทะกันระหว่างชนสองชั้น ตึกทั้งตึกอยู่ในสภาพเสื่อมโทรม สิ่งที่แลงค์เลือกทำคือ เก็บตัวในห้อง ทาสีห้องให้สวยงาม มีเซ็กส์ ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้นั้น ขณะเดียวกันเมื่อการต่อสู้เข้ามายุ่งมากระทบชีวิตเขาบ้าง แลงค์ก็ลุกขึ้นมาสู้เพื่อปกป้อง “เฉพาะในส่วนที่ตัวเองได้รับผลกระทบ”
- ความแตกแยกและการต่อสู้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนสภาพตึกทรุดโทรม โทรมซัซๆ ขยะเกลื่อนกลาดจนไม่รู้ว่ามันอยู่กันได้อย่างไร แต่ทุกคนก็ยังใช้ชีวิตแต่งตัวสวยงามกันตามปกติ ทุนนิยมนี่แหละที่เป็นระบอบที่อนุญาตให้ประชาชนเพิกเฉยต่อความทรุดโทรมของสภาพสังคม ตราบใดที่ตนเองยังคงอยู่ดีมีความสุข
- ตัวละครที่น่าสนใจหนึ่งตัวคือซิมม่อน ซิมม่อนเป็นคนใช้ของรอยัล ซิมม่อนศรัทธาในตัวรอยัล ศรัทธาในชนชั้นสูงมากๆ เมื่อเกิดการต่อสู้ระหว่างชนชั้น ซิมม่อนก้าวขึ้นมาเป็นแกนนำ และบังคับเจ้านายอย่างรอยัลซึ่งไม่ชอบความขัดแย้งให้ร่วมต่อสู้เพื่อพิทักษ์ชนชั้นสูง แม้รอยัลจะเป็นคนสร้างตึก แต่ซิมม่อนไม่ได้ผูกความศรัทธาที่ตัวบุคคล (รอยัล) ซิมม่อนยึดติดกับระบอบ (ตึก ซึ่งรอยัลเป็นคนสร้าง) ต่างหาก
ไม่ชัดเจน ผมแถซะมาก
- ทั้งสองชั้น ผมมองว่าผู้ชายคือสัญลักษณ์ของผู้นำของชนชั้น ส่วนผู้หญิงและเด็กคือสัญลักษณ์ของประชาชน ผู้หญิงเป็นเหยื่อของการต่อสู้ มีการข่มขืนผู้หญิงอยู่บ่อยครั้ง ขณะเดียวกันผู้หญิงก็คือความหวังของการเปลี่ยนแปลง ในขณะที่พวกผู้ชายสู้กัน พวกเธอรวมตัวกันเงียบๆ เก็บกวาดสิ่งสกปรกในตึก และวางแผนจะบูรณะ (หรือสร้างตึกใหม่)
- ตอนจบของหนัง รอยัลถูกไวล์เดอร์ผู้นำชนชั้นล่างฆ่า บรรดาผู้หญิง (ประชาชน) คลั่งแค้นมาก เข้ามารุมฆ่าไวล์เดอร์ตายตามไปอีกคน
- ในขณะที่คนส่วนใหญ่เพิกเฉยต่อความทรุดโทรมของตึก มีชนชั้นล่างคนหนึ่งคอยจู้จี้จุกจิกกับปัญหาขยะที่เกิดขึ้นในหนังตั้งแต่ต้นเรื่องซึ่งตึกยังสวยสง่ายันท้ายเรื่อง เขามองเห็นปัญหา พยายามแก้ไขปัญหา และพยายามกราดนิ้วชี้ใส่ทุกๆ คนที่เดินผ่านหน้าว่าเป็นต้นเหตุของปัญหา (ด่าแลงค์ว่าทิ้งผ้าอ้อมเด็กทั้งที่แลงค์ไม่มีลูก) พฤติกรรมเช่นนี้ทำให้คนเอือมระอาและไม่ฟังเขาเอาเสียเลย ผมว่าผมเห็นแล้วนึกถึงสถานะของ NGOs ในปัจจุบันนะ
สรุป
- หนังสนุกและเคว้ง สนุกด้วยได้บริหารการมโน เคว้งคือดูจบแล้วรู้สึกมีอะไรลอยเคว้งอยู่ในหัวเต็มไปหมด ด้วยมีอะไรมีสัญลักษณ์และพฤติกรรม ประหลาดล้ำอีกมากมายที่ผมยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร ไปดูเถอะครับจะได้มาช่วยบอกผมเพิ่มเติมและแย้งผมด้วยว่าผมเพ้อเจ้อผิดไปตรงไหนบ้าง