การถือศิลอดกับมุมมองคำสอนศาสนาอิสลาม

กระทู้คำถาม
ใกล้เดือนถือศิลอดของชาวมุสลิมแล้วผมขอนำเรื่องนี้มาแบ่งปั่นละกันครับ

การถือศีลอดเป็นข้อหนึ่งของหลักปฏิบัติของอิสลาม 5 ประการ
     1.ต้องปฏิญาณตนต่อพระเจ้า
     2.ต้องดำรงละหมาด 5 เวลา คือ ตอนรุ่งอรุณ ตอนบ่าย ตอนตะวันคล้อย ตอนตะวันตกดิน และยามค่ำคืน
    3.ต้องถือศีลอดในเดือนรอมฎอน เดือนที่ 9 ของปฏิทินอิสลาม
    4.ต้องจ่ายซะกาต
    5.ต้องทำหัจญ์ คือ การเดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจที่นครมักกะฮ์
    การถือศีลอด ตามความหมายทางศาสนาของอิสลาม คือการงดเว้นจากการกิน การดื่ม การเสพ และการมีความสัมพันธ์ทางเพศ ตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนถึงดวงอาทิตย์ตกตลอดทั้งเดือนรอมฎอนของทุกปีซึ่งอาจ จะมีระยะเวลา 29 หรือ 30 วัน โดยมีเจตนาว่าทำเพื่ออัลลอฮฺ



เป้าหมายของการถือศีลอด พอจะประมาณได้มีอยู่ 3 ประการ
    1. เพื่อให้เกิดความยำเกรงต่ออัลลอฮฺ
    2. เพื่อให้เกิดสุขภาพดี
    3. เพื่อได้รู้ถึงสภาพคนยากจน และเกิดความสงสารเห็นอกเห็นใจ




ผู้ที่จำเป็นต้องถือศีลอด คือ

    1. เป็นมุสลิม
    2. มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์
    3. บรรลุศาสนภาวะ
    4. มีสุขภาพดี
    5. ไม่เดินทาง
    6. สตรีที่ไม่มีรอบเดือน
    7. ไม่มีเลือดนิฟาส (เลือดหลังจากคลอดบุตร)


ผลดีของการถือศีลอด
    1) ประการแรกก็คือเพื่อเป็นการฝึกให้เกิดความรู้สึกยับยั้งตนเองและเกรงกลัว พระเจ้า (หรือที่เรียกกันว่า ตักวา ) โดยปกติแล้ว แรงกระตุ้นให้ทำบาปนั้นมักจะเกิดขึ้นจากการมีความต้องการเยี่ยงสัตว์มากเกิน พอดี แต่การถือศีลอดจะช่วยลดความรู้สึกทางด้านนี้ลง ด้วยเหตุนี้ ท่านนบีจึงได้แนะนำชายหนุ่มที่ยังไม่สามารถแต่งงานและไม่สามารถควบคุมความ ความต้องการทางเพศของตัวเองได้ให้ถือศีลอด เพราะการถือศีลอดจะช่วยลดอารมณ์ทางเพศลง
    2) การถือศีลอดทำให้คนร่ำรวยและคนมีอันจะกิน รู้สึกถึงความหิวและความกระหาย ความรู้สึกเช่นนี้ด้วยตัวเองจะทำให้คนเหล่านั้นรู้สึกถึงความทุกข์ยากของคน จนและมีจิตใจที่อยากจะช่วยเหลือคนเหล่านั้น นอกจากนี้แล้ว อิสลามยังได้แนะนำให้ทำทานแก่คนยากจนและคนตกทุกข์ได้ยากในเดือนนี้เป็นพิเศษ ด้วย และก่อนที่เดือนแห่งการถือศีลอดจะสิ้นสุดลง อิสลามก็วางข้อกำหนดไว้อย่างเข้มงวดให้มุสลิมทุกคนต้องจ่าย "ซะกาตฟิฏเราะฮฺ" (ซึ่งเป็นข้าวสารประมาณ 3 ลิตร)แก่คนยากจนหรือคนไม่มีจะกินเพื่อให้คนเหล่านี้มีอาหารสำหรับฉลองวัน เทศกาล "อีดิล ฟิฏริ" หากใครไม่จ่ายซะกาตฟิฏเราะฮฺ อัลลอฮฺก็จะยังไม่รับการถือศีลอดของคนผู้นั้น ดังนั้น การถือศีลอดจึงเป็นมาตรการหนึ่งที่ช่วยดึงคนมีอันจะกินให้หันมารับรู้ความ รู้สึกของคนหิวโหยและช่วยเหลือคนเหล่านั้น
    3) การถือศีลอดเป็นการฝึกฝนผู้ศรัทธา ให้รู้จักอดทนในการที่จะเผชิญต่อความยากลำบาก ที่อาจจะเกิดขึ้นเป็นบางครั้งบางคราวในชีวิต เช่น การขาดแคลนอาหาร หรือวิกฤตการณ์ต่างๆ
    4) การหิวและการอดอาหารนานเกินไปอาจทำให้ร่างกายอ่อนแอ แต่การกินอาหารมากเกินไปนั้นเป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกายของมนุษย์มากกว่า ดังนั้น การถือศีลอดในบางครั้งจึงเป็นผลดีต่อสุขภาพของร่างกาย เป็นการบำบัดโรคบางอย่าง เพราะการอดอาหารจะช่วยลดไขมันที่เกินความต้องการและขับสารพิษบางอย่างออกจาก ร่างกายของมนุษย์ การทดลองและการสังเกตุของวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ยืนยันถึงเรื่องนี้แล้ว ท่านนบีได้เคยกล่าวว่า "ทุกสิ่งทุกอย่างมีซะกาต และซะกาตของร่างกายคือการถือศีลอด" (ซะกาตหมายถึงการซักฟอกให้สะอาดและความเจริญงอกงาม)
    5) การถือศีลอดเป็นการปกป้องผู้ถือศีลอดให้พ้นจากบาปต่างๆ เพราะในขณะถือศีลอด ผู้ถือศีลอดไม่เพียงแต่จะต้องงดเว้นจากการกิน การดื่มเท่านั้น แต่ยังจะต้องงดเว้นจากการนินทาว่าร้าย การพูดจาไร้สาระ การคิดและการทำสิ่งชั่วช้าเลวทรามต่างๆด้วย อิสลามถือว่าคนที่ถือศีลอดแต่ยังไม่งดเว้นจากการนินทาว่าร้ายผู้อื่นนั้นจะ ไม่ได้อะไรจากการถือศีลอดนอกไปจากความหิว
    6) การถือศีลอดเป็นการฝึกจิตใจให้มีสมาธิแน่วแน่ ในสิ่งที่ตัวเองยืนหยัดศรัทธา
    7) ถึงแม้การถือศีลอดจะทำให้ท้องเกิดความหิวกระหาย แต่ขณะเดียวกัน มันก็ทำให้หัวใจเกิดความหิวกระหายที่จะทำดีด้วย
    8) การถือศีลอดก่อให้เกิดความเสมอภาคขึ้นในหมู่ประชาชาติมุสลิม เพราะในเดือนรอมฎอน ไม่ว่าใครจะรวยหรือจนขนาดไหน มุสลิมทุกคนต่างก็ต้องอดอาหารตามคำบัญชาของอัลลอฮฺด้วยกันทั้งสิ้น
    9) การถือศีลอดเป็นการฝึกความซื่อสัตย์ต่อตนเองและพระเจ้า บางครั้งบางคนอาจจะทนกับความหิวโหย แอบกินอาหารโดยที่ไม่ให้ใครเห็น แต่พึงระลึกไว้เถอะว่าไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็แล้วแต่ทั้งในที่ลับหรือที่แจ้ง อัลลอฮ์(ซ.บ.)ทรงรู้ และทรงเห็น



สิ่งที่เป็นซุนนะฮฺในการถือศีลอดได้แก่  (ซุนนะฮุ คือ ถ้าทำได้บุญกุศล ละทิ้งไม่มีโทษ)
1.รับประทาน อาหารสะฮูรโดยให้ล่าช้าในการรับประทาน ท่านรอซูล ศ๊อลลัลลอฮุอะลัย ฮิวะซัลลัม กล่าวว่า “ ประชาชาติของฉันยังอยู่ในความดี ในเมื่อพวกเขารีบแก้ศีลอด และ ล่าช้าในการรับประทานอาหารสะฮูร ”
2.รีบละศีลอดเมื่อได้เวลา แก้ศีลอดด้วยอินทผาลัมสุกหรือแห้ง หรือน้ำ โดยรับประทานเป็นจำนวนคี่ ก่อนการแก้ศีลอดให้อ่านดุอาว่า “ อัลลอฮุมมะ ละกะศุมตุ วะอาลาริซกิกะ อัฟตอรตุ ”
3.งดเว้นการปฏิบัติในสิ่งที่ขัดต่อมารยาทของการถือศีลอด เช่น การด่าทอ นินทา การพูด โกหก การพูดในสิ่งที่ไร้สาระ ฯลฯ
4.อ่านอัลกุรอาน
5.ละหมาดกิยาม (ตะรอเวียะฮฺ)ในค่ำคืนของเดือนรอมฎอน
6.การทำเอี๊ยะติกาฟในมัสยิด เฉพาะอย่างยิ่งใน 10 คืนสุดท้ายของเดือนรอมฎอน เพื่อแสวงหาคืน อัล ก๊อดรฺ(ลัยละตุ้ลก๊อดรฺ)
7.ทำสิ่งที่เป็นความดีต่างๆให้มาก ไม่ว่าจะเป็นการละหมาด การกล่าวซิกรุลลอฮฺ และการทำศอดาเกาะฮฺ
8.ควรเป็นคนใจบุญ เห็นอกเห็นใจคนยากคนจน



สิ่งที่ทำให้เสียศีลอดมี 7 ประการ คือ
    1. กินและดื่ม โดยเจตนา
    2. อาเจียรโดยเจตนา
    3. มีเลือดประจำเดือน
    4. มีเลือดอันเนื่องจากการคลอดบุตร
    5. หลั่งอสุจิโดยเจตนา
    6. สูบบุหรี่
    7. สิ้นสภาพจากการเป็นมุสลิม




การถือศิลอดในทัศนะทางการแพทย์
    นักวิชาการอเมริกาคนหนึ่ง ชื่อนายแพทย์ Allan Cott เขาได้เขียนหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า “ Way Fast ? ” (ทำไม่ต้องถือศิลอด) ซึ่งเป็นผลจากกการวิจัยของเขาจากหลายๆประเทศ เขาได้สรุปถึงเคล็ดลับของการถือศิลอดไว้ 10 ข้อ ดังนี้
1. to feel better physically and mentally. = ทำให้รู้สึกว่ามีสุขภาพและจิตใจที่ดีขึ้น
2. to look and feel younger. = ทำให้มองเห็นและรู้สึกอ่อนเยาว์ขึ้น
3. to clean out the body. = ทำให้ร่างกายสะอาดสะอ้าน
4. to lower blood pressure and cholesterol levels = ช่วยลดความดันโลหิตสูง และระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
5. to get more out of sex = ช่วยลดความรู้สึกอารมณ์ใคร่ (เซ็กส์)
6.to let the body health itself = ช่วยให้ร่างกายบำบัดตนเอง
7. to relieve the tension = ช่วยลดความตรึงเครียด
8. to sharp the sense = ช่วยให้สติปัญญาเฉียบแหลม
9. to again control of ourself = ทำให้สามารถควบคุมตนเองได้
10. to slow the aging process = ช่วยชะลอความชรา

บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย สะตอดอง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่