ไม่รู้คำพูดพวกนี้ที่ผมจะนิยามลงไปในกระทู้นี้กับบริษัทเมือไทยประกันภัยมันจะดูรุนแรงไปหรือไม่
แต่ด้วยเหตุการณ์ที่ผ่านๆมาตลอด 1 เดือนเต็มผมรู้สึกได้ถึงนิยามพวกนี้
บริษัทเมืองไทยประกันภัยมีความบกพร่องในการให้บริการกับลูกค้าเกี่ยวกับการเตรียมอะไหล่เพื่อจัดซ่อม
ขาดจรรยาบรรณและหลักธรรมมาภิบาลในการดำเนินธุรกิจประกันภัย แสดงให้เห็นว่ามีการเอาเปรียบผู้เอาประกันภัย
ไม่มีความซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา อันนี้คือนิยามที่ผมรู้สึกครับ
หากพี่ๆน้องๆอยากรู้ว่าทำไมผมจึงนิยามไว้แบบนั้นลองอ่านเนื้อหาที่ผมกำลังจะแชร์ให้ดูนะครับ
เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า ผมเพิ่งจะลองเปลี่ยนมาใช้ประกันภัยของบริษัทเมืองไทยเมื่อต้นเดือนมีนาคม 59 ที่ผ่านมา
หลังจากนั้นไม่ถึงครึ่งเดือนรถผมประสบอุบัติเหตุหน้าคอนโด วันที่ 13 มีนาคม โดยรถจักรยานยนต์เฉี่ยวชน
หลังจากเกิดเหตุนั้นประกันของผมได้เข้ามาไกล่เกลี่ย และชี้ให้ผมเป็นประมาทร่วมไป เนื่องจากพนักงานแจ้งว่าผมเป็นทางโท
ไม่ได้ทางหลักและมอไซต์คู่กรณีไม่มีประกันภัยรวมถึงไม่สามารถรับผิดชอบค่าเสียหายได้ ผมเลยยอมๆตามประกันไป
จากนั้นวันที่ 16 มีนาคม ผมได้นำรถเข้าไปติดต่อแจ้งเรื่องเคลม ณ อู่สยามออโต้บอร์ดี้
โดยให้ทางอู่แจ้งเรื่องเพื่อขอให้ประกันอนุมัติเคลมและจัดหาอะไหล่เพื่อนำรถเข้าซ่อม
ต่อมาทางอู่แจ้งประกันอนุมัติมาในวันที่ 18 มีนาคม โดยรายการอะไหล่ที่แจ้งเคลมมีทั้งหมด 3 รายการด้วยกัน
1.กันชนหน้า 2.ตะแกรงช่องลมกันชนหน้า 3.พลาสติกซุ้มล้อขวา และผมได้สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ประกันภัย
หลังจากที่ทางอู่โทรแจ้งว่ารายการทั้งหมดเป็นการเปลี่ยนหรือซ่อม ทางประกันแจ้งว่าเป็นการเปลี่ยน
( ณ ตอนนั้นยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าเป็นของมือสอง)
สภาพความเสียหายเบื้องต้น
ต่อมาในวันที่ 23 มีนาคม ทางอู่ได้ติดต่อมาหาว่า รายการอะไหล่มาพร้อมจัดซ่อมแล้วให้ลูกค้า
ดำเนินการนำรถเข้ามาติดต่อจอดซ่อมได้เลย ในวันเดียวกันนั้นผมจึงนำรถเข้าไปติดต่อเพื่อจอดซ่อม
แต่ก่อนที่จะจอดซ่อมผมขอทางอู่ดูอะไหล่ที่ทางประกันจัดส่งมาให้ก่อน ผลปรากฏว่ากันชนชิ้นที่ประกันจัดมาให้เป็นกันชนมือสอง
แต่ตอนนั้นผมเองก็ไม่ได้ซีเรียสว่าจะเป็นมือ 1 หรือ มือ 2 ขอแค่ของที่จัดส่งให้ลูกค้ามีสภาพสมบูรณ์
ไม่แย่ไปกว่าชิ้นเดิมที่เกิดอุบัติเหตุ จากภาพจะเห็นได้ว่ากันชนชิ้นแรกที่ทางประกันจัดส่งมาให้มีสภาพบิ่น
กะเทาะ แตกตามมุม หูยึดฉีกขาด ผมจึงให้ผู้จัดการอู่มาร่วมประเมินสภาพว่าถ้าผมรับชิ้นนี้ไปทางอู่จะทำการบิ้วทำสียากน้อยเพียงใด
โดยทางอู่ประเมินว่าให้ลูกค้าแจ้งประกันเพื่อขอเปลี่ยนตัวใหม่จะสมบูรณ์กว่า เนื่องจากกันชนชิ้นนี้มีรอยข้อนข้างเยอะ
ผมจึงประสานงานไปยังเมืองไทยประกันภัยเพื่อสอบถามถึงความเป็นไปได้ถึงการขอเบิกกันชนใหม่ที่ยังไม่ได้ใช้งาน
ซึ่งทางผมได้เช็คราคามาคร่าวๆตกอยู่ประมาณ 38,000 บาท ทางเจ้าหน้าที่อนุมัติเคลมแจ้งว่า
“รถยนต์เก่าเกิน 4 ปีขึ้นไปทางเมืองไทยจะจัดเป็นอะไหล่มือสองให้ทั้งหมด” และชิ้นที่จัดไปให้มูลค่าก็อยู่ 16,000 บาทแล้ว
ผมก็เข้าใจในประกันที่เค้าอธิบาย จึงแจ้งให้จัดหากันชนมือสองชิ้นใหม่มาเปลี่ยนแทนตัวเดิม
สภาพกันชนชิ้นแรก
หลังจากนั้นวันที่ 5 เมษายน ทางอู่ได้แจ้งลูกค้าอีกครั้งว่ากันชนที่ส่งไปเปลี่ยนได้อันใหม่กลับมาแล้ว
ให้ทางลูกค้าเข้าตรวจสอบสภาพและคอนเฟิร์มก่อนจัดซ่อม โดยผมได้เข้าไปตรวจเช็คเบื้องต้นและยอมรับในกันชนชิ้นที่ 2
สภาพกันชนชิ้นที่ 2
ที่ทางประกันจัดส่งมาให้ และได้ดำเนินการนัดคิวซ่อมเป็นวันที่ 20 เมษายน ต่อมาได้นำรถทิ้งไว้ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน
และมีกำหนดรับรถประมาณ 10 วัน หรือวันที่ 2 พฤษภาคม แต่ก่อนถึงวันนัดหมายรับรถโดยประมาณ 3 วันหรือวันที่ 29 เมษายน
ผมได้ติดต่อไปทางอู่ว่ารถยนต์ใกล้เสร็จหรือไม่และติดปัญหาใดๆหรือไม่ และเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ..............................
ทางอู่แจ้งว่ากันชนหน้าชิ้นที่กำลังจะขึ้นงานมีปัญหา ลองถอดของเดิมออกมาแล้วนำชิ้นที่ 2 ใส่เข้าไปเพื่อเทียบกันชน ปรากฏว่า
กันชนหน้าแตกที่มุมกันชนด้านบน เกิดจากกันชนชิ้นนี้ผ่านการซ่อมมาแล้ว ทำให้กันชนฉีกเวลาดึงยึดกับตัวถัง งานเข้าแล้วสิคับ
กันชนฉีกหลักจากทดลองประกอบ
ผมนี่แทบจะเต้นเป็นเจ้าเข้า ทางอู่แจ้งว่าขอเวลาเพิ่มอีกเพื่อส่งกันชนกลับไปที่ร้านอะไหล่เพื่อเปลี่ยนชิ้นใหม่
แต่มันมีกลิ่นแปลกๆอยู่ตรงที่ว่า แทนที่ร้านอะไหล่จะรับกันชนชิ้นที่ 2 กลับไปเปลี่ยน
กลายเป็นนำกันชนติดรถผมแต่แรกกลับไปแทน โดยทางอู่แจ้งกับลูกค้าว่าร้านอะไหล่ต้องการเอากันชนเดิมๆไปเทียบ
ผมนี่ตาขวากระตุกรัวๆเลยครับเหมือนจะมีรางร้ายเกิดขึ้นแน่ๆ
จากนั้นวันที่ 3 พฤษภาคม ซึ่งเลยกำหนดรับรถมาแล้ว 1 วัน มีข่าวดีจากทางอู่อีกครั้งว่ากันชนชิ้นใหม่มาแล้วนะครับ
แต่ก่อนที่จะวางสาย มีคำว่า แต่ ....................... จากทางผู้จัดการอู่ว่า "ลูกค้าครับ คราวนี้กันชนมันโป้วสีมาแล้วนะ"
รางสังหรณ์เริ่มเข้าเค้าแล้วว่ามันจะเป็นจริง ช่วงบ่ายผมรีบเดินทางไปยังอู่และขอดูกันชนชิ้นใหม่ที่ทางอู่แจ้งว่าส่งมาแล้ว
ผลปรากฏว่า ทุกอย่างที่ผมคิดเอาไว้มันเป็นจริงทั้งหมดเลยครับ เป็นกันชนเก่าติดรถที่เกิดอุบัติเหตุและทางประกันนำมารีบิ้ว
เพื่อส่งมอบให้กับลูกค้า พูดไรไม่ออกครับ ได้แต่ยืนเกาหัวและ งงๆ พร้อมกับไว้อาลัยกับเมืองไทยประกันภัยไป 5 นาที
กันชนชิ้นที่ 3 ที่บอกว่าเอาไปเปลี่ยนใหม่แล้ว
ผมจึงบอกกับทางอู่ว่าผมไม่ยินดีที่จะรับกันชนชิ้นนี้ที่ผ่านการเชื่อมและซ่อมมาแล้ว เนื่องจากแรกเริ่มเดิมทีทางประกันเสนอให้เปลี่ยน
แต่ในเมื่อกันชนมันไม่มีคุณภาพทางลูกค้าก็มีสิทธิที่จะไม่รับและขอให้ทางประกันจัดชิ้นใหม่มาให้
สุดท้ายถ้าหากว่าประกันหาอันทดแทนไม่ได้ทางออกของปัญหามันควรจะดีกว่าที่จะต้องเอาของเก่ามาย้อมแมว
หลอกลวงลูกค้าแบบนี้ ผมคิดในใจว่าหากเราเป็นคนที่ไม่รู้เรื่องรถอะไรเลย ไม่ติดตามงานซ่อม
เราคงจะมีเขาเล็กๆงอกอยู่บนหัวไปแล้วแหละครับ สุดท้ายสิ้นปีเบี้ยประกันภัยคุณถูกเพิ่มขึ้นเนื่องจากคุณเคลมและมีการเปลี่ยนอะไหล่
แต่ในความเป็นจริงคุณคือคนโง่ที่ถูกประกันภัยเอาเปรียบตั้งแต่ต้นจนจบ
ระหว่างที่ผมเขียนเรื่องนี้ ขั้นตอนการซ่อมถูกสั่งให้พักทั้งหมดและอยู่ในระหว่างการดำเนินการเรียกร้องกับทาง
คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย โดยทางพนักงานศูนย์รับเรื่องร้องเรียนของทางเมืองไทย
แนะนำให้ลูกค้าไปฟ้องร้องกับทาง คปภ.เพื่อให้ คปภ. เป็นผู้ชี้เรื่องการเปลี่ยนอะไหล่ ดูๆๆๆๆ ดูซิครับ
การมีประกันภัยภาคสมัครใจติดรถยนต์เอาไว้ มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะสะดวกหรือได้รับความคุ้มครองดีๆเสมอไปนะครับ
ท้ายสุดนี้ผมอยากจะฝากพี่ๆน้องๆที่กำลังจะมองหาประกันภัยภาคสมัครใจเอาไว้ว่า
เราควรจะศึกษาบริษัทประกัน ข้อกำหนดเงื่อนไขการรับประกันให้ดีๆนะครับ
เพราะว่าถึงแม้ว่าเค้าจะรับเงินจากเราเพื่อคุ้มครองทรัพย์สินของเรา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเค้าจะซื่อตรง
เป็นธรรม และมีธรรมมาภิบาลที่ดีกับลูกค้าเสมอไปนะครับ
เดี๋ยวนี้ประกันภัยรถยนต์เค้าทำกับลูกค้าถึงขนาดนี้แล้วเชียวหรือ ??
แต่ด้วยเหตุการณ์ที่ผ่านๆมาตลอด 1 เดือนเต็มผมรู้สึกได้ถึงนิยามพวกนี้
บริษัทเมืองไทยประกันภัยมีความบกพร่องในการให้บริการกับลูกค้าเกี่ยวกับการเตรียมอะไหล่เพื่อจัดซ่อม
ขาดจรรยาบรรณและหลักธรรมมาภิบาลในการดำเนินธุรกิจประกันภัย แสดงให้เห็นว่ามีการเอาเปรียบผู้เอาประกันภัย
ไม่มีความซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา อันนี้คือนิยามที่ผมรู้สึกครับ
หากพี่ๆน้องๆอยากรู้ว่าทำไมผมจึงนิยามไว้แบบนั้นลองอ่านเนื้อหาที่ผมกำลังจะแชร์ให้ดูนะครับ
เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า ผมเพิ่งจะลองเปลี่ยนมาใช้ประกันภัยของบริษัทเมืองไทยเมื่อต้นเดือนมีนาคม 59 ที่ผ่านมา
หลังจากนั้นไม่ถึงครึ่งเดือนรถผมประสบอุบัติเหตุหน้าคอนโด วันที่ 13 มีนาคม โดยรถจักรยานยนต์เฉี่ยวชน
หลังจากเกิดเหตุนั้นประกันของผมได้เข้ามาไกล่เกลี่ย และชี้ให้ผมเป็นประมาทร่วมไป เนื่องจากพนักงานแจ้งว่าผมเป็นทางโท
ไม่ได้ทางหลักและมอไซต์คู่กรณีไม่มีประกันภัยรวมถึงไม่สามารถรับผิดชอบค่าเสียหายได้ ผมเลยยอมๆตามประกันไป
จากนั้นวันที่ 16 มีนาคม ผมได้นำรถเข้าไปติดต่อแจ้งเรื่องเคลม ณ อู่สยามออโต้บอร์ดี้
โดยให้ทางอู่แจ้งเรื่องเพื่อขอให้ประกันอนุมัติเคลมและจัดหาอะไหล่เพื่อนำรถเข้าซ่อม
ต่อมาทางอู่แจ้งประกันอนุมัติมาในวันที่ 18 มีนาคม โดยรายการอะไหล่ที่แจ้งเคลมมีทั้งหมด 3 รายการด้วยกัน
1.กันชนหน้า 2.ตะแกรงช่องลมกันชนหน้า 3.พลาสติกซุ้มล้อขวา และผมได้สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ประกันภัย
หลังจากที่ทางอู่โทรแจ้งว่ารายการทั้งหมดเป็นการเปลี่ยนหรือซ่อม ทางประกันแจ้งว่าเป็นการเปลี่ยน
( ณ ตอนนั้นยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าเป็นของมือสอง)
ต่อมาในวันที่ 23 มีนาคม ทางอู่ได้ติดต่อมาหาว่า รายการอะไหล่มาพร้อมจัดซ่อมแล้วให้ลูกค้า
ดำเนินการนำรถเข้ามาติดต่อจอดซ่อมได้เลย ในวันเดียวกันนั้นผมจึงนำรถเข้าไปติดต่อเพื่อจอดซ่อม
แต่ก่อนที่จะจอดซ่อมผมขอทางอู่ดูอะไหล่ที่ทางประกันจัดส่งมาให้ก่อน ผลปรากฏว่ากันชนชิ้นที่ประกันจัดมาให้เป็นกันชนมือสอง
แต่ตอนนั้นผมเองก็ไม่ได้ซีเรียสว่าจะเป็นมือ 1 หรือ มือ 2 ขอแค่ของที่จัดส่งให้ลูกค้ามีสภาพสมบูรณ์
ไม่แย่ไปกว่าชิ้นเดิมที่เกิดอุบัติเหตุ จากภาพจะเห็นได้ว่ากันชนชิ้นแรกที่ทางประกันจัดส่งมาให้มีสภาพบิ่น
กะเทาะ แตกตามมุม หูยึดฉีกขาด ผมจึงให้ผู้จัดการอู่มาร่วมประเมินสภาพว่าถ้าผมรับชิ้นนี้ไปทางอู่จะทำการบิ้วทำสียากน้อยเพียงใด
โดยทางอู่ประเมินว่าให้ลูกค้าแจ้งประกันเพื่อขอเปลี่ยนตัวใหม่จะสมบูรณ์กว่า เนื่องจากกันชนชิ้นนี้มีรอยข้อนข้างเยอะ
ผมจึงประสานงานไปยังเมืองไทยประกันภัยเพื่อสอบถามถึงความเป็นไปได้ถึงการขอเบิกกันชนใหม่ที่ยังไม่ได้ใช้งาน
ซึ่งทางผมได้เช็คราคามาคร่าวๆตกอยู่ประมาณ 38,000 บาท ทางเจ้าหน้าที่อนุมัติเคลมแจ้งว่า
“รถยนต์เก่าเกิน 4 ปีขึ้นไปทางเมืองไทยจะจัดเป็นอะไหล่มือสองให้ทั้งหมด” และชิ้นที่จัดไปให้มูลค่าก็อยู่ 16,000 บาทแล้ว
ผมก็เข้าใจในประกันที่เค้าอธิบาย จึงแจ้งให้จัดหากันชนมือสองชิ้นใหม่มาเปลี่ยนแทนตัวเดิม
หลังจากนั้นวันที่ 5 เมษายน ทางอู่ได้แจ้งลูกค้าอีกครั้งว่ากันชนที่ส่งไปเปลี่ยนได้อันใหม่กลับมาแล้ว
ให้ทางลูกค้าเข้าตรวจสอบสภาพและคอนเฟิร์มก่อนจัดซ่อม โดยผมได้เข้าไปตรวจเช็คเบื้องต้นและยอมรับในกันชนชิ้นที่ 2
ที่ทางประกันจัดส่งมาให้ และได้ดำเนินการนัดคิวซ่อมเป็นวันที่ 20 เมษายน ต่อมาได้นำรถทิ้งไว้ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน
และมีกำหนดรับรถประมาณ 10 วัน หรือวันที่ 2 พฤษภาคม แต่ก่อนถึงวันนัดหมายรับรถโดยประมาณ 3 วันหรือวันที่ 29 เมษายน
ผมได้ติดต่อไปทางอู่ว่ารถยนต์ใกล้เสร็จหรือไม่และติดปัญหาใดๆหรือไม่ และเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ..............................
ทางอู่แจ้งว่ากันชนหน้าชิ้นที่กำลังจะขึ้นงานมีปัญหา ลองถอดของเดิมออกมาแล้วนำชิ้นที่ 2 ใส่เข้าไปเพื่อเทียบกันชน ปรากฏว่า
กันชนหน้าแตกที่มุมกันชนด้านบน เกิดจากกันชนชิ้นนี้ผ่านการซ่อมมาแล้ว ทำให้กันชนฉีกเวลาดึงยึดกับตัวถัง งานเข้าแล้วสิคับ
ผมนี่แทบจะเต้นเป็นเจ้าเข้า ทางอู่แจ้งว่าขอเวลาเพิ่มอีกเพื่อส่งกันชนกลับไปที่ร้านอะไหล่เพื่อเปลี่ยนชิ้นใหม่
แต่มันมีกลิ่นแปลกๆอยู่ตรงที่ว่า แทนที่ร้านอะไหล่จะรับกันชนชิ้นที่ 2 กลับไปเปลี่ยน
กลายเป็นนำกันชนติดรถผมแต่แรกกลับไปแทน โดยทางอู่แจ้งกับลูกค้าว่าร้านอะไหล่ต้องการเอากันชนเดิมๆไปเทียบ
ผมนี่ตาขวากระตุกรัวๆเลยครับเหมือนจะมีรางร้ายเกิดขึ้นแน่ๆ
จากนั้นวันที่ 3 พฤษภาคม ซึ่งเลยกำหนดรับรถมาแล้ว 1 วัน มีข่าวดีจากทางอู่อีกครั้งว่ากันชนชิ้นใหม่มาแล้วนะครับ
แต่ก่อนที่จะวางสาย มีคำว่า แต่ ....................... จากทางผู้จัดการอู่ว่า "ลูกค้าครับ คราวนี้กันชนมันโป้วสีมาแล้วนะ"
รางสังหรณ์เริ่มเข้าเค้าแล้วว่ามันจะเป็นจริง ช่วงบ่ายผมรีบเดินทางไปยังอู่และขอดูกันชนชิ้นใหม่ที่ทางอู่แจ้งว่าส่งมาแล้ว
ผลปรากฏว่า ทุกอย่างที่ผมคิดเอาไว้มันเป็นจริงทั้งหมดเลยครับ เป็นกันชนเก่าติดรถที่เกิดอุบัติเหตุและทางประกันนำมารีบิ้ว
เพื่อส่งมอบให้กับลูกค้า พูดไรไม่ออกครับ ได้แต่ยืนเกาหัวและ งงๆ พร้อมกับไว้อาลัยกับเมืองไทยประกันภัยไป 5 นาที
ผมจึงบอกกับทางอู่ว่าผมไม่ยินดีที่จะรับกันชนชิ้นนี้ที่ผ่านการเชื่อมและซ่อมมาแล้ว เนื่องจากแรกเริ่มเดิมทีทางประกันเสนอให้เปลี่ยน
แต่ในเมื่อกันชนมันไม่มีคุณภาพทางลูกค้าก็มีสิทธิที่จะไม่รับและขอให้ทางประกันจัดชิ้นใหม่มาให้
สุดท้ายถ้าหากว่าประกันหาอันทดแทนไม่ได้ทางออกของปัญหามันควรจะดีกว่าที่จะต้องเอาของเก่ามาย้อมแมว
หลอกลวงลูกค้าแบบนี้ ผมคิดในใจว่าหากเราเป็นคนที่ไม่รู้เรื่องรถอะไรเลย ไม่ติดตามงานซ่อม
เราคงจะมีเขาเล็กๆงอกอยู่บนหัวไปแล้วแหละครับ สุดท้ายสิ้นปีเบี้ยประกันภัยคุณถูกเพิ่มขึ้นเนื่องจากคุณเคลมและมีการเปลี่ยนอะไหล่
แต่ในความเป็นจริงคุณคือคนโง่ที่ถูกประกันภัยเอาเปรียบตั้งแต่ต้นจนจบ
ระหว่างที่ผมเขียนเรื่องนี้ ขั้นตอนการซ่อมถูกสั่งให้พักทั้งหมดและอยู่ในระหว่างการดำเนินการเรียกร้องกับทาง
คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย โดยทางพนักงานศูนย์รับเรื่องร้องเรียนของทางเมืองไทย
แนะนำให้ลูกค้าไปฟ้องร้องกับทาง คปภ.เพื่อให้ คปภ. เป็นผู้ชี้เรื่องการเปลี่ยนอะไหล่ ดูๆๆๆๆ ดูซิครับ
การมีประกันภัยภาคสมัครใจติดรถยนต์เอาไว้ มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะสะดวกหรือได้รับความคุ้มครองดีๆเสมอไปนะครับ
ท้ายสุดนี้ผมอยากจะฝากพี่ๆน้องๆที่กำลังจะมองหาประกันภัยภาคสมัครใจเอาไว้ว่า
เราควรจะศึกษาบริษัทประกัน ข้อกำหนดเงื่อนไขการรับประกันให้ดีๆนะครับ
เพราะว่าถึงแม้ว่าเค้าจะรับเงินจากเราเพื่อคุ้มครองทรัพย์สินของเรา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเค้าจะซื่อตรง
เป็นธรรม และมีธรรมมาภิบาลที่ดีกับลูกค้าเสมอไปนะครับ