สวัสดีค่ะเพื่อนๆ นี่จัดว่าเป็นรีวิวครั้งแรกของเราเลยนะ ไม่เคยคิดจะรีวิว แต่เพื่อนๆยุ ก็เลยลองดูค่ะ อาจจะมีประโยชน์กับคนที่คิดจะไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านใกล้ๆอย่างมาเลเซียบ้างนะคะ
ทริปของเราเริ่มต้นเดินทางจากหาดใหญ่ ไปกันทั้งหมด 4 สาว จากเดิมวางแผนไว้ว่าไปกันแค่สองคนด้วยงบประมาณ 3,000 บาท พอน้องที่ออฟฟิศได้ยิน Budget เท่านั้นแหละ รีบจองโรงแรมกับรถตู้ตามมาติดๆ กันเลยทีเดียว
จริงๆ แล้ว เราและเพื่อนอีกคนในทีมเคยไปปีนังกันมาแล้วหนนึง แต่เป็นการไปกับทัวร์ ซึ่งคนที่เคยไปเที่ยวกับทัวร์ก็น่าจะเข้าใจฟีลลิ่งดีนะคะว่าประมาณไหน เราก็เลยรู้สึกว่าการไปกับทัวร์มันไม่ใช่แนวเราเอาซะเลย
น้ำมาซะเยอะ ขอเข้าเรื่องแบบเนื้อๆเลยละกันนะคะ เราวางแผนไปเที่ยวกันช่วงวันแรงงาน 1-2 พ.ค. ตรงกับวันอาทิตย์และจันทร์ ถามว่าทำไมไม่ไปสามวันเลยล่ะ ตั้งแต่เสาร์แล้วค่อยกลับจันทร์เลย คือพอดีว่าเรา 4 สาวทำงานที่โรงงานนรก เอร้ยไม่ใช่ คือบริษัทเราทำงานถึงวันเสาร์หยุดแค่สัปดาห์ละวัน เราก็เลยไม่อยากลางานกัน ขอเก็บวันลาไว้ไปทริปไกลๆดีกว่า 555 (ไหนมะกี๊บอกว่าจะเข้าเรื่องแล้ว ???)
เราดูรีวิวของคุณ Memories Pink
http://pantip.com/topic/31352456 ทั้ง 4 ตอน ละเอียดดี ก็เลยขอตามรอยเบาๆ แต่เอามาย่อให้สั้นลง เหลือแค่ 2 วัน 1 คืน
ค่าใช้จ่าย (แบบเน้นเที่ยว ไม่เน้นช้อป)
ที่พัก : Tune Hotel Downtown Penang จองผ่านเวป Agoda คืนละ 930 บาท x 2 ห้อง = 1,860 ไปกัน 4 คน ตกที่คนละ 465 บาท
การเดินทาง : ขึ้นรถตู้จากหาดใหญ่ ไป-กลับ ปีนัง คนละ 850
Pocket Money : คำนวณไว้ที่วันละ 100 RM ไปสองวันก็เป็นคนละ 200 RM ตอนนั้นเรทอยู่ที่ 1 RM = 9 บาท เสียทรัพย์ไปคนละ 1,800 บาท
รวมเป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมด คนละ 3,115 บาท (คิดว่าคงต้องเหลือแน่ๆ เพราะกะว่าจะไม่ช้อปอะไร)
หมายเหตุ : รถตู้จองกับบริษัท K.S.T. Travel โทร. 074-354551, 081-690-7253, 085-155-8321
Day 1 ---> Penang Hill, Nasi Lemak, ตลาดโต้รุ่ง
09.00 ออกเดินทางโดยรถตู้ที่หน้า บริษัท K.S.T. Travel 113 ถ. นิพัทธ์อุทิศ 1 (สาย 1) ตรงข้ามกับโรงแรม Aloha Hatyai ที่นี่บริการค่อนข้างดีเลยทีเดียว แนะนำวิธีการใช้ตั๋วอย่างละเอียด เวลาขากลับถ้ารถไปไม่ถึงตามเวลาต้องโทรตามยังไง คนขับขาไปก็เซอร์วิสดีค่ะ ถามตลอดจะแวะ 7-11 มั้ย (แต่เราไม่ขอแวะ เพราะอยากไปเที่ยวเร็วๆ กลัวเสียเวลา) ตอนผ่านตม.ก็แนะนำเราอีกว่าให้เข้าห้องน้ำฝั่งไทยนะเพราะฝั่งนี้สะอาดกว่าฝั่งมาเลย์เยอะ แล้วเราก็ผ่านตม.มาได้ด้วยดี
นั่งรถชิลๆ ต่อไป กะว่าจะหลับยาวๆไปเลยจนถึงปีนัง แต่แล้วสิ่งที่กวนอารมณ์ก็บังเกิดระหว่างการเดินทางนิดหน่อย เมื่ออยู่ดีๆคนขับรถตู้พาเราเข้าซอยเปลี่ยววววว คนในรถเกิดอาการงง เค้าจะพาเราไปไหน? นี่มันใช่ทางไปมาเลย์เหรอ? เกิดอะไรขั้น? เห้ยอารายยยยย? (เอ๊ะ เค้าจะพาเราไปขายเปล่าเนี่ยยยย แต่เมื่อเช็คหนังหน้าดีๆแล้ว ไม่ควรกังวลกับข้อนี้ 5555) เนื่องจากนั่งอยู่แถวหลังๆก็เลย ได้ยินเสียงคนขับคุยโทรศัพท์แว่วๆมา ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ เหมือนคุยกันกับคนขับคันอื่น ประมาณว่ากำลังหนีตำรวจมาเลย์ ทะเบียนรถโดนแบล็คลิสอะไรซักอย่าง เลยต้องขับหนีเข้ามาในทางนี้ สถานที่ซึ่งเป็นหมู่บ้าน ถึงจุดนี้ให้จินตนาการณ์ถึงสภาพท้องทุ่งนาบ้านเราค่ะ ถนนเล็กๆ ทางคดเคี้ยวไปมา พาให้มึนงง มัวแต่เพลิดเพลินกับทุ่งนา ป่าดงพงไพร เลยไม่ได้เก็บภาพมาให้ดู ถึงแม้ทางจะไม่ได้คดเคี้ยวเลี้ยวขึ้นเขามากมาย แต่ก็มีน้องที่นั่งแถวข้างหน้าเราเมารถอ๊วกแตกด้วยค่ะ คิดดูแล้วกัน ส่วนของเรายังดีที่แค่หน้ามืดตาลายคล้ายจะเป็นลม ดมยาดมเดี๋ยวเดียวก็หาย
กว่าจะออกมาจากทางหลวงชนบทเส้นนั้นได้ใช้เวลาราวๆ 30 - 40 นาทีเห็นจะได้ สุดท้าย แล้วไง? ก็โดนตำรวจตามมาทันอยู่ดี คนขับก็เลยต้องลงไปจ่ายค่าปรับ (แล้วมะกี๊จะหนีเพื่อ???) ณ จุดนี้ขอปรบมือให้กับพี่ตำรวจทางหลวงมาเลเซีย พี่ทำหน้าที่ได้สุดยอดมาก แต่วันหลังรบกวนรีบๆตามจับให้ได้ก่อนทางเข้าหมู่บ้านนะคะ พวกหนูจะได้ไม่ต้องเมารถ
14.00 ตามเวลาของประเทศมาเลเซีย (เร็วกว่าบ้านเรา 1 ชั่วโมง) ก็มาถึงที่พัก Tune Hotel Downtown Penang ไปถึงตรงกับเวลาเช็คอินพอดีเลยค่ะ ไม่ได้ถ่ายรูปหน้าฟร้อนเอาไว้ ดูรูปห้องพักแทนก็แล้วกันนะคะ ใช้เวลาเซ็คอินนานมาก นานเกิ๊นนน รออยู่เกือบๆ 20 นาที ได้คีย์การ์ดมา 2 ใบ สำหรับ 2 ห้อง พร้อมกับผ้าขนบรรจุอยู่ในถุงช้อปปิ้งแบ็ค 2 ถุง ถุงละ 2 ผืน สำหรับ 4 คน (จะละเอียดทำไม?) แวะเก็บสัมภาระในห้อง ทำธุระส่วนตัว ตามอัธยาศัยกันไป
14.40 เดินออกจากโรงแรม ตั้งใจจะออกไปปีนังฮิลล์ ด้วยรถเมล์ ระหว่างเดินก็มองหาร้านกินข้าวเที่ยงไปด้วย ณ จุดนั้นอากาศร้อนมาก ยังไม่รู้จะกินอะไร แต่รู้ว่าร่างกายต้องการแอร์ เหลือบไปเห็นร้านนึงตกแต่งสวยงาม มีแอร์ด้วยแฮะ ติดป้าย Nasi Lemak 3.9 RM เราสี่คนไม่รีรอ ตรงเข้าไปร้านนั้นทันที พร้อมกับสั่ง Nasi Lemak มาคนละจาน
แน่นอนว่าร้านติดแอร์ราคาอาหารไม่ถูกกว่าร้านข้างถนนแน่นอน หน้าตาของ Nasi Lemak ที่พวกเรากินกันก็เลยเป็นอย่างที่เห็น ไม่มีชิ้นเนื้ออันโอชะ มีแต่ไข่ ปลาแห้ง และถั่ว ส่วนรสชาติซอสนั้นจัดว่าไม่ขี้เหร่ค่ะ ซัดไปเกลี้ยงเลยด้วยความหิว (แอบเม้าว่าปลาตัวเล็กๆนั่นเค็มไตวายค่ะ -.-‘)
หลังจากถ่ายรูปในร้านกันอยู่พักนึง เราก็เดินกันต่อเพื่อไป Komtar Bus Terminal จุดหมายปลายทางเราคือ ปีนังฮิลล์ ซึ่งต้องนั่งสาย 204 เท่านั้น รอรถประมาณ 15 นาที คนเยอะดี มีกรุ๊ปบังคลาเทศ(?)ขึ้นมาเต็มคัน ค่าโดยสารคนละ 2 RM จ่ายให้กับคนขับตอนที่ขึ้นรถไปได้เลยค่ะ
ที่นั่งในรถน้อยมาก เน้นยืนโหนราวเป็นหลัก การขับของพี่คนขับนั้น เรียกได้ว่า รถเมล์สาย 8 ยังต้องซูฮกให้ในลีลาการขับของพี่เค้า หญิงผู้ซึ่งมีรากฐานมั่นคงอย่างดิชั้นต้องจับราวโหนทั้งสองมือกันเลยทีเดียว พยายามทรงตัวสุดฤทธิ์ไม่ให้ร่างกายเอนเอียงไปซบอกคุณพี่บังคลาเทศทั้งหลาย (ณ จุดนี้ ถ้าด้านหลังเปลี่ยนเป็นโอปป้า ทั้งสองมือนี้จะไม่จับราว และพร้อมจะทำตัวอ่อนแอ 555)
ระหว่างทางที่เราโหนกันไปในรถเมล์ ก่อนถึงปีนังฮิลล์จะผ่าน Kek Lok Si Temple หรือที่คนไทยเรียกว่า"วัดเขาเต่า"ด้วย ซึ่งคณะเราไม่ได้แวะ เพราะเราเคยมาแล้วสมัยมากับคณะทัวร์ ดังนั้นก็เลยขอผ่านจุดนี้ไปค่ะ นั่งไปอีกซักพัก ก็มาถึง Penang Hill (ใช้เวลาในการนั่งรถเมล์จาก Komtar Bus Terminal จนถึง Penang Hill ประมาณ 40 นาที)
ใครมาเที่ยวปีนังถ้าไม่มาที่นี่ถือว่ามาไม่ถึงปีนัง เราก็เลยต้องมาค่ะ เนื่องจากวันที่เราไปเป็นวันหยุด คนก็เลยเยอะอย่างที่เห็น ใช้เวลาต่อแถวรอซื้อบัตรขึ้นรถไฟอีกประมาณ 40 นาที บัตรสำหรับผู้ใหญ่ ราคา 30 RM ลักษณะเหมือนการ์ดขึ้นรถไฟฟ้าบ้านเรา แปะตรงทางเข้า-ออก และเช่นเคย คนเยอะ ไม่ได้นั่ง เพราะที่นั่งน้อยด้วย ㅜㅜ
แล้วเราก็มาถึงด้านบนปีนังฮิลล์ อากาศดี ลมเย็นสบาย เห็นวิวเกาะปีนัง สวยงาม ไม่เพียงเท่านั้น บนเขาแห่งนี้ ยังมีสัตว์น้อยน่ารักเดินช้า ตามเรามาด้วย มันไม่ได้มาเป็นตัว แต่มันมาเป็นวิญญาณพร้อมกับกลิ่นอันน่าสะพรึง ลมพัดโชยมาที แทบหมดลมหายใจ ขมคอมากก ที่แท้ก็วิญญาณเต่าจากคณะพี่บังคลาเทศนี่เอง เหอๆๆ งานนี้ไม่ต้องไปวัดเต่าก็เจอเต่าเป็นฝูงเลยฮ่าาาาาาา
เก็บภาพในมุมต่างๆ ให้คุ้มกับค่าบัตร 30 RM แล้วก็ลงมาจากเขา ลืมบอกว่าก่อนขึ้นไปด้านบนเนี่ย บ้านเค้าก็มีการถ่ายรูปด้านเหมือนกับบ้านเราเลยค่ะ มีคูปองให้ด้วย ไอ้เราก็เข้าใจว่าแจกฟรี ดีจังจ่ายเงิน 30 RM แล้วได้รูปแถมให้ด้วย ก็โพสท่ากันเต็มที่ ยิ้มกว้างสุดๆ ที่ไหนได้ตอนลงมาเจ้าหน้าที่บอก 40 RM เราก็เลยเซย์กู้ดบาย ไปรอรถเมล์ดีกว่า รอรถเมล์อยู่ประมาณ 10 นาที และแล้วก็มีรถเมล์คันแรกผ่านเข้ามา เราก็รีบวิ่งเลย หวังว่าจะได้ขึ้นก่อน จะนั่งให้สบายไปเลย ปรากฎว่าคนขับบอกไม่ไป สิ้นสุดการเดินรถของคันนี้ในวันนี้แล้ว แป่วววว อ่ะไม่เป็นไร รอต่อไป อีกไม่เกิน 5 นาทีก็มีมาอีกคันค่ะ เย้ๆๆ แต่ดันขับเลยตรงจุดที่เรายืนรอ เราก็วิ่งตามแต่ก็ไม่ทัน ตกไปอยู่คิวหลังในทันที แอบเซ็งเบาๆ แต่ก็ไม่เป็นไรยืนก็ได้ ดีกว่าไม่มีรถกลับ แอบงงเบาๆว่าทำไมคนขับรถไม่เปิดประตูให้ผู้โดยสารขึ้น ซักพักมีน้องคนไทยที่ยืนด้านหน้าเราเดินเข้าไปถามเค้า ได้ความว่าต้องรออีก 30 นาที รถถึงจะออก ขอปรบมือให้กับการรักษาเวลาของพี่คนขับรถเมล์ปีนังรัวๆ
สำหรับคนที่มาหลายๆวัน การรอ 30 นาที คงไม่วอรี่อะไรมาก นั่งรอชิลๆ ถ่ายรูป เดินชมนกชมไม้ แต่ 30 นาที สำหรับสาวโรงงาน(นรก)อย่างเราสี่สาวนั้น แค่นาทีเดียวก็มีค่าค่ะ (อันนี้เจ้านายชาวเกาหลีเสี้ยมสอนไว้) มองซ้ายมองขวา หาทางออก จะเดินก็คงไม่ไหว เหลือบไปเห็นคิวแท็กซี่จอดอยู่ คิดในใจว่าต้องแพงแน่ๆ แต่อยากรู้ก็เลยเดินไปถามราคาดูค่ะ โดยจุดหมายที่เราจะไปต่อคือตลาดโต้รุ่งแถวโรงแรมซันเวย์ แท็กซี่ที่นี่ไม่ได้เป็นแบบMeterแบบบ้านเรา แต่จะมีเป็นตารางราคาให้ ลุงคนขับแท็กซี่ก็ชี้ให้ดูว่าถ้าเราจะไปตรงโรงแรมซันเวย์ ราคาอยู่ที่ 30 RM คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ เกือบๆสามร้อย หารกันสี่คนก็ตกคนละประมาณเจ็ดสิบบาท ก็ถือว่าไม่แพง รอไร ไปเลยค่ะ ได้นั่งสบายๆแอร์เย็นๆ แถมไม่ต้องมาหมกกลิ่นเต่าของพี่บังคลาเทศด้วย ดีงามพระรามแปดค่ะ
สะพายเป้ สวมเอี๊ยม เยี่ยมปีนัง 2 วัน 1 คืน
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ นี่จัดว่าเป็นรีวิวครั้งแรกของเราเลยนะ ไม่เคยคิดจะรีวิว แต่เพื่อนๆยุ ก็เลยลองดูค่ะ อาจจะมีประโยชน์กับคนที่คิดจะไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านใกล้ๆอย่างมาเลเซียบ้างนะคะ
ทริปของเราเริ่มต้นเดินทางจากหาดใหญ่ ไปกันทั้งหมด 4 สาว จากเดิมวางแผนไว้ว่าไปกันแค่สองคนด้วยงบประมาณ 3,000 บาท พอน้องที่ออฟฟิศได้ยิน Budget เท่านั้นแหละ รีบจองโรงแรมกับรถตู้ตามมาติดๆ กันเลยทีเดียว
จริงๆ แล้ว เราและเพื่อนอีกคนในทีมเคยไปปีนังกันมาแล้วหนนึง แต่เป็นการไปกับทัวร์ ซึ่งคนที่เคยไปเที่ยวกับทัวร์ก็น่าจะเข้าใจฟีลลิ่งดีนะคะว่าประมาณไหน เราก็เลยรู้สึกว่าการไปกับทัวร์มันไม่ใช่แนวเราเอาซะเลย
น้ำมาซะเยอะ ขอเข้าเรื่องแบบเนื้อๆเลยละกันนะคะ เราวางแผนไปเที่ยวกันช่วงวันแรงงาน 1-2 พ.ค. ตรงกับวันอาทิตย์และจันทร์ ถามว่าทำไมไม่ไปสามวันเลยล่ะ ตั้งแต่เสาร์แล้วค่อยกลับจันทร์เลย คือพอดีว่าเรา 4 สาวทำงานที่โรงงานนรก เอร้ยไม่ใช่ คือบริษัทเราทำงานถึงวันเสาร์หยุดแค่สัปดาห์ละวัน เราก็เลยไม่อยากลางานกัน ขอเก็บวันลาไว้ไปทริปไกลๆดีกว่า 555 (ไหนมะกี๊บอกว่าจะเข้าเรื่องแล้ว ???)
เราดูรีวิวของคุณ Memories Pink http://pantip.com/topic/31352456 ทั้ง 4 ตอน ละเอียดดี ก็เลยขอตามรอยเบาๆ แต่เอามาย่อให้สั้นลง เหลือแค่ 2 วัน 1 คืน
ค่าใช้จ่าย (แบบเน้นเที่ยว ไม่เน้นช้อป)
ที่พัก : Tune Hotel Downtown Penang จองผ่านเวป Agoda คืนละ 930 บาท x 2 ห้อง = 1,860 ไปกัน 4 คน ตกที่คนละ 465 บาท
การเดินทาง : ขึ้นรถตู้จากหาดใหญ่ ไป-กลับ ปีนัง คนละ 850
Pocket Money : คำนวณไว้ที่วันละ 100 RM ไปสองวันก็เป็นคนละ 200 RM ตอนนั้นเรทอยู่ที่ 1 RM = 9 บาท เสียทรัพย์ไปคนละ 1,800 บาท
รวมเป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมด คนละ 3,115 บาท (คิดว่าคงต้องเหลือแน่ๆ เพราะกะว่าจะไม่ช้อปอะไร)
หมายเหตุ : รถตู้จองกับบริษัท K.S.T. Travel โทร. 074-354551, 081-690-7253, 085-155-8321
Day 1 ---> Penang Hill, Nasi Lemak, ตลาดโต้รุ่ง
09.00 ออกเดินทางโดยรถตู้ที่หน้า บริษัท K.S.T. Travel 113 ถ. นิพัทธ์อุทิศ 1 (สาย 1) ตรงข้ามกับโรงแรม Aloha Hatyai ที่นี่บริการค่อนข้างดีเลยทีเดียว แนะนำวิธีการใช้ตั๋วอย่างละเอียด เวลาขากลับถ้ารถไปไม่ถึงตามเวลาต้องโทรตามยังไง คนขับขาไปก็เซอร์วิสดีค่ะ ถามตลอดจะแวะ 7-11 มั้ย (แต่เราไม่ขอแวะ เพราะอยากไปเที่ยวเร็วๆ กลัวเสียเวลา) ตอนผ่านตม.ก็แนะนำเราอีกว่าให้เข้าห้องน้ำฝั่งไทยนะเพราะฝั่งนี้สะอาดกว่าฝั่งมาเลย์เยอะ แล้วเราก็ผ่านตม.มาได้ด้วยดี
นั่งรถชิลๆ ต่อไป กะว่าจะหลับยาวๆไปเลยจนถึงปีนัง แต่แล้วสิ่งที่กวนอารมณ์ก็บังเกิดระหว่างการเดินทางนิดหน่อย เมื่ออยู่ดีๆคนขับรถตู้พาเราเข้าซอยเปลี่ยววววว คนในรถเกิดอาการงง เค้าจะพาเราไปไหน? นี่มันใช่ทางไปมาเลย์เหรอ? เกิดอะไรขั้น? เห้ยอารายยยยย? (เอ๊ะ เค้าจะพาเราไปขายเปล่าเนี่ยยยย แต่เมื่อเช็คหนังหน้าดีๆแล้ว ไม่ควรกังวลกับข้อนี้ 5555) เนื่องจากนั่งอยู่แถวหลังๆก็เลย ได้ยินเสียงคนขับคุยโทรศัพท์แว่วๆมา ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ เหมือนคุยกันกับคนขับคันอื่น ประมาณว่ากำลังหนีตำรวจมาเลย์ ทะเบียนรถโดนแบล็คลิสอะไรซักอย่าง เลยต้องขับหนีเข้ามาในทางนี้ สถานที่ซึ่งเป็นหมู่บ้าน ถึงจุดนี้ให้จินตนาการณ์ถึงสภาพท้องทุ่งนาบ้านเราค่ะ ถนนเล็กๆ ทางคดเคี้ยวไปมา พาให้มึนงง มัวแต่เพลิดเพลินกับทุ่งนา ป่าดงพงไพร เลยไม่ได้เก็บภาพมาให้ดู ถึงแม้ทางจะไม่ได้คดเคี้ยวเลี้ยวขึ้นเขามากมาย แต่ก็มีน้องที่นั่งแถวข้างหน้าเราเมารถอ๊วกแตกด้วยค่ะ คิดดูแล้วกัน ส่วนของเรายังดีที่แค่หน้ามืดตาลายคล้ายจะเป็นลม ดมยาดมเดี๋ยวเดียวก็หาย
กว่าจะออกมาจากทางหลวงชนบทเส้นนั้นได้ใช้เวลาราวๆ 30 - 40 นาทีเห็นจะได้ สุดท้าย แล้วไง? ก็โดนตำรวจตามมาทันอยู่ดี คนขับก็เลยต้องลงไปจ่ายค่าปรับ (แล้วมะกี๊จะหนีเพื่อ???) ณ จุดนี้ขอปรบมือให้กับพี่ตำรวจทางหลวงมาเลเซีย พี่ทำหน้าที่ได้สุดยอดมาก แต่วันหลังรบกวนรีบๆตามจับให้ได้ก่อนทางเข้าหมู่บ้านนะคะ พวกหนูจะได้ไม่ต้องเมารถ
14.00 ตามเวลาของประเทศมาเลเซีย (เร็วกว่าบ้านเรา 1 ชั่วโมง) ก็มาถึงที่พัก Tune Hotel Downtown Penang ไปถึงตรงกับเวลาเช็คอินพอดีเลยค่ะ ไม่ได้ถ่ายรูปหน้าฟร้อนเอาไว้ ดูรูปห้องพักแทนก็แล้วกันนะคะ ใช้เวลาเซ็คอินนานมาก นานเกิ๊นนน รออยู่เกือบๆ 20 นาที ได้คีย์การ์ดมา 2 ใบ สำหรับ 2 ห้อง พร้อมกับผ้าขนบรรจุอยู่ในถุงช้อปปิ้งแบ็ค 2 ถุง ถุงละ 2 ผืน สำหรับ 4 คน (จะละเอียดทำไม?) แวะเก็บสัมภาระในห้อง ทำธุระส่วนตัว ตามอัธยาศัยกันไป
14.40 เดินออกจากโรงแรม ตั้งใจจะออกไปปีนังฮิลล์ ด้วยรถเมล์ ระหว่างเดินก็มองหาร้านกินข้าวเที่ยงไปด้วย ณ จุดนั้นอากาศร้อนมาก ยังไม่รู้จะกินอะไร แต่รู้ว่าร่างกายต้องการแอร์ เหลือบไปเห็นร้านนึงตกแต่งสวยงาม มีแอร์ด้วยแฮะ ติดป้าย Nasi Lemak 3.9 RM เราสี่คนไม่รีรอ ตรงเข้าไปร้านนั้นทันที พร้อมกับสั่ง Nasi Lemak มาคนละจาน
แน่นอนว่าร้านติดแอร์ราคาอาหารไม่ถูกกว่าร้านข้างถนนแน่นอน หน้าตาของ Nasi Lemak ที่พวกเรากินกันก็เลยเป็นอย่างที่เห็น ไม่มีชิ้นเนื้ออันโอชะ มีแต่ไข่ ปลาแห้ง และถั่ว ส่วนรสชาติซอสนั้นจัดว่าไม่ขี้เหร่ค่ะ ซัดไปเกลี้ยงเลยด้วยความหิว (แอบเม้าว่าปลาตัวเล็กๆนั่นเค็มไตวายค่ะ -.-‘)
หลังจากถ่ายรูปในร้านกันอยู่พักนึง เราก็เดินกันต่อเพื่อไป Komtar Bus Terminal จุดหมายปลายทางเราคือ ปีนังฮิลล์ ซึ่งต้องนั่งสาย 204 เท่านั้น รอรถประมาณ 15 นาที คนเยอะดี มีกรุ๊ปบังคลาเทศ(?)ขึ้นมาเต็มคัน ค่าโดยสารคนละ 2 RM จ่ายให้กับคนขับตอนที่ขึ้นรถไปได้เลยค่ะ
ที่นั่งในรถน้อยมาก เน้นยืนโหนราวเป็นหลัก การขับของพี่คนขับนั้น เรียกได้ว่า รถเมล์สาย 8 ยังต้องซูฮกให้ในลีลาการขับของพี่เค้า หญิงผู้ซึ่งมีรากฐานมั่นคงอย่างดิชั้นต้องจับราวโหนทั้งสองมือกันเลยทีเดียว พยายามทรงตัวสุดฤทธิ์ไม่ให้ร่างกายเอนเอียงไปซบอกคุณพี่บังคลาเทศทั้งหลาย (ณ จุดนี้ ถ้าด้านหลังเปลี่ยนเป็นโอปป้า ทั้งสองมือนี้จะไม่จับราว และพร้อมจะทำตัวอ่อนแอ 555)
ระหว่างทางที่เราโหนกันไปในรถเมล์ ก่อนถึงปีนังฮิลล์จะผ่าน Kek Lok Si Temple หรือที่คนไทยเรียกว่า"วัดเขาเต่า"ด้วย ซึ่งคณะเราไม่ได้แวะ เพราะเราเคยมาแล้วสมัยมากับคณะทัวร์ ดังนั้นก็เลยขอผ่านจุดนี้ไปค่ะ นั่งไปอีกซักพัก ก็มาถึง Penang Hill (ใช้เวลาในการนั่งรถเมล์จาก Komtar Bus Terminal จนถึง Penang Hill ประมาณ 40 นาที)
ใครมาเที่ยวปีนังถ้าไม่มาที่นี่ถือว่ามาไม่ถึงปีนัง เราก็เลยต้องมาค่ะ เนื่องจากวันที่เราไปเป็นวันหยุด คนก็เลยเยอะอย่างที่เห็น ใช้เวลาต่อแถวรอซื้อบัตรขึ้นรถไฟอีกประมาณ 40 นาที บัตรสำหรับผู้ใหญ่ ราคา 30 RM ลักษณะเหมือนการ์ดขึ้นรถไฟฟ้าบ้านเรา แปะตรงทางเข้า-ออก และเช่นเคย คนเยอะ ไม่ได้นั่ง เพราะที่นั่งน้อยด้วย ㅜㅜ
แล้วเราก็มาถึงด้านบนปีนังฮิลล์ อากาศดี ลมเย็นสบาย เห็นวิวเกาะปีนัง สวยงาม ไม่เพียงเท่านั้น บนเขาแห่งนี้ ยังมีสัตว์น้อยน่ารักเดินช้า ตามเรามาด้วย มันไม่ได้มาเป็นตัว แต่มันมาเป็นวิญญาณพร้อมกับกลิ่นอันน่าสะพรึง ลมพัดโชยมาที แทบหมดลมหายใจ ขมคอมากก ที่แท้ก็วิญญาณเต่าจากคณะพี่บังคลาเทศนี่เอง เหอๆๆ งานนี้ไม่ต้องไปวัดเต่าก็เจอเต่าเป็นฝูงเลยฮ่าาาาาาา
เก็บภาพในมุมต่างๆ ให้คุ้มกับค่าบัตร 30 RM แล้วก็ลงมาจากเขา ลืมบอกว่าก่อนขึ้นไปด้านบนเนี่ย บ้านเค้าก็มีการถ่ายรูปด้านเหมือนกับบ้านเราเลยค่ะ มีคูปองให้ด้วย ไอ้เราก็เข้าใจว่าแจกฟรี ดีจังจ่ายเงิน 30 RM แล้วได้รูปแถมให้ด้วย ก็โพสท่ากันเต็มที่ ยิ้มกว้างสุดๆ ที่ไหนได้ตอนลงมาเจ้าหน้าที่บอก 40 RM เราก็เลยเซย์กู้ดบาย ไปรอรถเมล์ดีกว่า รอรถเมล์อยู่ประมาณ 10 นาที และแล้วก็มีรถเมล์คันแรกผ่านเข้ามา เราก็รีบวิ่งเลย หวังว่าจะได้ขึ้นก่อน จะนั่งให้สบายไปเลย ปรากฎว่าคนขับบอกไม่ไป สิ้นสุดการเดินรถของคันนี้ในวันนี้แล้ว แป่วววว อ่ะไม่เป็นไร รอต่อไป อีกไม่เกิน 5 นาทีก็มีมาอีกคันค่ะ เย้ๆๆ แต่ดันขับเลยตรงจุดที่เรายืนรอ เราก็วิ่งตามแต่ก็ไม่ทัน ตกไปอยู่คิวหลังในทันที แอบเซ็งเบาๆ แต่ก็ไม่เป็นไรยืนก็ได้ ดีกว่าไม่มีรถกลับ แอบงงเบาๆว่าทำไมคนขับรถไม่เปิดประตูให้ผู้โดยสารขึ้น ซักพักมีน้องคนไทยที่ยืนด้านหน้าเราเดินเข้าไปถามเค้า ได้ความว่าต้องรออีก 30 นาที รถถึงจะออก ขอปรบมือให้กับการรักษาเวลาของพี่คนขับรถเมล์ปีนังรัวๆ
สำหรับคนที่มาหลายๆวัน การรอ 30 นาที คงไม่วอรี่อะไรมาก นั่งรอชิลๆ ถ่ายรูป เดินชมนกชมไม้ แต่ 30 นาที สำหรับสาวโรงงาน(นรก)อย่างเราสี่สาวนั้น แค่นาทีเดียวก็มีค่าค่ะ (อันนี้เจ้านายชาวเกาหลีเสี้ยมสอนไว้) มองซ้ายมองขวา หาทางออก จะเดินก็คงไม่ไหว เหลือบไปเห็นคิวแท็กซี่จอดอยู่ คิดในใจว่าต้องแพงแน่ๆ แต่อยากรู้ก็เลยเดินไปถามราคาดูค่ะ โดยจุดหมายที่เราจะไปต่อคือตลาดโต้รุ่งแถวโรงแรมซันเวย์ แท็กซี่ที่นี่ไม่ได้เป็นแบบMeterแบบบ้านเรา แต่จะมีเป็นตารางราคาให้ ลุงคนขับแท็กซี่ก็ชี้ให้ดูว่าถ้าเราจะไปตรงโรงแรมซันเวย์ ราคาอยู่ที่ 30 RM คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ เกือบๆสามร้อย หารกันสี่คนก็ตกคนละประมาณเจ็ดสิบบาท ก็ถือว่าไม่แพง รอไร ไปเลยค่ะ ได้นั่งสบายๆแอร์เย็นๆ แถมไม่ต้องมาหมกกลิ่นเต่าของพี่บังคลาเทศด้วย ดีงามพระรามแปดค่ะ