หน้าเปิด
คำว่า "ปอนโคสึ" มีความหมายคือ
1. คนไม่ได้เรื่องหรือไม่น่าเชื่อถือ
2. ไร้ประโยชน์
เปิดตอนมา จู่ๆเซงาวะที่รู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองอยู่ที่ไหนไม่รู้ รอบตัวมืดไปหมด เท่าที่เซงาวะจำได้คือได้เข้ามาในหอนาฬิกาพร้อมกับทุกคน
10 นาทีก่อน พวกฮายาเตะ(จากตอนที่แล้ว)เมื่อได้เข้ามาในหอนาฬิกาจริงๆที่ไม่ใช่ทางลิฟต์ที่พวกสภานักเรียนเข้าเป็นประจำ เป็นทางเข้าที่มีประตูบานใหญ่อยู่ พอเปิดเข้าไปก็ต่างก็ตกตะลึงที่ภายในทางเข้านี้ราวกับดันเจี้ยน เป็นทางเดินที่ไม่กว้างมากและมองเข้าไปก็มืดสนิทจนไม่รู้เลยว่าบันไดไปชั้นต่อไปอยู่ที่ไหน ทั้งนางิกับฮายาเตะยังอดยิ่งมุขดันเจี้ยนหอคอยในเกมไม่ได้เลย(พอดีไม่รู้จักว่าเป็นดันอะไรจากเกมไหนเลยอธิบายไม่ถูก) และเมื่อเข้ามากันแล้วนางิก็เป็นกังวลเรื่องที่จะพลัดหลงกันได้ง่ายๆ ฮายาเตะก็คิดแบบเดียวกันเลยบอกให้ทุกคนระวังกันด้วยอย่าแตกกลุ่มออกไปเด็ดขาด เพราะแค่ห่างกันไม่กี่เมตรก็มืดจนมองไม่เห็นได้แล้ว
กลับมาปัจจุบัน สุดท้ายเซงาวะก็พลัดหลงจนได้ พอรู้ตัวแล้วว่าตัวเองหลงจากคนอื่นเซงาวะก็รีบตะโกนถามหาคนอื่นทันที แต่ก็ไม่มีเสียงใดๆตอบ เซงาวะเลยเห็นท่าไม่ดีแล้วก็เลยคิดว่าต้องรีบหาทางออกแทน ว่าแล้วเธอก็เลยรีบวิ่งไปโดยตะโกนหาคนอื่นไปด้วย รีบร้อนจนไม่ได้ดูข้างกำแพงซะเลยว่ามีป้ายบอกทางออกตั้งไว้ให้เห็นจะๆแถมยังวิ่งสวนทางจากที่ป้ายชี้อีกต่างหาก
ทางด้านที่ไม่ได้พลัดหลง ฮินะบอกแบบนี้เรื่องที่จะหากุญแจคงไม่ง่ายแน่ พวกมิกิบอกนอกจากนี้ยังไม่มีคำใบ้อะไรอื่นเลย นางิก็คิดว่าถ้าคิดเป็นแนววีดีโอเกมแบบที่แม่ของเธอเล่นก็น่ามีอะไรบางอย่างตามมาอีก ยูคิจิบอกหมายถึงพวกสิ่งนำทางอย่างอื่นอย่างกุญแจอันอื่นหรือพวกชาวบ้านอะไรพวกนี้สินะ ฮายาเตะบอกอาจจะเป็นอย่างนั้น สุดท้ายทุกคนก็เลยตกลงว่างั้นกลับออกไปคิดแผนกันก่อนดีกว่า.......... แต่กลับไม่มีใครเอ๊ะใจเลยสักคนเดียวว่า เซงาวะ หายตัวไปแล้ว
ด้านเซงาวะที่หลงโดยสมบูรณ์แบบ สุดท้ายเมื่อไม่เจอคนอื่น หาทางออกก็ไม่เจอ ก็เลยมานั่งจุมปุกกอดเข่าร้องไห้ตัวสั่น บอกทางออกก็หาไม่เจอ หิวก็หิว ทุกคนจะเป็นยังไงกันบ้างนะ ที่ทำได้ก็เลยมีแต่ให้กำลังใจตัวเองว่าตัวเองจะต้องไม่เป็นไร เดี๋ยวทุกคนก็ต้องมาช่วยแน่ ถึงที่นี่จะมืดแต่ก็อยู่ภายในโรงเรียน คิดว่าไม่มีอันตรายอะไรหรอก..... แต่ขณะที่พูดแบบนี้ปุ๊บ ตัวก็ไปสกิดอะไรบางอย่างเข้า พอหันไปดูก็เจอกับ.... โครงกระดูก เพียงแค่นี้ก็ทำเอาเซงาวะถึงกับขวัญกระเจิงวิ่งอีกรอบทันทีเลย ด้านพวกมิกิกับริสะระหว่างนั้นก็กำลังพูดกันอยู่พอดีว่าอาคารเก่าในโรงเรียนจ่างก็มีเรื่องผีๆให้เพียบจนพูดกันเลยว่าเรื่องราวเกี่ยวกับที่คนหายไปในหอนาฬิกาอาจจะมีเพียบเลยก็ได้

กลับมาด้านเซงาวะ หลังจากวิ่งหนีด้วยความกลัวมาอยู่ตรงไหนไม่รู้เหมือนเดิม แต่ก็ยังกลัวจนแทบจะยืนไม่อยู่ ยังไม่มีใครมาช่วย มืดก็มืด ถึงอย่างนั้นก็ให้กำลังใจตัวเองต่อ บอกตัวเองจะยอมแพ้ไม่ได้ ต้องใจเย็นไว้ทำเรื่องที่ทำได้ก่อน ว่าแล้วก็เลยหยิบของที่ติดตัวออกมาดูทั้งหมดก่อนว่ามีอะไรในตัวบ้าง อย่างแรกลูกอม, คุกกี้, ขนมอีกอย่าง(ไม่รู้จัก), ที่มัดผม, น็อตหัวแหลม, ลิปมัน แล้วก็สมาร์ตโฟน
ทันทีที่ตรวจดูครบแล้ว ความฉลาดก็บังเกิดหลังจากที่โง่มานาน "มีสมาร์ตโฟนนิหน่า" เพียงแค่มีเจ้านี้ก็ปลอดภัยได้แล้ว เป็นไฟฉายก็ได้ เท่านี้ความมืดราวกับดันเจี้ยนก็ไม่ต้องกลัวอีกแล้ว แบบนี้ก็หาทางออกได้แล้วและกลับไปรวมตัวกับทุกคนได้....... แล้วแบตก็หมด เซงาวะถึงกับโวยเลยว่าปอนโคสึจริงๆ ทำไมมือถือต้องมาดับเอาเวลาแบบนี้ทุกที และที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ......
เซงาวะ: (ทำไมเราไม่โทรหาคนอื่นก่อนเล่า...)
สุดท้ายเซงาวะก็คิดว่าตัวเองช่างปอนโคสึโดยแท้ ความเซ่อซ่าย้อนมาเล่นงานตัวเองเห็นๆ ตอนนี้เลยได้แต่นั่งคิดว่าตัวเองจะตายที่นี่เหรอ แต่เซงาวะก็คิดว่าจะยอมแพ้ไม่ได้ รู้สึกว่าคนสำคัญเคยพูดไว้ว่าใจที่ไม่ลดละจะนำมาซึ่งหนทางแห่งอนาคต เป็นใครบางคนที่เซงาวะ....จำไม่ได้ว่าเป็นใคร (จริงๆคือ โองากิ โคเซย์ ที่มีชีวิตเมื่อร้อยกว่าปีก่อน) ถึงจะจำไม่ได้เซงาวะก็ขอขอบคุณ ว่าแล้วเซงาวะก็คิดจะหาทางออกอีกรอบ
ด้านพวกฮายาเตะ หลังจากที่ออกมากันแล้ว...ถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครเอ๊ะใจเรื่องเซงาวะ ฮายาเตะถามนางิว่า ยูคาริโกะ แม่ของนางิเป็นคนประเภทปอนโคสึใช่ไหม นางิบอกเลยว่าใช่ แต่เพราะปอนโคสึแบบนั้นก็เลยสามารถจะหาทริคหนทางที่จะซ่อนกุญแจในหอนาฬิกาแบบไร้วี่แววได้ แล้วนางิก็เริ่มคิดบางอย่างและถามฮายาเตะว่ายูคาริโกะบอกให้ฮายาเตะช่วยใช่ไหม ฮายาเตะบอกคิดว่าแบบนั้น นางิเลยถามฮัตสึโฮะต่อว่ามีใครคนอื่นอีกไหมที่รู้จักยูคาริโกะและฉลาดและมีสามารถรอบด้าน ฮัตสึโฮะที่เรียกแม่วาตารุว่า มิโกะเนียว บอกฉลาดเอามากๆแต่ไม่น่าจะมีความสามารถอะไรรอบด้าน แต่ก็นึกออกอยู่คนที่ตรงกับที่นางิว่ามา นางิถามเลยว่าใคร ฮัตสึโฮะบอกคนๆนั้นก็คือ เคลาส์

พอบอกว่าเคลาส์แบบนี้ นางิกับฮายาเตะเลยดูอึ้งๆจนถามกันเลยว่าเคลาส์ฉลาดงั้นเหรอซึ่งทั้งสองคนไม่คิดแบบนั้นเลย แต่ยังไงซะเมื่อไม่มีตัวเลือกอื่นนางิเลยลองโทรไปถามเคลาส์ดูเลย พอรับสายปรากฎว่าเจ้าของเสียงกลับไม่ใช่เคลาส์แต่เป็น ฮิซุย นางิที่รู้จักฮิซุยอยู่แล้วก็รู้ทันทีว่าใครเป็นเจ้าของเสียง ฮิซุยก็คุยกับนางิบอกว่าประหลาดใจไหมล่ะ และก็ช่วยมาคุยไปดื่มน้ำชาไปกันดีกว่า ส่วนเคลาส์ตอนนี้ก็โดนจับมัดไปเรียบร้อย
จบตอน
[Spoil] Hayate no Gotoku! - 527
คำว่า "ปอนโคสึ" มีความหมายคือ
1. คนไม่ได้เรื่องหรือไม่น่าเชื่อถือ
2. ไร้ประโยชน์
เปิดตอนมา จู่ๆเซงาวะที่รู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองอยู่ที่ไหนไม่รู้ รอบตัวมืดไปหมด เท่าที่เซงาวะจำได้คือได้เข้ามาในหอนาฬิกาพร้อมกับทุกคน
10 นาทีก่อน พวกฮายาเตะ(จากตอนที่แล้ว)เมื่อได้เข้ามาในหอนาฬิกาจริงๆที่ไม่ใช่ทางลิฟต์ที่พวกสภานักเรียนเข้าเป็นประจำ เป็นทางเข้าที่มีประตูบานใหญ่อยู่ พอเปิดเข้าไปก็ต่างก็ตกตะลึงที่ภายในทางเข้านี้ราวกับดันเจี้ยน เป็นทางเดินที่ไม่กว้างมากและมองเข้าไปก็มืดสนิทจนไม่รู้เลยว่าบันไดไปชั้นต่อไปอยู่ที่ไหน ทั้งนางิกับฮายาเตะยังอดยิ่งมุขดันเจี้ยนหอคอยในเกมไม่ได้เลย(พอดีไม่รู้จักว่าเป็นดันอะไรจากเกมไหนเลยอธิบายไม่ถูก) และเมื่อเข้ามากันแล้วนางิก็เป็นกังวลเรื่องที่จะพลัดหลงกันได้ง่ายๆ ฮายาเตะก็คิดแบบเดียวกันเลยบอกให้ทุกคนระวังกันด้วยอย่าแตกกลุ่มออกไปเด็ดขาด เพราะแค่ห่างกันไม่กี่เมตรก็มืดจนมองไม่เห็นได้แล้ว
กลับมาปัจจุบัน สุดท้ายเซงาวะก็พลัดหลงจนได้ พอรู้ตัวแล้วว่าตัวเองหลงจากคนอื่นเซงาวะก็รีบตะโกนถามหาคนอื่นทันที แต่ก็ไม่มีเสียงใดๆตอบ เซงาวะเลยเห็นท่าไม่ดีแล้วก็เลยคิดว่าต้องรีบหาทางออกแทน ว่าแล้วเธอก็เลยรีบวิ่งไปโดยตะโกนหาคนอื่นไปด้วย รีบร้อนจนไม่ได้ดูข้างกำแพงซะเลยว่ามีป้ายบอกทางออกตั้งไว้ให้เห็นจะๆแถมยังวิ่งสวนทางจากที่ป้ายชี้อีกต่างหาก
ทางด้านที่ไม่ได้พลัดหลง ฮินะบอกแบบนี้เรื่องที่จะหากุญแจคงไม่ง่ายแน่ พวกมิกิบอกนอกจากนี้ยังไม่มีคำใบ้อะไรอื่นเลย นางิก็คิดว่าถ้าคิดเป็นแนววีดีโอเกมแบบที่แม่ของเธอเล่นก็น่ามีอะไรบางอย่างตามมาอีก ยูคิจิบอกหมายถึงพวกสิ่งนำทางอย่างอื่นอย่างกุญแจอันอื่นหรือพวกชาวบ้านอะไรพวกนี้สินะ ฮายาเตะบอกอาจจะเป็นอย่างนั้น สุดท้ายทุกคนก็เลยตกลงว่างั้นกลับออกไปคิดแผนกันก่อนดีกว่า.......... แต่กลับไม่มีใครเอ๊ะใจเลยสักคนเดียวว่า เซงาวะ หายตัวไปแล้ว
ด้านเซงาวะที่หลงโดยสมบูรณ์แบบ สุดท้ายเมื่อไม่เจอคนอื่น หาทางออกก็ไม่เจอ ก็เลยมานั่งจุมปุกกอดเข่าร้องไห้ตัวสั่น บอกทางออกก็หาไม่เจอ หิวก็หิว ทุกคนจะเป็นยังไงกันบ้างนะ ที่ทำได้ก็เลยมีแต่ให้กำลังใจตัวเองว่าตัวเองจะต้องไม่เป็นไร เดี๋ยวทุกคนก็ต้องมาช่วยแน่ ถึงที่นี่จะมืดแต่ก็อยู่ภายในโรงเรียน คิดว่าไม่มีอันตรายอะไรหรอก..... แต่ขณะที่พูดแบบนี้ปุ๊บ ตัวก็ไปสกิดอะไรบางอย่างเข้า พอหันไปดูก็เจอกับ.... โครงกระดูก เพียงแค่นี้ก็ทำเอาเซงาวะถึงกับขวัญกระเจิงวิ่งอีกรอบทันทีเลย ด้านพวกมิกิกับริสะระหว่างนั้นก็กำลังพูดกันอยู่พอดีว่าอาคารเก่าในโรงเรียนจ่างก็มีเรื่องผีๆให้เพียบจนพูดกันเลยว่าเรื่องราวเกี่ยวกับที่คนหายไปในหอนาฬิกาอาจจะมีเพียบเลยก็ได้
กลับมาด้านเซงาวะ หลังจากวิ่งหนีด้วยความกลัวมาอยู่ตรงไหนไม่รู้เหมือนเดิม แต่ก็ยังกลัวจนแทบจะยืนไม่อยู่ ยังไม่มีใครมาช่วย มืดก็มืด ถึงอย่างนั้นก็ให้กำลังใจตัวเองต่อ บอกตัวเองจะยอมแพ้ไม่ได้ ต้องใจเย็นไว้ทำเรื่องที่ทำได้ก่อน ว่าแล้วก็เลยหยิบของที่ติดตัวออกมาดูทั้งหมดก่อนว่ามีอะไรในตัวบ้าง อย่างแรกลูกอม, คุกกี้, ขนมอีกอย่าง(ไม่รู้จัก), ที่มัดผม, น็อตหัวแหลม, ลิปมัน แล้วก็สมาร์ตโฟน
ทันทีที่ตรวจดูครบแล้ว ความฉลาดก็บังเกิดหลังจากที่โง่มานาน "มีสมาร์ตโฟนนิหน่า" เพียงแค่มีเจ้านี้ก็ปลอดภัยได้แล้ว เป็นไฟฉายก็ได้ เท่านี้ความมืดราวกับดันเจี้ยนก็ไม่ต้องกลัวอีกแล้ว แบบนี้ก็หาทางออกได้แล้วและกลับไปรวมตัวกับทุกคนได้....... แล้วแบตก็หมด เซงาวะถึงกับโวยเลยว่าปอนโคสึจริงๆ ทำไมมือถือต้องมาดับเอาเวลาแบบนี้ทุกที และที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ......
เซงาวะ: (ทำไมเราไม่โทรหาคนอื่นก่อนเล่า...)
สุดท้ายเซงาวะก็คิดว่าตัวเองช่างปอนโคสึโดยแท้ ความเซ่อซ่าย้อนมาเล่นงานตัวเองเห็นๆ ตอนนี้เลยได้แต่นั่งคิดว่าตัวเองจะตายที่นี่เหรอ แต่เซงาวะก็คิดว่าจะยอมแพ้ไม่ได้ รู้สึกว่าคนสำคัญเคยพูดไว้ว่าใจที่ไม่ลดละจะนำมาซึ่งหนทางแห่งอนาคต เป็นใครบางคนที่เซงาวะ....จำไม่ได้ว่าเป็นใคร (จริงๆคือ โองากิ โคเซย์ ที่มีชีวิตเมื่อร้อยกว่าปีก่อน) ถึงจะจำไม่ได้เซงาวะก็ขอขอบคุณ ว่าแล้วเซงาวะก็คิดจะหาทางออกอีกรอบ
ด้านพวกฮายาเตะ หลังจากที่ออกมากันแล้ว...ถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครเอ๊ะใจเรื่องเซงาวะ ฮายาเตะถามนางิว่า ยูคาริโกะ แม่ของนางิเป็นคนประเภทปอนโคสึใช่ไหม นางิบอกเลยว่าใช่ แต่เพราะปอนโคสึแบบนั้นก็เลยสามารถจะหาทริคหนทางที่จะซ่อนกุญแจในหอนาฬิกาแบบไร้วี่แววได้ แล้วนางิก็เริ่มคิดบางอย่างและถามฮายาเตะว่ายูคาริโกะบอกให้ฮายาเตะช่วยใช่ไหม ฮายาเตะบอกคิดว่าแบบนั้น นางิเลยถามฮัตสึโฮะต่อว่ามีใครคนอื่นอีกไหมที่รู้จักยูคาริโกะและฉลาดและมีสามารถรอบด้าน ฮัตสึโฮะที่เรียกแม่วาตารุว่า มิโกะเนียว บอกฉลาดเอามากๆแต่ไม่น่าจะมีความสามารถอะไรรอบด้าน แต่ก็นึกออกอยู่คนที่ตรงกับที่นางิว่ามา นางิถามเลยว่าใคร ฮัตสึโฮะบอกคนๆนั้นก็คือ เคลาส์
พอบอกว่าเคลาส์แบบนี้ นางิกับฮายาเตะเลยดูอึ้งๆจนถามกันเลยว่าเคลาส์ฉลาดงั้นเหรอซึ่งทั้งสองคนไม่คิดแบบนั้นเลย แต่ยังไงซะเมื่อไม่มีตัวเลือกอื่นนางิเลยลองโทรไปถามเคลาส์ดูเลย พอรับสายปรากฎว่าเจ้าของเสียงกลับไม่ใช่เคลาส์แต่เป็น ฮิซุย นางิที่รู้จักฮิซุยอยู่แล้วก็รู้ทันทีว่าใครเป็นเจ้าของเสียง ฮิซุยก็คุยกับนางิบอกว่าประหลาดใจไหมล่ะ และก็ช่วยมาคุยไปดื่มน้ำชาไปกันดีกว่า ส่วนเคลาส์ตอนนี้ก็โดนจับมัดไปเรียบร้อย
จบตอน