เอามาฝากครับ ทดสอบสารไนเตรดไนไตรท์ในไส้กรอก 15 ยี่ห้อ

ทดสอบสารไนเตรดไนไตรท์ในไส้กรอก 15 ยี่ห้อ พบ มีเพียงหนึ่งยี่ห้อที่ไม่มีสาร และร้อยละ 20 พบเกินกว่า กฎหมายกำหนด >>> อ่านด่วน http://goo.gl/tti84q

นิตยสารฉลาดซื้อฉบับที่ 181 ฉบับล่าสุด ทดสอบปริมาณสารไนเตรทและไนไตรท์ในไส้กรอกพบมีเพียงหนึ่งยี่ห้อ คือ ไทยซอสเซส ค็อกเทลซอสเซส ของไทยเยอรมันมีทโปรดักท์ ที่ไม่มีสารดังกล่าว นอกนั้นจำนวน 14 ตัวอย่าง หรือร้อยละ 93.33 ใส่สารทั้งสองชนิด
มีจำนวน 3 ยี่ห้อที่ใส่สารไนเตรท


จากตัวอย่างไส้กรอกที่นำมาทดสอบทั้งหมด 15 ยี่ห้อพบว่า ร้อยละ 93.33 หรือจำนวน 14 ยี่ห้อมีการเจือปนของสารไนเตรทและไนไตรท์ โดยมีเพียง 1 ยี่ห้อที่ไม่พบการเจือปนของสารดังกล่าวคือ ไทยซอสเซส ค๊อกเทลซอสเซส ของ บ.ไทย-เยอรมัน มีท โปรดักท์ จำกัด


มีจำนวน 3 ตัวอย่างหรือร้อยละ 20 ที่ใส่สารเกินมาตรฐานกำหนด ได้แก่
1.บางกอกแฮม ไส้กรอกหมูคอกเทล พบ 148.61 มก./กก.
2.NP ไบร์ทหมู พบ 132.33 มก./กก. และ
3.ตราเอโร่ ไส้กรอกฮอทดอก พบ 91.27 มก./กก.

มีร้อยละ 73.33 หรือจำนวน 11 ยี่ห้อที่ใส่สารไนเตรทและไนไตรท์ แต่ไม่เกินมาตรฐานที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยากำหนด หรือตามข้อกำหนดของโคเด็กซ์ได้แก่
1.บีลัคกี้
2.มิเสเตอร์ซอสเซล
3.บูชเชอร์
4.JPM
5.เซเว่นเฟรช
6.PGM
7.MyChoice
.BMP
9.S&P
10.PPork
11.เบทาโกร


นอกจากนี้ยังพบว่ามีเพียง 6 ตัวอย่างที่แสดงข้อมูลการใช้สารดังกล่าวคือ
1.ไทยซอสเซส,
2. S&P,
3.เซเว่น เฟรช,
4.มิสเตอร์ ซอสเซส,
5.TGM และ
6.บุชเชอร์ แต่ระบุว่าเป็นสารคงสภาพของสี โดยใช้รหัส INS for Food Additives หมายเลข 250 ซึ่งเป็นรหัสของ โซเดียมไนไตรท์แทน


นางสาวสารี อ๋องสมหวัง บรรณาธิการบริหารนิตยสารฉลาดซื้อ กล่าวว่า อยากให้ผู้บริโภคใช้ข้อมูลในการบริโภค เพื่อจะได้ใช้สิทธิในการเลือกซื้อสินค้าที่ปลอดภัยให้ตนเอง แต่ก็นับว่าไส้กรอกที่นำมาทดสอบส่วนใหญ่ยังใช้ไนเตรทและไนไตรท์ ในปริมาณที่ไม่เกินจากที่กฎหมายกำหนด มีเพียงร้อยละ 20 เท่า


แต่การรับประทานในปริมาณมากเกินไปอาจทำให้เกิดผลเสียต่อการทำงานของระบบทางเดินอาหาร ท้องเสียรุนแรง ยิ่งผู้ที่มีอาการแพ้อาจส่งผลต่อระบบหายใจ ทำให้หัวใจเต้นเร็ว หมดสติหรือเสียชีวิตได้ นอกจากนี้องค์การอนามัยโลกยังเคยออกคำเตือนผู้บริโภคที่รับประทานผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรูป เช่น เบคอน ไส้กรอก แฮม ในปริมาณที่มากเกินไปว่าอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งสำไส้และกระเพาะอาหารได้ ดังนั้นเราจึงควรเลือกรับประทานอาหารให้หลากหลายและมีความเหมาะสม


นางสาวมลฤดี โพธิ์อินทร์ นักวิชาการด้านวิทยาศาสตร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หากมีการใช้วัตถุเจือปนอาหารใดๆ ก็ควรแสดงข้อมูลบนฉลากให้ผู้บริโภครับทราบ เพราะตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 367) พ.ศ. 2557 เรื่องการแสดงฉลากของอาหารในภาชนะบรรจุ ได้กำหนดให้แสดงชื่อกลุ่มหน้าที่ของวัตถุเจือปนอาหารร่วมกับชื่อเฉพาะ หรือแสดงชื่อกลุ่มหน้าที่ของวัตถุเจือปนอาหารร่วมกับตัวเลขจำแนกชนิดวัตถุเจือปนอาหาร International Numbering System : INS for Food Additives ในกรณีที่มีการใช้หรือมีวัตถุเจือปนอาหารติดมากับวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตอาหาร หรือเป็นส่วนประกอบของอาหาร ในปริมาณที่เกิดผลตามวัตถุประสงค์ของการใช้วัตถุเจือปนอาหาร
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่