เราอยู่โรงเรียนสตรีมาสามปีแล้ว เราเข้าใจดีว่าความรู้สึกของการชอบเพศเดียวกันในโรงเรียนหญิงล้วนนั้นเป็นเรื่องปรกติและบ้างก็เป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบ เป็นอารมณ์ของความใกล้ชิดและความเป็นเพื่อนที่ผูกพันกันแต่อาจคิดไปเองไกลกว่านั้นเพราะสภาพแวดล้อมที่เราต้องเผชิญ เราเข้าใจถุงข้อนี้ดีว่าถึงเราจะชอบผู้หญิงหรือรู้สึกดีๆด้วยมันเป็นเรื่องของสิ่งแวดล้อมและค่านิยมในโรงเรียนสตรี เราคิดแบบนั้นมาจนกระทั่งเรามาเจอกับผู้หญิงคนหนึ่ง แรกๆเรารู้สึกดีด้วยที่เราได้ทำความรู้จักคุ้นเคยกัน แต่จากนั้นพอวันเวลาผ่านไปมันกลับทำให้เราเริ่มรู้สึกว่ามันไม่กลายเป็นความรู้สนิทแบบเพื่อนแล้ว มันทำให้เรารู้สึกว่ามันเป็นความรู้สึกที่มากกว่านั้น มากกว่าคำว่าเพื่อน มากกว่าคำว่าสนิท แรกๆเราก็พยายามคิดว่ามันเป็นความรู้สึกเกินเลยที่ธรรมดาของผู้หญิงในโรงเรียนสตรี แต่ต่อมาความรู้สึกมันเริ่มขยายใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆจนเราเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่านั้นมันคือความสนิทสนมแบบเพื่อนที่สนิทกันจริงๆ มันเป็นความรู้สึกที่เราต่างก็คุ้นเคยกันดีเวลาเรารู้สึกดีกับใครสักคน ความรู้สึกที่อยากทำอะไรเพื่อเขา อยากเห็นหน้าเขา อยากพูดคุยกับเขาแม้ว่าจะเพียงการสนทนาสั้นๆก็ตาม แต่บทสนทนานั้นจะติดตรึงภายในความทรงจำก่อนจะขยายไปเป็นความรู้สึกปลาบปลื้มภายในจิตใจ รู้สึกดีทุกครั้งที่เขามองมา รู้สึกดีทุกครั้งที่เขาสบตา ยิ้มให้ หรือทักทาย แม้ว่าวันทั้งวันนั้นเราจะไม่ได้คุยกันเลยก็ตาม แต่การเพียงแค่มองมันก็ทำให้เรามีความสุขได้ ความรู้สึกที่เรานั้นได้อยู่ด้วยกัน ความรู้นั้นจะสามารถเรียกว่าเป็นความรักได้หรือเปล่า เราเก็บความรู้สึกนี้เอาไว้ในใจโดยบอกกับตัวเองว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาของการอยู่โรงเรียนสตรี เราไม่สามารถมีความรู้สึกดีๆแบบนั้นกับเพื่อนหญิงได้ เราคิดแบบนั้น วันแล้ววันเล่า ความรู้สึกนั้นก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆจนเราไม่สามารถกดกลั้นมันเอาไว้ในใจได้อีกแล้ว มันมากเกินไปที่เราจะหลอกตัวเองว่าเราไม่ได้ชอบเขา เราหลอกตัวเองไม่ได้อีกแล้วว่าเราไม่ได้ชอบผู้หญิง
เราบอกกับเขาไป..........................ความผิดพลาดที่เราจะไม่มีทางลืมเด็ดขาด ความผิดพลาดที่ทำให้เราเสียใจและรังเกียจตัวเองมากที่สุด เขาไม่ได้ชอบเรา เขาไม่ได้ชอบ....."ผู้หญิง"
มันเจ็บ..........แต่เราก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป แค่เพียงพูดว่า "ล้อเล่น" ออกไปแบบฝื่นๆ ออกไปด้วยน้ำเสียงที่เราไม่รู้จักมาก่อนเลยในชีวิต เราไม่รู้ว่าเราทำหน้าตายังไงตอนที่บอกคำๆนั้นออกไป เรามองหน้าเธอยังไงตอนเราพูดออกไป เราดูเลวร้ายมากไหมที่ทำแบบนี้ แววตาของเธอนิ่งราวไม่เชื่อในคำพูดนั้น เธอทำเพียงยิ้มตอบ เป็นรอยยิ้มที่เราดูออกว่ามันบอกเราว่า "เราไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว" เธอยิ้มและหัวเราะ พยายามทำตัวให้เป็นปรกติมากที่สุด แต่เธอไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เราไม่ทางกลับไปยังจุดเดิมที่เราเคยยืน
เรื่องราวในวันนั้น กลายเป็นมุกตลกไปอย่างน่าขัน.............มุกตลกที่เราไม่มีวันลืม
และเธอ.......ก็ไม่กลับมาอีก เรากลายเป็นคนแปลกหน้าที่ทักทายกันก็เท่านั้น
รู้สึกแย่ที่ตอนนั้นเราไม่พยายามเล่นมุกนั้นให้ดีกว่านี้ ไม่พยายามทำตัวให้ดูเหมือนกับว่าเรากำลังเล่นตลกอยู่ เราไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับกับเธอเลย เรื่องในวันนั้นคือความฝัน เราพยายามทำเป็นลืมเวลาเจอหน้ากัน พยายามเหมือนกับว่าทั้งหมดเป็นเรื่องปกติที่เราเล่นกัน แต่บางสิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือวความรู้สึกที่มันเปลี่ยนไปแล้วของใครบางคน
นับจากวันนั้นถึงวันนี้ผ่านมาสามปีแล้ว เราไม่สามารถเข้าไปคุยกับเธอได้เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว จากปีแรกเพียงแค่ทักทาย แต่นานไปเราไม่สามารถมองหน้าเธอได้อีกแล้ว เราไม่สามารถคุยกับเธอได้ตามปรกติ ไม่สามารถกลับไปที่เดิมได้อีกแล้ว ความพยายามในการกู้ความสัมพันธ์ของเรามันจบลงตรงที่คนรอบข้าง คนรอบข้างที่ทำให้ความสัมพันธ์ไม่อาจจะดำเนินต่อไปได้ ผลลัพท์ของความพยายามในครั้งนั้นคือการที่คนรอบข้างเริ่มส่อเสียด จากจุดเล็กๆเริ่มลามเป็นวงกว้าง มันทำให้การพูดคุยกับคนอื่นของเราไม่สามารถเป็นไปแบบไว้เนื้อเชื่อใจกันได้ การคุยกับใครต่อใครก็ตามมักจบลงด้วยคำถามเรื่องความรู้สึกของเราที่มีต่อเพื่อนคนนั้น การล้อเลียนมันเกิดขึ้นตอนไหนก็ไม่รู้ แต่มันกลับจบตรงที่ว่าเธอร้องไห้เพราะคำล้อเลียนพวกนั้น การที่เราเป็นต้นเหตุที่ทำให้เธอเสียใจมันคือความรู้สึกที่เจ็บปวด ทั้งเจ็บ และจุก เราเริ่มโทษตัวเองที่เป็นสาเหตุของเรื่องแบบนี้ แต่ตอนท้ายมันกลับกลายเป็นว่าเธอทำเหมือนกับว่าเรื่องนี้มันไม่ได้เป็นความผิดเรา เธอบอกว่าเราไม่ได้ผิด เราเริ่มรู้สึกบางอย่างขึ้นมา เธอมองเราแบบไหนกันตอนนั้นที่เธอบอกกับเราแบบนั้น ตอนที่เราขอโทษที่ทำให้เธอรู้สึกไม่ดี เธอทำเหมือนกับว่าการที่เราชอบเธอมันไม่ได้มีความหมายอะไร
และเราก็เริ่มที่จะเกลียดเธอ
เรารู้สึกแย่ทุกครั้งที่เราต้องมองหน้าเธอ เรารู้สึกแย่ที่เธอทำแบบนั้น การที่เธอทำเหมือนับว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันผิดเองที่เราไม่ทำให้ทุกอย่างกระจ่างแจ่มชัดเรื่องความสัมพันธ์จนมันเกินเลยแบบนี้ ทำให้มันกลายเป็นความรู้สึกที่สับสนจนกู่ไม่กลับ จากความรู้สึกนั้น ความเกลียดที่เรามีต่อคนรอบข้างที่แม้แต่เพื่อนสนิทของเราที่ล้อเลียนเรื่องนั้นเริ่มเปลี่ยนไปในทางลบ เราเริ่มเกลียดเธอคนนั้น เป็นความรู้สึกเกลียดที่เจ็บทุกครั้งที่เกลียด ความรู้สึกของการที่ถูกทำให้ตัวเองไม่มีทางเลือก
เราเลือกที่จะทำเหมือนว่าเธอไม่มีตัวตน เลือกที่จะเกลียดเธอ เลือกว่าทำแบบนี้มันยังดีช่ะกว่าที่เราจะต้องทนมาชอบเธอทั้งๆที่เธอไม่ได้แยแสแม้แต่นิดเดียวว่าเราคิดยังไง เธอรู้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วแท้ๆว่าเรารู้สึกยังไงแต่เธอกลับเลือกที่จะปล่อยเลยไปและตัดเราทิ้งให้กลายเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่อาจจะกู้คืนได้ตลอดไป ความคิดต่างๆที่เห็นแก่ตัวเหล่านี้มันทำให้เราเริ่มที่จะรู้สึกแบบนั้นจริงๆจังๆขึ้นมา เราบอกตัวเองว่าเราเกลียดผู้หญิงคนนี้ เราหมั่นไส้และรังเกียจการวางตัวที่น่ารำคาญของเธอ เราคิดแบบนั้น คิดแล้วคิดอีก คิดแล้ว คิดอีก แต่สุดท้ายมันกลับเป็นได้แค่ความรู้สึกเกลียดตัวเองมากขึ้นเท่าทวีที่เรารู้สึกต่อเธอ เรารังเกียจตัวเองที่คิดแบบนั้น เกลียดตัวเองที่ไม่ยอมทำอะไรสักอย่าจนปล่อยมันเลยผ่านไปจนถึงทางแยก ปล่อยเรื่องราวของเราที่ควรมีต่อในทางที่ดีกว่านี้มาตั้งสามปีโดยไม่ยอมรับความจริงและแก้ไขอะไรเลยแม้ในวันสุดท้ายที่เราต้องแยกจากกันไปตามเส้นทางของตัวเอง ไม่ได้แม้แต่บอกลาหรืออะไร เราจบกันแค่นั้น เราเป็นเพียงคนที่แอบชอบเธอแล้วผิดหวังกลับมาเท่านั้น ทั้งหมดมันคือความผิดพลาดของเรา ความรู้สึกตลอดสามปีที่ผ่านมามันสูญเปล่ามาตลอดเพราะความไม่กล้าและการไม่ยอมรับความจริงของเรา เรามันโง่เองที่ปล่อยให้มันผ่านไปอย่างไร้ค่าโดยไม่พยายามทำอะไรเลยสักอย่าง
ที่หลงเหลืออยู่มันคือความรู้สึกเสียดายและอยากขอโทษเธอมาตลอดในเรื่องความสัมพันธ์ของเรา ขอโทษที่เราไม่อาจเป็นเพื่อนกับเธอได้ ขอโทษเธอจริงๆที่ตอนนั้นเราไม่พยายามทำอะไรเลย ขอโทษจริงๆที่เรามีความคิดที่เห็นแก่ตัวแบบนั้น เรายอมออกแยกออกมาจากสถานที่เก่าไปยังที่ห่างไกล เราไปโดยทำได้เพียงยิ้มแห้งๆบอกเธอตอนรู้ข่าว เราอยากไปให้ไกลจากที่ที่ห่างไกลจากความรู้สึกเดิมๆที่เรารู้สึกตอนนี้ เราไปโดยหวังว่าเราจะลืม เราจะลดความรู้สึกที่เรายังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ามันคือความรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ความรู้สึกที่เราสับสนมาตลอดเวลาที่ผ่านมาจนตอนนี้เราเริ่มแน่ใจแล้วว่าเราเริ่มจะลืมเธอได้แล้ว แต่ความรู้สึกในตอนนั้นเรามั่นใจจริงๆว่ามันใช่ เราขออวยพรให้เธอโชคดี พบเจอในสิ่งที่ใช่ พบกับผู้ชายดีๆ คนที่สามารถดูแลเธอได้ คนที่จะเธอจะรักเขาและเขาก็รักเธอ ขอให้เธอประสบความสำเร็จในสิ่งที่หวังไว้ ความรู้สึกนี้มันจะอยู่ในใจเราตลอดไปจนกว่าเราจะลืมเลือนมันได้และจากไปตามกาลเวลา แต่มันจะอยู่ในความทรงจำของเราตลอดไ ขอบคุณมากๆนะสำหรับความทรงจำดีๆตลอดสี่ปีที่ผ่านมา สุดท้ายนี้เราอยากจะบอกเธอว่า
เมิ_ พลาด แล้ว ที่ ไม่ เอา กรูว E ศัส
ขนมที่กุซื้อมาจีบเมิงตอนนั้นมันแพงมากนะสึด นี้ใจคอเมิงกะจะไม่ให้ความหวังอะไรกุหน่อยเหรอ ดีออกกกก!!
ขอบคุณทุกคนที่อ่านนะคะ เราหวังว่าความในใจของเราจะสามารถทำให้เราสบายใจมากขึ้นเกี่ยวกับเรื่องของเขาและความรู้สึกของเราได้ ขอบคุณมากๆจริงๆค่ะ ขอบคุณมากนะคะ
เราสามารถรู้สึกดีๆกับผู้หญิงคนนึงได้นานเป็นปีไหมคะ
เราบอกกับเขาไป..........................ความผิดพลาดที่เราจะไม่มีทางลืมเด็ดขาด ความผิดพลาดที่ทำให้เราเสียใจและรังเกียจตัวเองมากที่สุด เขาไม่ได้ชอบเรา เขาไม่ได้ชอบ....."ผู้หญิง"
มันเจ็บ..........แต่เราก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป แค่เพียงพูดว่า "ล้อเล่น" ออกไปแบบฝื่นๆ ออกไปด้วยน้ำเสียงที่เราไม่รู้จักมาก่อนเลยในชีวิต เราไม่รู้ว่าเราทำหน้าตายังไงตอนที่บอกคำๆนั้นออกไป เรามองหน้าเธอยังไงตอนเราพูดออกไป เราดูเลวร้ายมากไหมที่ทำแบบนี้ แววตาของเธอนิ่งราวไม่เชื่อในคำพูดนั้น เธอทำเพียงยิ้มตอบ เป็นรอยยิ้มที่เราดูออกว่ามันบอกเราว่า "เราไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว" เธอยิ้มและหัวเราะ พยายามทำตัวให้เป็นปรกติมากที่สุด แต่เธอไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เราไม่ทางกลับไปยังจุดเดิมที่เราเคยยืน
เรื่องราวในวันนั้น กลายเป็นมุกตลกไปอย่างน่าขัน.............มุกตลกที่เราไม่มีวันลืม
และเธอ.......ก็ไม่กลับมาอีก เรากลายเป็นคนแปลกหน้าที่ทักทายกันก็เท่านั้น
รู้สึกแย่ที่ตอนนั้นเราไม่พยายามเล่นมุกนั้นให้ดีกว่านี้ ไม่พยายามทำตัวให้ดูเหมือนกับว่าเรากำลังเล่นตลกอยู่ เราไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับกับเธอเลย เรื่องในวันนั้นคือความฝัน เราพยายามทำเป็นลืมเวลาเจอหน้ากัน พยายามเหมือนกับว่าทั้งหมดเป็นเรื่องปกติที่เราเล่นกัน แต่บางสิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือวความรู้สึกที่มันเปลี่ยนไปแล้วของใครบางคน
นับจากวันนั้นถึงวันนี้ผ่านมาสามปีแล้ว เราไม่สามารถเข้าไปคุยกับเธอได้เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว จากปีแรกเพียงแค่ทักทาย แต่นานไปเราไม่สามารถมองหน้าเธอได้อีกแล้ว เราไม่สามารถคุยกับเธอได้ตามปรกติ ไม่สามารถกลับไปที่เดิมได้อีกแล้ว ความพยายามในการกู้ความสัมพันธ์ของเรามันจบลงตรงที่คนรอบข้าง คนรอบข้างที่ทำให้ความสัมพันธ์ไม่อาจจะดำเนินต่อไปได้ ผลลัพท์ของความพยายามในครั้งนั้นคือการที่คนรอบข้างเริ่มส่อเสียด จากจุดเล็กๆเริ่มลามเป็นวงกว้าง มันทำให้การพูดคุยกับคนอื่นของเราไม่สามารถเป็นไปแบบไว้เนื้อเชื่อใจกันได้ การคุยกับใครต่อใครก็ตามมักจบลงด้วยคำถามเรื่องความรู้สึกของเราที่มีต่อเพื่อนคนนั้น การล้อเลียนมันเกิดขึ้นตอนไหนก็ไม่รู้ แต่มันกลับจบตรงที่ว่าเธอร้องไห้เพราะคำล้อเลียนพวกนั้น การที่เราเป็นต้นเหตุที่ทำให้เธอเสียใจมันคือความรู้สึกที่เจ็บปวด ทั้งเจ็บ และจุก เราเริ่มโทษตัวเองที่เป็นสาเหตุของเรื่องแบบนี้ แต่ตอนท้ายมันกลับกลายเป็นว่าเธอทำเหมือนกับว่าเรื่องนี้มันไม่ได้เป็นความผิดเรา เธอบอกว่าเราไม่ได้ผิด เราเริ่มรู้สึกบางอย่างขึ้นมา เธอมองเราแบบไหนกันตอนนั้นที่เธอบอกกับเราแบบนั้น ตอนที่เราขอโทษที่ทำให้เธอรู้สึกไม่ดี เธอทำเหมือนกับว่าการที่เราชอบเธอมันไม่ได้มีความหมายอะไร
และเราก็เริ่มที่จะเกลียดเธอ
เรารู้สึกแย่ทุกครั้งที่เราต้องมองหน้าเธอ เรารู้สึกแย่ที่เธอทำแบบนั้น การที่เธอทำเหมือนับว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันผิดเองที่เราไม่ทำให้ทุกอย่างกระจ่างแจ่มชัดเรื่องความสัมพันธ์จนมันเกินเลยแบบนี้ ทำให้มันกลายเป็นความรู้สึกที่สับสนจนกู่ไม่กลับ จากความรู้สึกนั้น ความเกลียดที่เรามีต่อคนรอบข้างที่แม้แต่เพื่อนสนิทของเราที่ล้อเลียนเรื่องนั้นเริ่มเปลี่ยนไปในทางลบ เราเริ่มเกลียดเธอคนนั้น เป็นความรู้สึกเกลียดที่เจ็บทุกครั้งที่เกลียด ความรู้สึกของการที่ถูกทำให้ตัวเองไม่มีทางเลือก
เราเลือกที่จะทำเหมือนว่าเธอไม่มีตัวตน เลือกที่จะเกลียดเธอ เลือกว่าทำแบบนี้มันยังดีช่ะกว่าที่เราจะต้องทนมาชอบเธอทั้งๆที่เธอไม่ได้แยแสแม้แต่นิดเดียวว่าเราคิดยังไง เธอรู้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วแท้ๆว่าเรารู้สึกยังไงแต่เธอกลับเลือกที่จะปล่อยเลยไปและตัดเราทิ้งให้กลายเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่อาจจะกู้คืนได้ตลอดไป ความคิดต่างๆที่เห็นแก่ตัวเหล่านี้มันทำให้เราเริ่มที่จะรู้สึกแบบนั้นจริงๆจังๆขึ้นมา เราบอกตัวเองว่าเราเกลียดผู้หญิงคนนี้ เราหมั่นไส้และรังเกียจการวางตัวที่น่ารำคาญของเธอ เราคิดแบบนั้น คิดแล้วคิดอีก คิดแล้ว คิดอีก แต่สุดท้ายมันกลับเป็นได้แค่ความรู้สึกเกลียดตัวเองมากขึ้นเท่าทวีที่เรารู้สึกต่อเธอ เรารังเกียจตัวเองที่คิดแบบนั้น เกลียดตัวเองที่ไม่ยอมทำอะไรสักอย่าจนปล่อยมันเลยผ่านไปจนถึงทางแยก ปล่อยเรื่องราวของเราที่ควรมีต่อในทางที่ดีกว่านี้มาตั้งสามปีโดยไม่ยอมรับความจริงและแก้ไขอะไรเลยแม้ในวันสุดท้ายที่เราต้องแยกจากกันไปตามเส้นทางของตัวเอง ไม่ได้แม้แต่บอกลาหรืออะไร เราจบกันแค่นั้น เราเป็นเพียงคนที่แอบชอบเธอแล้วผิดหวังกลับมาเท่านั้น ทั้งหมดมันคือความผิดพลาดของเรา ความรู้สึกตลอดสามปีที่ผ่านมามันสูญเปล่ามาตลอดเพราะความไม่กล้าและการไม่ยอมรับความจริงของเรา เรามันโง่เองที่ปล่อยให้มันผ่านไปอย่างไร้ค่าโดยไม่พยายามทำอะไรเลยสักอย่าง
ที่หลงเหลืออยู่มันคือความรู้สึกเสียดายและอยากขอโทษเธอมาตลอดในเรื่องความสัมพันธ์ของเรา ขอโทษที่เราไม่อาจเป็นเพื่อนกับเธอได้ ขอโทษเธอจริงๆที่ตอนนั้นเราไม่พยายามทำอะไรเลย ขอโทษจริงๆที่เรามีความคิดที่เห็นแก่ตัวแบบนั้น เรายอมออกแยกออกมาจากสถานที่เก่าไปยังที่ห่างไกล เราไปโดยทำได้เพียงยิ้มแห้งๆบอกเธอตอนรู้ข่าว เราอยากไปให้ไกลจากที่ที่ห่างไกลจากความรู้สึกเดิมๆที่เรารู้สึกตอนนี้ เราไปโดยหวังว่าเราจะลืม เราจะลดความรู้สึกที่เรายังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ามันคือความรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ความรู้สึกที่เราสับสนมาตลอดเวลาที่ผ่านมาจนตอนนี้เราเริ่มแน่ใจแล้วว่าเราเริ่มจะลืมเธอได้แล้ว แต่ความรู้สึกในตอนนั้นเรามั่นใจจริงๆว่ามันใช่ เราขออวยพรให้เธอโชคดี พบเจอในสิ่งที่ใช่ พบกับผู้ชายดีๆ คนที่สามารถดูแลเธอได้ คนที่จะเธอจะรักเขาและเขาก็รักเธอ ขอให้เธอประสบความสำเร็จในสิ่งที่หวังไว้ ความรู้สึกนี้มันจะอยู่ในใจเราตลอดไปจนกว่าเราจะลืมเลือนมันได้และจากไปตามกาลเวลา แต่มันจะอยู่ในความทรงจำของเราตลอดไ ขอบคุณมากๆนะสำหรับความทรงจำดีๆตลอดสี่ปีที่ผ่านมา สุดท้ายนี้เราอยากจะบอกเธอว่า
เมิ_ พลาด แล้ว ที่ ไม่ เอา กรูว E ศัส
ขนมที่กุซื้อมาจีบเมิงตอนนั้นมันแพงมากนะสึด นี้ใจคอเมิงกะจะไม่ให้ความหวังอะไรกุหน่อยเหรอ ดีออกกกก!!
ขอบคุณทุกคนที่อ่านนะคะ เราหวังว่าความในใจของเราจะสามารถทำให้เราสบายใจมากขึ้นเกี่ยวกับเรื่องของเขาและความรู้สึกของเราได้ ขอบคุณมากๆจริงๆค่ะ ขอบคุณมากนะคะ