ครบรอบปีที่ 56 ของการสถาปนาบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)

ในสมัยรัฐบาลของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ท่านได้มอบหมายให้จอมพลอากาศ เฉลิมเกียรติ วัฒนางกูร ผู้บัญชาการทหารอากาศในฐานะประธานกรรมการ
บริษัท เดินอากาศไทย จำกัด จัดตั้งบริษัทเพื่อดำเนินธุรกิจการบินระหว่างประเทศขึ้น โดยได้เชิญ
พลอากาศเอก นักรบ บิณษรี
พลอากาศโท เพิ่ม ลิมปิสวัสดิ์
นาวาอากาศตรี ประสงค์ สุชีวะ
พลอากาศโท หลวงปรุง ปรีชากาศ
พลอากาศตรี วงศ์ ถนอมกุลบุตร และ
นายคนิศย์ พุกกะณะสุต ร่วมวางแผนในการก่อตั้งบริษัท การบินไทย จำกัด
พ.ศ. 2502-2511
รัฐบาลไทยจัดให้มีการทำสัญญาร่วมทุนกันระหว่างบริษัท เดินอากาศไทย จำกัด ( Thai Airways Company Limited ) กับสายการบินสแกนดิเนเวียน ( Scandinavian Airlines System )ในวันที่ 24 สิงหาคม 2502 โดยทาง SAS ถือหุ้นร้อยละ 30 และเดินอากาศไทย ถือหุ้นร้อยละ 70 มีลูกเรือชาวไทยชุดแรกที่ผ่านการอบรมทั้งจากต่างประเทศและภายในประเทศทั้งสิ้น 34 คน ต่อมาในวันที่ 1 พฤษภาคม 2503 บริษัท การบินไทย จำกัด เริ่มก่อตั้งด้วยทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท และทำการบินเที่ยวบินปฐมฤกษ์ด้วยเครื่องบินแบบ Douglas DC-6B ความจุ 60 ที่นั่ง ในเส้นทางบิน กรุงเทพ-ฮ่องกง-ไทเป-โตเกียว และต่อมาในปีเดียวกันได้เพิ่มอีก 8 เส้นทางบินได้แก่ ย่างกุ้ง กัลกัตตากัวลาลัมเปอร์ สิงคโปร์ พนมเปญ ไซง่อน มะนิลา และจาการ์ตา และการบินไทยก็เริ่มเป็นที่รู้จักในสายตาชาวโลกผ่านสัญลักษณ์รูปละครรำ (Dancing Man) ในปีพ.ศ. 2504 ชุดสีม่วงอันโดดเด่นของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่ออกแบบตัดเย็บด้วยผ้าไหมไทยโดย หม่อมเจ้าไกรสิงห์ วุฒิชัย ได้ออกสู่สายตาชาวโลกและกลายเป็นที่จดจำถึงปัจจุบัน หลังจากนั้นไม่นานในปีพ.ศ. 2505 การบินไทยได้รับมอบเครื่องบินไอพ่นแบบ Convair Coronado 990 ความจุ 99 ที่นั่งจาก SAS ซึ่งเป็นเครื่องบินไอพ่นแบบแรกของการบินไทย โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ของเครื่องบินลำนี้ อีกทั้งทางบริษัทได้เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 2 ล้านบาท เป็น 40 ล้านบาทในปีพ.ศ. 2507 การบินไทยได้รับมอบเครื่องบินแบบ Caravelle SE-210 ผลิตจากประเทศฝรั่งเศส ความจุ 72 ที่นั่ง เข้าประจำการอีกทั้งได้เปิดเส้นทางเพิ่มในเส้นทางกรุงเทพ-โอซากาและกรุงเทพ-บาหลี ในปีพ.ศ. 2510 นอกจากนี้ในช่วงปีพ.ศ. 2509 การบินไทยได้มอบตำแหน่งหนักงานต้อนรับบนเครื่องบินกิตติมศักดิ์ให้กับคุณอาภัสรา หงสกุลนางงามจักรวาลในปีนั้น ตลอดจนริเริ่มรายการทัวร์เอื้องหลวง ( Royal Orchid Holiday ) ความสำเร็จของการบินไทยมีมากขึ้นเรื่อยๆในปีพ.ศ. 2511 ได้เพิ่มเส้นทางสู่กาฐมาณฑุ โซล และเดลี
พ.ศ. 2512-2521
มิตรภาพอันแน่นแฟ้นระหว่างการบินไทยสายการบินสแกนดิเนเวียน ทำให้มีการต่อสัญญาความร่วมมือไปอีก 7 ปี และสิ่งที่น่าภาคภูมิใจประการหนึ่งคือการที่ได้เป็นสายการบินแรกในภูมิภาคเอเชียที่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์อัตโนมัติในการปิดบัญชี ( Automatic Accounting system ) ในปี พ.ศ. 2514 การบินไทยได้ทำการบินข้ามทวีปเป็นครั้งแรกด้วยเส้นทาง กรุงเทพ-สิงคโปร์-ซิดนีย์ และเปิดอาคารคลังสินค้าแห่งใหม่ ณ ท่าอากาศยานกรุงเทพ (ดอนเมือง) ซึ่งมีขีดความสามารถรองรับสินค้าได้ 2000 ตัน และยังได้มีการจัดทำนิตยสาร“สวัสดี” ซึ่งมีเนื้อหาแนะนำการท่องเที่ยวไทย โดยนิตยสารดังกล่าวเป็นนิตยสารที่ใช้บริการบนเครื่องบิน

พ.ศ. 2515 เป็นปีประวัติศาสตร์สำคัญเนื่องจากการบินไทยได้เปิดเส้นทางบินสู่ทวีปยุโรปเส้นทางแรกสู่เมืองโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก และได้มีการติดตั้งเครื่องฝึกบินจำลองแบบ DC8-33 ที่ศูนย์ฝึกอบรมนักบิน และได้มีการเปิดบริการอาหาร เครื่องดื่ม และภัตตาคารในท่าอากาศยานกรุงเทพ(ดอนเมือง) เป็นครั้งแรก ต่อมาอีก 1 ปี ในปีพ.ศ. 2516 กรุงเทพได้รับการสนับสนุนให้เป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นประตูเชื่อมเอเชีย-ยุโรป อีกทั้งได้มีการเปิดเส้นทางเพิ่มไปยัง แฟรงก์เฟิร์ต และลอนดอน ทั้งยังได้ดำเนินกิจการร้านค้าปลอดภาษีที่ท่าอากาศยานกรุงเทพ (ดอนเมือง) เป็นครั้งแรก ต่อมาในปีพ.ศ.2517 การบินไทยได้เปิดเส้นทางบินสู่โรม และเริ่มนำระบบคอมพิวเตอร์มาใช้ในการสำรองที่นั่ง ทำให้ผู้โดยสารได้รับการบริการที่สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

พ.ศ. 2518 การพัฒนาของการบินไทยเป็นไปด้วยดีในทุกๆด้าน และในปีนี้เองก็นับเป็นปีประวัติศาสตร์ปีหนึ่ง โดยการบินไทยได้เปลี่ยนสัญลักษณ์จากรูปละครรำที่ใช้มานานกว่า 15 ปี สู่สัญลักษณ์ใหม่ที่มีความเป็นสากลมากขึ้นได้แก่ สัญลักษณ์ลายคล้ายกลีบ “ดอกรัก” และ “ใบเสมา” ของพุทธสถานของไทย และเปิดเส้นทางบินเพิ่มเติมไปยัง อัมสเตอร์ดัม ปารีส และเอเธนส์ ความนิยมในการบินไทยมีเพิ่มมากขึ้นและการบินไทยได้เพิ่มทุนจดทะเบียนอีกเป็น 200 ล้านบาทในปี พ.ศ.2519

พ.ศ. 2520 เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ประวัติศาสตร์สำคัญเมื่อการบินไทยกลายเป็นสายการบินของคนไทยโดยสมบูรณ์ โดยหลังจากการร่วมทุนกับสายการบินสแกนดิเนเวียนมายาวนานถึง 17 ปี การบินไทยได้ซื้อหุ้นคืนมาทั้งหมดและมอบหุ้นที่ซื้อคืนมาคืนให้กับกระทรวงการคลัง ดังนั้นกระทรวงการคลังจึงเป็นผู้ถือหุ้นร่วมกับ บริษัท เดินอากาศไทย จำกัดและมีเส้นทางบินครอบคลุม 3 ทวีป ทั้งยังมีทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น 500 ล้านบาท และในปี พ.ศ. 2521 การบินไทยได้รับมอบเครื่องบินแบบ A300-B4 ความจุ 223 ที่นั่ง จากแอร์บัสและเปลี่ยนชื่อวารสารภายในจาก “ข่าวการบินไทย”เป็น “รักคุณเท่าฟ้า” มีทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น 600 ล้านบาท และเปิดเส้นทางบินเพิ่มไปยัง คูเวต และบาห์เรน
พ.ศ. 2522-2531
พ.ศ. 2522 การบินไทยเติบโตขึ้นสู่ปีที่ 19 สำนักงานใหญ่ที่ถนนเจริญกรุงดูคับแคบไปถนัดตาจากความเติบใหญ่ขององค์การ จึงได้มีการย้ายไปยังถนนวิภาวดีรังสิตเพื่อการรองรับความเติบโตและย่างก้าวสำคัญอีกประการคือการได้นำเครื่องบินแบบ B747-200 ความจุ 371 ที่นั่ง จากโบอิ้ง เข้าประจำการ 2 ลำ และA300-B4 อีกจำนวน 4 ลำเพื่อทำการบินตรงสู่ยุโรปโดยไม่หยุดพักและต่อมาในปี พ.ศ. 2523 การบินไทยได้บินข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกเป็นครั้งแรกด้วยเครื่องบินแบบ B747-200 สู่ซีแอตเติลต่อมาก็ขยายสู่ดัลลัส และเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ในปี พ.ศ. 2524 จากนโยบายรัฐบาลพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ การบินไทยได้รวมเอาบริษัท Thai Aircraft Maintenance ( THAI AM ) ซึ่งเป็นบริษัทซ่อมใหญ่อากาศยาน = ที่ซ่อมทั้งโครงสร้างลำตัวระดับ D-Check และซ่อมใหญ่ขั้น Overhaulนับเป็นจุดเริ่มต้นของการซ่อมบำรุงแบบครบวงจรของการบินไทยและยังขยายเส้นทางไปสู่เมืองกวางโจว

พ.ศ. 2525 แม้ว่าด้วยวิกฤตลดค่าเงินบาท แต่การบินไทยก็สามารถผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้ด้วยการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ และกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจอย่างดีเยี่ยม ทั้งยังเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 1100 ล้านบาท และเพิ่มการบริการด้วยชั้นธุรกิจ Royal Executive class เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและรองรับการให้บริการแก่นักธุรกิจที่เดินทางมายังประเทศไทยที่มีมากขึ้น ทั้งยังมีเค้าเตอร์เช็คอินพิเศษ มีห้องรับรองพิเศษขณะรอขึ้นเครื่อง มีห้องโดยสารแยกพิเศษ มีอาหารและไวน์บริการเป็นพิเศษ นอกจากนี้ยังได้มีการร่วมลงทุนในบริษัท เชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด ( Bangkok Aviation Fuel Services Limitied-BAFS ) และกิจการโรงแรม Royal Orchid Hotel and the Airport Hotelต่อมาได้ขยายเส้นทางบินภายในประเทศเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไปยังหัวเมือง อาทิ เชียงใหม่ ภูเก็ต และจุดเชื่อมต่อระหว่างประเทศ 2 เส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพ-หาดใหญ่-สิงคโปร์และ กรุงเทพ-ภูเก็ต-สิงคโปร์

พ.ศ. 2528 การบินไทยได้สร้างโรงซ่อมเครื่องบินเพื่อรองรับ B747-200 และ A300-B4 จำนวน 2 โรงซ่อม ที่ท่าอากาศยานกรุงเทพ (ดอนเมือง) ในเวลาต่อมาได้รับการสนับสนุนสร้างโรงซ่อมที่ 3 จากสายการบินสแกนดิเนเวียน และต่อมาเปิดเส้นทางบินเพิ่มยังสตอกโฮล์ม และสร้างคลังสินค้าใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค ด้วยพื้นที่กว่า 57000 ตารางเมตรสามารถรองรับสินค้าจากการบินไทยและสายการบินอื่นๆกว่า 37 สายการบิน และเปิดสาขาภัตตาคารการบินไทยแห่งแรกที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ในปีพ.ศ. 2530ท่าอากาศยานกรุงเทพ (ดอนเมือง) ได้เปิดอาคารผู้โดยสารภายในประเทศและระหว่างประเทศหลังใหม่ และการบินไทยได้เพิ่มเส้นทางบินสู่โอ๊กแลนด์ และมาดริดมีนักท่องเที่ยวเดินทางมายังประเทศไทยจำนวนมากนับเป็นความสำเร็จยิ่งใหญ่

พ.ศ. 2531 “การบินไทย” ได้ทำการรวมบริษัทกับ “เดินอากาศไทย” กลายเป็นสายการบินที่เติบโตรวดเร็วและมีเอกภาพ มีทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น 2230 ล้านบาทมีฝูงบินจำนวน 41 ลำ และมีเส้นทางบิน 48 แห่ง 35 ประเทศทั่วโลก และเส้นทางภายในประเทศ 23 แห่ง
พ.ศ. 2532-2542
พ.ศ. 2532 การบินไทยได้เปิดครัวการบินแห่งใหม่ที่เป็นครัวที่ทันสมัยและใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย และในปี พ.ศ. 2533 เป็นปีที่การบินไทยดำเนินกิจการมาครบ 30 ปี มีผู้โดยสารจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์มากถึง 8.3 ล้านคน และมีการรับมอบเครื่องบิน 8 ลำ ได้แก่ ATR 4 ลำ B737-400 2 ลำ และ B747-400 2 ลำ เข้าประจำการ ต่อมาการบินไทยได้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 3000 ล้านบาทและรับมอบเครื่องบินแบบ B747-400 เพิ่มเติม อีกทั้งยังเข้าเป็นสมาชิกสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ( IATA ) และเป็นสมาชิกในระบบสำรองที่นั่งแบบเบ็ดเสร็จ Amadeus ซึ่งครอบคลุมเครือข่ายกับ 98 สายการบินทั่วโลก

พ.ศ. 2535 การบินไทยได้เริ่มดำเนินการแปรรูป โดยนำหุ้นเข้าตลาดหลักหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จำนวน 100 ล้านหุ้น สามารถระดมทุนได้ถึง 14000 ล้านบาท ต่อมาในปี พ.ศ. 2536 การบินไทยได้มีการเปิดรับสมาชิกในรายการสะสมไมล์ รอยัล ออร์คิด พลัส (Royal Orchid Plus) ที่ลูกค้าจะได้รับสิทธิประโยชน์จากไมล์เอกสิทธิ์(Qualifying Miles-Q Miles)

พ.ศ. 2537 การบินไทยได้รับมอบเครื่องบินแบบ B747-400 ลำที่ 8 และ A330-300 จำนวน 2 ลำ และทำการแปลงสภาพเป็นบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) Thai Airways International Public Company Limited และเพิ่มเส้นทางบินอีก 2 เส้นทาง คือ ละฮอร์ และ นครพนม ต่อมาได้มีการประกาศวิสัยทัศน์ของบริษัทขึ้นใหม่คือ The First Choice Carrier. Smooth as Silk. First time. Every Time. เพื่อการก้าวเป็นสายการบินชั้นนำในธุรกิจการบินโลก

พ.ศ. 2539 นับเป็นปีประวัติศาสตร์อีกปีหนึ่งเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามเครื่องบินแบบ B777-200 ลำแรกของการบินไทย โดยมีนามว่า “ลำพูน” โดยเครื่องบินลำดังกล่าวได้ติดตั้งเครื่องยนต์แบบ Rolls-Royce Trent 800 มีห้องโดยสารกว้างขวาง เป็นเครื่องบินที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยและในปีนี้เองสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 และเจ้าฟ้าชายฟิลิป ดยุคแห่งเอดินบะระ ได้เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมชมฝ่ายช่างที่ทาอากาศยานกรุงเทพ (ดอนเมือง) และทรงได้ทดสอบเครื่องยนต์ Rolls-Royce Trent 800 ด้วยพระองค์เอง

พ.ศ. 2540 หลังจากการเจรจาในปี 2536 ของกลุ่มสายการบินที่ต้องการตั้งกลุ่มพันธมิตรการบิน และในวันที่ 14 พฤษภาคม 2540 การบินไทยได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกก่อตั้งกลุ่มพันธมิตรการบิน สตาร์ อัลไลแอนซ์ (Star Alliance) ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรการบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก และการบินไทยเองก็เป็นสายการบินเอเชียสายการบินแรกที่อยู่ในกลุ่มพันธมิตรการบิน โดยสายการบินก่อตั้งได้แก่ การบินไทย Air Canada Lufthansa Scandinavian Airlines และ United Airlines อีกทั้งการบินไทยยังได้เป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการใน Asian Games ครั้งที่ 13

พ.ศ. 2541 การลดลงของค่าเงินบาททำให้มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามายังประเทศไทย การบินไทยเองก็ได้จัดกิจกรรมมากมายภายใต้แนวคิด Amazing Thailandในงาน Rose Parade

----- ต่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่