เมื่อวันที่ 28 เม.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก น.ส.พัชระ นาคา อายุ 42 ปี เจ้าของร้านจำหน่ายของชำเลขที่ 50/1 บ้านแม่สลองใน ม.4 ต.ป่าซาง อ.แม่จัน จ.เชียงราย ว่า ได้ถูกคนร้ายเข้าไปชิงเอาทรัพย์สินเป็นสินค้าภายในร้านและเมื่อสอบถามก็ได้ความว่ามีร้านข้างในหมู่บ้างค้างเคียงถูกกระทำในลักษณะเดียวกันนี้มาแล้วหลายรายจึงอยากเปิดเผยสู่สาธารณชนเพื่อไม่ให้ถูกคนกลุ่มนี้ทำให้เกิดความเสียหายอีก โดย น.สพัชระ ระบุว่าก่อนหน้านี้ได้มีชายและหญิงจำนวน 2 คน ขับรถเก๋งไปจอดที่หน้าร้านโดยฝ่ายหญิงทำทีเข้าไปสอบถามเรื่องสินค้า เล่าเรื่องส่วนตัวและอ้างว่าจะหาซื้อเบียร์ไปเลี้ยงฉลองงานเฉลิมฉลองแห่งหนึ่งในหมู่บ้านข้างเคียง ซึ่งงานเฉลิมฉลองดังกล่าวตรงกับที่ตนทราบข่าวมาทำให้ไว้วางใจว่าชายและหญิงคู่นี้เป็นคนท้องถิ่น

น.ส.พัชระ กล่าวว่า จากนั้นถัดมาอีก 1 วันชายหญิงคู่เดิมได้ขับรถไปจอดที่หน้าร้านและเข้าไปติดต่อซื้อเบียร์จำนวน 2 ลังและขนมจำนวนหนึ่งราคารวมประมาณ 1,200 บาท ตนจึงช่วยขนของไปไว้ที่กระโปรงหลังรถให้ แต่ปรากฎว่าเมื่อกลับมาที่ร้านหญิงสาวกลับบอกว่าลืมกระเป๋าเงินไว้ในรถ ทำให้ตนไว้วางใจรออยู่ที่ร้านทำให้ชายหญิงคู่นั้นขับรถหลบหนีออกจากหน้าร้านไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ตนตกตะลึงอยู่เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรเนื่องจากเฝ้าร้านอยู่คนเดียวและมีลูกค้าคนอื่นๆ ทะยอยเข้าร้านกันเต็ม จึงปล่อยเลยตามเลยแต่ก็ไม่อยากให้คนอื่นได้รับเคราะห์อีก เพราะได้สอบถามร้านค้าอื่นๆ พบว่ามีผู้ถูกกระทำชิงเอาสินค้าไปจำนวน 3 ร้านในหมู่บ้านข้างเคียงกัน และเป็นที่น่าสังเกตุว่าคนกลุ่มนี้จะทำทีเข้าไปดูร้านก่อน 1 วันหากร้านไหนมีกล้องวงจรปิดก็จะไม่เข้าไปก่อเหตุแต่ร้านของตนและร้านที่ถูกกระทำไม่มีจนถูกชิงทรัพย์ไปดังกล่าว หลังเกิดเหตุตนก็ไม่ได้ไปแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจเพราะเราไม่มีหลักฐานเพียงแต่ไม่อยากให้คนเหล่านี้เป็นภัยต่อสังคมอีกต่อไปเท่านั้น.
แม่ค้าเชียงราย ร้องทุกข์ โจรขโมยเบียร์อาละวาด ทำทีซื้อยกลังก่อนชิ่งหนีต่อหน้า Cr.ข่าวสดออนไลน์
น.ส.พัชระ กล่าวว่า จากนั้นถัดมาอีก 1 วันชายหญิงคู่เดิมได้ขับรถไปจอดที่หน้าร้านและเข้าไปติดต่อซื้อเบียร์จำนวน 2 ลังและขนมจำนวนหนึ่งราคารวมประมาณ 1,200 บาท ตนจึงช่วยขนของไปไว้ที่กระโปรงหลังรถให้ แต่ปรากฎว่าเมื่อกลับมาที่ร้านหญิงสาวกลับบอกว่าลืมกระเป๋าเงินไว้ในรถ ทำให้ตนไว้วางใจรออยู่ที่ร้านทำให้ชายหญิงคู่นั้นขับรถหลบหนีออกจากหน้าร้านไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ตนตกตะลึงอยู่เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรเนื่องจากเฝ้าร้านอยู่คนเดียวและมีลูกค้าคนอื่นๆ ทะยอยเข้าร้านกันเต็ม จึงปล่อยเลยตามเลยแต่ก็ไม่อยากให้คนอื่นได้รับเคราะห์อีก เพราะได้สอบถามร้านค้าอื่นๆ พบว่ามีผู้ถูกกระทำชิงเอาสินค้าไปจำนวน 3 ร้านในหมู่บ้านข้างเคียงกัน และเป็นที่น่าสังเกตุว่าคนกลุ่มนี้จะทำทีเข้าไปดูร้านก่อน 1 วันหากร้านไหนมีกล้องวงจรปิดก็จะไม่เข้าไปก่อเหตุแต่ร้านของตนและร้านที่ถูกกระทำไม่มีจนถูกชิงทรัพย์ไปดังกล่าว หลังเกิดเหตุตนก็ไม่ได้ไปแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจเพราะเราไม่มีหลักฐานเพียงแต่ไม่อยากให้คนเหล่านี้เป็นภัยต่อสังคมอีกต่อไปเท่านั้น.