สวัสดีครับ Silver Gaze ครับ
เรียกได้ว่าโคตรจะปวดกระบาลเลยใช่ไหมครับ กับเรื่องของการโกมเกมที่เกิดขึ้นใน ‘SEA Games’ ไม่กี่วันมานี้ เพราะเอาจริงๆ ตัวประเด็น ‘SEA Games’ มันก็ค่อนข้างร้อนแรงอยู่แล้วตั้งแต่ก่อนหน้าที่งานจะจัด ไม่ว่าจะเรื่องการโปรโมตที่แย่ การจัดการที่แย่ ไปจนถึงการเอา AI มาทำภาพโปรโมต…ที่ก็แย่เช่นเดียวกัน
ความแย่เหล่านั้นค่อยๆ ทวีตัวขึ้นสูงปรี้ดขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งหลอดความแย่มันมาแตกก็ตอนที่ข่าวเรื่องการโกงเกมในกีฬา E-Sport ถูกแพร่กระจายออกมาเมื่อไม่กี่วันนี่แหละครับ
เห้อออออ
บอกตรงๆ ว่าผมเห็นแล้วผมโคตรจะเศร้า
แต่ถ้ามองในอีกมุมหนึ่ง เรื่องนี้ก็ทำให้เราได้เข้าใจคนต่างวงการมากขึ้นพอสมควรเลยทีเดียว ยกตัวอย่างเช่น วงการแข่งม้า วงการมวย ที่เราก็ต้องยอมรับกันนั่นแหละ ว่ามันก็เป็นวงการเทาๆ ที่เต็มไปด้วยการพนัน แต่พอมาถึงยุคหลังเช่นยุค One หรือยุคที่มีการโปรโมตสาวม้าในไทยเนี่ย ผมว่ามันก็เห็นได้ชัดนะ ว่าวงการต่างๆ เขาพยายามจะผลักดันวงการของตัวเองให้ไปไกลขึ้น รวมไปถึงการทำให้วงการนั้นๆ เปิดกว้างมากขึ้น
เพราะถ้าวงการต่างๆ เหล่านั้นมันเปิดกว้างมากขึ้น มีคนสนใจมากขึ้น มีช่องทางในการหารายได้มากขึ้น เขาก็ไม่จำเป็นต้องพยายามทำทุกวิธีเพื่อต่อชีวิตวงการเหล่านั้นอีกต่อไป
หรืออีกหนึ่งตัวอย่างที่ชัดเจนมากขึ้น ก็คือ วงการเหล้าเบียร์ครับ
คือตอนแรกต้องยอมรับตรงๆ เลยครับ ว่าผม

โคตรปฏิเสธวงการเหล้าเบียร์เลย เพราะผมไม่รู้ว่าเราจะสู้เพื่อขับเคลื่อนไอสิ่งที่เรียกว่าเหล้าเสรีอะไรนั่นไปเพื่ออะไร มีเบียร์ให้แดกเยอะ อุบัติเหตุก็เกิดเยอะ เสียหายเพิ่มขึ้นเยอะ เสียเวลาแบบสุดๆ แต่พอกาลเวลาผ่านไป ผมกลับมองมันอีกแบบหนึ่งนะ เพราะไอคนแย่ๆ ที่ดื่มเหล้าเบียร์จนเละเทะ ทำให้เกิดอุบัติเหตุ ไม่ดูสารรูปตัวเอง สุดท้ายมันก็ทำตัวแบบนั้นอยู่ดี ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม สู้เราทำให้เหล้าเบียร์ในประเทศกลายเป็นของส่งออก อัพมูลค่ามันมากขึ้น แล้วกดดันให้คนพวกนั้นเข้าถึงเหล้าเบียร์ได้ยากขึ้นยังจะดีซะกว่า
และเอาจริงๆ คนที่เขาดื่มเหล้าแบบดูแลตัวเองได้มันก็มี มีเยอะด้วย ไม่งั้นเพื่อนในมหาลัยผมคงหายไปเกือบครึ่ง
พูดง่ายๆ ก็คือ ในมุมมองของคนที่โตขึ้นแล้ว ผมมองว่าสิ่งที่เขาพยายามจะผลักดัน มันไม่ใช่การผลักดันเพื่อให้ทุกคนมานั่งกินเหล้าเบียร์กันตั้งแต่เที่ยง หรือผลักดันเพื่อให้เหล้าเบียร์มีให้เลือกเยอะขึ้น แต่เป็นดีดตัวออกจากภาพลักษณ์เดิมๆ จากนั้นก็ทำให้มันเป็นระบบ จะได้มีการจัดการที่ง่ายขึ้นเสียมากกว่า
แต่ท่ามกลางความพยายามของคนหมู่มาก ปัญหามันก็มักจะเกิดขึ้นจากคนที่ไม่คิดจะเอา…อะไรเลย อย่างอาเจ้ที่มานั่งสวมวิญญาณให้คนอื่นลงแข่งให้อย่างที่เราเห็นกันนี่แหละครับ
คือตอนอ่านข่าวผม

โคตรเศร้า ขนาดเราไม่ได้เป็นคนที่ลงทุนลงแรงเพื่อผลักดันวงการต่างๆ ก็ยังรู้สึกเศร้า เพราะเราอยู่มาตั้งแต่ยุคที่เกม

คือของที่พ่อแม่ผู้ปกครองพยายามจะไม่ให้ลูกเอื้อมมือไปจับ จนมาถึงปัจจุบันที่มันถูกบรรจุเข้าไปในการแข่งกีฬาระดับชาติ มันเลยกลายเป็นความรู้สึกว่า ‘โอ้โห ทำแบบนี้ทำไมวะ ?’ ขึ้นมาในหัวแทบจะทันที โชคดีหน่อยที่ปัญหานี้ทุกคนดูจะมองไปในทิศทางเดียวกัน ว่าปัญหานี้มันเกิดขึ้นจากตัวบุคคล มันเลยไม่ได้ไปถึงขั้นที่มีคนมาพูดว่า ‘นี่ไง ขนาดเล่นเกมยังโกงเลย’ หรือ ‘นี่ไง เกมมันก็แค่นี้แหละไม่เหมือนกีฬา มีแต่พวกขี้โกง’ ความเสียหายมันเลยไม่ได้รุนแรงมาก
คิดซะว่าเป็นบทเรียน ให้เราได้มานั่งทบทวนมุมมองของตนเองเกี่ยวกับวงการอื่นๆ ว่าที่จริงแล้วมุมมองที่เรามีต่อพวกเขา อาจจะเป็นเพียงมุมมองที่เกิดจากการที่สื่อต่างๆ หล่อหลอมให้เราคิดแบบนั้นก็เป็นได้
เกม ม้า คนบ้า และความน่าอับอาย
เรียกได้ว่าโคตรจะปวดกระบาลเลยใช่ไหมครับ กับเรื่องของการโกมเกมที่เกิดขึ้นใน ‘SEA Games’ ไม่กี่วันมานี้ เพราะเอาจริงๆ ตัวประเด็น ‘SEA Games’ มันก็ค่อนข้างร้อนแรงอยู่แล้วตั้งแต่ก่อนหน้าที่งานจะจัด ไม่ว่าจะเรื่องการโปรโมตที่แย่ การจัดการที่แย่ ไปจนถึงการเอา AI มาทำภาพโปรโมต…ที่ก็แย่เช่นเดียวกัน
ความแย่เหล่านั้นค่อยๆ ทวีตัวขึ้นสูงปรี้ดขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งหลอดความแย่มันมาแตกก็ตอนที่ข่าวเรื่องการโกงเกมในกีฬา E-Sport ถูกแพร่กระจายออกมาเมื่อไม่กี่วันนี่แหละครับ
เห้อออออ
บอกตรงๆ ว่าผมเห็นแล้วผมโคตรจะเศร้า
แต่ถ้ามองในอีกมุมหนึ่ง เรื่องนี้ก็ทำให้เราได้เข้าใจคนต่างวงการมากขึ้นพอสมควรเลยทีเดียว ยกตัวอย่างเช่น วงการแข่งม้า วงการมวย ที่เราก็ต้องยอมรับกันนั่นแหละ ว่ามันก็เป็นวงการเทาๆ ที่เต็มไปด้วยการพนัน แต่พอมาถึงยุคหลังเช่นยุค One หรือยุคที่มีการโปรโมตสาวม้าในไทยเนี่ย ผมว่ามันก็เห็นได้ชัดนะ ว่าวงการต่างๆ เขาพยายามจะผลักดันวงการของตัวเองให้ไปไกลขึ้น รวมไปถึงการทำให้วงการนั้นๆ เปิดกว้างมากขึ้น
เพราะถ้าวงการต่างๆ เหล่านั้นมันเปิดกว้างมากขึ้น มีคนสนใจมากขึ้น มีช่องทางในการหารายได้มากขึ้น เขาก็ไม่จำเป็นต้องพยายามทำทุกวิธีเพื่อต่อชีวิตวงการเหล่านั้นอีกต่อไป
หรืออีกหนึ่งตัวอย่างที่ชัดเจนมากขึ้น ก็คือ วงการเหล้าเบียร์ครับ
คือตอนแรกต้องยอมรับตรงๆ เลยครับ ว่าผม
และเอาจริงๆ คนที่เขาดื่มเหล้าแบบดูแลตัวเองได้มันก็มี มีเยอะด้วย ไม่งั้นเพื่อนในมหาลัยผมคงหายไปเกือบครึ่ง
พูดง่ายๆ ก็คือ ในมุมมองของคนที่โตขึ้นแล้ว ผมมองว่าสิ่งที่เขาพยายามจะผลักดัน มันไม่ใช่การผลักดันเพื่อให้ทุกคนมานั่งกินเหล้าเบียร์กันตั้งแต่เที่ยง หรือผลักดันเพื่อให้เหล้าเบียร์มีให้เลือกเยอะขึ้น แต่เป็นดีดตัวออกจากภาพลักษณ์เดิมๆ จากนั้นก็ทำให้มันเป็นระบบ จะได้มีการจัดการที่ง่ายขึ้นเสียมากกว่า
แต่ท่ามกลางความพยายามของคนหมู่มาก ปัญหามันก็มักจะเกิดขึ้นจากคนที่ไม่คิดจะเอา…อะไรเลย อย่างอาเจ้ที่มานั่งสวมวิญญาณให้คนอื่นลงแข่งให้อย่างที่เราเห็นกันนี่แหละครับ
คือตอนอ่านข่าวผม
คิดซะว่าเป็นบทเรียน ให้เราได้มานั่งทบทวนมุมมองของตนเองเกี่ยวกับวงการอื่นๆ ว่าที่จริงแล้วมุมมองที่เรามีต่อพวกเขา อาจจะเป็นเพียงมุมมองที่เกิดจากการที่สื่อต่างๆ หล่อหลอมให้เราคิดแบบนั้นก็เป็นได้