ไดอารี่หมอดู หน้าที่ 42 ค่ะ จาก หนังสือธรรมะใกล้ตัว ฉบับที่ 42 ค่ะ

กระทู้สนทนา
ไดอารี่หมอดู หน้าที่ 42 ค่ะ จาก หนังสือธรรมะใกล้ตัว ฉบับที่ 42 ค่ะ

นานามาลัยนานาก่อทรายนานาเดินทาง

พฤษภาคม ๒๕๕๑

           สวัสดีช่วงยุคข้าวแพงค่าแรงน้อยค่ะ อาทิตย์นี้ยังคงหนีไม่พ้นเรื่องของโรคทางใจค่ะ เพราะเศรษฐกิจเมืองไทยตอนนี้กำลังไม่แน่นอน เกิดสภาวะคนป่วยทางจิตได้ง่าย จะใช้จ่ายอะไรที่เกินจำเป็นก็ต้องระวังกันหน่อยนะคะ ข้าวของเครื่องใช้แต่ละอย่างแพงขึ้นเรื่อย ๆ แต่เงินเดือนขึ้นนิดเดียว นั่งเฝ้ารอให้มีคนมาช่วยแก้ปัญหาให้กับประเทศยิ่งริบหรี่ มีแต่คนเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าส่วนรวม คนเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมก็อยู่ไม่ได้ คนดีตายหมด

           ความคิดของคนส่วนใหญ่ในเมืองไทยตอนนี้คงจะเหมือน ๆ กัน เช่น ถามว่าทำไมไม่ทำอย่างนั้น ทำไมไม่ทำอย่างนี้ก่อน ไปแก้อย่างนั้นทำไม ต้องแก้อย่างนี้สิ ทำอย่างนั้นไม่ถูก ทำอย่างนี้ไม่ถูก คนนั้นผิด คนนี้ไม่ดี เฮ้อ... ต้องถอนหายใจแรง ๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งต้องกินลูกท้อสักร้อยลูก ไม่เห็นจะมีอะไรเป็นอย่างที่คิดได้สักอย่าง พูดไปก็เหนื่อยไป สะสมความหนักอกหนักใจเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว มีเพื่อน ๆ รุ่นพี่หลายคนบอกว่าพี่ไม่ดูข่าวแล้ว เบื่อ กำลังจะยกทีวีไปบริจาค

           อย่าเพิ่งปล่อยใจให้เกิดความอยากที่จะออกไปจากสภาวะที่เป็นอยู่มากเกินไป จนใจเกิดความเครียด โดยไม่รู้ตัวนะคะ ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกไม่เคยมีอะไรหยุดนิ่งต้องเปลี่ยนไปเสมอ อย่าปล่อยให้จิตใจต้องจมแช่อยู่กับสิ่งเดิมมากเกินไป ไม่อย่างนั้นจะทำให้จิตใจป่วยได้โดยไม่รู้ตัว

           เหมือนน้องคนหนึ่งเพิ่งโทรมาตอนกำลังเขียนไดอารี่พอดีว่า พี่พีร์คะ หนูเพิ่งไปหาหมอจิตเวชมาค่ะ เขาบอกว่าหนูเป็นโรคซึมเศร้า แต่หนูไม่เห็นว่าหนูจะเครียดอะไรเท่าไหร่เลย พอถามกลับไปเขาก็ตอบว่าหนูดูรายการทีวีรายการหนึ่งเขาบอกว่าอาการปวดไหล่ที่รักษาไม่หายอาจจะเกิดจากอาการเครียดสะสม แต่ก็มามองหาว่าตัวเองเครียดเรื่องอะไรไม่ค่อยเจอเหมือนกัน

           จิตใจของเขาเป็นสภาวะออกสไตล์ซึมเศร้าจริง ๆ สิ่งที่น้องคนนี้เป็นคือ เขาตั้งใจทำอะไรมากเกินไป เมื่อยังไม่เกิดผลตามที่ใจอยากให้เป็น เลยทำให้เครียด ดังนั้นอาการแค่ใจอยากให้เป็นอย่างที่ต้องการแล้วรอคอยผล แต่เมื่อผลยังไม่เกิดตามที่ใจต้องการก็ทำให้เกิดอาการเครียดได้ เรียกสั้น ๆ ว่า ไม่ได้ดั่งใจนั่นเอง ความเครียดอาจเกิดจากอาการของจิตที่อยากให้แต่ละสิ่งเป็นอย่างที่เราคิด แต่ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไรเป็นอย่างที่ใจเราอยากให้เป็นได้หรอกค่ะ ต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่ ไม่อย่างนั้นต้องกินยาหมอ น้องเขาบอกว่ากินยาแล้วก็หายเหมือนกัน

           นอกจากสภาวะ “ความอยาก” ยังมีสภาวะอีกมากมายที่ทำให้คนเป็นโรคเครียดได้ สภาวะหนึ่งที่ทำให้เกิดความเครียดได้ง่ายก็คือ “ความกลัว” ค่ะ ความกลัวในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นมากเกินไปทำให้เกิดความเครียดได้ง่ายมาก เช่นตัวอย่างล่าสุด พี่คนหนึ่งเธอเป็นคนวัยกลางคน เพิ่งมาดูดวงไปเมื่อบ่ายวันนี้เอง เธอกำลังมีปัญหาเรื่องพี่น้องแย่งสมบัติกัน เธอต้องเสียสมบัติทุกอย่างที่เธอมีสิทธิจะได้ให้กับพี่น้องที่อยากได้ไปเกือบหมดแล้ว เหลือแค่บ้านหลังที่เธออยู่เป็นชิ้นสุดท้าย ซึ่งพี่น้องของเธอร้ายกาจมากจริง ๆ วางแผนทุกวิถีทางที่จะทำให้ได้ซึ่งบ้านหลังนี้ไป กระทั่งใส่ร้ายต่าง ๆ นานา ในสิ่งที่เธอไม่ได้ทำ มีอะไรมากกว่านี้อีกแต่ไม่สามารถบอกได้ค่ะ ชีวิตของเธอเหมือนละครน้ำเน่า

           บอกเธอไปว่า ปล่อยเขาไปเถอะ เขาอยากได้อะไรก็ให้เขาไปเถอะ ไม่ต้องไปแย่งกับเขาหรอกค่ะ ยังไงพี่ก็ยังมีเงินที่จะซื้อบ้านหลังใหม่ ไม่เห็นต้องไปพยายามยึดเอาไว้ให้ตัวเองต้องเป็นทุกข์ให้ต้องเครียดเลย คำพูดนี้เหมือนสะกิดใจให้เธอมีสติคิดได้ว่า ฐานะการเงินและตำแหน่งหน้าที่การงานที่เธอมีอยู่ สามารถซื้อบ้านหลังใหม่ได้สบาย ๆ ใจเธอโล่งออกมาเปลาะหนึ่ง

           เธอกลัวว่าจะสูญเสียบ้านหลังสุดท้ายนี้มาก ๆ จิตใจของเธอมีความคิดว่าทุกคนได้สมบัติไปหมด น่าจะพอได้แล้ว เหลือบ้านหลังนี้ชิ้นสุดท้ายสำหรับเธอนะ พวกเขาไม่น่าจะมาทำแบบนี้เลย ความกลัวที่จะเสียบ้านหลังนี้เกิดขึ้นในใจของเธอเรื่อย ๆ ซึ่งเมื่อเห็นสภาวะทางใจของเธอเป็นแบบนี้ก็น่ากลัวจะต้องหาหมอ บอกไปว่าถ้าเป็นแบบนี้ระวังจะต้องหาจิตแพทย์นะ ไม่คุ้มกันหรอก เธอบอกว่าไม่ทันแล้วค่ะ กำลังทานยาอยู่

           ขณะที่บอกให้ปล่อยสมบัติไปและให้เตรียมซื้อบ้านใหม่ ใจของเธอสละได้จริง ๆ จิตของเธอหลุดออกจากความกลัวจะสูญเสียสมบัติ อาการของความเครียดหายไปทันที ใจเธอเบามาก เธอพูดออกมาว่ารู้สึกสบายใจมาก ๆ เลยค่ะ การเห็นอาการที่จิตใจไปยึดติดอะไรไว้มากเกินไป จนถูกความกลัวปรุงแต่งให้ใจทุกข์ได้นั้น สามารถทำให้หายเครียดได้ค่ะ

           พอความสบายใจเกิดขึ้นปัญญาในการแก้ไขปัญหาจะเริ่มทำงาน เธอบอกว่าลืมไปว่าชื่อบ้านยังเป็นของคุณแม่ ให้คุณแม่โอนมาเป็นชื่อของเธอเสียก็จบแล้วสินะ ไม่เห็นต้องมาคิดมากเลยใช่ไหมคะ (หัวเราะ) เธอมีความโชคดีมากอย่างหนึ่ง คือเป็นคนชอบทำบุญช่วยเหลือคนอื่นแบบไม่ค่อยเลือกหน้าค่อนข้างเยอะ ทำให้เธอมีกัลยาณมิตรที่ดี คอยป้อนธรรมะให้เธอตลอด หลังจากนั้นได้แนะนำให้เธออ่านหนังสือธรรมะเพิ่มเติม และแนะนำให้รู้จักกับสถานที่สอนธรรมะดี ๆ อีกด้วย

           เห็นกันแล้วใช่ไหมคะ ว่าความกลัวสามารถทำให้เราต้องหาหมอได้ พวกเราชาวพุทธต้องไม่หาแค่ปัจจัยสี่ในการดำรงชีวิตเท่านั้น ต้องหาปัจจัยที่ห้าด้วย คือ “อาหารใจ” คือธรรมโอสถของพระพุทธเจ้าเท่านั้น ที่จะสามารถรักษาอาการป่วยทางจิตใจได้ คนที่ยังไม่ป่วยก็ต้องพยายามหาอาหารเสริมให้ใจกันก่อนนะคะ เวลาต้องเจอปัญหาจะได้ไม่เจ็บมาก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่