ออกตัวก่อนเลยนะครับ ว่านี่ไม่ใช่เรื่องแต่ง เป็นเรื่องจริงที่ผมประสบเอง ไม่มีการแต่งแต้มแม้แต่น้อย
และผมก็ไม่ใช่นักเขียน ไม่เคยเขียนงานวรรณกรรมอะไร อาจใช้ภาษาที่เข้าใจได้ยากบ้าง ขอให้อ่านแบบถี่ถ้วน จับเป็นคำๆ ไป อย่าอ่านแบบ Skimming รายละเอียดมันเยอะพอสมควร
###############################
แรกเริ่มเกิดมาก็นับถือศาสนาพุทธ เพราะที่บ้านนับถือศาสนาพุทธ แต่พออายุเยอะขึ้น ค่านิยมตะวันตกและการศึกษาก็ทำให้อีโก้และอะไรๆ ในตัวเราเยอะขึ้น เกิดมีความคิดที่ว่า
"เฮ่ย... กุไม่เห็นต้องมีศาสนาเลยนี่นา แค่เป็นคนดี ทำดี ไม่เดือดร้อนใคร ก็ไม่เห็นต้องหาไรยึดเหนี่ยวจิตใจ" เลยเริ่มปฏิบัติตน บอกใครต่อใคร รวมทั้งนายทะเบียนที่ทำบัตรประชาชนให้เราว่า ศาสนาไม่มีนะครับ ให้เว้นไปเลย....
เรื่องศาสหนงศาสนาไรก็ไม่ได้สนใจใฝ่รู้ หรือตั้งใจเรียนหรอก ไม่รู้จักศัพท์อะไรทั้งนั้น แต่เบื้องต้น ความรู้พื้นฐานก็พอรู้อยู่
อยู่มาวันนึง ด้วยความที่เป็นวัยรุ่น อายุประมาณ 20 ขวบ ตอนนั้นคึกคะนอง บวกกับปากพล่อยเป็นทุนเดิม ไปช่วยงานศพคุณปู่ของเพื่อน ที่วัดลานนาบุญ นนทบุรี (แถวๆ บ้านผมน่ะ) ก็ไปนั่งดูดบุหรี่กันหลังเมรุ ระหว่างนั้นก็สนทนากันเรื่อยเปื่อย จนผมไปปากดีเข้า พูดกับเพื่อนว่า
"ถังน้ำมันเชื้อเพลงที่เขาใส่น้ำมันไว้เผาศพที่อยู่หลังเมรุนั่นนะ มีศพแช่อยู่นะ" อะไรเทือกนี้....
หลังจากวันนั้น... ทุกวัน...... ทุกนาที......... ตลอดเวลา 1 สัปดาห์เต็ม จะมีกลิ่นศพเข้าจมูกจางๆ ช่วงดึกก็จะหนักหน่อย ยิ่งเวลาวัดกำแพงเขาสวดพรานยักษ์กัน จะเหม็นมาก ถึงกับอ้วก (ช่วงนั้นก็มีไปนอนบ้านเพื่อนที่ไม่ไกลจากบ้านตัวเอง อยู่ซอยวัดกำแพงที่นนทบุรี) จนเข้าสู่วันที่เจ็ด คืนนั้นผมก็ฝันว่า ผมกลับไปเรียน ม.6 อีกครั้ง ตัวผมเป็นวัยรุ่นอายุ 20 นี่แหละ สวมชุดนักเรียน ม.ปลาย แต่เพื่อนๆ ในห้อง ตัวเล็กๆ แกร็นๆ เหมือนเด็ก ป.2-3
ตอนนั้นกำลังนั่งทำข้อสอบอยู่ ก็ทำเสร็จเร็วที่สุดในห้องเหมือนเช่นเคย เก็บเครื่องเขียน วิ่งถือกระดาษข้อสอบกระโดดลั้นลาไปหาอาจารย์ ส่งเสร็จก็วิ่งลงไปชั้นล่าง ตึกเรียนเป็น 10 ชั้นตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ (ปกติจะมีแค่ 4 ชั้น อ้างอิงจากโรงเรียนมัธยมของเราที่ฝันถึง) เราก็อยู่ที่ชั้น 10 กำลังวิ่งลงบันได วนๆ วนๆ วนๆ... จนเริ่มเบื่อ ชั้น 3 แล้วนี่นา เอ๊ะ ปีนระเบียงกระโดดลงไปชั่นล่างเลยดีกว่านะ ไวดี ผมก็ตั้งท่าจะปีนลงไปตรงระเบียง เพื่อนเรา (ที่ตัวเล็กๆ เล็กมาก ยังกับเด็ก ป.2-3) ก็ตะโกนลงมาจากชั้น 7 "เฮ้ย!!! มืงรอกุด้วย เดี๋ยวโดดลงไปหาเดี๋ยวนี้แหละ" ในฝันผมเห็นภาพชัดมาก ชัดเหมือนยืนมองตึกทั้งสิบชั้นอยู่ห่างๆ จากด้านหน้า
จากนั้น... มันก็ปีนระเบียงกระโดดลงมาหาเราตรงระเบียงชั้น 3 แต่... เหยียบพลาด... ฉากในฝันก็ SLOW MOTION ให้เห็นรายละเอียดท่าทางการตกอย่างต่อเนื่องจน โป๊ะ! ลองไปน้อคสมองกระจายกับพื้นชั้นล่าง ตาก็จ้องเขม็งมาที่เรา ร่างกายบิดเบี้ยวหักงอ แขนขาหักหมุนมองดูคล้ายสัญลักษณ์สวัสดิกะ (คล้ายนาซีซิมโบล) แล้วมันก็พยายามชี้นิ้วของแขนที่หักงอบิดเบี้ยวนั้นมาที่เรา ตายังคงจ้องเขม็งอยู่อย่างนั้น พูดขึ้นมาว่า
"กุมีพุทธธรรมเจ็ด กุยังพลาดพลั้งตาย มืงมีพุทธธรรมไม่ถึงสาม แล้วมืงจะรอดมั้ย!!"
จากนั้นเมื่อสะดุ้งตื่น ก็โทรหาแม่ที่บ้านที่ยะลาทันที (พ่อแม่อยู่ที่ยะลาครับ) รู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว เหมือนโดนอะไรเล่นงาน หรือจิตอ่อนมากๆ
"แม่ๆ เฮ่ยแม่ แย่แล้วล่ะแม่" เล่าที่ฝันให้นางฟัง เพราะผมไม่รู้จริงๆ นึกไม่ออก ว่าอะไรดลใจ อะไรรังควานให้ผมฝันถึงศัพท์พุทธที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน กังวานอยู่ในหัวอย่างนั้น... นางก็บอกทันทีด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
"ไปปากไม่ดีไว้ที่ไหนใช่มั้ยเนี่ย เค้าตามมาเตือนนะแบบนั้นน่ะลูก ไปถวายสังฆทานซะ" (ผมก็ไม่แน่ใจนะว่าพุทธรรมขั้นไหน หมายถึงเรื่องใดบ้างอะไรยังไง แต่แม่ผมน่าจะเดาความจากตัวตนของผม ที่มีข้อเสียเรื่องปากนี่แหละ)
เย็นวันนั้น (วันที่ตื่นจากฝันร้าย) ก็ซื้อชุดสังฆทาน 1 ชุดจากบิ๊กซี ใกล้ๆ บ้าน ไปวัดเกิดเหตุ เนื่องจากใกล้บ้าน และ
"ไม่ได้นึกถึง ว่าปากไม่ดีไว้ที่นี่" (ยังคงนึกไม่ออก แอบงงอยู่ดี ว่าไปปากไม่ดีที่ไหนไว้ก็ไม่รู้) เจอพระรูปนึงท่านกวาดลานวัดอยู่ เลยกราบนมัสการขอพบเจ้าอาวาสจะถวายสังฆทาน กรวดน้ำ ท่านเงยหน้าขึ้นมามองเราแล้วก็มีคำทักทายที่ชวนสยองว่า
"เขาตามโยมไปล่ะสิ ปากไม่ค่อยดีนะเราเนี่ย เขาไปเตือน ไม่มีอะไรหรอก มาเข้ามา จะรับสังฆทานให้ เรานี่แหละเจ้าอาวาส" ผมยังไม่ได้พูดอะไรกับท่านเลย ภาพในหัวผมตีกลับมาหมดเลยว่าวันนั้น ที่เมรุนั้น ในวัดนี้ ได้นั่งดูดบุหรี่พูดจาพล่อยๆ ไว้ที่นี่ เหมือนจิ้กซอว์มันปะติดปะต่อกันจนหมด
... บอกตรงๆ นะครับ ตอนนั้นผมหลอนเจ้าอาวาสมาก ...
เรื่องพวกนี้ ทำนองนี้ก็ไม่เคยเกิดขึ้นอีก แต่ก็มีหลายครั้ง ช่วงที่บุญหนาๆ หน่อย (คิดไปเอง) เช่น ช่วงที่ช่วยคนนู้นนี้นั้นสร้างเนื้อสร้างตัว ช่วยทำงานให้เพื่อน ไม่ค่อยหวังผลประโยชน์อะไรจากใคร ช่วงที่ช่วยคนยากไร้เยอะๆ ช่วงที่ทำกุศลเยอะ... ช่วงแบบนั้นเป็ยช่วงเวลา Prime Time ของคุณสัมภเวสีทั้งหลายเลยฮะ
ขับรถผ่านสะพานข้ามคลองเล็กๆ ใน กรุงเทพฯ ก็จะเห็นคนเลือดอาบนั่งจ้องอยู่บ้าง เห็นตี้จู้

บ้านเพื่อนฉายไฟใส่หน้าบ้าง กุมารมาแกล้งไม่ให้นอนบ้าง เห็นอะไรไม่ควรเห็นอีกเยอะ เห็นแบบไม่คิดว่าจะเห็น แต่ทุกครั้งที่เห็นก็เป็นเพียงชั่วเสี้ยววินาที จึงไม่ได้คิดอะไรมากมาย...
ผ่านอะไรแบบนี้มาเยอะแล้วก็ยังคงย้ำคิดอยู่ในหัวว่า
"อย่ามาตลก ก็แค่ตาฝาด ผมไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติพวกนี้หรอก"
...
จนเวลาเนิ่นนาน เหตุการณ์นี้เพิ่งประสบพบเจอมาได้หมาดๆ เรื่องเพิ่งจะเคลียร์ได้วันนี้ วันที่พิมพ์นี่แหละ (หลายปีแล้วครับ)
เริ่มตั้งแต่ตอนย้ายเข้ามาอยู่ที่พิษณุโลกนี่ อยู่กัน 3 คน (ผม/เพื่อน/น้องอีกคนนึง) เป็นบ้านห้องแถวสามชั้น มีห้องพระอยู่ที่ชั้น 3 และทุกๆ ครั้งที่เดินขึ้นบันไดจากชั้น 2 ไป ชั้น 3 จะรู้สึกเสียวสันหลัง ขนลุกแปลบปลาบ สะท้านไปถึงทรวงใน ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ใจก็คิดเพียงแค่ว่า จิตปรุงแต่งไปเองว่ามันน่าขนลุก อยู่มาได้ระยะหนึ่ง ไม่เคยมีอะไรที่ไม่ดี
ตั้งแต่บัดนี้ เราจะสมมุติวันที่กัน...
วันที่ 1 - 15
เอ... ช่วงนี้กลางคืนดึกๆ และตอนกลางวัน มันจะมีความรู้สึกแปลกๆ นอกจากจะขนลุกบ่อยแล้ว ยังมีเสียงเอะอะ โยนรองเท้าบ้าง เล่นกลอนประตูบ้าง ตีกระจกบ้าง เราก็ไม่ค่อยสนใจ แต่ต่อมเอ๊ะทำงานเล็กๆ บ้านปิดสนิท แมวไม่มี หนูไม่มี แมลงสาบไม่มี ถึงมีก็คงไม่ดังข้ามภพขนาดนี้... โอเค ผมหลอนไปเอง คงเป็นเสียงข้างบ้าน
วันที่ 16
นั่งทานข้าวกัน
(อารัมภบทนำ - โต๊ะทานข้าวจะตั้งอยู่บริเวณโถงชั้น 2 ติดกับกำแพงกั้นทางเดินที่เป็นบันไดทางขึ้น)
ก็นั่งกินกันสามคน อร่อย ฟิน เด็ด บลาๆๆๆ... ซักพักเสียงประตูก็ดังขึ้น แอ่ดๆๆๆๆ แล้วเสียงเท้ากระทบบันไดจากชั้นล่าง เดินขึ้นมาทางชั้นสองที่พวกเรานั่งกินข้าวกันอยู่ ก็เดินมาจนหยุดตรงปลายบันได... แน่ใจว่าไม่ใช่บ้านข้างๆ ละ ผมกับเพื่อนมองหน้ากันเล็กน้อย ชะโงกลงไปด้านล่าง... ไม่มีใคร!!
วันที่ 18
เหตุการณ์เริ่มไม่สู้ดี เสียงหลายๆ อย่าง อึกทึก เอะอะ ดังบ่อยและถี่ขึ้น จนประเด็นนี้เราคุยกันบ่อยมาก ว่ามันคืออะไร เค้าคือใคร เสียงอะไร น่าจะเป็นอะไร ดังตรงไหน... ระหว่างกินข้าวเย็นผมก็นึกขึ้นได้ว่า
"เฮ่ย ตั้งแต่เข้ามาอยู่เนี่ย บ้านนี้มีแต่ห้องพระ ไม่เห็นมีตี่จู้
หรือศาลอะไรเลย เจ้าที่จะอยู่ไหน ทุกบ้านน่าจะต้องมีเจ้าที่" ผมเลยขอถ้วยเล็กๆ มาแบ่งสำรับ แล้วจุดธูปเชิญเจ้าที่มากินข้าว วางไว้บนสันกำแพงข้างตัวเรา ติดกับโต๊ะกินข้าว... มารู้ทีหลังว่าดันไปจุดดอกเดียวเข้าให้ เจ้าที่เขาให้จุด 9 ดอกเรียกมารับทาน... ผมจุดดอกเดียว งานงอกละ
น้องที่นั่งกินอยู่ฝั่งตรงข้ามก็เริ่มก้มหน้า มือสั่น ไม่พูดไม่จา น้ำตาคลอเบ้า เพื่อนเรากำลังออกมาจากห้องทำงานจะเดินมากินข้าว ออกมาจากห้องฝั่งตรงข้ามเงยหน้าขึ้นมาและรีบเลี้ยวกลับเข้าห้องอย่างรวดเร็ว... ผมเริ่มเครียดละครับ ทะ

ๆ ละ... ถามน้องว่าเห็นอะไร ใครมา เค้ามาหรอ น้องก็ไม่พูดอะไร จนน้องบอกว่า น้ำ น้ำ น้ำ เค้าจะเอาน้ำ...
เออตาย วางข้าวให้ ลืมวางน้ำ... จากนั้น น้องก็บอกว่า ตอนแรกเขาคิดว่าเขาเห็นแขนเสื้อของผม แต่กลับเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ผมยาว หน้าสวยๆ หันมายิ้มขอบอกขอบใจเขา
ไอเพื่อนเราออกมาก็นั่งกินไม่พูดไม่จา เค้นถามถึงได้บอกว่า
"เออ กุไม่กล้ามอง เค้าอร่อย ส่งเสียงฟินตลอด" "อื้มม อื้มมมม" "ดูเหมือนเค้าจะชอบมืงด้วยนะ..."
O_O ทำไมไม่เห็นคนเดียว โอเค สองคนนี้อาจจะอุปทานหมู่
ลองฝากถามหลายครั้งก็ได้คำตอบสำหรับหลายคำตอบ
จะมาให้เห็นทำไม (นางฝากตอบว่า -มาเฉยๆ ไม่ตั้งใจให้เห็น แต่เห็นกันเอง-)
แล้วเล่นรองเท้าทำไมตอนดึกๆ (-ดึกแล้ว เบื่อ ไม่มีอะไรทำ-)
กินข้าวกันเสร็จ สำรับจุดที่วางไว้ให้ก็มีธูปอยู่ครึ่งดอก ยังเหลืออีก เลยตัดสินใจเก็บจานเก็บของ เข้าไปห้องที่อยู่อีกฝั่งของโต๊ะกินข้าวกัน ผมก็นั่งเล่นเน็ทไปซักพัก ได้ยินเสียงกรีดร้องยาวๆ ไกลๆ มา 1 ที ยอมรับนะว่าขวัญหนีดีฝ่อมาก ให้น้องช่วยเปิดประตูดู น้องถามว่าทำไม เราเลยบอกว่า ดูธูปซิ จะหมดดอกแล้วใช่มั้ย? "ใช่ค่ะพี่"...
เอาละผม นางต้องกินยังไม่อิ่มแน่ๆ ทำไงดีวะ ทำไงดี
วันที่ 19
เสียงเอะอะมะเทิ่งก็ดังบ่อยขึ้น บ่อยจนเริ่มประสาทหลอนกันทั้งบ้าน ไม่ชิน กลัว และ ไม่อยากเจอ เลยลองปรึกษากับพี่ โทรหาก็ไม่ติด สัญญาณล่ม ตรงที่สัญญาณดีๆ ก็มีสายซ้อนบ้าง ตัดบ้าง เป็นอันว่าคุยยากมาก จะคุยเรื่องนี้ทีไร ไม่ว่าตอนไหนก็มีอันตกที่นั่งเดียวกัน คือ ไม่สำเร็จ ไม่ให้คุย...
วันที่ 20
หมายถึงวันนี้ ณ วันที่เขียน
นอนไม่ได้ทั้งคืน เนื่องจากอาการขนลุกทั่วร่างกาย กำลังเข้าสู่ภวังค์ก็สะดุ้งตื่นเหมือนมีคนปลุก จนเช้า... ตัดสินใจว่า น่าจะต้องถามน้อง B น้องเป็นคนมีบุญ รับรู้ถึงเรื่องพวกนี้ได้ดี โทรไปเล่าให้ฟัง แต่ยังไม่ได้เล่ารายละเอียดสิ่งที่เพื่อนเห็นว่ารูปร่างหน้าตาหรือที่เห็น เป็นเพศอะไรให้น้องเค้าฟังเลยแม้แต่น้อย ระหว่างนี้ก็ขนลุกอยู่ตลอด เสียงเอะอะก็ยังมีก่อกวนประปราย
จนถึงจุดนึงที่ผมชวนเพื่อนไปเดินถ่ายสถานที่ต่างๆ ในบ้าน เพื่อส่งรูปให้น้องเค้าดู ตอนกำลังแชทส่งรูปกัน ก็มีเสียงการตีอะไรซักอย่างดัง ปั้ง ปั้ง สองที (บอกตรงๆ ว่า ณ ตอนนั้น ขนหัวลุก และเสียสติมากแล้ว) ส่งรูปไปได้ครึ่งทาง น้องก็แชทกลับมาบอกว่า พอละพี่ รู้เรื่องละ
น้อง B แชทต่อมาว่า "ที่เจอเป็นผู้หญิงใช่มั้ยพี่?" "ตัวเล็ก ผมยาว ผิวคล้ำ" "หน้าคม คมมาก" .... ณ จุดนี้ สติกุแตกรอบที่สองละครับระหว่างนั้น น้องเขาส่งคาถาบูชาเจ้าที่มาให้ออกไปบูชากรวดน้ำกันหน้าบ้าน ก็เริ่มรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย รูปห้องพระที่ส่งไปน้องเขาบอกว่าวางพระผิดที่
ทางพ่อปู่ฤๅษีที่พ่อของน้องที่อยู่ด้วยกันในบ้าน ก็ฝากมาบอกว่าน่าจะเป็นที่ไปเลื่อนหรือขยับ วางพานใส่ของขลังเขาผิดที่ผิดทาง ไม่ได้บอกกล่าวก่อน
น้ำหน้าพระ พี่ที่ร้านสังฆทานก็เสริมว่าวางสี่แก้วไม่ได้นะคะ ต้องวางห้าแก้ว... ให้ผมไปเช่าพระประจำวันเกิดมาอีกองค์ พระพุทธรูปมี 2 องค์ ให้ไปเช่ามาบูชารวมเป็นสามองค์ ตั้งโต๊ะหมู่ใหม่ให้ดี เอามาลัยไหว้ เอานมไหว้พระพิฆเณศ
น้อง B บอกมาว่า ผมไม่เชื่อเรื่องอะไรพวกนี้ กำลังโดนของสูงเล่นงาน เพราะผมเป็นคนดวงแข็งมาก จะไม่ค่อยเห็นหรือได้ยิน เลยต้องใช้วิธีแรงๆ เพื่อสยบความคิดในใจให้ได้... ยอมรับเลยว่า มันแรงมาก... สยบผมได้จริง... กุกลัวแล้ว หยุดเหอะ...
หลังจากบูชาเจ้าที่ใหม่ จัดโต๊ะหมู่ใหม่ ทุกอย่างก็เหมือนจะดีขึ้น ผมรู้สึกหัวโล่งตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าวัดใหญ่ชัยมงคลแล้วล่ะ กลับมาทำไรใหม่ตามที่เค้าทัก เลยดีขึ้น ตอนนี้ Recover ได้ประมาณ 70% ละ อีก 30% ยังคงหลอนเล็กๆ อยู่ เพราะไม่ชิน
แต่ตอนนี้ ต้องบอกเลยว่า เสียงต่างๆ การกวนต่างๆ ดูจะหายไปหมดแล้ว
ถึงสิ่งนั้น... สิ่งที่ผมปฏิเสธมาตลอด ผมเชื่อแล้วว่าคุณมีอยู่จริง
จะหมั่นทำบุญทุกครั้งที่มีโอกาส
###############################
ปล. มารู้ทีหลัง พี่ข้างบ้านบอกว่า บ้านเราสร้างบนที่วัดเก่า ข้างใต้ยังมีลูกนิมิตไม่ได้ย้ายอยู่ลูกนึง เค้าว่าคนก่อนเราโดนผีหลอกหนีไปเลย
ถึงสิ่งนั้น... สิ่งที่ฉันคอยปฏิเสธมาโดยตลอด
และผมก็ไม่ใช่นักเขียน ไม่เคยเขียนงานวรรณกรรมอะไร อาจใช้ภาษาที่เข้าใจได้ยากบ้าง ขอให้อ่านแบบถี่ถ้วน จับเป็นคำๆ ไป อย่าอ่านแบบ Skimming รายละเอียดมันเยอะพอสมควร
###############################
แรกเริ่มเกิดมาก็นับถือศาสนาพุทธ เพราะที่บ้านนับถือศาสนาพุทธ แต่พออายุเยอะขึ้น ค่านิยมตะวันตกและการศึกษาก็ทำให้อีโก้และอะไรๆ ในตัวเราเยอะขึ้น เกิดมีความคิดที่ว่า "เฮ่ย... กุไม่เห็นต้องมีศาสนาเลยนี่นา แค่เป็นคนดี ทำดี ไม่เดือดร้อนใคร ก็ไม่เห็นต้องหาไรยึดเหนี่ยวจิตใจ" เลยเริ่มปฏิบัติตน บอกใครต่อใคร รวมทั้งนายทะเบียนที่ทำบัตรประชาชนให้เราว่า ศาสนาไม่มีนะครับ ให้เว้นไปเลย....
เรื่องศาสหนงศาสนาไรก็ไม่ได้สนใจใฝ่รู้ หรือตั้งใจเรียนหรอก ไม่รู้จักศัพท์อะไรทั้งนั้น แต่เบื้องต้น ความรู้พื้นฐานก็พอรู้อยู่
อยู่มาวันนึง ด้วยความที่เป็นวัยรุ่น อายุประมาณ 20 ขวบ ตอนนั้นคึกคะนอง บวกกับปากพล่อยเป็นทุนเดิม ไปช่วยงานศพคุณปู่ของเพื่อน ที่วัดลานนาบุญ นนทบุรี (แถวๆ บ้านผมน่ะ) ก็ไปนั่งดูดบุหรี่กันหลังเมรุ ระหว่างนั้นก็สนทนากันเรื่อยเปื่อย จนผมไปปากดีเข้า พูดกับเพื่อนว่า "ถังน้ำมันเชื้อเพลงที่เขาใส่น้ำมันไว้เผาศพที่อยู่หลังเมรุนั่นนะ มีศพแช่อยู่นะ" อะไรเทือกนี้....
หลังจากวันนั้น... ทุกวัน...... ทุกนาที......... ตลอดเวลา 1 สัปดาห์เต็ม จะมีกลิ่นศพเข้าจมูกจางๆ ช่วงดึกก็จะหนักหน่อย ยิ่งเวลาวัดกำแพงเขาสวดพรานยักษ์กัน จะเหม็นมาก ถึงกับอ้วก (ช่วงนั้นก็มีไปนอนบ้านเพื่อนที่ไม่ไกลจากบ้านตัวเอง อยู่ซอยวัดกำแพงที่นนทบุรี) จนเข้าสู่วันที่เจ็ด คืนนั้นผมก็ฝันว่า ผมกลับไปเรียน ม.6 อีกครั้ง ตัวผมเป็นวัยรุ่นอายุ 20 นี่แหละ สวมชุดนักเรียน ม.ปลาย แต่เพื่อนๆ ในห้อง ตัวเล็กๆ แกร็นๆ เหมือนเด็ก ป.2-3
ตอนนั้นกำลังนั่งทำข้อสอบอยู่ ก็ทำเสร็จเร็วที่สุดในห้องเหมือนเช่นเคย เก็บเครื่องเขียน วิ่งถือกระดาษข้อสอบกระโดดลั้นลาไปหาอาจารย์ ส่งเสร็จก็วิ่งลงไปชั้นล่าง ตึกเรียนเป็น 10 ชั้นตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ (ปกติจะมีแค่ 4 ชั้น อ้างอิงจากโรงเรียนมัธยมของเราที่ฝันถึง) เราก็อยู่ที่ชั้น 10 กำลังวิ่งลงบันได วนๆ วนๆ วนๆ... จนเริ่มเบื่อ ชั้น 3 แล้วนี่นา เอ๊ะ ปีนระเบียงกระโดดลงไปชั่นล่างเลยดีกว่านะ ไวดี ผมก็ตั้งท่าจะปีนลงไปตรงระเบียง เพื่อนเรา (ที่ตัวเล็กๆ เล็กมาก ยังกับเด็ก ป.2-3) ก็ตะโกนลงมาจากชั้น 7 "เฮ้ย!!! มืงรอกุด้วย เดี๋ยวโดดลงไปหาเดี๋ยวนี้แหละ" ในฝันผมเห็นภาพชัดมาก ชัดเหมือนยืนมองตึกทั้งสิบชั้นอยู่ห่างๆ จากด้านหน้า
จากนั้น... มันก็ปีนระเบียงกระโดดลงมาหาเราตรงระเบียงชั้น 3 แต่... เหยียบพลาด... ฉากในฝันก็ SLOW MOTION ให้เห็นรายละเอียดท่าทางการตกอย่างต่อเนื่องจน โป๊ะ! ลองไปน้อคสมองกระจายกับพื้นชั้นล่าง ตาก็จ้องเขม็งมาที่เรา ร่างกายบิดเบี้ยวหักงอ แขนขาหักหมุนมองดูคล้ายสัญลักษณ์สวัสดิกะ (คล้ายนาซีซิมโบล) แล้วมันก็พยายามชี้นิ้วของแขนที่หักงอบิดเบี้ยวนั้นมาที่เรา ตายังคงจ้องเขม็งอยู่อย่างนั้น พูดขึ้นมาว่า "กุมีพุทธธรรมเจ็ด กุยังพลาดพลั้งตาย มืงมีพุทธธรรมไม่ถึงสาม แล้วมืงจะรอดมั้ย!!"
จากนั้นเมื่อสะดุ้งตื่น ก็โทรหาแม่ที่บ้านที่ยะลาทันที (พ่อแม่อยู่ที่ยะลาครับ) รู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว เหมือนโดนอะไรเล่นงาน หรือจิตอ่อนมากๆ "แม่ๆ เฮ่ยแม่ แย่แล้วล่ะแม่" เล่าที่ฝันให้นางฟัง เพราะผมไม่รู้จริงๆ นึกไม่ออก ว่าอะไรดลใจ อะไรรังควานให้ผมฝันถึงศัพท์พุทธที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน กังวานอยู่ในหัวอย่างนั้น... นางก็บอกทันทีด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง "ไปปากไม่ดีไว้ที่ไหนใช่มั้ยเนี่ย เค้าตามมาเตือนนะแบบนั้นน่ะลูก ไปถวายสังฆทานซะ" (ผมก็ไม่แน่ใจนะว่าพุทธรรมขั้นไหน หมายถึงเรื่องใดบ้างอะไรยังไง แต่แม่ผมน่าจะเดาความจากตัวตนของผม ที่มีข้อเสียเรื่องปากนี่แหละ)
เย็นวันนั้น (วันที่ตื่นจากฝันร้าย) ก็ซื้อชุดสังฆทาน 1 ชุดจากบิ๊กซี ใกล้ๆ บ้าน ไปวัดเกิดเหตุ เนื่องจากใกล้บ้าน และ "ไม่ได้นึกถึง ว่าปากไม่ดีไว้ที่นี่" (ยังคงนึกไม่ออก แอบงงอยู่ดี ว่าไปปากไม่ดีที่ไหนไว้ก็ไม่รู้) เจอพระรูปนึงท่านกวาดลานวัดอยู่ เลยกราบนมัสการขอพบเจ้าอาวาสจะถวายสังฆทาน กรวดน้ำ ท่านเงยหน้าขึ้นมามองเราแล้วก็มีคำทักทายที่ชวนสยองว่า "เขาตามโยมไปล่ะสิ ปากไม่ค่อยดีนะเราเนี่ย เขาไปเตือน ไม่มีอะไรหรอก มาเข้ามา จะรับสังฆทานให้ เรานี่แหละเจ้าอาวาส" ผมยังไม่ได้พูดอะไรกับท่านเลย ภาพในหัวผมตีกลับมาหมดเลยว่าวันนั้น ที่เมรุนั้น ในวัดนี้ ได้นั่งดูดบุหรี่พูดจาพล่อยๆ ไว้ที่นี่ เหมือนจิ้กซอว์มันปะติดปะต่อกันจนหมด
... บอกตรงๆ นะครับ ตอนนั้นผมหลอนเจ้าอาวาสมาก ...
เรื่องพวกนี้ ทำนองนี้ก็ไม่เคยเกิดขึ้นอีก แต่ก็มีหลายครั้ง ช่วงที่บุญหนาๆ หน่อย (คิดไปเอง) เช่น ช่วงที่ช่วยคนนู้นนี้นั้นสร้างเนื้อสร้างตัว ช่วยทำงานให้เพื่อน ไม่ค่อยหวังผลประโยชน์อะไรจากใคร ช่วงที่ช่วยคนยากไร้เยอะๆ ช่วงที่ทำกุศลเยอะ... ช่วงแบบนั้นเป็ยช่วงเวลา Prime Time ของคุณสัมภเวสีทั้งหลายเลยฮะ
ขับรถผ่านสะพานข้ามคลองเล็กๆ ใน กรุงเทพฯ ก็จะเห็นคนเลือดอาบนั่งจ้องอยู่บ้าง เห็นตี้จู้
ผ่านอะไรแบบนี้มาเยอะแล้วก็ยังคงย้ำคิดอยู่ในหัวว่า "อย่ามาตลก ก็แค่ตาฝาด ผมไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติพวกนี้หรอก"
...
จนเวลาเนิ่นนาน เหตุการณ์นี้เพิ่งประสบพบเจอมาได้หมาดๆ เรื่องเพิ่งจะเคลียร์ได้วันนี้ วันที่พิมพ์นี่แหละ (หลายปีแล้วครับ)
เริ่มตั้งแต่ตอนย้ายเข้ามาอยู่ที่พิษณุโลกนี่ อยู่กัน 3 คน (ผม/เพื่อน/น้องอีกคนนึง) เป็นบ้านห้องแถวสามชั้น มีห้องพระอยู่ที่ชั้น 3 และทุกๆ ครั้งที่เดินขึ้นบันไดจากชั้น 2 ไป ชั้น 3 จะรู้สึกเสียวสันหลัง ขนลุกแปลบปลาบ สะท้านไปถึงทรวงใน ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ใจก็คิดเพียงแค่ว่า จิตปรุงแต่งไปเองว่ามันน่าขนลุก อยู่มาได้ระยะหนึ่ง ไม่เคยมีอะไรที่ไม่ดี
ตั้งแต่บัดนี้ เราจะสมมุติวันที่กัน...
วันที่ 1 - 15
เอ... ช่วงนี้กลางคืนดึกๆ และตอนกลางวัน มันจะมีความรู้สึกแปลกๆ นอกจากจะขนลุกบ่อยแล้ว ยังมีเสียงเอะอะ โยนรองเท้าบ้าง เล่นกลอนประตูบ้าง ตีกระจกบ้าง เราก็ไม่ค่อยสนใจ แต่ต่อมเอ๊ะทำงานเล็กๆ บ้านปิดสนิท แมวไม่มี หนูไม่มี แมลงสาบไม่มี ถึงมีก็คงไม่ดังข้ามภพขนาดนี้... โอเค ผมหลอนไปเอง คงเป็นเสียงข้างบ้าน
วันที่ 16
นั่งทานข้าวกัน
(อารัมภบทนำ - โต๊ะทานข้าวจะตั้งอยู่บริเวณโถงชั้น 2 ติดกับกำแพงกั้นทางเดินที่เป็นบันไดทางขึ้น)
ก็นั่งกินกันสามคน อร่อย ฟิน เด็ด บลาๆๆๆ... ซักพักเสียงประตูก็ดังขึ้น แอ่ดๆๆๆๆ แล้วเสียงเท้ากระทบบันไดจากชั้นล่าง เดินขึ้นมาทางชั้นสองที่พวกเรานั่งกินข้าวกันอยู่ ก็เดินมาจนหยุดตรงปลายบันได... แน่ใจว่าไม่ใช่บ้านข้างๆ ละ ผมกับเพื่อนมองหน้ากันเล็กน้อย ชะโงกลงไปด้านล่าง... ไม่มีใคร!!
วันที่ 18
เหตุการณ์เริ่มไม่สู้ดี เสียงหลายๆ อย่าง อึกทึก เอะอะ ดังบ่อยและถี่ขึ้น จนประเด็นนี้เราคุยกันบ่อยมาก ว่ามันคืออะไร เค้าคือใคร เสียงอะไร น่าจะเป็นอะไร ดังตรงไหน... ระหว่างกินข้าวเย็นผมก็นึกขึ้นได้ว่า "เฮ่ย ตั้งแต่เข้ามาอยู่เนี่ย บ้านนี้มีแต่ห้องพระ ไม่เห็นมีตี่จู้
น้องที่นั่งกินอยู่ฝั่งตรงข้ามก็เริ่มก้มหน้า มือสั่น ไม่พูดไม่จา น้ำตาคลอเบ้า เพื่อนเรากำลังออกมาจากห้องทำงานจะเดินมากินข้าว ออกมาจากห้องฝั่งตรงข้ามเงยหน้าขึ้นมาและรีบเลี้ยวกลับเข้าห้องอย่างรวดเร็ว... ผมเริ่มเครียดละครับ ทะ
เออตาย วางข้าวให้ ลืมวางน้ำ... จากนั้น น้องก็บอกว่า ตอนแรกเขาคิดว่าเขาเห็นแขนเสื้อของผม แต่กลับเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ผมยาว หน้าสวยๆ หันมายิ้มขอบอกขอบใจเขา
ไอเพื่อนเราออกมาก็นั่งกินไม่พูดไม่จา เค้นถามถึงได้บอกว่า "เออ กุไม่กล้ามอง เค้าอร่อย ส่งเสียงฟินตลอด" "อื้มม อื้มมมม" "ดูเหมือนเค้าจะชอบมืงด้วยนะ..."
O_O ทำไมไม่เห็นคนเดียว โอเค สองคนนี้อาจจะอุปทานหมู่
ลองฝากถามหลายครั้งก็ได้คำตอบสำหรับหลายคำตอบ
จะมาให้เห็นทำไม (นางฝากตอบว่า -มาเฉยๆ ไม่ตั้งใจให้เห็น แต่เห็นกันเอง-)
แล้วเล่นรองเท้าทำไมตอนดึกๆ (-ดึกแล้ว เบื่อ ไม่มีอะไรทำ-)
กินข้าวกันเสร็จ สำรับจุดที่วางไว้ให้ก็มีธูปอยู่ครึ่งดอก ยังเหลืออีก เลยตัดสินใจเก็บจานเก็บของ เข้าไปห้องที่อยู่อีกฝั่งของโต๊ะกินข้าวกัน ผมก็นั่งเล่นเน็ทไปซักพัก ได้ยินเสียงกรีดร้องยาวๆ ไกลๆ มา 1 ที ยอมรับนะว่าขวัญหนีดีฝ่อมาก ให้น้องช่วยเปิดประตูดู น้องถามว่าทำไม เราเลยบอกว่า ดูธูปซิ จะหมดดอกแล้วใช่มั้ย? "ใช่ค่ะพี่"...
เอาละผม นางต้องกินยังไม่อิ่มแน่ๆ ทำไงดีวะ ทำไงดี
วันที่ 19
เสียงเอะอะมะเทิ่งก็ดังบ่อยขึ้น บ่อยจนเริ่มประสาทหลอนกันทั้งบ้าน ไม่ชิน กลัว และ ไม่อยากเจอ เลยลองปรึกษากับพี่ โทรหาก็ไม่ติด สัญญาณล่ม ตรงที่สัญญาณดีๆ ก็มีสายซ้อนบ้าง ตัดบ้าง เป็นอันว่าคุยยากมาก จะคุยเรื่องนี้ทีไร ไม่ว่าตอนไหนก็มีอันตกที่นั่งเดียวกัน คือ ไม่สำเร็จ ไม่ให้คุย...
วันที่ 20
หมายถึงวันนี้ ณ วันที่เขียน
นอนไม่ได้ทั้งคืน เนื่องจากอาการขนลุกทั่วร่างกาย กำลังเข้าสู่ภวังค์ก็สะดุ้งตื่นเหมือนมีคนปลุก จนเช้า... ตัดสินใจว่า น่าจะต้องถามน้อง B น้องเป็นคนมีบุญ รับรู้ถึงเรื่องพวกนี้ได้ดี โทรไปเล่าให้ฟัง แต่ยังไม่ได้เล่ารายละเอียดสิ่งที่เพื่อนเห็นว่ารูปร่างหน้าตาหรือที่เห็น เป็นเพศอะไรให้น้องเค้าฟังเลยแม้แต่น้อย ระหว่างนี้ก็ขนลุกอยู่ตลอด เสียงเอะอะก็ยังมีก่อกวนประปราย
จนถึงจุดนึงที่ผมชวนเพื่อนไปเดินถ่ายสถานที่ต่างๆ ในบ้าน เพื่อส่งรูปให้น้องเค้าดู ตอนกำลังแชทส่งรูปกัน ก็มีเสียงการตีอะไรซักอย่างดัง ปั้ง ปั้ง สองที (บอกตรงๆ ว่า ณ ตอนนั้น ขนหัวลุก และเสียสติมากแล้ว) ส่งรูปไปได้ครึ่งทาง น้องก็แชทกลับมาบอกว่า พอละพี่ รู้เรื่องละ
น้อง B แชทต่อมาว่า "ที่เจอเป็นผู้หญิงใช่มั้ยพี่?" "ตัวเล็ก ผมยาว ผิวคล้ำ" "หน้าคม คมมาก" .... ณ จุดนี้ สติกุแตกรอบที่สองละครับระหว่างนั้น น้องเขาส่งคาถาบูชาเจ้าที่มาให้ออกไปบูชากรวดน้ำกันหน้าบ้าน ก็เริ่มรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย รูปห้องพระที่ส่งไปน้องเขาบอกว่าวางพระผิดที่
ทางพ่อปู่ฤๅษีที่พ่อของน้องที่อยู่ด้วยกันในบ้าน ก็ฝากมาบอกว่าน่าจะเป็นที่ไปเลื่อนหรือขยับ วางพานใส่ของขลังเขาผิดที่ผิดทาง ไม่ได้บอกกล่าวก่อน
น้ำหน้าพระ พี่ที่ร้านสังฆทานก็เสริมว่าวางสี่แก้วไม่ได้นะคะ ต้องวางห้าแก้ว... ให้ผมไปเช่าพระประจำวันเกิดมาอีกองค์ พระพุทธรูปมี 2 องค์ ให้ไปเช่ามาบูชารวมเป็นสามองค์ ตั้งโต๊ะหมู่ใหม่ให้ดี เอามาลัยไหว้ เอานมไหว้พระพิฆเณศ
น้อง B บอกมาว่า ผมไม่เชื่อเรื่องอะไรพวกนี้ กำลังโดนของสูงเล่นงาน เพราะผมเป็นคนดวงแข็งมาก จะไม่ค่อยเห็นหรือได้ยิน เลยต้องใช้วิธีแรงๆ เพื่อสยบความคิดในใจให้ได้... ยอมรับเลยว่า มันแรงมาก... สยบผมได้จริง... กุกลัวแล้ว หยุดเหอะ...
หลังจากบูชาเจ้าที่ใหม่ จัดโต๊ะหมู่ใหม่ ทุกอย่างก็เหมือนจะดีขึ้น ผมรู้สึกหัวโล่งตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าวัดใหญ่ชัยมงคลแล้วล่ะ กลับมาทำไรใหม่ตามที่เค้าทัก เลยดีขึ้น ตอนนี้ Recover ได้ประมาณ 70% ละ อีก 30% ยังคงหลอนเล็กๆ อยู่ เพราะไม่ชิน
แต่ตอนนี้ ต้องบอกเลยว่า เสียงต่างๆ การกวนต่างๆ ดูจะหายไปหมดแล้ว
ถึงสิ่งนั้น... สิ่งที่ผมปฏิเสธมาตลอด ผมเชื่อแล้วว่าคุณมีอยู่จริง
จะหมั่นทำบุญทุกครั้งที่มีโอกาส
###############################
ปล. มารู้ทีหลัง พี่ข้างบ้านบอกว่า บ้านเราสร้างบนที่วัดเก่า ข้างใต้ยังมีลูกนิมิตไม่ได้ย้ายอยู่ลูกนึง เค้าว่าคนก่อนเราโดนผีหลอกหนีไปเลย