(รีวิว) เล่าประสบการณ์เที่ยวคนเดียวครั้งแรกกับทริป ”ชะนีคนเดียว ก็เฟี้ยวได้” ณ กระบี่หน้าฝน
*ไม่อยากใช่คำว่า “review” เพราะจำแบบราคา ซอย สถานที่ เหตุการณ์ บลาๆ ไม่ได้เลย จำได้แต่ความรู้สึกที่ดี ^^*
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่านี้เป็นการเขียนครั้งแรก มุ่งเพื่อเป็นแหล่งข้อมูลสำหรับคนที่จะไปเที่ยวคนเดียว เนื่องจากก่อนไปเราได้หาข้อมูลจากกระทู้อื่นๆ มากมาย ย้ำว่ามากมายจริงๆ หลายวันมากๆ เพื่อความมั่นคงในชีวิต ไม่ได้มุ่งเน้นที่จะจับผิด หรือบอกกล่าวในแง่ลบ เพราะไปเที่ยวแบบชิวๆ นะคะ ค่าใช้จ่ายเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล ตอนแรกว่าจะตั้งงบจดค่าใช้จ่าย ไปๆมาๆ มาเที่ยวทั้งทีเอาให้คุ้มค่า กินๆ จนไม่คิดงบละค่าแต่จะเขียนรายละเอียดให้นะคะ หากใช้คำผิดพลาด หรือภาษาที่งงนิดๆ ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ ที่นั้น ที่โน้น ด้วยจ้า
ทริปนี้วางแผนล่วงหน้าประมาณหนึ่งเดือน โดยเริ่มต้นจากการที่มีเวลาว่างจัด เบื่อๆ อยากทำ อยากลอง อยากไปเที่ยวคนเดียวสักครั้ง อยากรู้ว่าคนอย่างเราจะไปได้สักกี่น้ำ และเป้าหมายที่จะไปคือทะเล นั่นก็คือ “กระบี่”
ขั้นตอนการเตรียมตัวแบ็คแพ็คแบบมีแผนบ้างไรบ้าง
1. กำหนดวันที่จะไปและหาตั๋วเครื่องบิน (อยากเซฟเวลา และเพื่อความปลอดภัยของตัวเองในการเดินทาง)
มีเวลาเหลือจากฝึกงานก่อนเปิดเทอมอยู่ 1 อาทิตย์พอดี แถมเป็นวันเกิดด้วย ให้ของขวัญตัวเองซะเลย หาตั๋วเลยจ้า ว่าวัน เวลา ของสายการบินไหนถูกสุด ตอนแรกว่าจะไป 5 วัน 4 คืน แต่ค่าใช้จ่ายที่พักสูงมาก เลยเลือกแค่ 4 วัน 3 คืนก็พอ จึงหาเที่ยวบินที่ถึงกระบี่เช้าและกลับถึงกรุงเทพฯ เย็น เพื่อจะใช้เวลาเที่ยวให้คุ้มค่าที่สุด
2. จองตั๋วเครื่องบิน จองตั๋วเครื่องบิน และจองตั๋วเครื่องบิน สำคัญมากค่ะ!!!! กันตัวเองเปลี่ยนใจ แบบไขว้เขว หรือลังเล กลัวนู้นนี่นั้น ปล.ชวนเพื่อนพอเป็นพิธีแต่อย่าคิดว่าจะได้คำตอบที่แท้จริง อย่าไขว้เขวหากมีเพื่อนทักท้วงว่ามันอันตราย จงตั้งใจแน่วแน่ กดจองตั๋วแล้วจ่ายตังค์ จบบบบบ!!! และเที่ยวบินที่ได้คือ...
3 Aug 15 : Thai Lion Air (ST8572) Don Muang 6.45 – Krabi 7.55 895.00 Baht 6 Aug 15 : Nok Air (DD7915) Krabi 16.50 – Donm Muang 18.00 741.40 Baht
3. หาทัวร์และทริปที่จะไปเที่ยว
3 Aug 15 : Krabi My Holiday & Travel “ทริปดำน้ำหมู่เกาะพีพี (speed boat)” 1,350 Baht
4 Aug 15 : Sawasdeeandaman “ทริปดำน้ำหมู่เกาะห้อง (เรือหางยาว)” 850 Baht
5 Aug 15 : Sawasdeeandaman “ทริปพายเรือคายัคอ่าวท่าเลน” 800 Baht
6 Aug 15 : Free Day in Muang-Krabi
4.หาที่พักราคาถูก
เริ่มจากหาโรงแรมราคาถูก เนื่องจากว่าไปแค่นอน และไปคนเดียว คงไม่ต้องอลังมาก อยากได้ที่ตกแต่งสวยๆ แนวๆ ชิคๆ ค้นไปค้นมาก็ได้รู้จักกับที่พักของชาวแบ็คแพ็คแบบเราๆ ถูกและชิค “HOSTEL” หาข้อมูลนานมากๆๆๆๆๆๆๆเพราะมันต้องนอนรวมกับคนอื่น ดูเรื่องความอันตราย ความปลอดภัยของตัวเราเองเป็นหลัก ในใจก็กล้าๆ กลัวๆ แต่หลังจากดูรีวิวในอินเตอร์เน็ตมากมายประกอบการตัดสินใจก็ได้เลือกมา 3 ที่เปลี่ยนทุกคืนเพื่อความตื่นเต้น
3 Aug 15 : Glur Hostel Aonang (Lady Dorm) 350 Baht
4 Aug 15 : Pak-Up Hostel (Lady Dorm) 280 Baht
5 Aug 15 : Your Hostel (Lady Dorm) 250 Baht
5. หาซื้อพร็อพกันน้ำ และอุปกรณ์ถ่ายรูป(จำเป็นมากกกกกกกกกก) เพราะไม่อยากรบกวนให้ใครถ่ายเนื่องจาก เราเรื่องมาก ถ้ารูปออกมาไม่สวยแล้วอยากถ่ายใหม่ แบบว่าเกรงใจจ้า >//<

6. รอให้ถึงวันนั้น.......ทาเล็บ 555...............................พร้อมลุย!!!

2 Aug : พอใกล้ๆ ถึงวันเริ่มตื่นเต้นละสิ เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า

(เทคนิคการลดพื้นที่ในกระเป๋าเป้ให้ใส่ของไว้ในใบเดียวเพื่อสะดวกในการเดินทาง คือ ม้วนและรัดหนังยาง)

ครั้งแรกกับก้าวที่น่าจดจำและเรียนรู้กับการออยู่กับตัวเอง คุยกับตัวเอง แผนทุกอย่างที่คิดไว้ ที่เตรียมไว้ พอเอาเข้าจริง คือ ผิดแผนหมดเลย 555 (แต่ถ้าไม่มีแผนเลยคือชิบห_ยค่า -3-) นี่สินะที่เรียกว่า “Backpack” เนื่องจากดดันจองไฟท์รอบเช้า แค่คิดว่าถึงกระบี่เช้าเก็บของเข้าที่พักละเที่ยวเลย ลืมคิดว่าจะไปสนามบินยังไงตอนตีสี่ หึหึ เลยตัดสินใจมานอนสนามบินเลยจ้า ออกจากคอนโดก็ประมาณหกโมงเย็นเริ่มต้นทริปได้ดี รองเท้าใหม่สีขาวกับฝนพร่ำ แง๊ๆๆๆๆ (ดีนะพกร่มเพราะดูพยากรณ์อากาศล่วงหน้าละจ้า ว่ากระบี่ฝนอาจจะตก แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาในการตัดสินใจเพราะว่างแค่ช่วงนั้น) กะว่าจะไปซื้อฟิล์มกล้องถ่ายรูปที่สยามพอถึงร้านปิดจ้า TT แต่แบกกล้องมาละต้องหาซื้อให้ได้เลยลองเดินไปที่ siam digital gate way ชั้น 3 มีจ้า (แต่แอบแพง ช่างมันค่า ทำไงได้ ก็ต้องซื้อตามระเบียบ 555) พอซื้อเสร็จก็ไปหาไรกินไม่อยากกินในห้างละเบื่อมาก เลยเดินแถวๆ ซอยสยามสแควร์ใต้ลิโด้ เพราะตอนนั้นฝนตก (ลางดีสุดๆ เนอะ >//< ) เลยแวะ Noodle House “อูด้งต้มยำหมู 55.-” อร่อยนะ กลายเป็นจานโปรดไปละตอนนี้
พอกินอิ่ม ก็คิดว่าจะไปสนามบินยังไง บีทีเอสต่อแท็กซี่ก็ถึงเร็วไป เลยคิดว่าไปรถเมย์ดีกว่าแบกเป๋าชิวๆ รอนานก็ได้ไม่รีบ เลยเดินไปรอรถโดยสารปรับอากาศสาย 29 หน้า MBK นานมากกกกกกกกกกกกกกก เกือบชั่วโมงได้ ตอนนั้นฝนตกปรอยๆ ในใจคิดว่า มันยังมีสายนี้วิ่งอยู่ใช่ไม๊ แต่ไม่เป็นไรไม่รีบ 555 ชิวสุด พอรถมา ก็ขึ้นรถแม่เจ้าคนเยอะมากก็ไม่แปลกหรอกคนรอรถมานานก็ต้องขึ้นมะเยอะพอสมควร พอขึ้นไปค่าตั๋วไปสนามบิน 21.- หาที่ว่างกระเป๋าไม่ให้เกะกะใคร แล้วก็หาที่ยืนสิครัช -3- รถสายนี้มาจากหัวลำโพง ขึ้นมาก็จะมีคนต่างจังหวัด เดาว่าน่าจะเป็นคนใต้ เพราะแหลงใต้ บ้างคนมาคนเดียว บ้างคนมาเป็นครอบครัว ทำให้นึกคิดไปว่า คนเราเกิดมาก็ต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด คิดว่าการเข้าเมืองคือทางออกที่จะหารายได้ คนเราเกิดมามีพื้นฐานที่ต่างกัน และเราก็เชื่อว่าถ้าคนเราขยันจะไม่มีวันอดตาย ไม่มีไรมาก ยืนนานมากก็คิดไปเรื่อย จดถึงสนามบินดอนเมืองประมาณ 3ทุ่มกว่าๆ (เป็นคนเพ้อเจ้อเก่งโปรดอย่าถือสา)
พอถึงก็หาทำเลในการเป็นที่นอนสำหรับคืนนี้ เดินขึ้นมาตรงชั้นสองตรงเคาน์เตอร์เช็คอิน มีเพื่อนนอนเยอะอยู่ ไม่น่ากลัวจ้า แต่หนาวสุด หลับๆ ตื่นๆ ทั้งคืนเพราะกลัวพวกของมีค่าด้วย ตั้งปลุก ตี 5 เผื่อเวลาเช็คอินและเข้าห้องน้ำ จากนั้นก็นอนแล้วบอกตัวเองว่า......”ฝันดีนะ” (ปล.ไม่ดราม่านอนสนามบินนะคะ)
3 Aug : อรุณสวัสดิ์ตัวเอง ดีนะตั้งปลุกไว้ ไม่งั้นตกเครื่องชัวร์ ตื่นมาแขนชา เนื่องจากนอนตะแคงท่าเดียวเลย มองไปรอบๆ ตัวคนเยอะมาก ต่างจากปีก่อนๆ ที่วันเกิดจะเจอหน้าพ่อแม่ หรือเพื่อนที่รร. (เพราะอยู่โรงเรียนประจำ) หรือเพื่อนที่หอกรุงเทพฯ ความตื่นเต้นเริ่มเกิดขึ้นอีกครั้ง ไปล้างหน้าแปรงฟัน เข้าห้องน้ำ ภารกิจช่วงเช้าเรียบร้อย จากนั้นเดินไปรับตั๋วที่หน้าเคาน์เตอร์เพราะเช็คอินมาแล้ว เดินเรื่อยไปเข้า gate
ระหว่างทางต้องหาไรกินรองท้องซะหน่อย เพราะพอถึงกระบี่ต้องไปทริปเลย กลัวหิว เดี๋ยวจะหมดสนุก จัดเซเว่นไปดีกว่าง่ายดี เบื่อKFC เบื่อทุกอย่างที่เคยกินอะ เน้นถูกๆ ง่ายๆ ไม่เยอะ เด๊วนั่งเรือละพุ่ง กิกิ แซนวิช+นมโอวัลติน+น้ำ 43.- ไปนั่งกินหน้า gate กินเสร็จก็ขอตัวไปตกแต่งใบหน้าซะหน่อยถ่ายรูปในทริปจะได้สวยๆ 555 (ในส่วนความเยอะของชะนีนั้น) คือตื่นมาหน้าอย่างสด ตกใจตัวเอง 0_o บรรยากาศในการรอเข้า gate (ลืมบอกไปนี่เป็นครั้งแรกกับการนั่งไลออนแอร์ด้วยค่ากับเสียงที่หนาหูมากว่าไม่โอเท่าไรแต่พอได้ลองนั่งมันก็โอเคนะ ไม่ได้ต่างจากสายการบินอื่น คำว่าโอไม่โอของเราคือ ขึ้นและลงสมูทค่า ไม่กระแทกแรง)
พอถึงเวลา 6.15 ลูกเรือเริ่มเรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่อง พอเช็คตั๋วก็ต้องนั่งรถของสายการบินไปขึ้นเครื่อง ไลออนแอร์ที่นั่งเป็นแบบแรนดอมเลขที่นั่ง แต่ก็ได้ริมหน้าต่างข้างปีกด้านขวาดีเลิศ และเป็นด้านที่ไม่ร้อนด้วยฟินเฟ่อร์ ภาพจากบนเครื่อง
ถ่ายรูปไปนิดหน่อย ก็หลับยาวเลยจ้า คงเป็นเพราะอาการเพลียจากเมื่อคืน พอเครื่องลงปุ๊บ 8.15 ละก๊ะ คือทางทัวร์บอกว่าต้องถึงอ่าวนางให้ทัน 8.30 คือจะทันได้ไง ไม่มีปีกน้า เข้าห้องน้ำเสร็จก็รีบวิ่งออกมาเลยจ้า ทัวร์จะมีป้ายถือไว้แบบนี้

เมื่อเจอคนมารับของทางทัวร์ก็เดินตามไปที่รถ เขาเดินเร็วมากกกกกกกก เดินตามไม่ทันเลย 555 กลัวไปไม่ทันอะจิ กิกิ เก๊าก็กลัวคร้าบบบบบบบบบบบ พอขึ้นรถมา OMG ทั้งรถตู้มีตรูคนเดียววววววววว (ความผิดแผนมันมาอีกละจ้า ตอนแรกว่าจะนั่ง shuttle bus ของกระบี่ไป ก่อนจองตั๋วเครื่องบินโทรถามทัวร์แล้วนะ ว่าลงทันไม๊ 7.55 น.เขาบอกทันง่า แต่ก่อนวันไปทางทัวร์โทรมาว่าขอให้รถไปรับได้ไม๊กลัวลงเรือไม่ทัน เขาเลยลดให้จาก 600 เหลือ 400 เราก็โอเคเพื่อให้เป็นไปตามแพลน ไม่วอรี่จ้า >//< เขาคิดราคาแบบพิเศษสุดๆ เพราะเราบอกว่าเราไปคนเดียว ไม่มีคนหารด้วยเลย มาแบ็คแพ็กตั้งงบไว้ไม่มาก)
นายหัวรถอย่างซิ่งแล้วก็ชวนคุย สลับกับเหยียบคันเร่ง ติดไฟแดงทุกแดงเลย เวลารีบๆ นี่คือลุ้นสุด ฝนเริ่มตกปรอยๆ ลงมา แต่นี่ทำใจไว้ละว่ายังไงก็ต้องเจอฝนดันมาหน้านี้เอง ช่วยไม่ได้ ที่กลัวคือมรสุมไง แอบหวั่นนิดๆ มีคนทักมาว่าวันเกิดเขาไม่ให้เดินทาง ละนี่คือเรือด้วยไง ถ้ามรสุมมาคือ.... ช่างมัน มาถึงขนาดนี้ละ ถ้ามันอันตรายเขาคงไม่ออกปะ ประสบการณ์การขับเรือต้องมีดิ คงไม่ออกไปให้เสียชื่อม้างงงงง (Positive Thinking Makkk)พอถึงที่พักสำหรับคืนแรกที่อ่าวนาง Glur Hostel Aonang ฝนตกวิ่งลงจากรถ คนขับจะลงมาเปิดประตูให้ แต่นี่ไม่กลัวเปียกละไง ไปทะเลเด๊วก็เปียกปะ วิ่งลงไปเลยค่า เห็นฝรั่งแบบอายุน่าจะสามสิบกว่ามั้งนะหน้าไม่เด็กมากแต่ภูมิฐานดีนั่งหน้าเคาร์เตอร์ คือแบบรีบไง กลัวไปลงเรือไม่ทัน ละในหัวคือ Speak English เลยค่า
me : Can I check in now? (มันทับศัพท์ปะ อังกฤษยังไงงงงงงง 555 ตลกดีอะ ประยงประโยคไม่สนละ ตรูรีบบบบบ)
He : ขอ บัตร ประ ชา ชน ด้วย คับ (สำเนียงอังกฤษแต่พูดไทย)
me : หน้าแหกไม่ละเมิงงงงงงงง <แต่ก็ดี จะได้คุยง่ายๆ ><’>
ตอนแรกว่าจะแวะที่พักเปลี่ยนเสื้อผ้าเก็บของก่อน แต่ไม่ทันจริงๆ จึงได้แค่ ”ฝากกระเป๋าหน่อยนะคะ” เรือออก 9.00 เลทสุด 9.15 ตอนนั้นคือ 9.15 ละค่า ฝนยังคงตกแบบเรื่อยๆ ไม่แรง แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด คือไม่ได้ซื้อซองกันน้ำมา เอาละสิจะมีรูปสวยๆ ไม๊เนี้ย
....เด๊วมาต่อนะคะ ^^
[CR] ”ชะนีคนเดียว ก็เฟี้ยวได้” ณ กระบี่หน้าฝน...แต่ผู้คนน่ารัก
*ไม่อยากใช่คำว่า “review” เพราะจำแบบราคา ซอย สถานที่ เหตุการณ์ บลาๆ ไม่ได้เลย จำได้แต่ความรู้สึกที่ดี ^^*
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่านี้เป็นการเขียนครั้งแรก มุ่งเพื่อเป็นแหล่งข้อมูลสำหรับคนที่จะไปเที่ยวคนเดียว เนื่องจากก่อนไปเราได้หาข้อมูลจากกระทู้อื่นๆ มากมาย ย้ำว่ามากมายจริงๆ หลายวันมากๆ เพื่อความมั่นคงในชีวิต ไม่ได้มุ่งเน้นที่จะจับผิด หรือบอกกล่าวในแง่ลบ เพราะไปเที่ยวแบบชิวๆ นะคะ ค่าใช้จ่ายเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล ตอนแรกว่าจะตั้งงบจดค่าใช้จ่าย ไปๆมาๆ มาเที่ยวทั้งทีเอาให้คุ้มค่า กินๆ จนไม่คิดงบละค่าแต่จะเขียนรายละเอียดให้นะคะ หากใช้คำผิดพลาด หรือภาษาที่งงนิดๆ ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ ที่นั้น ที่โน้น ด้วยจ้า
ทริปนี้วางแผนล่วงหน้าประมาณหนึ่งเดือน โดยเริ่มต้นจากการที่มีเวลาว่างจัด เบื่อๆ อยากทำ อยากลอง อยากไปเที่ยวคนเดียวสักครั้ง อยากรู้ว่าคนอย่างเราจะไปได้สักกี่น้ำ และเป้าหมายที่จะไปคือทะเล นั่นก็คือ “กระบี่”
ขั้นตอนการเตรียมตัวแบ็คแพ็คแบบมีแผนบ้างไรบ้าง
1. กำหนดวันที่จะไปและหาตั๋วเครื่องบิน (อยากเซฟเวลา และเพื่อความปลอดภัยของตัวเองในการเดินทาง)
มีเวลาเหลือจากฝึกงานก่อนเปิดเทอมอยู่ 1 อาทิตย์พอดี แถมเป็นวันเกิดด้วย ให้ของขวัญตัวเองซะเลย หาตั๋วเลยจ้า ว่าวัน เวลา ของสายการบินไหนถูกสุด ตอนแรกว่าจะไป 5 วัน 4 คืน แต่ค่าใช้จ่ายที่พักสูงมาก เลยเลือกแค่ 4 วัน 3 คืนก็พอ จึงหาเที่ยวบินที่ถึงกระบี่เช้าและกลับถึงกรุงเทพฯ เย็น เพื่อจะใช้เวลาเที่ยวให้คุ้มค่าที่สุด
2. จองตั๋วเครื่องบิน จองตั๋วเครื่องบิน และจองตั๋วเครื่องบิน สำคัญมากค่ะ!!!! กันตัวเองเปลี่ยนใจ แบบไขว้เขว หรือลังเล กลัวนู้นนี่นั้น ปล.ชวนเพื่อนพอเป็นพิธีแต่อย่าคิดว่าจะได้คำตอบที่แท้จริง อย่าไขว้เขวหากมีเพื่อนทักท้วงว่ามันอันตราย จงตั้งใจแน่วแน่ กดจองตั๋วแล้วจ่ายตังค์ จบบบบบ!!! และเที่ยวบินที่ได้คือ...
3 Aug 15 : Thai Lion Air (ST8572) Don Muang 6.45 – Krabi 7.55 895.00 Baht 6 Aug 15 : Nok Air (DD7915) Krabi 16.50 – Donm Muang 18.00 741.40 Baht
3. หาทัวร์และทริปที่จะไปเที่ยว
3 Aug 15 : Krabi My Holiday & Travel “ทริปดำน้ำหมู่เกาะพีพี (speed boat)” 1,350 Baht
4 Aug 15 : Sawasdeeandaman “ทริปดำน้ำหมู่เกาะห้อง (เรือหางยาว)” 850 Baht
5 Aug 15 : Sawasdeeandaman “ทริปพายเรือคายัคอ่าวท่าเลน” 800 Baht
6 Aug 15 : Free Day in Muang-Krabi
4.หาที่พักราคาถูก
เริ่มจากหาโรงแรมราคาถูก เนื่องจากว่าไปแค่นอน และไปคนเดียว คงไม่ต้องอลังมาก อยากได้ที่ตกแต่งสวยๆ แนวๆ ชิคๆ ค้นไปค้นมาก็ได้รู้จักกับที่พักของชาวแบ็คแพ็คแบบเราๆ ถูกและชิค “HOSTEL” หาข้อมูลนานมากๆๆๆๆๆๆๆเพราะมันต้องนอนรวมกับคนอื่น ดูเรื่องความอันตราย ความปลอดภัยของตัวเราเองเป็นหลัก ในใจก็กล้าๆ กลัวๆ แต่หลังจากดูรีวิวในอินเตอร์เน็ตมากมายประกอบการตัดสินใจก็ได้เลือกมา 3 ที่เปลี่ยนทุกคืนเพื่อความตื่นเต้น
3 Aug 15 : Glur Hostel Aonang (Lady Dorm) 350 Baht
4 Aug 15 : Pak-Up Hostel (Lady Dorm) 280 Baht
5 Aug 15 : Your Hostel (Lady Dorm) 250 Baht
5. หาซื้อพร็อพกันน้ำ และอุปกรณ์ถ่ายรูป(จำเป็นมากกกกกกกกกก) เพราะไม่อยากรบกวนให้ใครถ่ายเนื่องจาก เราเรื่องมาก ถ้ารูปออกมาไม่สวยแล้วอยากถ่ายใหม่ แบบว่าเกรงใจจ้า >//<
6. รอให้ถึงวันนั้น.......ทาเล็บ 555...............................พร้อมลุย!!!
2 Aug : พอใกล้ๆ ถึงวันเริ่มตื่นเต้นละสิ เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า
(เทคนิคการลดพื้นที่ในกระเป๋าเป้ให้ใส่ของไว้ในใบเดียวเพื่อสะดวกในการเดินทาง คือ ม้วนและรัดหนังยาง)
ครั้งแรกกับก้าวที่น่าจดจำและเรียนรู้กับการออยู่กับตัวเอง คุยกับตัวเอง แผนทุกอย่างที่คิดไว้ ที่เตรียมไว้ พอเอาเข้าจริง คือ ผิดแผนหมดเลย 555 (แต่ถ้าไม่มีแผนเลยคือชิบห_ยค่า -3-) นี่สินะที่เรียกว่า “Backpack” เนื่องจากดดันจองไฟท์รอบเช้า แค่คิดว่าถึงกระบี่เช้าเก็บของเข้าที่พักละเที่ยวเลย ลืมคิดว่าจะไปสนามบินยังไงตอนตีสี่ หึหึ เลยตัดสินใจมานอนสนามบินเลยจ้า ออกจากคอนโดก็ประมาณหกโมงเย็นเริ่มต้นทริปได้ดี รองเท้าใหม่สีขาวกับฝนพร่ำ แง๊ๆๆๆๆ (ดีนะพกร่มเพราะดูพยากรณ์อากาศล่วงหน้าละจ้า ว่ากระบี่ฝนอาจจะตก แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาในการตัดสินใจเพราะว่างแค่ช่วงนั้น) กะว่าจะไปซื้อฟิล์มกล้องถ่ายรูปที่สยามพอถึงร้านปิดจ้า TT แต่แบกกล้องมาละต้องหาซื้อให้ได้เลยลองเดินไปที่ siam digital gate way ชั้น 3 มีจ้า (แต่แอบแพง ช่างมันค่า ทำไงได้ ก็ต้องซื้อตามระเบียบ 555) พอซื้อเสร็จก็ไปหาไรกินไม่อยากกินในห้างละเบื่อมาก เลยเดินแถวๆ ซอยสยามสแควร์ใต้ลิโด้ เพราะตอนนั้นฝนตก (ลางดีสุดๆ เนอะ >//< ) เลยแวะ Noodle House “อูด้งต้มยำหมู 55.-” อร่อยนะ กลายเป็นจานโปรดไปละตอนนี้
พอกินอิ่ม ก็คิดว่าจะไปสนามบินยังไง บีทีเอสต่อแท็กซี่ก็ถึงเร็วไป เลยคิดว่าไปรถเมย์ดีกว่าแบกเป๋าชิวๆ รอนานก็ได้ไม่รีบ เลยเดินไปรอรถโดยสารปรับอากาศสาย 29 หน้า MBK นานมากกกกกกกกกกกกกกก เกือบชั่วโมงได้ ตอนนั้นฝนตกปรอยๆ ในใจคิดว่า มันยังมีสายนี้วิ่งอยู่ใช่ไม๊ แต่ไม่เป็นไรไม่รีบ 555 ชิวสุด พอรถมา ก็ขึ้นรถแม่เจ้าคนเยอะมากก็ไม่แปลกหรอกคนรอรถมานานก็ต้องขึ้นมะเยอะพอสมควร พอขึ้นไปค่าตั๋วไปสนามบิน 21.- หาที่ว่างกระเป๋าไม่ให้เกะกะใคร แล้วก็หาที่ยืนสิครัช -3- รถสายนี้มาจากหัวลำโพง ขึ้นมาก็จะมีคนต่างจังหวัด เดาว่าน่าจะเป็นคนใต้ เพราะแหลงใต้ บ้างคนมาคนเดียว บ้างคนมาเป็นครอบครัว ทำให้นึกคิดไปว่า คนเราเกิดมาก็ต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด คิดว่าการเข้าเมืองคือทางออกที่จะหารายได้ คนเราเกิดมามีพื้นฐานที่ต่างกัน และเราก็เชื่อว่าถ้าคนเราขยันจะไม่มีวันอดตาย ไม่มีไรมาก ยืนนานมากก็คิดไปเรื่อย จดถึงสนามบินดอนเมืองประมาณ 3ทุ่มกว่าๆ (เป็นคนเพ้อเจ้อเก่งโปรดอย่าถือสา)
พอถึงก็หาทำเลในการเป็นที่นอนสำหรับคืนนี้ เดินขึ้นมาตรงชั้นสองตรงเคาน์เตอร์เช็คอิน มีเพื่อนนอนเยอะอยู่ ไม่น่ากลัวจ้า แต่หนาวสุด หลับๆ ตื่นๆ ทั้งคืนเพราะกลัวพวกของมีค่าด้วย ตั้งปลุก ตี 5 เผื่อเวลาเช็คอินและเข้าห้องน้ำ จากนั้นก็นอนแล้วบอกตัวเองว่า......”ฝันดีนะ” (ปล.ไม่ดราม่านอนสนามบินนะคะ)
3 Aug : อรุณสวัสดิ์ตัวเอง ดีนะตั้งปลุกไว้ ไม่งั้นตกเครื่องชัวร์ ตื่นมาแขนชา เนื่องจากนอนตะแคงท่าเดียวเลย มองไปรอบๆ ตัวคนเยอะมาก ต่างจากปีก่อนๆ ที่วันเกิดจะเจอหน้าพ่อแม่ หรือเพื่อนที่รร. (เพราะอยู่โรงเรียนประจำ) หรือเพื่อนที่หอกรุงเทพฯ ความตื่นเต้นเริ่มเกิดขึ้นอีกครั้ง ไปล้างหน้าแปรงฟัน เข้าห้องน้ำ ภารกิจช่วงเช้าเรียบร้อย จากนั้นเดินไปรับตั๋วที่หน้าเคาน์เตอร์เพราะเช็คอินมาแล้ว เดินเรื่อยไปเข้า gate
ระหว่างทางต้องหาไรกินรองท้องซะหน่อย เพราะพอถึงกระบี่ต้องไปทริปเลย กลัวหิว เดี๋ยวจะหมดสนุก จัดเซเว่นไปดีกว่าง่ายดี เบื่อKFC เบื่อทุกอย่างที่เคยกินอะ เน้นถูกๆ ง่ายๆ ไม่เยอะ เด๊วนั่งเรือละพุ่ง กิกิ แซนวิช+นมโอวัลติน+น้ำ 43.- ไปนั่งกินหน้า gate กินเสร็จก็ขอตัวไปตกแต่งใบหน้าซะหน่อยถ่ายรูปในทริปจะได้สวยๆ 555 (ในส่วนความเยอะของชะนีนั้น) คือตื่นมาหน้าอย่างสด ตกใจตัวเอง 0_o บรรยากาศในการรอเข้า gate (ลืมบอกไปนี่เป็นครั้งแรกกับการนั่งไลออนแอร์ด้วยค่ากับเสียงที่หนาหูมากว่าไม่โอเท่าไรแต่พอได้ลองนั่งมันก็โอเคนะ ไม่ได้ต่างจากสายการบินอื่น คำว่าโอไม่โอของเราคือ ขึ้นและลงสมูทค่า ไม่กระแทกแรง)
พอถึงเวลา 6.15 ลูกเรือเริ่มเรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่อง พอเช็คตั๋วก็ต้องนั่งรถของสายการบินไปขึ้นเครื่อง ไลออนแอร์ที่นั่งเป็นแบบแรนดอมเลขที่นั่ง แต่ก็ได้ริมหน้าต่างข้างปีกด้านขวาดีเลิศ และเป็นด้านที่ไม่ร้อนด้วยฟินเฟ่อร์ ภาพจากบนเครื่อง
ถ่ายรูปไปนิดหน่อย ก็หลับยาวเลยจ้า คงเป็นเพราะอาการเพลียจากเมื่อคืน พอเครื่องลงปุ๊บ 8.15 ละก๊ะ คือทางทัวร์บอกว่าต้องถึงอ่าวนางให้ทัน 8.30 คือจะทันได้ไง ไม่มีปีกน้า เข้าห้องน้ำเสร็จก็รีบวิ่งออกมาเลยจ้า ทัวร์จะมีป้ายถือไว้แบบนี้
เมื่อเจอคนมารับของทางทัวร์ก็เดินตามไปที่รถ เขาเดินเร็วมากกกกกกกก เดินตามไม่ทันเลย 555 กลัวไปไม่ทันอะจิ กิกิ เก๊าก็กลัวคร้าบบบบบบบบบบบ พอขึ้นรถมา OMG ทั้งรถตู้มีตรูคนเดียววววววววว (ความผิดแผนมันมาอีกละจ้า ตอนแรกว่าจะนั่ง shuttle bus ของกระบี่ไป ก่อนจองตั๋วเครื่องบินโทรถามทัวร์แล้วนะ ว่าลงทันไม๊ 7.55 น.เขาบอกทันง่า แต่ก่อนวันไปทางทัวร์โทรมาว่าขอให้รถไปรับได้ไม๊กลัวลงเรือไม่ทัน เขาเลยลดให้จาก 600 เหลือ 400 เราก็โอเคเพื่อให้เป็นไปตามแพลน ไม่วอรี่จ้า >//< เขาคิดราคาแบบพิเศษสุดๆ เพราะเราบอกว่าเราไปคนเดียว ไม่มีคนหารด้วยเลย มาแบ็คแพ็กตั้งงบไว้ไม่มาก)
นายหัวรถอย่างซิ่งแล้วก็ชวนคุย สลับกับเหยียบคันเร่ง ติดไฟแดงทุกแดงเลย เวลารีบๆ นี่คือลุ้นสุด ฝนเริ่มตกปรอยๆ ลงมา แต่นี่ทำใจไว้ละว่ายังไงก็ต้องเจอฝนดันมาหน้านี้เอง ช่วยไม่ได้ ที่กลัวคือมรสุมไง แอบหวั่นนิดๆ มีคนทักมาว่าวันเกิดเขาไม่ให้เดินทาง ละนี่คือเรือด้วยไง ถ้ามรสุมมาคือ.... ช่างมัน มาถึงขนาดนี้ละ ถ้ามันอันตรายเขาคงไม่ออกปะ ประสบการณ์การขับเรือต้องมีดิ คงไม่ออกไปให้เสียชื่อม้างงงงง (Positive Thinking Makkk)พอถึงที่พักสำหรับคืนแรกที่อ่าวนาง Glur Hostel Aonang ฝนตกวิ่งลงจากรถ คนขับจะลงมาเปิดประตูให้ แต่นี่ไม่กลัวเปียกละไง ไปทะเลเด๊วก็เปียกปะ วิ่งลงไปเลยค่า เห็นฝรั่งแบบอายุน่าจะสามสิบกว่ามั้งนะหน้าไม่เด็กมากแต่ภูมิฐานดีนั่งหน้าเคาร์เตอร์ คือแบบรีบไง กลัวไปลงเรือไม่ทัน ละในหัวคือ Speak English เลยค่า
me : Can I check in now? (มันทับศัพท์ปะ อังกฤษยังไงงงงงงง 555 ตลกดีอะ ประยงประโยคไม่สนละ ตรูรีบบบบบ)
He : ขอ บัตร ประ ชา ชน ด้วย คับ (สำเนียงอังกฤษแต่พูดไทย)
me : หน้าแหกไม่ละเมิงงงงงงงง <แต่ก็ดี จะได้คุยง่ายๆ ><’>
ตอนแรกว่าจะแวะที่พักเปลี่ยนเสื้อผ้าเก็บของก่อน แต่ไม่ทันจริงๆ จึงได้แค่ ”ฝากกระเป๋าหน่อยนะคะ” เรือออก 9.00 เลทสุด 9.15 ตอนนั้นคือ 9.15 ละค่า ฝนยังคงตกแบบเรื่อยๆ ไม่แรง แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด คือไม่ได้ซื้อซองกันน้ำมา เอาละสิจะมีรูปสวยๆ ไม๊เนี้ย
....เด๊วมาต่อนะคะ ^^