ไปเที่ยวต่างจังหวัดกันมาเยอะแล้ว
จริงๆเราก็อาจลืมนึกไปว่า เฮ้ย จริงๆ กรุงเทพก็เที่ยวได้นะ
กระทู้นี้เอาไว้เป็นทางเลือกสำหรับวันหยุดยาวนี้ ที่บางคนไม่อยากไปเบียดเสียด เสี่ยงรถติด แย่งคนอื่นเที่ยวที่ต่างจังหวัดละกันน้า
“พรุ่งนี้เราไปเดินถ่ายรูปดีกว่า”
“พี่ปุ่นจะไปคนเดียวเหรอคะ”
“ไผ่จะไปด้วยรึเปล่าละ ร้อนนะ”
“ไปๆๆค่า”
“555 โอเคๆ โบกกันแดดเข้าไปเยอะๆ”
……………………………………..
“ไผ่จะตื่นมั้ยน้า เราอยากออกบ้านซัก 8 – 9 โมง”
“ก็ลองปลุกไผ่ดูก็ได้ค่ะ ถ้าไผ่ไม่ตื่นก็ไปก่อนเลย เดี๋ยวไผ่ตามไป 555”
ตัดภาพมาเช้าวันอาทิตย์ เสียงนาฬิกาปลุกรอบแรก
………………………………………..นิ่งเงียบ
รอบที่ 2
………………………………………..นิ่งเงียบ
รอบที่ 3
…………………………………………นิ่งเงียบ
จน 14 นาฬิกา เป็นเวลาที่เราได้ฤกษ์ออกบ้านกัน 555
บางคนอยู่กรุงเทพมานาน อาจจะยังไม่เคยเดินเที่ยวเรื่อยๆ เปื่อยๆ งี้เลยก็ได้
ปะ เดี๋ยวเราพาไป (แบบมั่วๆนะ 555)
พี่ปุ่น: “ไผ่เคยไปวัดแขกยัง”
ลูกไผ่: “ยังเลยค่ะ”
พี่ปุ่น: “โอเค เดี๋ยวเราพาไป”
ใช่แล้ว เป้าหมายแรกของเราวันนี้คือ ‘วัดแขก’ หรือ ‘วัดพระศรีอุมาเทวี’ แถวๆสีลมแหละ เราก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าชื่อเต็มๆ เค้าชื่อนี้
- เรานั่ง Taxi จากคอนโดตรงมาที่วัดแขก 85 บาท
ข้างๆวัดแขกจะมีดอกไม้ขายเต็มเลย แล้วแต่ว่าใครจะเลือกซื้อเข้าไปถวาย
ทางเข้าวัดแขกวันนี้เค้ากำลังบูรณะอยู่พอดีเลย ข้างในวัดเค้าห้ามถ่ายรูปล่ะ เราเล่าให้ฟังแทนละกันเนอะ เผื่อคนที่ยังไม่เคยเข้าวัดแขกเหมือนเรา
อย่างที่บอกนี่เป็นการมาวัดแขกครั้งแรกของเรา ที่นี่เลยค่อนข้างแปลกตาสำหรับเรา
เค้าจะให้เราถอดรองเท้าตั้งแต่หน้าวัด พอเข้าไปจะเจอแท่นที่ให้วางของบูชาหน้ากระถางธูป
เราเข้าไปนี่ก็เอ๋อเลย ละเค้าต้องไหว้ยังไง เอาของไหว้จากไหน จุดนี้เดินตามพี่ปุ่นอย่างเดียวเลยจ้า
เดินเข้าไปข้างในเค้าจะมีที่ขายของไหว้ ชุดละ 60 บาท ถ้าเอาดอกบัวกับน้ำมันตะเกียงเพิ่ม จะอยู่ที่ชุดละ 80 บาท
(เค้าบอกว่าดอกบัวช่วยเรื่องการเงิน)
พี่ปุ่นซื้อชุดใหญ่ไป เราก็เลยเอาชุดเล็กก็พอ
ซื้อมาแล้วก็มาจุดธูปเทียน แล้วเอาไปปักที่กระถาง จากนั้นก็ยกของไหว้เข้าไปไหว้ข้างใน อธิฐานเสร็จก็ยื่นให้พราหมณ์ไป พราหมณ์เค้าจะคืนของมาให้ แล้วแต่ว่าจะเป็นน้ำดื่ม หรือว่ากล้วย ให้เราเอากลับไปทานเพื่อเป็นสิริมงคล
ถวายของเสร็จ เราก็เดินไหว้เทพทีละองค์ๆ
ออกจากวัดแล้วรู้สึก สบายใจมากกก ได้ทำบุญอ่ะเนอะ
ทำบุญเสร็จแล้วได้เวลาเดินเที่ยวกันแล้ว เราเริ่มเดินตรงเข้าไปในซอยวัดแขก เดินไปได้เจอร้านขนมแขกอยู่ทางซ้ายมือ
พี่ปุ่น: “ไผ่เคยกินยัง มันจะหวานๆอ่ะ ทุกอย่างเลยนะ”
ลูกไผ่: “อ๊า ยังเลยอ่ะค่ะ อยากลองนะ แต่กลัวมันหวานจัดค่ะนี่”
พี่ปุ่น: “หวานซี่ ส่วนใหญ่มันทำจากถั่วกับน้ำตาลทั้งนั้นเลย”
ลูกไผ่: “แงะ ยังม่ายทานดีกว่า”
มองไปทางขวามือ เจอรถขายบะหมี่เกี๊ยว ‘เกี๊ยวทองคำ’ น่าร๊ากก จอดอยู่เด่นมาก
นี่ท่าไม่ทานข้าวก่อนออกมา คงเสร็จร้านนี้ไปละ 555
ตึกด้านหลังที่รถบะหมี่เกี๊ยวจอดอยู่จะเป็น Gallery เล็กๆสีเขียว ชื่อว่า ‘Kathmandu’
ตอนแรกเราก็งงว่าพี่ปุ่นข้ามถนน เดินไปด่อมๆมองๆอะไรที่หน้าตึกเค้า ซักพักเดินข้ามถนนกลับมา
พี่ปุ่น: “วันนี้เค้าปิดอ่ะ”
ลูกไผ่: “อะไรอ่ะคะ”
พี่ปุ่น: “Gallery ที่จัดแสดงภาพของ ‘ผ้าป่าน’ ที่เราบอกไง”
อ๋ออออ...อ๊ะ! เผื่อใครยังไม่รู้จัก ‘ผ้าป่าน’
‘ผ้าป่าน สิริมา’ เค้าเป็นช่างภาพ ไม่ใช่ผ้านะค้า หน้าตาน่ารักๆ เคยเป็นพิธีกรรายการ Strawberry Cheese Cake
พี่ปุ่นเค้าชอบ เห็นบอกว่าจริงๆวันนี้ตั้งใจจะมาดูนิทรรศการภาพถ่ายของผ้าป่านด้วย ปิดวันอาทิตย์ซะงั้น
พี่ปุ่น: “รู้งี้มาเมื่อวานดีกว่า เสียดาย” บ่นอุบอิบๆ
ปะๆ อย่าเสียใจไปเลย มาดู ‘ลูกไผ่’ แทน ‘ผ้าป่าน’ ไปก่อนนะ
เดินกันต่อๆ วันนี้ซอยวันแขกเงียบ ละรถโล่งมาก น่าเดินสุดๆ
พอขึ้นชื่อว่า แถบสีลม พื้นที่ใจกลางเมือง ทุกที่มีค่าหมดจริงๆ แม้แต่ซอยเล็กๆ ในซอกหลืบก็ยังมีร้านอาหารเปิดอยู่
อย่างร้านนี้ ‘Siam Mitr’ เรามองเข้าไปในซอยเล็กๆ เห็นแค่ป้ายดำๆเลยลองเดินเข้าไปดู
เฮ้ย เป็นร้านอาหารจริงๆด้วย ด้านบนเค้าเปิดเป็น Hostel
พี่ปุ่น: “ที่ไหนก็เปิดร้านได้หมดสินะ 555”
เดินๆไปเจอป้าย ‘ห้ามทิ้งขยะ’
ห้ามทิ้งนะฮ้า ไม่งั้นมีปรับ เฮ้ย! ประเทศไทยทำได้จริงๆเหรอ มีคนกลัวด้วยใช่ป่ะ!?
แต่ดูตามทางก็สะอาดจริงๆแฮะ หรือว่าจะเป็นแค่วันที่เรามาเดินพอดีหว่า 555
เดินมาอีกนิด อยู่ๆก็เห็นกลุ่มคนเต็มเลย คือมัน contrast กับซอยเงียบๆวันนี้มาไง
ลูกไผ่: “โห นี่เค้ามานั่งทำอะไรกันคะนี่”
พี่ปุ่น: “มานั่งรอถ่ายรูปทำวีซ่ามั้ง”
เดินมาสุดซอยเห็นป้าย ‘สถานทูตพม่า’
อ๋ออออ....เออ แฮะ เค้าท่าจะมารอทำวีซ่ากันจริงๆแฮะ อ๊ะ! แต่วันนี้มันวันอาทิตย์นะ!?
สุดซอยละ
ลูกไผ่: “แล้วเราจะไปไหนกันต่ออ่ะคะ”
พี่ปุ่น: “เราว่าจะไปหัวลำโพง เดี๋ยวเรียก Taxi ไปเลยละกัน ไป 2 คนราคาพอๆกับนั่งรถไฟฟ้าแหละ”
- เรานั่ง Taxi จากซอยวัดแขกมาที่หัวลำโพง 75 บาท
นี่เป็นการมาถ่ายรูปที่หัวลำโพงครั้งที่ 2 ของเรา
ครั้งแรกก็มากับพี่ปุ่น (แต่มีพี่อีกคนนึงมาด้วย 555) ละก็เป็นครั้งแรกที่เรากับพี่ปุ่นเจอกันด้วย ที่ MRT หัวลำโพง ที่นี่.....
รอบนี้เราเพิ่งสังเกตว่าที่ทางเข้าหัวลำโพง เค้าจะมีกล่องให้คนหย่อนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่นี่
ลูกไผ่: “เค้าไม่ให้เอาเหล้าขึ้นรถไฟเหรอคะ”
พี่ปุ่น: “ก็ใช่น่ะสิ”
ละก็เพิ่งสังเกตอีกเหมือนกันว่า ที่นี่เค้ามีบริการเข็นสัมภาระกันเป็นเรื่องเป็นราวด้วยอ่ะ!
วันนี้เรามาช่วงพอดิบพอดี ที่เค้าล้างรถไฟกันพอดีเลย เราเลยเห็นพนักงานใส่ชุดสีฟ้าเดินไปเดินมาเต็มสถานีเลย
เดินต่อไปก็จะเจอชุมชนแม่ค้า มีทั้งขายส้มตำ ขายไก่ทอด ไอแบบที่เราเห็นเค้าเดินขึ้นไปขายบนรถไฟเวลาที่รถไฟจอดตามจุดต่างๆนั่นแหละ เวลาที่เค้าไม่ได้ขึ้นไปขาย เค้าตั้งขายเป็นกลุ่มเป็นก้อนอยู่ตรงนี้นี่เองเหรอเนี่ย
เราว่าวันนี้เราคงมาในช่วงประจวบเหมาะที่เค้าทำความสะอาดรถไฟ บูรณะสถานีกันพอดีสินะนี่
ตอนแรกเราก็ว่าไอแท่งคอนกรีตที่วางอยู่บนชานชาลาเต็มไปหมดนี่มันอะไรกัน พอเดินเข้าไปดูใกล้ๆ
อ๋อออ...เค้ากำลังเปลี่ยนหมอนรถไฟใหม่นี่เอง!
คุณพี่ช่างเค้ากำลังทยอยวางหมอนรถไฟคอนกรีตใหม่เอี่ยมลงไปแทนหมอนเดิมที่เป็นไม้ (ผุๆ)
ต่อไปนี้ชีวิตการนั่งรถไฟของเราจะปลอดภัยขึ้นอีกนิดแล้วสินะ เย้!
เดินมาสุดชานชาลา มีหัวรถไฟกำลังวิ่งมาพอดี ไผ่ว่าไผ่ถ่ายริงส์ไซด์ละนะ นู้น ดูคนนู้น นั่นคือแระ? จะเข้าไปถ่าย Texture รถไฟเหรอค้า!?
คราวที่แล้วเรามาก็ถ่ายตึกนี้ รอบนี้เรามาก็ยังคงถ่ายมันอีก คงสะดุดตาที่ความเก่าสุดๆของมันนี่แหละ
ตอนแรกเราก็นึกว่าเป็นแฟลตอะไรซักอย่าง จริงๆแล้วมัน ‘ศูนย์ไปรษณีย์กรุงเทพ’ หูยย...นี่เป็นศูนย์แรกของไทยป่ะเนี่ย ถึงเก่าได้ขนาดนี้เนี่ย
ด้านซ้ายมือจะมีหัวรถจักรโบราณตั้งอยู่ โบราณก็จริงนะ แต่พื้นผิวนี่มันวับ ที่นี่เค้าคงดูแลขัดเป็นอย่างดี
สุดทางละ เราก็เลยเดินกลับกัน
พี่ปุ่น: “ไผ่ๆ เดี๋ยวเราเดินไปทางนี้นะ เดี๋ยวเจอกัน”
ลูกไผ่: “โอเคค่า”
เดินไปซักพักเริ่มรู้สึกว่า รู้งี้เดินกลับทางพี่ปุ่นดีกว่า ทางนี้มันทางแคบๆ ใกล้ๆกับห้องเครื่องนี่ โคตรร้อนเลย!
เอาวะ ปีนข้ามรถไฟไปอีกฝากละกัน
นี่คงเป็นรถไฟแบบนั่งหวานเย็น ทิงนองนอย สินะ ว่าแต่ทำไมมันเหม็นๆหว่า
หันไปทางขวา เชี๊ยะ นี่มันห้องน้ำนี่ ทำไมต้องมาหยุดยืนถ่ายหน้าห้องน้ำรถไฟด้วยหะไผ่!
อย่างที่บอก วันนี้คงเป็นช่วงเวลาทำความสะอาดของเค้าพอดี เราแอบเห็น ‘รถเครน’ (ไม่รู้มันเรียกรถอะไร ขอเรียกงี้ละกันนะ)
ยกพนักขึ้นไปสู๊งงง สูง ตอนแรกเราก็ไม่ได้สนใจ พอมองๆไป เห็นเศษฝุ่นค่อยๆร่วงลงมา เฮ้ย เค้ากวาดหลังคา!
โห...เค้าทำความสะอาดกันขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย แล้วคิดดูนะ หลังคาหัวลำโพงใหญ่และกว้างมากก แล้ววิธีทำความสะอาดของเค้าคือ ใช้ไม้กวาดค่อยๆกวาดทีละซี่ของโครงหลังคา ป๊าดดดด...พี่โคตรพยายามเลยอ่ะ!
เห็นที่ชานชาลาเงียบๆ โล่งๆ นี่นึกว่าวันนี้ไม่ค่อยมีคนเดินทางซะอีก พอเดินเข้ามาในตัวอาคารเท่านั้น โห...คนเยอะเหมือนกันนะนี่
เราออกจากหัวลำโพง ข้ามสะพานมาอีกฝั่งนึง คราวที่แล้วก็ถ่ายมุมนี้ แต่ตอนนั้นดอกสีส้มนี่ยังไม่บานเลย
เดินผ่านตึกเก่าตรงหัวมุม ประเทศไทยนี่เป็นประทศที่สายไฟฟ้ารกรุงรัง ระโยงระยางเต็มไปหมดจริงๆ ไม่รู้สายอะไรเป็นสายอะไร จะเอาลงดินก็เรื่องใหญ่ต้องวางแผนกันนานอีก คงทำอะไรกับมันไม่ได้จริงๆอ่ะเนอะ
เราเดินมาเรื่อยๆตามทางที่เข้าซอยนานา
พี่ปุ่น: “นี่ไง ใกล้ร้านที่เรามาเคยมาทานกันแล้ว”
ลูกไผ่: “อ๊า ร้านที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาอ่ะนะคะ”
พี่ปุ่น: “ไม่ใจ้! แถวนี้จะเอาแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหนมาไผ่ 555 ร้านที่มากินกันตอนปีใหม่ไง”
ลูกไผ่: “อ๋ออออ 55555”
ใช่ตอนปีใหม่เราแอบโดดงานปาร์ตี้ปีใหม่ที่ออฟฟิศเราแล้วมาเป็นติ่งติดสอยห้อยตามมาทานกับออฟฟิศพี่ปุ่นแทน 555
เรามาทานพิซซ่าข้างในซอยนี้ ซึ่งอร่อยมาก แต่ตอนเรามาวันนี้เค้ายังไม่เปิดแฮะ สงสัยจะเปิดค่ำๆ ทานเสร็จวันนั้นเราก็มาต่อกันที่ร้าน ‘เทพบาร์’ เป็นอีกร้านที่อยู่ในซอกหลืบแต่ก็มีคนตามมาทานเว้ย! ข้างในร้านจะเป็นบรรยากาศแบบไท๊....ไทย
แม้แต่ดนตรีที่เล่นในร้านยังเป็นดนตรีไทยเลย ที่นี่เค้ามีสูตรเหล้ายาดองเยอะมาก ชื่อแปลกๆทั้งนั้นเลย ต้องลองไปดูนะ
พี่ปุ่น: “ไผ่! แวะเข้ามาซอยนี้ก็ไม่บอกเรา เราเดินไปนู้น 555”
ในซอยตอนนี้แสงแดดลอดลงกำลังสวยพอดี
พี่ปุ่น: “ไผ่ๆมายืนตรงนี้สิ”
เวลาไปไหนแล้วมีแดด ชอบให้เราไปยืนเป็นแบบกลางแดดตลอด ต้องเอาหน้าให้โดนแดดด้วยนะ พอถ่ายเสร็จไผ่หันไปดูข้างๆ
ลูกไผ่: “อี๋...พี่ปุ่นๆ ขี้หมาๆ”
กองเบ้อเริ่มเลยจ้า เรานี่ท่าจะดวงสมพงศ์กับขี้หมาไปไหนนี่เจอตลอดดดดด...T^T
พี่ปุ่น: “Focus หลุดอ่ะ ไผ่ไปยืนอีกทีสิ”
เราหันไปมองตาปริบๆ “ปี้ปุ่นๆ แต่ตรงนั้นมันมีขี้หมา”
พี่ปุ่น: “ก็ยืนข้างๆ อย่าไปเหยียบมันสิ เร็วๆ ไปยืนเร๊ว”
ลูกไผ่: T^T
[CR] เดินเที่ยวชิลๆใน "กรุงเทพ" อ่านจบละจะอยากออกไปเดินแบบเรา เชื่อสิ!
จริงๆเราก็อาจลืมนึกไปว่า เฮ้ย จริงๆ กรุงเทพก็เที่ยวได้นะ
กระทู้นี้เอาไว้เป็นทางเลือกสำหรับวันหยุดยาวนี้ ที่บางคนไม่อยากไปเบียดเสียด เสี่ยงรถติด แย่งคนอื่นเที่ยวที่ต่างจังหวัดละกันน้า
“พรุ่งนี้เราไปเดินถ่ายรูปดีกว่า”
“พี่ปุ่นจะไปคนเดียวเหรอคะ”
“ไผ่จะไปด้วยรึเปล่าละ ร้อนนะ”
“ไปๆๆค่า”
“555 โอเคๆ โบกกันแดดเข้าไปเยอะๆ”
……………………………………..
“ไผ่จะตื่นมั้ยน้า เราอยากออกบ้านซัก 8 – 9 โมง”
“ก็ลองปลุกไผ่ดูก็ได้ค่ะ ถ้าไผ่ไม่ตื่นก็ไปก่อนเลย เดี๋ยวไผ่ตามไป 555”
ตัดภาพมาเช้าวันอาทิตย์ เสียงนาฬิกาปลุกรอบแรก
………………………………………..นิ่งเงียบ
รอบที่ 2
………………………………………..นิ่งเงียบ
รอบที่ 3
…………………………………………นิ่งเงียบ
จน 14 นาฬิกา เป็นเวลาที่เราได้ฤกษ์ออกบ้านกัน 555
บางคนอยู่กรุงเทพมานาน อาจจะยังไม่เคยเดินเที่ยวเรื่อยๆ เปื่อยๆ งี้เลยก็ได้
ปะ เดี๋ยวเราพาไป (แบบมั่วๆนะ 555)
พี่ปุ่น: “ไผ่เคยไปวัดแขกยัง”
ลูกไผ่: “ยังเลยค่ะ”
พี่ปุ่น: “โอเค เดี๋ยวเราพาไป”
ใช่แล้ว เป้าหมายแรกของเราวันนี้คือ ‘วัดแขก’ หรือ ‘วัดพระศรีอุมาเทวี’ แถวๆสีลมแหละ เราก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าชื่อเต็มๆ เค้าชื่อนี้
- เรานั่ง Taxi จากคอนโดตรงมาที่วัดแขก 85 บาท
ข้างๆวัดแขกจะมีดอกไม้ขายเต็มเลย แล้วแต่ว่าใครจะเลือกซื้อเข้าไปถวาย
ทางเข้าวัดแขกวันนี้เค้ากำลังบูรณะอยู่พอดีเลย ข้างในวัดเค้าห้ามถ่ายรูปล่ะ เราเล่าให้ฟังแทนละกันเนอะ เผื่อคนที่ยังไม่เคยเข้าวัดแขกเหมือนเรา
อย่างที่บอกนี่เป็นการมาวัดแขกครั้งแรกของเรา ที่นี่เลยค่อนข้างแปลกตาสำหรับเรา
เค้าจะให้เราถอดรองเท้าตั้งแต่หน้าวัด พอเข้าไปจะเจอแท่นที่ให้วางของบูชาหน้ากระถางธูป
เราเข้าไปนี่ก็เอ๋อเลย ละเค้าต้องไหว้ยังไง เอาของไหว้จากไหน จุดนี้เดินตามพี่ปุ่นอย่างเดียวเลยจ้า
เดินเข้าไปข้างในเค้าจะมีที่ขายของไหว้ ชุดละ 60 บาท ถ้าเอาดอกบัวกับน้ำมันตะเกียงเพิ่ม จะอยู่ที่ชุดละ 80 บาท
(เค้าบอกว่าดอกบัวช่วยเรื่องการเงิน)
พี่ปุ่นซื้อชุดใหญ่ไป เราก็เลยเอาชุดเล็กก็พอ
ซื้อมาแล้วก็มาจุดธูปเทียน แล้วเอาไปปักที่กระถาง จากนั้นก็ยกของไหว้เข้าไปไหว้ข้างใน อธิฐานเสร็จก็ยื่นให้พราหมณ์ไป พราหมณ์เค้าจะคืนของมาให้ แล้วแต่ว่าจะเป็นน้ำดื่ม หรือว่ากล้วย ให้เราเอากลับไปทานเพื่อเป็นสิริมงคล
ถวายของเสร็จ เราก็เดินไหว้เทพทีละองค์ๆ
ออกจากวัดแล้วรู้สึก สบายใจมากกก ได้ทำบุญอ่ะเนอะ
ทำบุญเสร็จแล้วได้เวลาเดินเที่ยวกันแล้ว เราเริ่มเดินตรงเข้าไปในซอยวัดแขก เดินไปได้เจอร้านขนมแขกอยู่ทางซ้ายมือ
พี่ปุ่น: “ไผ่เคยกินยัง มันจะหวานๆอ่ะ ทุกอย่างเลยนะ”
ลูกไผ่: “อ๊า ยังเลยอ่ะค่ะ อยากลองนะ แต่กลัวมันหวานจัดค่ะนี่”
พี่ปุ่น: “หวานซี่ ส่วนใหญ่มันทำจากถั่วกับน้ำตาลทั้งนั้นเลย”
ลูกไผ่: “แงะ ยังม่ายทานดีกว่า”
มองไปทางขวามือ เจอรถขายบะหมี่เกี๊ยว ‘เกี๊ยวทองคำ’ น่าร๊ากก จอดอยู่เด่นมาก
นี่ท่าไม่ทานข้าวก่อนออกมา คงเสร็จร้านนี้ไปละ 555
ตึกด้านหลังที่รถบะหมี่เกี๊ยวจอดอยู่จะเป็น Gallery เล็กๆสีเขียว ชื่อว่า ‘Kathmandu’
ตอนแรกเราก็งงว่าพี่ปุ่นข้ามถนน เดินไปด่อมๆมองๆอะไรที่หน้าตึกเค้า ซักพักเดินข้ามถนนกลับมา
พี่ปุ่น: “วันนี้เค้าปิดอ่ะ”
ลูกไผ่: “อะไรอ่ะคะ”
พี่ปุ่น: “Gallery ที่จัดแสดงภาพของ ‘ผ้าป่าน’ ที่เราบอกไง”
อ๋ออออ...อ๊ะ! เผื่อใครยังไม่รู้จัก ‘ผ้าป่าน’
‘ผ้าป่าน สิริมา’ เค้าเป็นช่างภาพ ไม่ใช่ผ้านะค้า หน้าตาน่ารักๆ เคยเป็นพิธีกรรายการ Strawberry Cheese Cake
พี่ปุ่นเค้าชอบ เห็นบอกว่าจริงๆวันนี้ตั้งใจจะมาดูนิทรรศการภาพถ่ายของผ้าป่านด้วย ปิดวันอาทิตย์ซะงั้น
พี่ปุ่น: “รู้งี้มาเมื่อวานดีกว่า เสียดาย” บ่นอุบอิบๆ
ปะๆ อย่าเสียใจไปเลย มาดู ‘ลูกไผ่’ แทน ‘ผ้าป่าน’ ไปก่อนนะ
เดินกันต่อๆ วันนี้ซอยวันแขกเงียบ ละรถโล่งมาก น่าเดินสุดๆ
พอขึ้นชื่อว่า แถบสีลม พื้นที่ใจกลางเมือง ทุกที่มีค่าหมดจริงๆ แม้แต่ซอยเล็กๆ ในซอกหลืบก็ยังมีร้านอาหารเปิดอยู่
อย่างร้านนี้ ‘Siam Mitr’ เรามองเข้าไปในซอยเล็กๆ เห็นแค่ป้ายดำๆเลยลองเดินเข้าไปดู
เฮ้ย เป็นร้านอาหารจริงๆด้วย ด้านบนเค้าเปิดเป็น Hostel
พี่ปุ่น: “ที่ไหนก็เปิดร้านได้หมดสินะ 555”
เดินๆไปเจอป้าย ‘ห้ามทิ้งขยะ’
ห้ามทิ้งนะฮ้า ไม่งั้นมีปรับ เฮ้ย! ประเทศไทยทำได้จริงๆเหรอ มีคนกลัวด้วยใช่ป่ะ!?
แต่ดูตามทางก็สะอาดจริงๆแฮะ หรือว่าจะเป็นแค่วันที่เรามาเดินพอดีหว่า 555
เดินมาอีกนิด อยู่ๆก็เห็นกลุ่มคนเต็มเลย คือมัน contrast กับซอยเงียบๆวันนี้มาไง
ลูกไผ่: “โห นี่เค้ามานั่งทำอะไรกันคะนี่”
พี่ปุ่น: “มานั่งรอถ่ายรูปทำวีซ่ามั้ง”
เดินมาสุดซอยเห็นป้าย ‘สถานทูตพม่า’
อ๋ออออ....เออ แฮะ เค้าท่าจะมารอทำวีซ่ากันจริงๆแฮะ อ๊ะ! แต่วันนี้มันวันอาทิตย์นะ!?
สุดซอยละ
ลูกไผ่: “แล้วเราจะไปไหนกันต่ออ่ะคะ”
พี่ปุ่น: “เราว่าจะไปหัวลำโพง เดี๋ยวเรียก Taxi ไปเลยละกัน ไป 2 คนราคาพอๆกับนั่งรถไฟฟ้าแหละ”
- เรานั่ง Taxi จากซอยวัดแขกมาที่หัวลำโพง 75 บาท
นี่เป็นการมาถ่ายรูปที่หัวลำโพงครั้งที่ 2 ของเรา
ครั้งแรกก็มากับพี่ปุ่น (แต่มีพี่อีกคนนึงมาด้วย 555) ละก็เป็นครั้งแรกที่เรากับพี่ปุ่นเจอกันด้วย ที่ MRT หัวลำโพง ที่นี่.....
รอบนี้เราเพิ่งสังเกตว่าที่ทางเข้าหัวลำโพง เค้าจะมีกล่องให้คนหย่อนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่นี่
ลูกไผ่: “เค้าไม่ให้เอาเหล้าขึ้นรถไฟเหรอคะ”
พี่ปุ่น: “ก็ใช่น่ะสิ”
ละก็เพิ่งสังเกตอีกเหมือนกันว่า ที่นี่เค้ามีบริการเข็นสัมภาระกันเป็นเรื่องเป็นราวด้วยอ่ะ!
วันนี้เรามาช่วงพอดิบพอดี ที่เค้าล้างรถไฟกันพอดีเลย เราเลยเห็นพนักงานใส่ชุดสีฟ้าเดินไปเดินมาเต็มสถานีเลย
เดินต่อไปก็จะเจอชุมชนแม่ค้า มีทั้งขายส้มตำ ขายไก่ทอด ไอแบบที่เราเห็นเค้าเดินขึ้นไปขายบนรถไฟเวลาที่รถไฟจอดตามจุดต่างๆนั่นแหละ เวลาที่เค้าไม่ได้ขึ้นไปขาย เค้าตั้งขายเป็นกลุ่มเป็นก้อนอยู่ตรงนี้นี่เองเหรอเนี่ย
เราว่าวันนี้เราคงมาในช่วงประจวบเหมาะที่เค้าทำความสะอาดรถไฟ บูรณะสถานีกันพอดีสินะนี่
ตอนแรกเราก็ว่าไอแท่งคอนกรีตที่วางอยู่บนชานชาลาเต็มไปหมดนี่มันอะไรกัน พอเดินเข้าไปดูใกล้ๆ
อ๋อออ...เค้ากำลังเปลี่ยนหมอนรถไฟใหม่นี่เอง!
คุณพี่ช่างเค้ากำลังทยอยวางหมอนรถไฟคอนกรีตใหม่เอี่ยมลงไปแทนหมอนเดิมที่เป็นไม้ (ผุๆ)
ต่อไปนี้ชีวิตการนั่งรถไฟของเราจะปลอดภัยขึ้นอีกนิดแล้วสินะ เย้!
เดินมาสุดชานชาลา มีหัวรถไฟกำลังวิ่งมาพอดี ไผ่ว่าไผ่ถ่ายริงส์ไซด์ละนะ นู้น ดูคนนู้น นั่นคือแระ? จะเข้าไปถ่าย Texture รถไฟเหรอค้า!?
คราวที่แล้วเรามาก็ถ่ายตึกนี้ รอบนี้เรามาก็ยังคงถ่ายมันอีก คงสะดุดตาที่ความเก่าสุดๆของมันนี่แหละ
ตอนแรกเราก็นึกว่าเป็นแฟลตอะไรซักอย่าง จริงๆแล้วมัน ‘ศูนย์ไปรษณีย์กรุงเทพ’ หูยย...นี่เป็นศูนย์แรกของไทยป่ะเนี่ย ถึงเก่าได้ขนาดนี้เนี่ย
ด้านซ้ายมือจะมีหัวรถจักรโบราณตั้งอยู่ โบราณก็จริงนะ แต่พื้นผิวนี่มันวับ ที่นี่เค้าคงดูแลขัดเป็นอย่างดี
สุดทางละ เราก็เลยเดินกลับกัน
พี่ปุ่น: “ไผ่ๆ เดี๋ยวเราเดินไปทางนี้นะ เดี๋ยวเจอกัน”
ลูกไผ่: “โอเคค่า”
เดินไปซักพักเริ่มรู้สึกว่า รู้งี้เดินกลับทางพี่ปุ่นดีกว่า ทางนี้มันทางแคบๆ ใกล้ๆกับห้องเครื่องนี่ โคตรร้อนเลย!
เอาวะ ปีนข้ามรถไฟไปอีกฝากละกัน
นี่คงเป็นรถไฟแบบนั่งหวานเย็น ทิงนองนอย สินะ ว่าแต่ทำไมมันเหม็นๆหว่า
หันไปทางขวา เชี๊ยะ นี่มันห้องน้ำนี่ ทำไมต้องมาหยุดยืนถ่ายหน้าห้องน้ำรถไฟด้วยหะไผ่!
อย่างที่บอก วันนี้คงเป็นช่วงเวลาทำความสะอาดของเค้าพอดี เราแอบเห็น ‘รถเครน’ (ไม่รู้มันเรียกรถอะไร ขอเรียกงี้ละกันนะ)
ยกพนักขึ้นไปสู๊งงง สูง ตอนแรกเราก็ไม่ได้สนใจ พอมองๆไป เห็นเศษฝุ่นค่อยๆร่วงลงมา เฮ้ย เค้ากวาดหลังคา!
โห...เค้าทำความสะอาดกันขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย แล้วคิดดูนะ หลังคาหัวลำโพงใหญ่และกว้างมากก แล้ววิธีทำความสะอาดของเค้าคือ ใช้ไม้กวาดค่อยๆกวาดทีละซี่ของโครงหลังคา ป๊าดดดด...พี่โคตรพยายามเลยอ่ะ!
เห็นที่ชานชาลาเงียบๆ โล่งๆ นี่นึกว่าวันนี้ไม่ค่อยมีคนเดินทางซะอีก พอเดินเข้ามาในตัวอาคารเท่านั้น โห...คนเยอะเหมือนกันนะนี่
เราออกจากหัวลำโพง ข้ามสะพานมาอีกฝั่งนึง คราวที่แล้วก็ถ่ายมุมนี้ แต่ตอนนั้นดอกสีส้มนี่ยังไม่บานเลย
เดินผ่านตึกเก่าตรงหัวมุม ประเทศไทยนี่เป็นประทศที่สายไฟฟ้ารกรุงรัง ระโยงระยางเต็มไปหมดจริงๆ ไม่รู้สายอะไรเป็นสายอะไร จะเอาลงดินก็เรื่องใหญ่ต้องวางแผนกันนานอีก คงทำอะไรกับมันไม่ได้จริงๆอ่ะเนอะ
เราเดินมาเรื่อยๆตามทางที่เข้าซอยนานา
พี่ปุ่น: “นี่ไง ใกล้ร้านที่เรามาเคยมาทานกันแล้ว”
ลูกไผ่: “อ๊า ร้านที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาอ่ะนะคะ”
พี่ปุ่น: “ไม่ใจ้! แถวนี้จะเอาแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหนมาไผ่ 555 ร้านที่มากินกันตอนปีใหม่ไง”
ลูกไผ่: “อ๋ออออ 55555”
ใช่ตอนปีใหม่เราแอบโดดงานปาร์ตี้ปีใหม่ที่ออฟฟิศเราแล้วมาเป็นติ่งติดสอยห้อยตามมาทานกับออฟฟิศพี่ปุ่นแทน 555
เรามาทานพิซซ่าข้างในซอยนี้ ซึ่งอร่อยมาก แต่ตอนเรามาวันนี้เค้ายังไม่เปิดแฮะ สงสัยจะเปิดค่ำๆ ทานเสร็จวันนั้นเราก็มาต่อกันที่ร้าน ‘เทพบาร์’ เป็นอีกร้านที่อยู่ในซอกหลืบแต่ก็มีคนตามมาทานเว้ย! ข้างในร้านจะเป็นบรรยากาศแบบไท๊....ไทย
แม้แต่ดนตรีที่เล่นในร้านยังเป็นดนตรีไทยเลย ที่นี่เค้ามีสูตรเหล้ายาดองเยอะมาก ชื่อแปลกๆทั้งนั้นเลย ต้องลองไปดูนะ
พี่ปุ่น: “ไผ่! แวะเข้ามาซอยนี้ก็ไม่บอกเรา เราเดินไปนู้น 555”
ในซอยตอนนี้แสงแดดลอดลงกำลังสวยพอดี
พี่ปุ่น: “ไผ่ๆมายืนตรงนี้สิ”
เวลาไปไหนแล้วมีแดด ชอบให้เราไปยืนเป็นแบบกลางแดดตลอด ต้องเอาหน้าให้โดนแดดด้วยนะ พอถ่ายเสร็จไผ่หันไปดูข้างๆ
ลูกไผ่: “อี๋...พี่ปุ่นๆ ขี้หมาๆ”
กองเบ้อเริ่มเลยจ้า เรานี่ท่าจะดวงสมพงศ์กับขี้หมาไปไหนนี่เจอตลอดดดดด...T^T
พี่ปุ่น: “Focus หลุดอ่ะ ไผ่ไปยืนอีกทีสิ”
เราหันไปมองตาปริบๆ “ปี้ปุ่นๆ แต่ตรงนั้นมันมีขี้หมา”
พี่ปุ่น: “ก็ยืนข้างๆ อย่าไปเหยียบมันสิ เร็วๆ ไปยืนเร๊ว”
ลูกไผ่: T^T