ก่อนอื่นขอเล่าเรื่องตัวเองสักนิดนึง
ผมเป็นไบครับ อายุอยู่ในช่วงวัยสืบพันธุ์ เอ้ย!! วัยทำงานครับ ผมทำงานมาแล้วประมาณ 3 ปีนิดๆ ย้ายที่ทำงานมาแล้ว 1 ครั้ง เป็นคนอ่อนไหวง่ายมากกกก เอะอะๆเป็นแอบชอบไปหมด ไม่ว่าจะผู้หญิง ผู้ชาย ถ้าเตะตาละก็ ไม่เคยจะวางตาจากคนๆนั้นเลย แค่ได้เห็นก็เป็นสุขใจแล้ว
***ณ จุดๆนี้ ขอยอมรับเลยครับว่า เป็นคนที่อ่อนแอเรื่องความรักมาก เพราะ ไออาการหวั่นไวง่าย คิดมาก มโนเก่ง นี่แหละ เลยเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตพอสมควร หัวหน้าเก่าเคยบอกว่า "ทำงานเก่ง หัวไว ทุกอย่างดีหมด แต่จะไปเสียก็เพราะเรื่องความรักนี่แหละ"
เมื่อต้นปีที่แล้วผมเพิ่งจะได้งานใหม่ เป็นงานออฟฟิศครับ ทำงานด้านไอทีนี่แหละ ไอตอนเข้ามาทำงานเดือนแรกๆก็ไปปิ๊งพี่ในทีม น่ารักครับ พี่เค้าขาวๆตี๋ๆ สุภาพมาก ใจดีกับเราตลอดเลย รู้สึกมีกำลังใจในการทำงาน ไม่เสียเที่ยวที่ย้ายงานครั้งนี้ (แรดเนอะ555) แต่มันเป็นแค่ความรู้สึกแอบชอบ กระชุ่มกระชวยดี แต่พอรู้ว่า พี่เค้ามีแฟนแล้ว ไอ้ความรู้สึกปิ๊งๆปั๊งๆก็ลดลงไปแหละนะ เสียอรรถรสหมดเลย
ทีนี้ก็หาเป้าหมายใหม่สิ (ต่อมแรดทำงานตลอด) ส่องไปส่องมาไปแอม (ชื่อสมมติ) ก็น่าสนใจดีนะ แปลกดี
แอมเป็นคนที่เรียนเก่งมาก แต่พูดไม่ค่อยจะรู้เรื่องเท่าไหร่ สไตล์โปรแกรมเมอร์เลย ทีแรกเห็นหน้ามันก็หมั่นไส้ละ ทำหน้าบึ้งๆเวลาคุยกับชาวบ้าน แถมนั่งกดแต่โทรศัพท์ ไม่ค่อยจะมีปฏิสัมพันธ์อะไรกับใครสักเท่าไร แต่ก็นะด้วยความที่ไม่เหลือใครให้มองละ แถมมันมาชวนไปเที่ยวหัวหินกับเพื่อนๆที่ทำงานอีก ไอเรานี่มโนเก่ง แถมว่างๆหาเป้าหมายอยู่ก็เลยตกลงปลงใจ ไปเที่ยวกัน ลองสังเกตุแอมมาสักพัก มันก็ตลกดีนะ
ท่าทางการเดินก็แปลกๆชอบเดินปลายเท้า เขย่งๆ เหมือนนกกระยาง ด้วยความที่มันขาวๆ ตี๋ๆ พูดจาตรงๆ วิธีการพูดบางทีก็เนิบๆ บางทีก็รัวๆ ผมมองว่านี่เป็นของแปลกและมีสเน่ห์ในแบบของมันดีนะ
====เข้าเรื่องเลย==== #เพิ่งจะเข้าเรื่อง นานเนอะ 555
ด้วยความที่สังเกตมาสักพัก ก็เลยรู้ว่า แอม แอบชอบ อ้อม ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานในทีม ผมนี่ก็กระวนกระวายใจอยากรู้ว่าอ้อมคิดยังไง พอถึงวันเกิดอ้อมเลยแกล้งไม่ไปร่วมงานวันเกิด เพื่อที่ว่าจะชวนอ้อมไปเลี้ยงข้าวทีหลังจะได้หลอกถามว่ารู้สึกยังไงกับแอม (แผนสูง) คุยไปคุยมาเลยรู้ว่า อ้อมไม่ได้ชอบแอมเลย กลับรู้สึกรำคาญด้วยซ้ำ ไอเราก็นะอยากจีบแอมอยู่แล้ว เลยถามอ้อมไปว่า เพื่อนที่ทำงานเค้ารู้กันรึป่าวว่าเราชอบแอม อ้อมก็บอกว่า เหมือนจะรู้กันหมดแล้วนะ แอมก็น่าจะรู้ตัว พอผมได้ยินแบบนั้นผมก็เลยเริ่มแผนถัดไป
พอวันรุ่งขึ้นผมก็ทำท่าทีเหมือนจะชวนอ้อมไปกินข้าว แต่อ้อมปฏิเสธ ผมเลยหันไปชวนแอมแทน แต่ด้วยความที่เขินก็เลยตะกุกตะกัก กว่าจะพูดได้แต่ละอย่างลำบากมากเลย แล้วแอมมันก็บอกผมว่า "ไม่ไป ไม่ไป ไม่ไป เดี๋ยวจะแวะห้างก่อน" คำพูดมันรัวและเร็วมาก เหมือนกับว่าท่องอยู่ในใจมานานแล้ว ถ้าถามจะตอบไปแบบนี้
หลังจากนั้นเราก็ไลน์คุยกัน ผมก็สารภาพไปเลยตรงๆว่าแอบชอบ แอมก็อ่านแล้วนะ มันหายไปวันนึง แล้ววันรุ่งขึ้นก็ปฏิเสธมาประมาณนี้ "เอาให้ชัดๆกันไปเลยนะ จริงๆมันก็ชัดอยู่แล้ว เราไม่ได้เป็นตุ๊ด เป็นไบ เป็นเกย์ เป็นเพื่อนกันดีกว่า ทำแบบนี้ไปมันก็ลำบากใจทั้งสองฝ่าย" ไอเราก็อึ้งเลยผิดหวังมากพอสมควร ตอนมันปฏิเสธมาถึงรู้ว่า เราชอบเค้ามากกกก มากในแบบที่ไม่เคยแอบชอบใครมากขนาดนี้มาก่อน ยอมรับเลยว่าผิดหวัง แต่ก็ต้องตอบกลับไปแหละ ว่าเป็นเพื่อนกันและจะจบแค่นี้
ยอมรับว่าเฟลมาก แต่จังหวะนั้น แฟนเก่า(ผู้หญิง) กลับมาขอคืนดี ผมก็เลยได้โอกาสที่จะบอกพี่ๆเพื่อนๆที่ทำงานไปเลยว่า มีแฟนแล้ว เรื่องมันจะได้จบๆ ผมจะได้ไม่คิดมากด้วย แล้วกลับมาคบกันผมก็จะได้ทำใจได้เร็วขึ้น
พอบอกพี่ๆที่ทำงานไป ไอ้แอมมันก็รู้นะ มันก็ดีขึ้น คุยกับเราปกติขึ้น ไม่มีท่าทีรังเกียจหรือปิดกั้นเราเหมือนเมื่อก่อน พอผมเปิดตัวว่ามีแฟนใหม่แล้ว มันก็รุกหน้าจีบอ้อมมากขึ้นๆๆๆ จนอ้อมทนไม่ไหว ต้องบอกมันไปประมาณว่า "เป็นอะไรหรือป่าว มีอะไร ชอบเราหรอ แต่เราขอนะช่วยทำตัวเหมือนเมื่อก่อนได้ไหม เป็นเพื่อนกันเถอะ" ตอนแรกก็ไม่รู้เรื่องหรอก แต่หน้ามันหงอยมากก ผมเลยเดาว่า มันน่าจะถูกอ้อมปฏิเสธมา (เดาเก่งกว่าเดาหวยอีก)
ผมเลยโทรไปคุยกับมัน ปลอบมัน แนะนำมันว่าต้องทำตัวยังไงประมาณ 2 อาทิตย์ มันก็ดีขึ้น ทำตัวปกติมากขึ้น ผมโคตรนับถือมันเลย มันเก่งมากไอ้เรื่องเก็บความรู้สึกเนี่ย ทั้งๆที่อ้อมก็แสดงท่าทีปฏิเสธ สร้างกำแพงและรังเกียจมันพอสมควร มันเลยบอกกับผมว่า "ที่กูเคยทำท่าเกลียด ให้ไปไกลๆ พอกูเจอกับตัวเองแล้ว กูรู้เกลียดตัวเองเลย" แต่ไอ้เพราะการที่มันพูดตรงๆ คุยกับเราตรงๆ เป็นเพื่อนกัน มันทำให้ความรู้สึกเก่าๆของผมกลับมา กลับมามาก จนผมไม่อยากคุยกับมันไปพักนึง
ผมก็รู้ตัวนะว่า ตัวเองแปลกไป มีอยู่วันนึงมันก็ถามผมนะว่า "เป็นเพื่อนกันนะ ใช่ไหม เราเข้าใจตรงกันใช่ป่าว ว่าเราเป็นเพื่อนกัน" หลังจากนั้นผมไม่คุยกับมันอีกเลย ไปกินข้าวด้วยกันก็ไม่พูด ตอบไปแค่อือๆเออๆ มันก็ทนไม่ไหวมาถามว่า "เป็นอะไร ไร้สาระว่ะ ทำไมไม่คุยกัน" ผมเลยด่ามันไปว่า "กูไม่พร้อมจะคุย ไม่ต้องมายุ่งกับกู" มันก็เซ้าซี้ผมนะ ผมก็เลยบอกมันไปว่า "อย่าถามได้ไหมว่าชอบหรือป่าว เป็นเพื่อนกันใช่ไหม นี่ไม่เคยเชื่อใจกันเลยหรอ เราก็พยายามอยู่ อย่ามาถามเพื่อให้ความรู้สึกเก่าๆกลับมาได้ไหม ก็ไม่อยากรู้สึกกับเหมือนเดิม กูไม่ได้อยากชอบ ไม่ได้อยากเกลียด ไม่ต้องถามอีกนะ กูรู้สึกแย่มาก" มันก็ขอโทษผมแล้วเรื่องนี้ก็จบๆกันไป
ประมาณเมื่อปลายปีที่แล้ว ผมไปเที่ยวกับแฟนบ่อยมาก กลับบ้านดึกทุกวัน ผมเหนื่อยมาก มีครั้งนึงผมพาเค้าไปชอปปิ้งที่สำเพ็งตอนเที่ยงคืน กลับถึงบ้านตี 3 รุ่งขึ้นของวันนั้นผมขับรถหลับในไปชนกับรถแถวบ้าน ผมเลยกลับมานั่งคิดว่า "ไม่ใช่ไม่รักนะ แต่ถ้าให้ผมทุ่มเทมากกว่านี้ ผมไม่ไหวละ ถ้าเค้าขอมากกว่าการไปชอปปิ้งละ ถ้ามันมากกว่านั้นละ แล้วถ้าผมให้ไม่ได้ ผมต้องเสียเค้าไปเลยใช่ไหม" ผมเลยตัดสินใจขอเค้าเป็นแค่เพื่อนกันเหมือนเดิมดีกว่า ผมไม่อยากเสียเค้าไปนะ ประกอบกับที่ผมสนิทกับแอมมากขึ้นๆๆ ความรู้สึกเก่าๆก็กลับมาจริงๆแต่ผมก็รู้สึกว่า จริงๆมันไม่ได้กลับมาหรอก มันมีอยู่มานานแล้วแหละ แต่ตัวเราเองนี่แหละ ที่แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ซึ่งผมก็บอกกับแฟนไปตรงๆนะ ตอนแรกเค้ารับไม่ได้ ไม่คุยกับตั้ง 2 อาทิตย์เต็มๆ แต่พอเค้าทำใจได้แล้ว เค้าก็ทักมา โทรมาหา คุยกันเหมือนเดิม #ผมโคตรโชคดีเลยที่เค้าเข้าใจและรับเราได้ขนาดนี้
====จุดที่พีคของเรื่อง====
ผมมีไอเดียที่อยากจะย้ายงานด้วยและด้วยความที่ผมเคลียร์ตัวผมเองชัดเจนละ ผมก็ไม่อยากหลอกตัวเอง ไม่อยากหักหลังเพื่อน ผมเลยตัดสินใจว่า "จะบอกแอมว่าผมรู้สึกยังไง" ผมอยากแสดงความจริงใจนะ ว่าผมคิดยังไงกับมัน ความรู้สึกมันเปลี่ยนไป อยากบอกให้รู้ ดีกว่ามารู้ที่หลังแล้วโกรธกันเหมือนเมื่อก่อนอีก อีกอย่างผมสัมผัสได้เลยว่า มันไว้ใจผมนะและมันก็อยากเป็นเพื่อนผม
ผมเลยตัดสินใจบอกมันไปประมาณว่า "กูไม่อยากหลอกนะ หรือโกหกตัวกูเองและ กูชอบว่ะ กูว่า กูชอบมานานแล้ว ตั้งแต่เดือนมิถุนาปีที่แล้ว ตั้งแต่เราไปเที่ยวหัวหินด้วยกัน" มันก็ตอบกลับมานะ "ยืนยันคำเดิมนะว่า ได้แค่เพื่อน"
หลักจากที่ผมยืนยันความรู้สึกตัวเองไปแล้ว ผมก็เฟลหน่อยๆแหละ แต่ไม่ได้อะไรมาก คิดว่าเดี๋ยวย้ายที่ทำงานมันก็คงดีขึ้นแหละ แต่ปัญหาก็คือ
1.ตอนนี้เรากลับมาตึงๆกันเหมือนเมื่อก่อน
2.ผมดันย้ายงานไม่ได้ เพราะ เค้าไม่เรียกเซ็นสัญญาใหม่สักที
ตอนนี้สถานการณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
มีอยู่วันนึงอ้อมชวนไปไหว้พระ ผมก็ตบปากรับคำแล้วก็กระซิบถามอ้อมว่า "ชวนแอมไปด้วยได้ไหม" ที่ต้องกระซิบเพราะว่า กลัวว่าถ้าแอมไป อ้อมจะอึดอัดแล้วก็ไม่อยากไป มันก็จะเสียมารยาทอีกถ้าไปชวนโดยที่ไม่บอก และผมก็ไม่อยากให้แอมรู้สึกว่า เราโกรธกันแล้วผมทำตัวแตกแยก อีกอย่างก็เป็นเพื่อนๆกันอยากจะชวนๆไปให้หมด ไม่อยากให้ไอ้แอมรู้สึกไม่ดีหรือโดนรังเกียจ (ซึ่งจริงๆอ้อมก็เหมือนจะรังเกียจจริงๆแหละ)
พอผมชวนมันไปด้วยกัน มันก็ทำหน้าบึ้งแล้วก็ตอบว่า "ไม่ไป" แล้วมันก็ทำท่างงๆ แล้วถามผมใหม่ว่า "ไปไหนนะ" แต่สุดท้ายมันก็ไม่ไปอยู่ดี
หลังจากนั้นผมก็ไลน์ไปต่อว่ามันว่า "ทีหลังช่วยทำหน้าดีๆหน่อยได้ไหม ทำแบบนี้ไม่อยากจะชวนเลยว่ะ" มันก็ตอกผมกลับมาว่า "กับอ่ะนะ สองครั้งแล้วที่พูดว่าเป็นเพื่อนกัน มันจะไม่มีครั้งที่สาม เห็นกูโง่มากใช่ไหมที่หลอกกู ถ้ารู้ตัวว่าความรู้สึกเปลี่ยนแล้ว ทำไมไม่บอกกูตั้งแต่แรกละ ตอนนี้กูไม่เชื่อใจ แต่เราก็คุยกันได้นะปกติ เรื่องงานก็ทำงานด้วยกันได้"
ผมก็พยายามเคลียร์กับไอ้แอมมันนะ ว่า "ไม่ได้ตั้งใจจะหลอกหรือปิดบัง กูแค่รอเวลาให้มั่นใจก่อนว่ารู้สึกยังไงแล้วกูก็มาบอกนี่แหละ"
คนนึงคิดว่า "ทำไมไม่บอกแต่แรก หลอกกันทำไม"
อีกคนคิดว่า "ถ้ามั่นใจก่อนแล้วค่อยบอก"
มันคงยากที่จะกลับมาเหมือนเดิม
สุดท้ายตอนนี้เราก็แค่คุยกันบ้าง สัปดาห์ละประโยคได้
ตอนนี้ผมเลยมีปัญหาและอยากขอคำปรึกษาดังนี้ครับ
1. ผมควรให้ของขวัญวันเกิดมันไหม ใกล้จะมาถึงแล้วอีกไม่กี่วัน ผมซื้อเตรียมไว้นานตั้งแต่เดือน พ.ย.
2. ผมควรลาออกไหม มันก็รู้และเชียร์ให้ผมออกนะ ตั้งแต่ยังไม่เกิดเรื่องด้วยซ้ำ มันบอกว่า ที่ทำงานนี้ไม่ดีหรอก ถ้าย้ายได้ก็ไปเถอะ มีแต่ศัตรูเต็มไปหมด (แต่ผมก็ไม่ได้คิดแบบมันนะ)
3. ผมควรกลับไปเป็นเพื่อนกันไหม ตอนนี้ผมทำใจเป็นเพื่อนกับมันได้ละ
4. ถ้าจะคืนดีกันจะทำยังไงดีฃ
ปล.ไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่า เราจะมีเหตุผลที่อยากออกจากงานเพราะ เรื่องแบบนี้
จะทำงานต่อหรือจะลาออก ทำตัวไม่ถูก ขอคำแนะนำด้วยค้าบ
ผมเป็นไบครับ อายุอยู่ในช่วงวัยสืบพันธุ์ เอ้ย!! วัยทำงานครับ ผมทำงานมาแล้วประมาณ 3 ปีนิดๆ ย้ายที่ทำงานมาแล้ว 1 ครั้ง เป็นคนอ่อนไหวง่ายมากกกก เอะอะๆเป็นแอบชอบไปหมด ไม่ว่าจะผู้หญิง ผู้ชาย ถ้าเตะตาละก็ ไม่เคยจะวางตาจากคนๆนั้นเลย แค่ได้เห็นก็เป็นสุขใจแล้ว
***ณ จุดๆนี้ ขอยอมรับเลยครับว่า เป็นคนที่อ่อนแอเรื่องความรักมาก เพราะ ไออาการหวั่นไวง่าย คิดมาก มโนเก่ง นี่แหละ เลยเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตพอสมควร หัวหน้าเก่าเคยบอกว่า "ทำงานเก่ง หัวไว ทุกอย่างดีหมด แต่จะไปเสียก็เพราะเรื่องความรักนี่แหละ"
เมื่อต้นปีที่แล้วผมเพิ่งจะได้งานใหม่ เป็นงานออฟฟิศครับ ทำงานด้านไอทีนี่แหละ ไอตอนเข้ามาทำงานเดือนแรกๆก็ไปปิ๊งพี่ในทีม น่ารักครับ พี่เค้าขาวๆตี๋ๆ สุภาพมาก ใจดีกับเราตลอดเลย รู้สึกมีกำลังใจในการทำงาน ไม่เสียเที่ยวที่ย้ายงานครั้งนี้ (แรดเนอะ555) แต่มันเป็นแค่ความรู้สึกแอบชอบ กระชุ่มกระชวยดี แต่พอรู้ว่า พี่เค้ามีแฟนแล้ว ไอ้ความรู้สึกปิ๊งๆปั๊งๆก็ลดลงไปแหละนะ เสียอรรถรสหมดเลย
ทีนี้ก็หาเป้าหมายใหม่สิ (ต่อมแรดทำงานตลอด) ส่องไปส่องมาไปแอม (ชื่อสมมติ) ก็น่าสนใจดีนะ แปลกดี
แอมเป็นคนที่เรียนเก่งมาก แต่พูดไม่ค่อยจะรู้เรื่องเท่าไหร่ สไตล์โปรแกรมเมอร์เลย ทีแรกเห็นหน้ามันก็หมั่นไส้ละ ทำหน้าบึ้งๆเวลาคุยกับชาวบ้าน แถมนั่งกดแต่โทรศัพท์ ไม่ค่อยจะมีปฏิสัมพันธ์อะไรกับใครสักเท่าไร แต่ก็นะด้วยความที่ไม่เหลือใครให้มองละ แถมมันมาชวนไปเที่ยวหัวหินกับเพื่อนๆที่ทำงานอีก ไอเรานี่มโนเก่ง แถมว่างๆหาเป้าหมายอยู่ก็เลยตกลงปลงใจ ไปเที่ยวกัน ลองสังเกตุแอมมาสักพัก มันก็ตลกดีนะ
ท่าทางการเดินก็แปลกๆชอบเดินปลายเท้า เขย่งๆ เหมือนนกกระยาง ด้วยความที่มันขาวๆ ตี๋ๆ พูดจาตรงๆ วิธีการพูดบางทีก็เนิบๆ บางทีก็รัวๆ ผมมองว่านี่เป็นของแปลกและมีสเน่ห์ในแบบของมันดีนะ
====เข้าเรื่องเลย==== #เพิ่งจะเข้าเรื่อง นานเนอะ 555
ด้วยความที่สังเกตมาสักพัก ก็เลยรู้ว่า แอม แอบชอบ อ้อม ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานในทีม ผมนี่ก็กระวนกระวายใจอยากรู้ว่าอ้อมคิดยังไง พอถึงวันเกิดอ้อมเลยแกล้งไม่ไปร่วมงานวันเกิด เพื่อที่ว่าจะชวนอ้อมไปเลี้ยงข้าวทีหลังจะได้หลอกถามว่ารู้สึกยังไงกับแอม (แผนสูง) คุยไปคุยมาเลยรู้ว่า อ้อมไม่ได้ชอบแอมเลย กลับรู้สึกรำคาญด้วยซ้ำ ไอเราก็นะอยากจีบแอมอยู่แล้ว เลยถามอ้อมไปว่า เพื่อนที่ทำงานเค้ารู้กันรึป่าวว่าเราชอบแอม อ้อมก็บอกว่า เหมือนจะรู้กันหมดแล้วนะ แอมก็น่าจะรู้ตัว พอผมได้ยินแบบนั้นผมก็เลยเริ่มแผนถัดไป
พอวันรุ่งขึ้นผมก็ทำท่าทีเหมือนจะชวนอ้อมไปกินข้าว แต่อ้อมปฏิเสธ ผมเลยหันไปชวนแอมแทน แต่ด้วยความที่เขินก็เลยตะกุกตะกัก กว่าจะพูดได้แต่ละอย่างลำบากมากเลย แล้วแอมมันก็บอกผมว่า "ไม่ไป ไม่ไป ไม่ไป เดี๋ยวจะแวะห้างก่อน" คำพูดมันรัวและเร็วมาก เหมือนกับว่าท่องอยู่ในใจมานานแล้ว ถ้าถามจะตอบไปแบบนี้
หลังจากนั้นเราก็ไลน์คุยกัน ผมก็สารภาพไปเลยตรงๆว่าแอบชอบ แอมก็อ่านแล้วนะ มันหายไปวันนึง แล้ววันรุ่งขึ้นก็ปฏิเสธมาประมาณนี้ "เอาให้ชัดๆกันไปเลยนะ จริงๆมันก็ชัดอยู่แล้ว เราไม่ได้เป็นตุ๊ด เป็นไบ เป็นเกย์ เป็นเพื่อนกันดีกว่า ทำแบบนี้ไปมันก็ลำบากใจทั้งสองฝ่าย" ไอเราก็อึ้งเลยผิดหวังมากพอสมควร ตอนมันปฏิเสธมาถึงรู้ว่า เราชอบเค้ามากกกก มากในแบบที่ไม่เคยแอบชอบใครมากขนาดนี้มาก่อน ยอมรับเลยว่าผิดหวัง แต่ก็ต้องตอบกลับไปแหละ ว่าเป็นเพื่อนกันและจะจบแค่นี้
ยอมรับว่าเฟลมาก แต่จังหวะนั้น แฟนเก่า(ผู้หญิง) กลับมาขอคืนดี ผมก็เลยได้โอกาสที่จะบอกพี่ๆเพื่อนๆที่ทำงานไปเลยว่า มีแฟนแล้ว เรื่องมันจะได้จบๆ ผมจะได้ไม่คิดมากด้วย แล้วกลับมาคบกันผมก็จะได้ทำใจได้เร็วขึ้น
พอบอกพี่ๆที่ทำงานไป ไอ้แอมมันก็รู้นะ มันก็ดีขึ้น คุยกับเราปกติขึ้น ไม่มีท่าทีรังเกียจหรือปิดกั้นเราเหมือนเมื่อก่อน พอผมเปิดตัวว่ามีแฟนใหม่แล้ว มันก็รุกหน้าจีบอ้อมมากขึ้นๆๆๆ จนอ้อมทนไม่ไหว ต้องบอกมันไปประมาณว่า "เป็นอะไรหรือป่าว มีอะไร ชอบเราหรอ แต่เราขอนะช่วยทำตัวเหมือนเมื่อก่อนได้ไหม เป็นเพื่อนกันเถอะ" ตอนแรกก็ไม่รู้เรื่องหรอก แต่หน้ามันหงอยมากก ผมเลยเดาว่า มันน่าจะถูกอ้อมปฏิเสธมา (เดาเก่งกว่าเดาหวยอีก)
ผมเลยโทรไปคุยกับมัน ปลอบมัน แนะนำมันว่าต้องทำตัวยังไงประมาณ 2 อาทิตย์ มันก็ดีขึ้น ทำตัวปกติมากขึ้น ผมโคตรนับถือมันเลย มันเก่งมากไอ้เรื่องเก็บความรู้สึกเนี่ย ทั้งๆที่อ้อมก็แสดงท่าทีปฏิเสธ สร้างกำแพงและรังเกียจมันพอสมควร มันเลยบอกกับผมว่า "ที่กูเคยทำท่าเกลียด ให้ไปไกลๆ พอกูเจอกับตัวเองแล้ว กูรู้เกลียดตัวเองเลย" แต่ไอ้เพราะการที่มันพูดตรงๆ คุยกับเราตรงๆ เป็นเพื่อนกัน มันทำให้ความรู้สึกเก่าๆของผมกลับมา กลับมามาก จนผมไม่อยากคุยกับมันไปพักนึง
ผมก็รู้ตัวนะว่า ตัวเองแปลกไป มีอยู่วันนึงมันก็ถามผมนะว่า "เป็นเพื่อนกันนะ ใช่ไหม เราเข้าใจตรงกันใช่ป่าว ว่าเราเป็นเพื่อนกัน" หลังจากนั้นผมไม่คุยกับมันอีกเลย ไปกินข้าวด้วยกันก็ไม่พูด ตอบไปแค่อือๆเออๆ มันก็ทนไม่ไหวมาถามว่า "เป็นอะไร ไร้สาระว่ะ ทำไมไม่คุยกัน" ผมเลยด่ามันไปว่า "กูไม่พร้อมจะคุย ไม่ต้องมายุ่งกับกู" มันก็เซ้าซี้ผมนะ ผมก็เลยบอกมันไปว่า "อย่าถามได้ไหมว่าชอบหรือป่าว เป็นเพื่อนกันใช่ไหม นี่ไม่เคยเชื่อใจกันเลยหรอ เราก็พยายามอยู่ อย่ามาถามเพื่อให้ความรู้สึกเก่าๆกลับมาได้ไหม ก็ไม่อยากรู้สึกกับเหมือนเดิม กูไม่ได้อยากชอบ ไม่ได้อยากเกลียด ไม่ต้องถามอีกนะ กูรู้สึกแย่มาก" มันก็ขอโทษผมแล้วเรื่องนี้ก็จบๆกันไป
ประมาณเมื่อปลายปีที่แล้ว ผมไปเที่ยวกับแฟนบ่อยมาก กลับบ้านดึกทุกวัน ผมเหนื่อยมาก มีครั้งนึงผมพาเค้าไปชอปปิ้งที่สำเพ็งตอนเที่ยงคืน กลับถึงบ้านตี 3 รุ่งขึ้นของวันนั้นผมขับรถหลับในไปชนกับรถแถวบ้าน ผมเลยกลับมานั่งคิดว่า "ไม่ใช่ไม่รักนะ แต่ถ้าให้ผมทุ่มเทมากกว่านี้ ผมไม่ไหวละ ถ้าเค้าขอมากกว่าการไปชอปปิ้งละ ถ้ามันมากกว่านั้นละ แล้วถ้าผมให้ไม่ได้ ผมต้องเสียเค้าไปเลยใช่ไหม" ผมเลยตัดสินใจขอเค้าเป็นแค่เพื่อนกันเหมือนเดิมดีกว่า ผมไม่อยากเสียเค้าไปนะ ประกอบกับที่ผมสนิทกับแอมมากขึ้นๆๆ ความรู้สึกเก่าๆก็กลับมาจริงๆแต่ผมก็รู้สึกว่า จริงๆมันไม่ได้กลับมาหรอก มันมีอยู่มานานแล้วแหละ แต่ตัวเราเองนี่แหละ ที่แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ซึ่งผมก็บอกกับแฟนไปตรงๆนะ ตอนแรกเค้ารับไม่ได้ ไม่คุยกับตั้ง 2 อาทิตย์เต็มๆ แต่พอเค้าทำใจได้แล้ว เค้าก็ทักมา โทรมาหา คุยกันเหมือนเดิม #ผมโคตรโชคดีเลยที่เค้าเข้าใจและรับเราได้ขนาดนี้
====จุดที่พีคของเรื่อง====
ผมมีไอเดียที่อยากจะย้ายงานด้วยและด้วยความที่ผมเคลียร์ตัวผมเองชัดเจนละ ผมก็ไม่อยากหลอกตัวเอง ไม่อยากหักหลังเพื่อน ผมเลยตัดสินใจว่า "จะบอกแอมว่าผมรู้สึกยังไง" ผมอยากแสดงความจริงใจนะ ว่าผมคิดยังไงกับมัน ความรู้สึกมันเปลี่ยนไป อยากบอกให้รู้ ดีกว่ามารู้ที่หลังแล้วโกรธกันเหมือนเมื่อก่อนอีก อีกอย่างผมสัมผัสได้เลยว่า มันไว้ใจผมนะและมันก็อยากเป็นเพื่อนผม
ผมเลยตัดสินใจบอกมันไปประมาณว่า "กูไม่อยากหลอกนะ หรือโกหกตัวกูเองและ กูชอบว่ะ กูว่า กูชอบมานานแล้ว ตั้งแต่เดือนมิถุนาปีที่แล้ว ตั้งแต่เราไปเที่ยวหัวหินด้วยกัน" มันก็ตอบกลับมานะ "ยืนยันคำเดิมนะว่า ได้แค่เพื่อน"
หลักจากที่ผมยืนยันความรู้สึกตัวเองไปแล้ว ผมก็เฟลหน่อยๆแหละ แต่ไม่ได้อะไรมาก คิดว่าเดี๋ยวย้ายที่ทำงานมันก็คงดีขึ้นแหละ แต่ปัญหาก็คือ
1.ตอนนี้เรากลับมาตึงๆกันเหมือนเมื่อก่อน
2.ผมดันย้ายงานไม่ได้ เพราะ เค้าไม่เรียกเซ็นสัญญาใหม่สักที
ตอนนี้สถานการณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
มีอยู่วันนึงอ้อมชวนไปไหว้พระ ผมก็ตบปากรับคำแล้วก็กระซิบถามอ้อมว่า "ชวนแอมไปด้วยได้ไหม" ที่ต้องกระซิบเพราะว่า กลัวว่าถ้าแอมไป อ้อมจะอึดอัดแล้วก็ไม่อยากไป มันก็จะเสียมารยาทอีกถ้าไปชวนโดยที่ไม่บอก และผมก็ไม่อยากให้แอมรู้สึกว่า เราโกรธกันแล้วผมทำตัวแตกแยก อีกอย่างก็เป็นเพื่อนๆกันอยากจะชวนๆไปให้หมด ไม่อยากให้ไอ้แอมรู้สึกไม่ดีหรือโดนรังเกียจ (ซึ่งจริงๆอ้อมก็เหมือนจะรังเกียจจริงๆแหละ)
พอผมชวนมันไปด้วยกัน มันก็ทำหน้าบึ้งแล้วก็ตอบว่า "ไม่ไป" แล้วมันก็ทำท่างงๆ แล้วถามผมใหม่ว่า "ไปไหนนะ" แต่สุดท้ายมันก็ไม่ไปอยู่ดี
หลังจากนั้นผมก็ไลน์ไปต่อว่ามันว่า "ทีหลังช่วยทำหน้าดีๆหน่อยได้ไหม ทำแบบนี้ไม่อยากจะชวนเลยว่ะ" มันก็ตอกผมกลับมาว่า "กับอ่ะนะ สองครั้งแล้วที่พูดว่าเป็นเพื่อนกัน มันจะไม่มีครั้งที่สาม เห็นกูโง่มากใช่ไหมที่หลอกกู ถ้ารู้ตัวว่าความรู้สึกเปลี่ยนแล้ว ทำไมไม่บอกกูตั้งแต่แรกละ ตอนนี้กูไม่เชื่อใจ แต่เราก็คุยกันได้นะปกติ เรื่องงานก็ทำงานด้วยกันได้"
ผมก็พยายามเคลียร์กับไอ้แอมมันนะ ว่า "ไม่ได้ตั้งใจจะหลอกหรือปิดบัง กูแค่รอเวลาให้มั่นใจก่อนว่ารู้สึกยังไงแล้วกูก็มาบอกนี่แหละ"
คนนึงคิดว่า "ทำไมไม่บอกแต่แรก หลอกกันทำไม"
อีกคนคิดว่า "ถ้ามั่นใจก่อนแล้วค่อยบอก"
มันคงยากที่จะกลับมาเหมือนเดิม
สุดท้ายตอนนี้เราก็แค่คุยกันบ้าง สัปดาห์ละประโยคได้
ตอนนี้ผมเลยมีปัญหาและอยากขอคำปรึกษาดังนี้ครับ
1. ผมควรให้ของขวัญวันเกิดมันไหม ใกล้จะมาถึงแล้วอีกไม่กี่วัน ผมซื้อเตรียมไว้นานตั้งแต่เดือน พ.ย.
2. ผมควรลาออกไหม มันก็รู้และเชียร์ให้ผมออกนะ ตั้งแต่ยังไม่เกิดเรื่องด้วยซ้ำ มันบอกว่า ที่ทำงานนี้ไม่ดีหรอก ถ้าย้ายได้ก็ไปเถอะ มีแต่ศัตรูเต็มไปหมด (แต่ผมก็ไม่ได้คิดแบบมันนะ)
3. ผมควรกลับไปเป็นเพื่อนกันไหม ตอนนี้ผมทำใจเป็นเพื่อนกับมันได้ละ
4. ถ้าจะคืนดีกันจะทำยังไงดีฃ
ปล.ไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่า เราจะมีเหตุผลที่อยากออกจากงานเพราะ เรื่องแบบนี้