ครั้งแรกกับการพาน้องแมวไปหาคุณหมอ รพส.เกษตรศาสตร์

กระทู้สนทนา
เกริ่น....
      น้องแมวอายุใกล้จะ 3 เดือน(เป็นลูกของแมวที่บ้าน คลอดเอง เด็กๆไม่เคยออกไปไหน เลี้ยงระบบปิด) เมื่อห้าวันที่แล้วมีอาการขาเจ็บโดยไม่ทราบสาเหตุ กลับจากที่ทำงานมาเจอHe เดินกะเพลกๆ กลัวขาจะหักเลยพาไปโรงพยาบาลสัตว์ใกล้บ้าน(บ้านอยู่แถวบางกะปิ) คุณหมอตรวจดูแล้วขาไม่หัก คงเพราะซนวิ่งเล่นหรือกระโดดจากที่สูงทำให้ขาแพลง เลยถ่ายพยาธิพร้อมให้ยาลดบวมลดไข้แก้อักเสบ(อยู่ในเม็ดเดียวกัน) ลักษณะเป็นแผงเม็ดสีขาว กินวันละ 1 เม็ดหลังอาหารเย็น ให้มากิน 4 เม็ด ไอ้ตอนกินยาก็ดูสดใสร่าเริ่งเล่นเป็นปกติ พอตอนเย็นของอีกวัน ทาสกลับมาจากทำงานเจอนอนซม ไม่เล่น ทาสก็จับป้อนยา.....เป็นอย่างนี้จนยาหมด พอดีตรงกับวันหยุดทาสพอดีเลยได้สังเกตุพฤติกรรมหลังยาหมดฤทธิ์....พอตกบ่ายเริ่มไม่ลุกเดินอีกแล้ว เรียกก็ได้แต่พงกหัวขึ้นมามอง เอาของเล่นไปหลอกล่อให้ลุก ก็ได้แต่เอาเท้าเขี่ยๆ(ยังไงก็ไม่ลุก) กินอาหารน้อยมาก ทั้งแบบเม็ด และคลุกอาหารเปียก(ของโปรด) ตัวดูไม่มีเรียวแรงจะเดิน

ว้ายยยยยยย!!!!! แย่แล้วแมวเปอร์เซียตัวน้อยของฉัน ผอมโซกลายเป็นแมวจรเก็บมาเลี้ยงเลยลูก

เริ่มเรื่องราว...
      จากประสบการณ์หาข้อมูลในเนตมาเยอะแยะมากมาย แต่ละครั้งจะเห็นการแนะนำ รพส. ที่พาบรรดาสัตว์เลี้ยงทั้งหลายไปหาหมอเมื่อเจ็บไข้ได้ป่วย อันดับต้นๆเลยก็เห็นจะเป็น รพส.เกษตรศาสตร์ ด้วยคำแนะนำที่บอกว่าแพทย์เก่ง เครื่องมือครบครัน และที่สำคัญค่ารักษาแสนถูก(เทียบกับคลินิคเอกชนทั่วไป) เลยอยากลองซักครั้ง เพราะจริงๆมี รพส.แถวบ้านค่อนข้างเยอะทีเดียว และที่ไม่ไปที่เดิมเพราะน้องอาการไม่ดีขึ้นจึงสมควรเปลี่ยนหมอรักษา...จะดีกว่า ตัดสินใจชวนแฟนขับรถไป(ตอนแรกจะเอารถยนต์ไป แต่ด้วยความรถติดของถนนเส้นลาดพร้าวบวกกับถนนที่กำลังสร้างทางรถไฟแถวเกษตรกว่าจะไปถึงคงประมาณ 2 ชั่วโมง) แฟนขี่มอเตอร์ไซด์ออกจากห้องตอนห้าโมงครึ่ง(กว่าจะออกก็ต้องหาข้อมูลเพิ่มเติม โทรไปกี่เบอร์ๆก็ไม่รับสาย จะถามหาความชัวร์ซะหน่อย)

พาน้องไปถึง รพส.เกือบๆ 6โมงเย็น โอ้แม่จ้าวววววว!!!!!  สัตว์ป่วยเยอะมากกกก  มากจริงๆ จากการใช้สายตากวาดมองแล้ว มีน้องหมาเยอะกว่าน้องแมว ทาสก็จัดแจงติดต่อสอบถามเบื้องต้นสำหรับสัตว์มารักษาครั้งแรก เจ้าหน้าที่ให้ไปเขียนใบสีฟ้าๆ ที่ชั้นวางแล้วนำมายื่น ทาสเดินไปหาแบบฟอร์มกรอกมีอยู่ข้อนึงถามหาน้ำหนักสัตว์เลี้ยง  

ไหนล่ะ....ชั่งน้ำหนักตรงไหน ไม่เป็นไรเพิ่งไปหาคุณหมอมา กะประมาณน้ำหนักเอาเองก็ได้(สี่วันที่แล้วน้องน้ำหนัก 0.94 กก. ไม่ค่อยกินข้าวน้ำหนักน่าจะลงนิดหน่อย เขียนไป 0.90 กก.แล้วกัน) พอเอาแบบฟอร์มไปส่งก็เจอจุดชั่งน้ำหนัก

อ้าววว...แล้วใครชั่งให้ล่ะ!!!! รึว่าตอนเย็นแล้วไม่มีพนักงาน ไม่เป็นไรน้ำหนักประมาณนี้แหละเนอะ

ซักพักเห็นคนนึงจูงหมาโกลด์เด้นมา แล้วก็ลากน้องขึ้นที่ชั่ง ถึงบางอ้อออออ........Salf Service!!!!

เราก็จัดแจงพาน้องแมวจะไปชั่งน้ำหนักบ้าง แต่เดี๋ยวก่อน!!!! เมื่อกี้น้องหมาเพิ่งขึ้นชั่ง ต้องหาพาเช็ดที่ชั่งก่อนนะคะ เพราะน้องแมวมีความSensitive สูงยิ่งเป็นเด็กและยังไม่ได้ทำวัคซีนใดๆ มองหาผ้า กระดาษ รึอะไรก็ได้เพื่อเช็ดพื้นวาง เห็นแต่สเปรย์ฉีด(แต่ไม่รู้สำหรับทำอะไร)
ทำไงดีหว่า?????
ตัดสินใจใช้วิธี บวก ลบ คูณ หาร ตามหลักคณิตศาสตร์เลย  เอากระเป๋าพร้อมแมวขึ้นชั่ง อุ้มน้องแมว เอากระเป๋าชั่ง ได้ตามนี้ 1.98-1.06=0.92 กก. แหมะๆๆช่างกะน้ำหนักน้องได้ใกล้เคียง จากนั้นรับบัตรคิวน้องได้คิวที่ MA390 แล้วปัจจุบันถึงคิวที่เท่าไหร่แล้วง่ะ

MA335!!!!!!!!!!! อีก 55 คิวววววว ทำไงล่ะคะ  ก็รอน่ะสิ

ระหว่างรอก็มีน้องหมา น้องแมว เดินทางมาที่นี่มากมาย มีตั้งแต่ป่วยหนักนอนเตียงเข็น(เค้าเรียกงี้ป่ะ) มาเดี่ยวนั่งสงบเสงี่ยม มาเป็นคู่งุ้งงิ้งน่ารัก และมาเป็นทีมส่งเสียงต้อนรับเด็กมาใหม่กันระงม

เวลาผ่านไปราว 2 ชั่วโมง ทาสและน้องแมวก็ยังนั่งที่เดิมไม่ขยับไปไหน อารมณ์ทั้งหิว ทั้งเบื่อ ทั้งเสียงน้องหมาทักทายกัน ทั้งกลัวน้องแมวหิวหรืออยากเข้าห้องน้ำ กลัวน้องแมวเครียด(เพราะHeนอนเฉยๆบ้าง แหกปากร้องเสียงดังบ้างอยากออกจากกระเป๋า) จนในที่สุด ก็ได้ยินเสียงเรียกคิว

"MA390 เชิญที่จุดตรวจค่ะ" เหมือนเสียงสวรรค์มาโปรดจริงๆ

พาน้องแมวเข้าห้องตรวจ คุณหมอที่ตรวจดูเป็นแพทย์เด็ก ถามอาการนู้นนี่นั่น วัดไข้ ลองให้น้องเดิน( ณ จุดนี้ เจอคุณหมอที่ไรเป็นต้องเดินปกติทุกครั้งไป  หึหึ!!! โรคกลัวหมอสินะเจ้านายน้อย) สรุปการตรวจคุณหมอไม่อาจระบุได้ชัดเจน ให้ตรวจเลือด ให้น้ำเกลือ ยาฆ่าเชื้อ ยากลับบ้านมียากระตุ้นภูมิ และยาฆ่าเชื้อรสกล้วย) จากนั้นให้ไปรอเจาะเลือดซึ่งเจาะวันนี้ฟังผลไม่ทัน ต้องเข้ามาฟังอีกครั้งนึงโดยไม่ต้องพาน้องแมวมาก็ได้แต่ต้องแจ้งกับพนักงานว่า "ฟังผลไม่ได้นำสัตว์เลี้ยงมา" ซึ่งจะได้ไม่ต้องรอคิวนาน(ดีค่ะ)

ช่วงรอเจาะเลือด

ก็เข้าสู่โหมดเดิมที่นั่งรอเมื่อ 2 ชม.ที่แล้ว รอบนี้รอประมาณ ชั่วโมงกว่าๆ รอจนทุกคนไปเกือบหมดแล้ว และเงียบไม่เรียกคิวต่อไป เป็นระยะเวลานานพอสมควร เริ่มกังวลว่า "เอ๊ะ..เค้าจะเรียกไปรึยัง เอ๊ะ...เค้าลืมเราหรือเปล่า" เมื่อเกิดความกังวลดังนั้นจึงเดินไปถามตรงจุดวางแฟ้มก่อนไปช่องจ่ายเงิน
"ขอโทษนะคะ....คือว่ารอเจาะเลือดแต่ไม่เห็นเรียกคิวแล้ว ไม่ทราบว่าคิวหมดหรือยังคะ"
ตอบสวนทันควันพร้อมทำท่าตกใจ
"คิวหมดแล้วค่ะ...ทำไมยังไม่ได้เรียกคิวเหรอคะ ลองไปถามในห้องดูอ่ะค่ะ ว่าคิวหมดแล้วรึยัง"
"เอ่อ...ค่ะๆ" พร้อมเดินไปที่ห้องเจาะเลือด เปิดประตู ว่างงงงงเปล่า......ยืนรอซักพัก เห็นคุณหมอเดินอยู่ด้านใน
"ขอโทษนะคะ....ขอโทษนะคะ" ไม่มีสัญญาณตอบรับจากคนที่คุณเรียก "ขอโทษค่ะ.....ขอโทษค่ะ!!!(ดังขึ้นอีก) คนที่เรียกก็ยังไม่หันมา...แป่ววววว
ปิดประตูเดินไปที่พนักงาน ณ จุดเดิม
"เออ...ไม่มีคนอยู่ในห้องค่ะ มีคนอยู่ด้านหลังแต่เรียกแล้วไม่ตอบ  แต่คิวหมดไปแล้วเหรอคะ"
เริ่มชักสีหน้าใส่ "ลองไปถามก่อนค่ะ คิวตรวจอ่ะหมดแล้ว แต่ว่าเจาะเลือดคุณต้องถามในห้อง มีคนอยู่ข้างในค่ะ ลองดูห้องทำแผลก็มีค่ะ"
(เอ่อออ...ณ จุดนี้ เริ่มมีอารมณ์เล็กน้อยค่ะ คือให้ไปเปิดถามทุกห้องในแผนกเลยมั้ยคะ) เลยเดินไปนั่งที่เดิม รอคนเข้าไปในห้องก่อน ซักพักมีคนเดินออกมาเรียกคิวต่อ เฮ้อออ...ค่อยโล่งคิวยังไม่จบ
(ต้องบอกก่อนที่คิดว่ากลัวเค้าเลยคิวไปแล้วเพราะว่า ต้องนั่งรอหน้าห้องตรวจอีกฝั่งนึง เพราะฝั่งเจาะเลือดคนนั่งรอแน่น มีเสียงน้องหมาทักทายกันเสียงดังจนบางทีเสียงจากลำโพงก็สู้ไม่ไหว และเสียงเรียกเจาะเลือดเป็นเสียงจากคนที่เรียกหน้าห้องเจาะฯ โดยไม่มีอุปกรณ์ใดๆช่วย) นั่งรออีกซักพัก เค้าก็เรียกคิวเรากับชื่อน้องแมวเรา พอเข้าไปเป็นโต๊ะตรวจสัตว์ 2 โต๊ะ เราวางกระเป๋าน้องแมวโต๊ะแรก เปิดน้องแมวจะวางลงที่โต๊ะ...แต่!!!!!

พบคราบเลือด 1-2 หยดบนโต๊ะตรวจ และก็คราบต่างๆ มากมาย (คือไม่มีการเช็ดโต๊ะกันก่อนเลยหรือคะ)

แต่เราก็ต้องวางน้องแมวลงบนโต๊ะนั้นอ่ะค่ะ แต่เขยิบไปอีกมุมนึง สะอาดขึ้นนิดหน่อย จากนั้นก็มีคุณหมอ 2 ท่าน ท่านนึงเป็นมือเจาะ อีกท่านเป็นมือจับ และเราแจ้งว่าแมวเราค่อนข้างซน ดื้น และน่าจะดิ้นด้วยค่ะ(ยังไม่เคยโดยจับฉีดยา เลยไม่รู้ว่าดิ้นLevelไหน) คุณหมอมือจับก็ใช้มือจับขาคู่หน้าและคู่หลัง และอีกข้างดึงหนังที่คอ น้องดิ้น...ดิ้นๆๆ พร้อมกรีดร้องโวยวาย จนคุณหมอมือจับ จับไม่อยู่

คุณหมอมือเจาะ "เจ้าของคะ เจ้าของช่วยจับขาหน้าหน่อยนะคะ" "อ่ะๆ...ดะๆ ได้ค่ะ" เข้าไปช่วยจับแบบงง(คือไปหาหมอที่ไหนไม่เคยเป็นคนต้องจับเอง...ก็งงสิคะ แล้วฉันจะทำได้เหรอวะ เอ๊า!! ลองดู) มือซ้ายเราจับขาหน้า มือขาวเราดึงหนังที่คอ คุณหมอมือเจาะแทงเข็มลงเส้นเลือดบริเวณที่คอ น้องก็ดิ้น...ดิ้นๆๆ พร้อมกรีดร้องโวยวาย ไม่พอพงกหัวมางับโดนมือทาสสิคะ จนคุณหมอต้องดึงเข็มออก

คุณหมอมือเจาะ "เจ้าของดึงที่คอแบบนี้สิคะ!!" พูดด้วยท่าทีโมโห และสอนบทเรียนการจับสัตว์เลี้ยงยังไงให้อยู่มือ(ใช่หน้าที่ฉันหรือเปล่า!!!)  เราก็จับตามที่หมอสอน ดึงน้องแบบ...เห็นแล้วสงสารอ่ะ แต่ก็ต้องทำเพื่อเลือดที่คุณหมอต้องเอาไปตรวจ T T คุณหมอมือเจาะก็เปลี่ยนเป็นเจาะที่ขาหลังแทน แล้วก็ได้เลือดไปสมใจ แล้วคุณหมอก็เดินจากไป

ซักพัก ขณะที่กำลังรอขั้นตอนต่อไป(ในห้องเจาะเลือด) คือให้น้ำเกลือ กับฉีดยาฆ่าเชื้อ ก็มีเจ้าของลุงหมา พร้อมลุงหมา(น่าจะเรียกน้องไม่ได้เพราะอายุน่าจะเยอะกว่าเรา) ถูกเข็นเตียงเข้ามาในห้อง ลุงหมานอนอยู่บนเตียง คุณหมอสองคนรุมกัน อีกคนให้ยา อีกคนสวนฉี่ เรากับแฟนที่อุ้มน้องแมวยืนมองกันตาปริบ....ดูคุณหมอกระทำกับลุงหมาแบบเคร่งเครียด นานซักพักใหญ่ๆ คุณหมอมือเจาะแว๊บหันมาเห็น ถามว่า "นี่รอทำอะไรกันคะ" (เอ่อออ.....นั่นสิ รอไรกันวะเรา) หมอมือจับเดินมาพอดีตอบให้ "รอให้น้ำเกลือ และยาค่ะหมอ เดี๋ยวเจ้าของรอคนมาช่วยจับก่อนนะคะ" (เอ๊า!!! มีมือจับทำไมไม่เรียกมาตั้งแต่แรก)

จากนั้นคุณหมอที่ตอนแรกเป็นมือจับ ตอนนี้ผันตัวมาเป็นมือเจาะแทน พร้อมผู้ช่วยจับท่าทางดูมีประสบการณ์ จับน้องแมวล็อคขาล็อคคอ พร้อมดำเนินการฉีดยาก่อน น้องแมวก็โหมดเดิมค่ะ ดิ้นๆๆ แหกปากร้อง จนผู้ช่วยต้องร้องขอปล่อยน้องแมวชั่วคราวเพราะมือจะล็อคเองแล้ว ทุกขั้นตอนที่เหลือผ่านไปได้ด้วยดี จนเก็บน้องเข้ากระเป๋า เรากับแฟนออกไปด้านนอกพร้อมเอ่ยปากขอบคุณ

จากนั่นยื่นแฟ้มที่เดิมแล้วไปรอที่จุดชำระเงิน (มองไปรอบๆ เหลือผู้ร่วมรออีกแค่ไม่ถึง 5 ราย) ชำระเงินรวมทั้งหมด 760 บาท ถือเป็นราคาที่ถูกมากนะ แต่ก็ไม่คุ้มกับการรอคอยและบริการซักเท่าไหร่

สรุปค่ารักษากับค่ายาตามนี้
ค่าบัตร(ครั้งแรกมั้ง)      10   บาท
ค่าตวจ                     160   บาท
ค่ายา                       470   บาท
ค่าตรวจห้องปฏิบัติการ 120   บาท
รวม                         760   บาท

สรุปรวมๆ กับการมารักษาที่ รพส.เกษตรศาสตร์ (ความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ)
1. รอนานมาก เหมือนรอหาหมอแบบใช้ประกันสังคม ซึ่งจริงๆจากข้อมูลที่หามา ก็บอกอยู่แล้วว่านานมาก ต้องทำใจ ต้องพาน้องไปหาในวันว่างไม่มีธุระไปไหนต่อ
2. ฟังจากการวินิจฉัยของหมอ  การตอบคำถาม การซักถาม ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่ได้ดูชำนาญการไปกว่าหมอ รพส.ที่เคยไปหา คิดว่าLevel พอๆกัน การซักถามอื่นใดที่เกี่ยวกับน้องแมวยังไม่ตอบโจกข์เราเท่าไหร่ (ซึ่งจริงๆแล้ว ณ วันธรรมดาเวลาราชการอาจจะมีคุณหมอเทพๆ ตามที่ว่ากัน)
3. ผู้ช่วยไม่เพียงพอ หรืออาจกลับบ้านกันหมดแล้วก็ได้(ก็สามทุ่มแล้วนี่เนอะ) แต่ที่เจ้าของต้องไปช่วยจับแล้วโดยคุณหมอดุ คืออัลไล!!!! งง
4. ค่ารักษาพยาบาลถูกจริง ถูกมากกกกก ทั้งเจาะเลือด ทั้งให้น้ำเกลือ ทั้งยากลับบ้าน บราๆๆๆ ไม่ถึงพัน เหมาะกับเคสหนักๆ ใหญ่ๆ แบบผ่าตัด แบบกระดูกหัก แขนขาขาด เพราะจะได้ราคาที่สมเหตุสมผล

จะถ้าน้องแมวไปหาอีกหรือไม่ กรณีเคสอื่นๆ
ตอบ ถ้าป่วยปกติธรรมดา ฉีดวัคซีน คิดว่าไม่!!! เพราะรอนานไป ถ้าเทียบกับราคาที่ถูกแต่รอนาน แถมไกลบ้าน แถวบ้านราคาแพงกว่าไม่มากคุณหมอตอบโจกข์ได้มากกว่า อีกอย่างคือถ้าแมวเด็กหรือแมวป่วยภูมิคุ้มกันจะตกร่างกายอ่อนแอ จะติดเชื้ออื่นใดได้ง่าย จึงคิดว่าไม่ควรนำไปพบเจอสัตว์ป่วยมากมายและที่สำคัญไม่ต้องจับน้องแมวด้วยตัวเอง(สงสารน้อง กลัวน้องเจ็บทำให้อาจจับไม่แน่น) แต่ถ้าเคสหนักๆ คิดว่าคงไป ไปให้เจออาจารย์หมอ เพราะยังยึดข้อมูลที่ว่า "ไปแล้วหมอเก่ง รักษาหาย เครื่องมือพร้อม" ส่วนผลของการรักษาในครั้งนี้ต้องรอสังเกตุอาการก่อน หลังจากเมื่อคืนที่โดนฉีดยาไปแล้ว กลับมาวิ่งเล่นมากขึ้น(ยังขากะเพลกอยู่) กินน้อยอยู่ บิ้วอารมณ์เล่นยังพอได้อยู่

ส่วนผลเลือด....คงไม่ไปเองเพราะไกล คงให้หลานไปรับ(หลานเรียนและพักอยู่แถวม.เกษตรน่าจะสะดวกกว่า) และให้บอกว่า "ฟังผลไม่ได้นำสัตว์เลี้ยงมา"

จบการบอกเล่าค่ะ.....ขอบคุณที่อ่านค่ะ ยาวมากกกก
"เลขแปด"

ปล.พาไปหาหมอวันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน 2559
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  โรงพยาบาลสัตว์
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่