สวัสดีค่ะเพื่อนๆ พี่ๆ น้อง ทาสแมว
ประสบการณ์แรกตั้งแต่ได้ครอบครองแมวเป็นของตัวเอง ...... แมวป่วย
พี่หมูอ้วนของเรา... เป็นแมวอวบๆ น้ำหนักชั่งเมื่อปลายปีที่ผ่านมา (จำไม่ได้วันไหน) 4.00 kg
15 ก.พ. 56 พาไปรับวัคซีนประจำปี วัคซีนรวม+พิษสุนัขบ้า น้ำหนักชั่งได้ 3.80 kg. (เริ่มเอะใจ... เพราะจากที่สังเกตก็รู้ว่าน้ำหนักลง แต่ไม่คิดว่าจะลงเยอะ) คุณหมอนัดฉีดวัคซีนลิวคีเมีย 15 มี.ค. 56 แต่..... ระหว่างนี้เราก็สังเกตได้ว่า หมูอ้วนเอาแต่นอน และนอน และไอร้อนจากตัวนางเยอะมาก เยอะจนเรารู้สึกได้เลยว่า มันร้อนไปแล้วนะ.... กินอาหารได้ปกติ แต่จะมากหรือน้อยแค่ไหน ไม่สามารถบอกได้
ไม่ค่อยเล่นกับน้องๆ เวลาหนำเลี๊ยบมาเล่นด้วยก็พยายามหนีน้อง... บางครั้งเดินๆ อยู่ก็ล้มตัวลงนอน บิดขี้เกียจ แล้วก็ลุกเดินต่อ เราไม่อยากรอแล้ว เพราะรู้แล้วว่า "ผิดปกติ"
1 มี.ค. 56 เลิกงานรีบกลับบ้าน ไปดูนาง... อ่าว..นางเดินขากระเผก ขาหน้าซ้ายลงแรงไม่เต็มที่ จับดู เพื่อหาแผล ไม่เจอ แถมนางขู่อีก เลยพาไปหาหมอ... บอกเล่ากล่าวความกับหมอ หมอก็หาๆๆๆๆ ใหญ่เลย ว่ามีแผลหรือเปล่า หาไม่เจออีก... หมอบอก ขอ X-ray นะ.... ปรากฎว่า นางปกติ (แกล้งทำให้แม่เสียเงินค่า X-ray เพื่อ?) กลับบ้านมาวิ่งปร๋อเลย
บอกหมอต่อว่า..น้ำหนักลดลงเร็ว...หมอก็บอกว่า รอให้กินยาแก้อักเสบก่อน อีก 4 วันมาดูกันใหม่ แต่... เราไม่อยากรอแล้ว เราก็เลยบอกหมอว่า เจาะเลือดดีกว่าค่ะ จะได้รู้กันไปเลยว่า นางเป็นอะไร...
หมอเลยเจาะเลือด..รอบแรกได้เลือดน้อยมาก เลือดไม่ค่อยจะมา เจาะอีกครั้ง ได้สมใจหมอ.... หมอบอกให้รอ และรอ วันอาทิตย์จะโทรมาแจ้งผลให้ทราบ...
วันอาทิตย์ที่ 3 มี.ค. 56 ..... เราโทรไปหาหมอเองเลย หมอบอกว่า พี่หมูอ้วนมีค่าเกล็ดเลือดต่ำมาก มีแค่ 45/300 (หน่วยนับตามหมอนะคะ) หมอวินิจฉัยว่า เป็นพยาธิในเม็ดเลือด ที่มีพาหะมาจาก "หมัด" ... ณ จุดนั้นมองหน้าพี่หมู น้ำตาแม่มันร่วง (ยังไม่รู้ว่าโรคนี้ร้ายแรงแค่ไหน) หมอบอกว่าจะสั่งยาให้ แต่จะต้องกินยาบำรุงตับด้วย เพราะค่าตับพี่หมูสูงมาก 499 (จำหน่วยไม่ได้ หมอจะ print ออกมาให้ แต่บอกหมอว่าไม่เป็นไร) จำเป็นต้องทานยาบำรุงตับด้วย
ส่วนค่าอื่นๆ เป็นปกติ.. ค่าเม็ดเลือดแดง 40 (หน่วยเป็นไร จำไม่ได้ เพราะนั่งจ้องตัวเลขในจอคอมฯ อย่างเดียวเลยค่ะ)
ค่าเม็ดเลือดขาว 4,690 (หมอบอกว่าไม่ควรเกิน 10,000)
และค่าอื่นๆ อีกหลายอย่าง อยุ่ในเกณฑ์ปกติ
ยอมรับกงๆ ว่า... ใจแป้วมากก แอบสงสารพี่หมู เพราะขวบปีแรกของพี่หมู พี่หมูป่วยด้วยไข้หัดแมว หมอที่รักษาตอนนั้นบอกว่า โอกาสรออยู่ที่แมว... รักษาได้เพียงตามอาการเท่านั้น (ตอนนั้นแมวอยู่กับน้องสาวเรา เราเลยไม่ได้รู้สึกอะไรมาก) นางหายมาได้ เพราะกำลังใจของนางเอง มาคราวนี้ มาอยู่ในมือเราโดยตรง เราเลยรู้สึกเสียใจ วิตกกังวลเป็นอย่างมาก (ถูกทิ้งแต่เล็กแต่น้อยยังไม่พอ ยังไม่สบายอีก จะอะไรนักหนากับแมวตัวดำๆ ฟระ)
บ่ายนี้ เลยแว๊บไปรับยาให้พี่หมู ได้ยามา 3 อย่าง 1. ยาฆ่าเชื่้อ 2. ยาบำรุงตับ 3. ยาบำรุงเลือด
และคุณหมอนัดเจาะเลือดเพื่อดูผลเลือดอีกครั้ง 17 มี.ค. 56
บอกกงๆ ว่า ใจไม่ดี เพราะตั้งแต่เลี้ยงแมวเอง ไม่เคยเจอแมวป่วย เลยแอบกังวลใจเป็นอย่างมาก
และได้นำความดังกล่าวไปปรึกษาพี่จิ๋ม พี่จิ๋มก็น่ารักมาก ให้คำแนะนำเยอะแยะเลย จนใจชื้นขึ้นมาอีกเปราะ
ตอนบ่ายไปรับยาก็ถือวิสาสะคุยกับหมอโดยไม่ได้ต่อคิว (ก็เห็นหมอว่างอยู่) หมอก็ให้คำปรึกษาที่ดี ใจชื้นมาอีกเปราะ
หาข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้.... แล้วก็ใจชื้นขึ้นมาอีกเปราะ
เมื่อคืนก่อนนอน ไปอุ้มพี่หมูไปนอนด้วย ลูบหัวนาง... แล้วบอกนางว่า "สู้ไหมพี่หมู... แม่สู้นะ หนูรอดมาได้ครั้งนึงแล้ว โรคนี้จิ๊บๆ เรามาสู่กับโรคภัยไข้เจ็บไปด้วยกันเน๊าะ" ... พี่หมูทำหน้ามึนใส่ แล้วนอนต่อ!!!
อยากบอกทาสๆ ทั้งหลายว่า ให้สังเกตเจ้านายของท่านไว้นะคะ เพราะโรคนี้ไม่จำเป็นต้องมีหมัดมากัดเท่านั้น มันสามารถถ่ายทอดมาจากแม่สู่ลูก ระหว่างการตั้งครรภ์ได้ค่ะ ... สังเกตและพบสิ่งผิดปกติเร็ว ก็จะได้รักษาได้เร็วขึ้นนะคะ...เด็กๆ ในสังกัดของเรา รับวัคซีนที่จำเป็นทุกหน่อนาง และตอนนี้รับวัคซีนรายปีแล้ว ถ่ายพยาธิเป็นประจำ อาจจะไม่ทุกเดือน แต่ก็ไม่เคยทิ้งนานเกินกว่า 2 เดือน หยอดยาหมัดทุกเดือน นี่กะว่า..ถ้าพี่หมูดีขึ้นแล้วจะพาที่เหลือไปเจาะเลือดตรวจให้หมดเลย รู้ไว้ก่อนดีกว่าให้อาการโผล่ออกมาค่ะ
ปัญหาคือ.. ถ้ากินยาแล้วไม่ดีขึ้น คงต้องตรวจเลือดกันยกใหญ่ทั้งลูคิวเมีย เอดส์แมว เพราะออกตัวไว้ก่อนกว่า ตอนแมวมาอยู่กับเรา มันมีคู่มือมาแล้ว และถูกฉีดวัคซีนลูคิวเมียมาพร้อมแล้วค่ะ
เมื่อลูกสาวเป็นพยาธิในเลือด
ประสบการณ์แรกตั้งแต่ได้ครอบครองแมวเป็นของตัวเอง ...... แมวป่วย
พี่หมูอ้วนของเรา... เป็นแมวอวบๆ น้ำหนักชั่งเมื่อปลายปีที่ผ่านมา (จำไม่ได้วันไหน) 4.00 kg
15 ก.พ. 56 พาไปรับวัคซีนประจำปี วัคซีนรวม+พิษสุนัขบ้า น้ำหนักชั่งได้ 3.80 kg. (เริ่มเอะใจ... เพราะจากที่สังเกตก็รู้ว่าน้ำหนักลง แต่ไม่คิดว่าจะลงเยอะ) คุณหมอนัดฉีดวัคซีนลิวคีเมีย 15 มี.ค. 56 แต่..... ระหว่างนี้เราก็สังเกตได้ว่า หมูอ้วนเอาแต่นอน และนอน และไอร้อนจากตัวนางเยอะมาก เยอะจนเรารู้สึกได้เลยว่า มันร้อนไปแล้วนะ.... กินอาหารได้ปกติ แต่จะมากหรือน้อยแค่ไหน ไม่สามารถบอกได้
ไม่ค่อยเล่นกับน้องๆ เวลาหนำเลี๊ยบมาเล่นด้วยก็พยายามหนีน้อง... บางครั้งเดินๆ อยู่ก็ล้มตัวลงนอน บิดขี้เกียจ แล้วก็ลุกเดินต่อ เราไม่อยากรอแล้ว เพราะรู้แล้วว่า "ผิดปกติ"
1 มี.ค. 56 เลิกงานรีบกลับบ้าน ไปดูนาง... อ่าว..นางเดินขากระเผก ขาหน้าซ้ายลงแรงไม่เต็มที่ จับดู เพื่อหาแผล ไม่เจอ แถมนางขู่อีก เลยพาไปหาหมอ... บอกเล่ากล่าวความกับหมอ หมอก็หาๆๆๆๆ ใหญ่เลย ว่ามีแผลหรือเปล่า หาไม่เจออีก... หมอบอก ขอ X-ray นะ.... ปรากฎว่า นางปกติ (แกล้งทำให้แม่เสียเงินค่า X-ray เพื่อ?) กลับบ้านมาวิ่งปร๋อเลย
บอกหมอต่อว่า..น้ำหนักลดลงเร็ว...หมอก็บอกว่า รอให้กินยาแก้อักเสบก่อน อีก 4 วันมาดูกันใหม่ แต่... เราไม่อยากรอแล้ว เราก็เลยบอกหมอว่า เจาะเลือดดีกว่าค่ะ จะได้รู้กันไปเลยว่า นางเป็นอะไร...
หมอเลยเจาะเลือด..รอบแรกได้เลือดน้อยมาก เลือดไม่ค่อยจะมา เจาะอีกครั้ง ได้สมใจหมอ.... หมอบอกให้รอ และรอ วันอาทิตย์จะโทรมาแจ้งผลให้ทราบ...
วันอาทิตย์ที่ 3 มี.ค. 56 ..... เราโทรไปหาหมอเองเลย หมอบอกว่า พี่หมูอ้วนมีค่าเกล็ดเลือดต่ำมาก มีแค่ 45/300 (หน่วยนับตามหมอนะคะ) หมอวินิจฉัยว่า เป็นพยาธิในเม็ดเลือด ที่มีพาหะมาจาก "หมัด" ... ณ จุดนั้นมองหน้าพี่หมู น้ำตาแม่มันร่วง (ยังไม่รู้ว่าโรคนี้ร้ายแรงแค่ไหน) หมอบอกว่าจะสั่งยาให้ แต่จะต้องกินยาบำรุงตับด้วย เพราะค่าตับพี่หมูสูงมาก 499 (จำหน่วยไม่ได้ หมอจะ print ออกมาให้ แต่บอกหมอว่าไม่เป็นไร) จำเป็นต้องทานยาบำรุงตับด้วย
ส่วนค่าอื่นๆ เป็นปกติ.. ค่าเม็ดเลือดแดง 40 (หน่วยเป็นไร จำไม่ได้ เพราะนั่งจ้องตัวเลขในจอคอมฯ อย่างเดียวเลยค่ะ)
ค่าเม็ดเลือดขาว 4,690 (หมอบอกว่าไม่ควรเกิน 10,000)
และค่าอื่นๆ อีกหลายอย่าง อยุ่ในเกณฑ์ปกติ
ยอมรับกงๆ ว่า... ใจแป้วมากก แอบสงสารพี่หมู เพราะขวบปีแรกของพี่หมู พี่หมูป่วยด้วยไข้หัดแมว หมอที่รักษาตอนนั้นบอกว่า โอกาสรออยู่ที่แมว... รักษาได้เพียงตามอาการเท่านั้น (ตอนนั้นแมวอยู่กับน้องสาวเรา เราเลยไม่ได้รู้สึกอะไรมาก) นางหายมาได้ เพราะกำลังใจของนางเอง มาคราวนี้ มาอยู่ในมือเราโดยตรง เราเลยรู้สึกเสียใจ วิตกกังวลเป็นอย่างมาก (ถูกทิ้งแต่เล็กแต่น้อยยังไม่พอ ยังไม่สบายอีก จะอะไรนักหนากับแมวตัวดำๆ ฟระ)
บ่ายนี้ เลยแว๊บไปรับยาให้พี่หมู ได้ยามา 3 อย่าง 1. ยาฆ่าเชื่้อ 2. ยาบำรุงตับ 3. ยาบำรุงเลือด
และคุณหมอนัดเจาะเลือดเพื่อดูผลเลือดอีกครั้ง 17 มี.ค. 56
บอกกงๆ ว่า ใจไม่ดี เพราะตั้งแต่เลี้ยงแมวเอง ไม่เคยเจอแมวป่วย เลยแอบกังวลใจเป็นอย่างมาก
และได้นำความดังกล่าวไปปรึกษาพี่จิ๋ม พี่จิ๋มก็น่ารักมาก ให้คำแนะนำเยอะแยะเลย จนใจชื้นขึ้นมาอีกเปราะ
ตอนบ่ายไปรับยาก็ถือวิสาสะคุยกับหมอโดยไม่ได้ต่อคิว (ก็เห็นหมอว่างอยู่) หมอก็ให้คำปรึกษาที่ดี ใจชื้นมาอีกเปราะ
หาข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้.... แล้วก็ใจชื้นขึ้นมาอีกเปราะ
เมื่อคืนก่อนนอน ไปอุ้มพี่หมูไปนอนด้วย ลูบหัวนาง... แล้วบอกนางว่า "สู้ไหมพี่หมู... แม่สู้นะ หนูรอดมาได้ครั้งนึงแล้ว โรคนี้จิ๊บๆ เรามาสู่กับโรคภัยไข้เจ็บไปด้วยกันเน๊าะ" ... พี่หมูทำหน้ามึนใส่ แล้วนอนต่อ!!!
อยากบอกทาสๆ ทั้งหลายว่า ให้สังเกตเจ้านายของท่านไว้นะคะ เพราะโรคนี้ไม่จำเป็นต้องมีหมัดมากัดเท่านั้น มันสามารถถ่ายทอดมาจากแม่สู่ลูก ระหว่างการตั้งครรภ์ได้ค่ะ ... สังเกตและพบสิ่งผิดปกติเร็ว ก็จะได้รักษาได้เร็วขึ้นนะคะ...เด็กๆ ในสังกัดของเรา รับวัคซีนที่จำเป็นทุกหน่อนาง และตอนนี้รับวัคซีนรายปีแล้ว ถ่ายพยาธิเป็นประจำ อาจจะไม่ทุกเดือน แต่ก็ไม่เคยทิ้งนานเกินกว่า 2 เดือน หยอดยาหมัดทุกเดือน นี่กะว่า..ถ้าพี่หมูดีขึ้นแล้วจะพาที่เหลือไปเจาะเลือดตรวจให้หมดเลย รู้ไว้ก่อนดีกว่าให้อาการโผล่ออกมาค่ะ
ปัญหาคือ.. ถ้ากินยาแล้วไม่ดีขึ้น คงต้องตรวจเลือดกันยกใหญ่ทั้งลูคิวเมีย เอดส์แมว เพราะออกตัวไว้ก่อนกว่า ตอนแมวมาอยู่กับเรา มันมีคู่มือมาแล้ว และถูกฉีดวัคซีนลูคิวเมียมาพร้อมแล้วค่ะ