เหงาๆ เนือยๆ เลยมานั่งดูรูปในมือถือ
พอดีเห็นรูปตอนได้ไปทำงานที่โอมาน และได้เที่ยว 1 วัน
เลยอยากมาแชร์กันว่าโอมานมีอะไรบ้าง
ต้องบอกก่อนว่าผมไม่ใช่นักรีวิวมืออาชีพ
อาจจะไม่มีการเรียบเรียงสละสลวย อะไรที่คิดออกก็จะพิมพ์ทันที
กอปรกับภาพที่ถ่ายมาก็ถ่ายจากมือถือธรรมดานี่แหละ
ไม่อยากให้คาดหวังว่าอะไรสูงเกินไปจากกระทู้เลย....
ก่อนอื่นหลายคนคงรู้จักโอมานดีอยู่แล้ว
แต่สำหรับคนที่ยังไม่รู้จัก โอมานเป็นประเทศในคาบสมุทรอาระเบียอยู่ทางขวาๆ ของคาบสมุทร
คนโอมานนับถือศาสนาอิสลาม และมีการแต่งกายที่เฉพาะเจาะจง
คือผู้ชายใส่เสื้อสีขาวที่คลุมยาวลงมาถึงข้อเท้า ผู้หญิงใส่เสื้อสีดำทั้งตัว
สำหรับหรับผู้หญิง (เขาเล่ามาว่า) ถ้าผู้หญิงใส่ชุดเปิดให้เห็นหน้าได้ คือคนที่มีสามีแล้ว
ส่วนคนที่ปิดหน้าเห็นแต่ตา คือคนที่ยังไม่มีสามี
**ข้อมูลถูกต้องเพิ่มเติมที่ความเห็น 4 ครับ**
สำหรับคนที่ไม่ได้แต่งตัวที่กล่าวมานั้นจะเป็นคน 2 ประเภท
1.นักท่องเที่ยว
2.คนที่มาพำนักที่โอมานเพื่อทำงาน ส่วนใหญ่เป็น ปากีฯ อินเดีย
สามารถ search ดูภาพเครื่องแต่งกายได้ด้วยคำว่า "omani"
ผมไม่ได้ถ่ายภาพมาเนื่องจากไม่กล้า....
เริ่มทริปของผมเลยดีกว่า
เริ่มจากสนามบิน เท่าที่เห็นไม่มีคนไทยเดินทางไปโอมานเลย
เที่ยวบินที่ไปต้องแวะพักที่ การาจี ประเทศปากีสถาน เพื่อรับคนเพิ่ม
แวะ 1 ชั่วโมงกว่าๆ และเราต้องอยู่บนเครื่องบินตลอดเวลา ระหว่างนั้นจะเข้าห้องน้ำไม่ได้
เนื่องจากทำความสะอาดเครื่องบินอยู่
ประเด็นสำคัญคือเขาห้ามถ่ายรูปบรรยากาศของสนามบินที่การาจี
(แอบกลัวนิดๆ เหมือนกัน ว่ามันจะมีอะไร)
ตัดภาพมา....
มาถึงสนามบินที่โอมาน
เมื่อเข้ามาข้างในอาคาร ก็ต้องมาทำวีซ่า ผมไม่แน่ใจว่าราคาเท่าไหร่ เพราะไม่ได้จ่ายเอง (เกาะคนอื่น)
แต่ที่รู้แน่ๆ ร้านที่รับทำในรูปบริการไม่ดีเลย ขนาดมีคนสี่ห้าคนไปรับบริการอย่างใจจดใจจ่อ
แต่นางผู้นั้น นั่งเล่น whatsapp เฉยเลย ผมแนะนำร้านข้างๆ กันร้านจะเป็นสีแดงๆ อันนั้นบริการรวดเร็วมาก
พอพูดถึงเรื่อง whatsapp ที่เขานั่งเล่นอยู่ มีเรื่องจะบอกว่า Line ไม่สามารถใช้งานที่ประเทศโอมานได้
หากใครติด Line งอมแงม แนะนำให้ติดตั้งโปรแกรม VPN เหมือนผม แล้วก็จะเล่นได้ตามปกติ
ร้านที่ว่าไปนั้น นอกจากจะรับทำวีซ่าแล้ว ยังสามารถแลกเงินได้อีกด้วย
เนื่องจากเงินสกุล โอมานเรียล หาแลกยากมากในเมืองไทย ฉะนั้นให้เรานำเงินดอลล่าร์ ไปแลกที่นั่นได้เลย
เมื่อได้วีซ่าแล้ว ก็ไปตรวจคนเข้าเมืองกัน
(ที่นี่จะตรวจเข้มมากสำหรับผู้หญิงไทยที่เดินทางเข้าไป จะต้องไปประทับนิ้วเข้าระบบด้วย ส่วนผู้ชายผ่านได้สบายมาก)
ณ จุดนี้ ผมมองว่าประเทศโอมานง่ายมากในการเข้าประเทศสำหรับนักท่องเที่ยว
พอตรวจทุกอย่างเรียบร้อยออกมาข้างนอก สิ่งแรกที่คนโซเชี่ยลอย่างพวกเราต้องทำก็คือ....
ถูกต้องน้าคร้าบบบบบบ.....ซื้อซิมท้องถิ่น ราคาค่าเบอร์ 5 เรียล (1 เรียล ประมาณ 95 บาท)
และต้องมีค่า mobile data 2 GB ราคา 3 เรียล สิริรวม 8 เรียล (ประมาณ 800 บาท)
ออกมาข้างนอกสนามบินก็ขึ้นแท๊กซี่ไปโรงแรมกัน การเจรจาพาทีกับคนโอมานไม่ค่อยมีปัญหานะเนื่องจากคนส่วนใหญ่พูดอังกฤษได้ปร๋อเลย
ผมนั่งแท๊กซี่ตามรูป รถแท๊กซี่อย่างหรู เนื่องจากรถยนต์ที่นี่ราคาไม่แพง เพราะไม่มีภาษีอะไรสักอย่าง
ทำให้ราคารถที่นั่นถูกกว่าเมืองไทยประมาณสามเท่า
สภาพภายในแท๊กซี่ตามรูป
ระหว่างทางก็มีผ่านมัสยิดประปราย
ถึงโรงแรมแล้ววววว.......(ไม่เกี่ยวกับรูป แต่ที่นี่ internet แรงมาก)
ในโรงแรมก็จะมี อินทผาลัมคอยรับรอง กินได้ตลอดเวลา พร้อมน้ำอะไรสักอย่าง พอดีไม่ได้กิน
มาถึงดึกก็เริ่มหิวแล้วซี................
คิดยังไง...ถ้าได้ไปโอมาน...
พอดีเห็นรูปตอนได้ไปทำงานที่โอมาน และได้เที่ยว 1 วัน
เลยอยากมาแชร์กันว่าโอมานมีอะไรบ้าง
ต้องบอกก่อนว่าผมไม่ใช่นักรีวิวมืออาชีพ
อาจจะไม่มีการเรียบเรียงสละสลวย อะไรที่คิดออกก็จะพิมพ์ทันที
กอปรกับภาพที่ถ่ายมาก็ถ่ายจากมือถือธรรมดานี่แหละ
ไม่อยากให้คาดหวังว่าอะไรสูงเกินไปจากกระทู้เลย....
ก่อนอื่นหลายคนคงรู้จักโอมานดีอยู่แล้ว
แต่สำหรับคนที่ยังไม่รู้จัก โอมานเป็นประเทศในคาบสมุทรอาระเบียอยู่ทางขวาๆ ของคาบสมุทร
คนโอมานนับถือศาสนาอิสลาม และมีการแต่งกายที่เฉพาะเจาะจง
คือผู้ชายใส่เสื้อสีขาวที่คลุมยาวลงมาถึงข้อเท้า ผู้หญิงใส่เสื้อสีดำทั้งตัว
สำหรับหรับผู้หญิง (เขาเล่ามาว่า) ถ้าผู้หญิงใส่ชุดเปิดให้เห็นหน้าได้ คือคนที่มีสามีแล้ว
ส่วนคนที่ปิดหน้าเห็นแต่ตา คือคนที่ยังไม่มีสามี
**ข้อมูลถูกต้องเพิ่มเติมที่ความเห็น 4 ครับ**
สำหรับคนที่ไม่ได้แต่งตัวที่กล่าวมานั้นจะเป็นคน 2 ประเภท
1.นักท่องเที่ยว
2.คนที่มาพำนักที่โอมานเพื่อทำงาน ส่วนใหญ่เป็น ปากีฯ อินเดีย
สามารถ search ดูภาพเครื่องแต่งกายได้ด้วยคำว่า "omani"
ผมไม่ได้ถ่ายภาพมาเนื่องจากไม่กล้า....
เริ่มทริปของผมเลยดีกว่า
เริ่มจากสนามบิน เท่าที่เห็นไม่มีคนไทยเดินทางไปโอมานเลย
เที่ยวบินที่ไปต้องแวะพักที่ การาจี ประเทศปากีสถาน เพื่อรับคนเพิ่ม
แวะ 1 ชั่วโมงกว่าๆ และเราต้องอยู่บนเครื่องบินตลอดเวลา ระหว่างนั้นจะเข้าห้องน้ำไม่ได้
เนื่องจากทำความสะอาดเครื่องบินอยู่
ประเด็นสำคัญคือเขาห้ามถ่ายรูปบรรยากาศของสนามบินที่การาจี
(แอบกลัวนิดๆ เหมือนกัน ว่ามันจะมีอะไร)
ตัดภาพมา....
มาถึงสนามบินที่โอมาน
เมื่อเข้ามาข้างในอาคาร ก็ต้องมาทำวีซ่า ผมไม่แน่ใจว่าราคาเท่าไหร่ เพราะไม่ได้จ่ายเอง (เกาะคนอื่น)
แต่ที่รู้แน่ๆ ร้านที่รับทำในรูปบริการไม่ดีเลย ขนาดมีคนสี่ห้าคนไปรับบริการอย่างใจจดใจจ่อ
แต่นางผู้นั้น นั่งเล่น whatsapp เฉยเลย ผมแนะนำร้านข้างๆ กันร้านจะเป็นสีแดงๆ อันนั้นบริการรวดเร็วมาก
พอพูดถึงเรื่อง whatsapp ที่เขานั่งเล่นอยู่ มีเรื่องจะบอกว่า Line ไม่สามารถใช้งานที่ประเทศโอมานได้
หากใครติด Line งอมแงม แนะนำให้ติดตั้งโปรแกรม VPN เหมือนผม แล้วก็จะเล่นได้ตามปกติ
ร้านที่ว่าไปนั้น นอกจากจะรับทำวีซ่าแล้ว ยังสามารถแลกเงินได้อีกด้วย
เนื่องจากเงินสกุล โอมานเรียล หาแลกยากมากในเมืองไทย ฉะนั้นให้เรานำเงินดอลล่าร์ ไปแลกที่นั่นได้เลย
เมื่อได้วีซ่าแล้ว ก็ไปตรวจคนเข้าเมืองกัน
(ที่นี่จะตรวจเข้มมากสำหรับผู้หญิงไทยที่เดินทางเข้าไป จะต้องไปประทับนิ้วเข้าระบบด้วย ส่วนผู้ชายผ่านได้สบายมาก)
ณ จุดนี้ ผมมองว่าประเทศโอมานง่ายมากในการเข้าประเทศสำหรับนักท่องเที่ยว
พอตรวจทุกอย่างเรียบร้อยออกมาข้างนอก สิ่งแรกที่คนโซเชี่ยลอย่างพวกเราต้องทำก็คือ....
ถูกต้องน้าคร้าบบบบบบ.....ซื้อซิมท้องถิ่น ราคาค่าเบอร์ 5 เรียล (1 เรียล ประมาณ 95 บาท)
และต้องมีค่า mobile data 2 GB ราคา 3 เรียล สิริรวม 8 เรียล (ประมาณ 800 บาท)
ออกมาข้างนอกสนามบินก็ขึ้นแท๊กซี่ไปโรงแรมกัน การเจรจาพาทีกับคนโอมานไม่ค่อยมีปัญหานะเนื่องจากคนส่วนใหญ่พูดอังกฤษได้ปร๋อเลย
ผมนั่งแท๊กซี่ตามรูป รถแท๊กซี่อย่างหรู เนื่องจากรถยนต์ที่นี่ราคาไม่แพง เพราะไม่มีภาษีอะไรสักอย่าง
ทำให้ราคารถที่นั่นถูกกว่าเมืองไทยประมาณสามเท่า
สภาพภายในแท๊กซี่ตามรูป
ระหว่างทางก็มีผ่านมัสยิดประปราย
ถึงโรงแรมแล้ววววว.......(ไม่เกี่ยวกับรูป แต่ที่นี่ internet แรงมาก)
ในโรงแรมก็จะมี อินทผาลัมคอยรับรอง กินได้ตลอดเวลา พร้อมน้ำอะไรสักอย่าง พอดีไม่ได้กิน
มาถึงดึกก็เริ่มหิวแล้วซี................