เมื่อฉันเกิดเป็นลูกคนโต

กระทู้คำถาม
เม่าเศร้าสวัสดีเพื่อนๆ ชาวพันทิปผู้เป็นลูกคนโต กระทู้ที่สร้างมาเพื่อบ่นล้วนๆ

อยากหาแนวร่วมทางความคิด หรือว่าเราคิดไปคนเดียว ว่าจริงๆแล้ว ครอบครัวหลายๆครอบครัวก็เป็นแบบเราเหมือนกัน

เริ่มเลยนะคะ  จขกท เป็นลูกคนโตค่ะ เกิดมาในครอบครัว พี่น้อง 3 คน ครอบครัวจีนยุคใหม่ เราจะถูกปลูกฝังเสมอเลยค่ะว่า
เป็นพี่คนโต ต้องไม่ทำให้ พ่อแม่ผิดหวัง ต้องเป็นตัวอย่างที่ดี แก่น้องๆ ต้องเรียนให้จบ ต้องเรียนให้ดี ห้ามท้องก่อนแต่ง ต้องช่วยพ่อแม่ทำมาหากิน ต้องแต่งงานเพื่อเป็นหน้าเป็นตาของพ่อแม่ ต้องกตัญญู รู้คุณ ใช่ค่ะ เรารู้ข้อนั้นกับคำสอนเหล่านั้นมาตลอด....

พ่อแม่มักจะพูดเสมอๆว่า พ่อแม่รักลูกเท่ากันทุกๆคนแหละ แต่เอาเข้าจริงๆนะคะ เราไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเม่าเหม่อ
บ้านเราค่อนข้างเข้มงวดค่ะ หรือเฉพาะกับเราคนเดียวไม่รู้นะ บ้านเราลูกสาว 3 คน เราที่เป็นพี่คนโต ผู้เข้า รร เป็นคนแรก นั่งรถรับส่งตั้งแต่ อนุบาล 1 ยันมัธยม 6  มีหน้าที่ดูแลน้องๆ ต้องไปเรียนพร้อมกัน และเดินทางกลับพร้อมกัน  ขึ้นรถตู้ตั้งแต่เช้า และต้องถึงบ้าน ไม่เกิน 4 โมงครึ่งในทุกๆวัน ห้ามออกนอกลู่นอกทาง เวลาจะอยู่ทำงานที่โรงเรียนต้องโทรขออนุญาต และมันจะถูกบ่นด้วยพร้อมๆกัน ผิดกับน้องคนเล็ก ที่เมื่อเวลาที่เขาอยู่ ม.6 เหมือนกับเรา เขาจะไปไหนทำอะไรก็ได้ ที่เขาอยากจะทำ โดยที่โดนบ่น แรกๆ หลังๆ พ่อแม่ก็ไม่บ่น ไม่ตามไม่ถาม จนเรานึกสงสัยเลยไปถามว่าทำไมน้องไม่กลับบ้าน ไม่เห็นตามเหมือนตอนหนูเลยคะ

ได้คำตอบกลับมาว่า เพราะเธอเป็นลูกคนโต พ่อแม่เลยเป็นห่วงเยอะ  งั้นแปลว่าลูกคนเล็กไม่ต้องห่วงเหรอคะ??

เรารู้สึกน้อยใจเล็กๆ ที่การกระทำของพ่อแม่ ที่แสดงออกกับเรา ต่างกับน้องโดยสิ้นเชิง

เราของอยู่ทำงาน ตอนม. บ้านเรามีกฏว่า ไม่อนุญาต ค้างนอกบ้าน ห้ามไปค้างบ้านเพื่อน ห้ามค้างหอ หรือที่ไหนก็ตามที่ไม่ใช่บ้าน

เราทำงานของคณะ ซึ่งยังไม่เสร็จดี เป็นเวลา 2 ทุ่ม แม่โทรจิก โทรตามประดุด ตี 2 ซะงั้น คือบางทีเราก็เกรงใจเพื่อนๆเหมือนกันที่ต้องขอตัวกลับก่อน เข้าใจว่าเพื่อนเหนื่อย เราอยากอยู่ช่วย แต่ทำไม่ได้ ไม่งั้นก็ต้องทะเลาะกับที่บ้าน

ต่างกับน้องของเรามากเลยค่ะ ช่วงที่ นาง ม.4 - ม.6 นางจะไปเที่ยวเล่น นางจะกลับดึก อย่างไรก็ได้ คือ อาศัยลูกมึน ด่าเสร็จรอบนี้ รอบหน้าทำอีก จนที่บ้านเอื่อมระอา  ตอนนี้ที่บ้านไม่มีใครว่าเลยค่ะ จะทำอะไรก็เรื่องของนาง (แบบนี้ก็ได้เหรอ............)

วีรกรรมของนาง  เมื่ออยู่บ้าน ไม่มีคนทำความสะอาดบ้านหรือพี่เลี้ยง เรา 3 พี่น้อง ต้องช่วยกันทำ เราแบ่งหน้าที่กัน เรา กวาดถูบ้าน คนกลางล้างห้องน้ำ ส่วนอินางคนเล็กไปล้างจาน คืองี้ค่ะ นางล้างจานได้ห่วยมากๆ คือ กินใช้กันเองในบ้าน แต่คือนางเป็นคนสกปรกค่ะ นางล้างแบบซวกๆ ให้แบบเสร็จๆไปเพื่อ จะได้ไปเที่ยว นอนดูซี่รี่ย์ หรืออะไรก็ตาม ที่นางอยากทำ พอเราไปจับ คือ................... ล้างทำไมอ่ะ ล้างแบบนี้

เราไปบอกแม่ค่ะ ว่าน้องล้างจานไม่สะอาด ให้ล้างใหม่เถอะ แม่บอกว่า ถ้าล้างไม่สะอาด ก็ให้เราไปเก็บล้างใหม่สิ น้องทำสกปรกเราเป็นพี่ก็ต้องไปทำให้มันสะอาด  แม่บอกน้องเป็นคนหยาบ ทำอะไรไม่สะอาด ก็ไม่ต้องให้ทำ.......(แบบนี้ก็ได้เหรอ  เราคิดในใจ แทนที่จะให้ทำใหม่จนสะอาด แต่กลับกลายเป็น น้องทำแล้วสกปรก ก็ไม่ต้องทำ เออ...ดีเนาะ งั้นถ้าหนูทำสกปรกมั่งล่ะ  .........................คำตอบที่ได้ "ก็แล้วแต่นะ"

เอ้า เราเปลี่ยนให้ มากวาดถู บ้านค่ะ เราไปล้างจานเอง ผลที่ได้คือ กวาดถู บ้านได้สกปรกเหมือนเดิม  

ใช้ได้อย่างเดียว คือ ให้ไปทิ้งขยะ  เหอะๆๆFacepalm  ทิ้งขยะมา ถังยังไม่ยอมล้างเข้ามาเลยเถอะค่ะ

เรารู้สึกเหนื่อยระอา กับพฤติกรรมของน้องเรามาก เรามีปากเสียงกันบ่อย เราค่อนข้างเนี๊ยบ เจ้าระเบียบ เรายอมรับเลยค่ะ ว่าเราดุ แต่ที่บ่นที่ว่า ก็เพื่อความเป็นระเบียบ พ่อแม่ จะได้เหนื่อยน้อยลง อาศัยสิทธิความเป็นพี่ (ก็พ่อแม่บอกว่า ให้ดูแล และเป็นแบบอย่างที่ดีให้น้อง เราก็แบ่งเบาภาระพ่อแม่โดยการช่วยกัน ทำความสะอาดบ้านเรือนไง แต่คือแบบ น้องเรา อะไรหลุดออกจากตัวได้ก็ดีค่ะ แกซองขนมกินเสด ทิ้งไว้ให้เราเก็บ ขวดน้ำเอ๋ย กระเป๋าเรียนเอ๋ย หนังสือเรียนเอ๋ย แม้กระทั่งผ้าอนามัย ที่ใช้แล้ว นางก็ทิ้งกองไว้ ให้เป็นที่อุบาต สายตาแก่คนอื่น ตอนนี้ก็คาดว่าไม่มีอะไรที่จะเอานางอยู่แล้วล่ะค่ะ

เรื่องการสร้างภาพ นางก็เก่งค่ะ  ช่วงใกล้เปิดเทอม คุณครูมักจะขอความร่วมมือ คนที่ว่างๆให้ไปช่วยทำความสะอาดห้องเรียน

น้องเราก็อาสานะคะ  จิตใจงาม เป็นที่รักของคุณครู แต่อยู่บ้าน ไม้กวาดและที่โกยผง นางแทบไม่เคยจับเลยคะ

ชอบสร้างภาพบนเฟสบุ๊ค ประมาณว่ารักแม่ มาก สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต คือการเลี้ยงดูพ่อแม่ให้ได้ไวๆ เอาแต่จำนวนไลค์อะค่ะ เรื่องจิงนางไม่เคยทำ  หนีออกจากบ้าน ทำตัวเป็นเด็กมีปัญหา ทั้งที่บ้านเนี่ย ไม่ได้มีปัญหาเลย เรากับคนกลาง ถูกอบรมเลี้ยงดูมาเหมือนๆกัน กล้าพูดได้เลยค่ะ

ว่าไม่เคยทำให้พ่อแม่ไม่สบายใจ เรื่องการทำตัวเป็นเด็กมีปัญหา หรือการหนีออกจากบ้านเลย
                        
เมื่อวันนึงที่นางประสบอุบัติเหตุ............โทรศัพท์ เรียกเข้าจากคนเป็นพ่อ  

เราออกไปธุระข้างนอกค่ะ  เพิ่งกลับถึงบ้าน อิน้องเราค่ะ นางออกไปข้างนอก กับแฟนของนาง (เวลาจะออกจากบ้านทุกคนจะบอกพ่อ แม่ ว่าจะไปไหนทุกครั้ง  แต่นางค่ะ ไม่เคยบอก อยากออกก็ออกไปเลย ไม่เคยเห็นหัวคนเป็นพี่เลยค่ะ)

เมื่อพ่อโทรมา ถามว่าน้องไปไหน เราก็ตอบไปตามตรงค่ะ ว่าไม่รู้ค่ะเพิ่งไปธุระมา กลับถึงบ้านเมื่อกี้

"ทำไมไม่ดูแลน้องให้ดี มีคนโทรมาบอกว่าน้องประสบอุบัติเหตุ เข้ารพ. ตอนนี้อยู่ห้องฉุกเฉิน กำลัง เอ็กซเลย์ สมอง"

.................เม่าฝนตก หัวอกคนเป็นพี่ ที่ดูแลน้องไม่ดี มันเป็นแบบนี้ล่ะค่ะ T^T คือร้องไห้เลย ความผิดเราเหรอ ที่ดูแลน้องไม่ดี น้องมีขา เดินได้ ปากน้องมี น้องยังไม่บอกกล่าวซักคำว่าจะไปไหนจะกลับกี่โมง สุดท้าย นางซ้อนมอไซแฟนแล้วล้มเองค่ะ  ไม่มีใครทำอะไร นาง

คือ....เสียความรู้สึกนะ ที่ต้องมาเจออะไร แบบนี้

นางชอบบอกว่า หนูเครียดค่ะ ที่พี่ๆเรียนได้ดีทุกคน หนูรู้สึกกดดัน ที่ต้องทำให้ดีเหมือน ( เราคิดในใจ เราไม่ยิ่งกว่าเหรอ ที่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี ให้น้องเห็น ให้น้องทำตาม ก้าวพลาดไม่ได้เลย ซักนิด)

ผ่านมาไม่นานค่ะ นางโตขึ้น นางเก่งขึ้น นางบอกว่านางจะแอ๊ดมิชชั่นให้ติด.........................................................

นางบอกกับคุณพ่อขอให้ซื้อ แอปเปิ้ล 5 ให้นางหน่อย เพื่อนๆนางก็ใช้กัน แต่คุณพ่อเราเป็นคน มีแค่ไหนใช้แค่นั้นและไม่เห็นความจำเป็นของการใช้โทรศัพท์แพงๆ ค่ะ  นางบอกว่าพ่อแม่เพื่อนนะ แค่ลูกสอบได้ อยากได้อะไรเค้าก็ซื้อให้แล้ว เรียนห่วยกว่าหนูอีก  นี่!!! เด็กๆสมัยนี้รับจ้างไปเรียนแล้วยังต้องเอาเกรด ที่ตัวเองเรียนได้ มาแลกกับ วัตถุนิยมด้วยเหรอคะ  ถึงขนาดคุณพ่อเรากล่าวว่า " งั้นพ่อก็ขอโทษที่เป็นพ่อที่ดีแบบพ่อแม่เพื่อนๆ ของหนูไม่ได้.........................."  เรานี่ช็อก!! ไปเลยค่ะ  แต่หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ซื้อ แอปเปิ้ล 5 จนได้ จากความตระหนี่ขี้เหนียว ขี้งกของนาง นางรับจ้างทำการบ้านของเพื่อน บวกกับ การจิ๊กเงินค่าขนมในกระเป๋าแม่ จนได้มี แอปเปิ้ลไว้ถืออย่างสมใจ เอาไว้อวดเพื่อนๆที่ ม.   คือ คนในครอบครัว จะลำบาก นางไม่สนใจ รู้แค่ว่า ต้องมี ต้องได้ ต้องไม่เสียเปรียบคนในบ้าน  

เรารู้สึก สงสาร พ่อกับแม่ มาก  ต่อให้เราจะประหยัดแค่ไหน ค่าน้ำ ค่าไฟ แต่สุดท้าย ค่ากิน ที่ไม่พยายามรบกวนท่าน เงินมันก็บินไปหา ลูกคน นางอยู่ดี

นางกร่างกับทุกคนในบ้าน นางหาเงินใช้ได้เองจากการยืนเชลล์ วันล่ะ 400-500 บาท แต่เอาค่ารถ ค่ากิน กรอกน้ำจากที่บ้านไปกิน ขนขนมจากที่บ้านไปกินที่ทำงาน กลับจากที่ทำงาน มาหาข้าวที่บ้านกิน ไม่ซื้อเข้ามากิน และเอาเงินแม่อีกวันละ 100 กว่าบาท เงินออก ไม่เคยให้แม่ซักบาท เก็บอย่างนี้ จะไม่รวยได้ยังไง

นางเก่งกับแม่มากแล้ว นางบอกว่า นางจะไม่เรียนหนังสือ หากแอ๊ดไม่ติด จะเก็บเงิน ทำงาน แล้วรอเรียนใหม่ปีหน้าค่ะ
ด้วยความกลัว ของนางเอง ที่หลุดออกมาจากปากของนาง ด้วยความหยิ่งพยอง นางขอเงินคุณพ่อ เพื่อไปเรียนพิเศษเสริม ที่สถาบันการสอนต่างๆ ที่เด็กๆเค้านิยมเรียนกัน ด้วยความกลัวของนาง นางเริ่มไล่สอบตรงของหลายๆที่เพื่อที่ว่า นางจะได้มีที่เรียน ด้วยความกลัว สุดท้ายแล้วตอนนี้ ยังไม่ได้ซักสถาบันการศึกษาที่เปิดสอบตรง จะรับนางเข้าเรียนเลยค่ะ  ตอนนี้นางต่างพูดกับเพื่อนๆ เรื่องที่เรียน และขอคุณพ่อ ศึกษาที่ ม.เอกชน   เราไม่ได้แอนตี้ สถาบันของเอกชนนะคะ เพราะเราก็เรียนจบมาจากที่เป็นเอกชนเช่นกัน  และเรารัก ม.ของเรามากๆๆๆ

แต่กับคนที่ปากดี เขากลัวไม่มีที่จะเรียน  เขาไปขอเงินคุณแม่ไล่สอบ ทุกๆที่ ซึ่งยังไม่ติดซักที่ จนแม่มองว่า มันเป็นการเสียเงินโดยใช่เหตุ

ทำไมถึงไม่เลือก แล้วเอาที่ที่คาดหวังให้ได้  พฤติกรรมที่นาง แสดงออกต่อคุณแม่คือ "ตะคอก ว่า เออ ไม่ลงไม่เรียนยิ้มแล้ววววววว" โอ้วแม่เจ้า อะไร สอนให้นางก้าวร้าวได้ขนาดนี้


เราไม่รู้ จะสอนอะไรแล้วค่ะ ฐานะแค่เป็นพี่ ขนาดพ่อแม่พูด นางยังไม่ฟังเลยค่ะ........................................... มีคำแนะนำอะไรดีๆพอจะสอนเราบ้างมั้ยคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่