ประสบการณ์เปลี่ยนบ้านเป็นโฮมสเตย์: สร้างรายได้ ส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน เรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่น

สวัสดีครับเพื่อนๆชาวพันธ์ทิพย์
ผมเชื่อว่าทุกคนล้วนอยากออกไปมองโลกกว้าง พบปะผู้คน เรียนรู้เรื่องราวและค้นหาประสบการณ์ใหม่ๆ การท่องเที่ยวจึงเป็นกิจกรรมอันดับแรกๆที่หลายคนเลือกเมื่อมีเวลา โดยเฉพาะการท่องเที่ยวแบบโฮมสเตย์ที่ตอนนี้กำลังเป็นที่นิยม เพราะนอกจากนักท่องเที่ยวจะได้พักผ่อนใกล้ชิดธรรมชาติแล้ว ยังมีโอกาสได้เรียนรู้และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับคนในชุมชนด้วย

ผมมีโครงการดีๆมาเล่าสู่กันฟัง นั่นคือ ”การเปลี่ยนบ้านเป็นโฮมสเตย์” ซึ่งโครงการนี้เป็นหนึ่งในโครงการที่ผมและเพื่อนกำลังศึกษาวิจัยอยู่ในระดับปริญญาโท โดยใช้ชื่อว่า "Local Nest" และผมเห็นว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์ถ้าได้แบ่งปันเรื่องราวดีๆกับสังคมครับ

ก่อนอื่นขอเกริ่นเนื้อหาทางวิชาการสักเล็กน้อยนะครับ
โฮมสเตย์ ตามความหมายของกรมการท่องเที่ยว หมายถึง การท่องเที่ยวรูปแบบหนึ่งที่นักท่องเที่ยวจะต้องพักรวมกับเจ้าของบ้านชายคาเดียวกัน โดยมีห้องพักหรือพื้นทีใช้สอยภายในบ้านเหลือสามารถนำมาดัดแปลงให้นักท่องเที่ยวพักได้ชั่วคราวซึ่งมีจำนวนไม่เกิน 4 ห้อง มีผู้พักรวมกันไม่เกิน 20 คน โดยมีค่าตอบแทนและจัดบริการสิ่งอำนวยความสะดวกตามสมควร อันมีลักษณะเป็นการประกอบกิจการเพื่อหารายได้เสริม

โดยสรุปคือเจ้าของบ้านจะเปิดบ้านให้คนภายนอกเข้าไปพักอาศัย โดยไม่เป็นการไปเบียดเบียนวิถีชิวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านเพราะนักท่องเที่ยวจะเข้าไปกลมกลืนเป็นส่วนหนึ่งกับชีวิตประจำวันของชุมชน  ซึ่งนักท่องเที่ยวนั้นจะได้รับการดูแลจากเจ้าของบ้านเอง ไม่ว่าจะเรื่องอาหารการกินแบบพื้นบ้าน แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมที่น่าสนใจของท้องถิ่น ถ่ายทอดเรื่องราวประวัติความเป็นของชุมชน ที่สำคัญที่สุดซึ่งถือว่าเป็นเสน่ห์ของการท่องเที่ยวแบบโฮมสเตย์คือการได้เรียนรู้และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นคนไทยด้วยกันเอง หรือระหว่างนักท่องเที่ยวต่างชาติกับคนไทย

การท่องเที่ยวแบบโฮมสเตย์นี้นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้ประสบการณ์ล้ำค่าที่หาไม่ได้จากการท่องเที่ยวทั่วไปแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวท้องถิ่น สร้างรายได้ให้ชาวบ้าน ยกระดับเศรษฐกิจของชุมชน และยังปลูกฝังให้นักท่องเที่ยวตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรทางธรรมชาติอีกด้วย

จากแนวคิดนี้ ผมได้เริ่มต้นโครงการจากการที่ผมเป็นคนตำบลปากน้ำปราณ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และอยากพัฒนาบ้านเกิดของตนเอง ซึ่งผมเล็งเห็นว่าบรรยากาศท้องถิ่นและผู้คนที่นี่มีเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์ จึงได้ลองคุยกับชาวบ้านและได้เชิญชวนคุณป้ากาญจนาเข้ามาร่วมโครงการ พัฒนาบ้านตัวเองให้เป็นโฮมสเตย์ ซึ่งบ้านหลังนี้แต่ก่อนถูกใช้เป็นสถานที่ตากหมึกเพราะที่บ้านคุณป้าประกอบอาชีพประมง ปัจจุบันลูกๆของคุณป้าหันไปทำอาชีพอื่น ด้วยวัยของคุณป้ากาญจนาและสามีที่มากขึ้นจึงเลิกทำอาชีพประมง บริเวณต่างๆภายในบ้านที่เคยใช้ตากหมึกกลายเป็นเฉลียงขนาดใหญ่หน้าบ้าน และห้องที่เคยใช้อบหมึกถูกใช้เป็นห้องเก็บของแทน


เฉลียงหน้าบ้านพร้อมบรรยากาศริมน้ำ


ห้องสังกะสีซ้ายมือคือโรงเก็บหมึกที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ใช้ประโยชน์


ด้านในของห้องอบหมึก

หลังจากที่คุณป้ากาญจนาตัดสินใจเข้าร่วมกับโครงการปรับปรุงบ้านให้เป็นโฮมเสตย์ คุณป้าและลูกๆได้ปรับปรุงและตกแต่งห้องอบหมึกที่ถูกใช้เป็นห้องเก็บของ มาเป็นห้องพักสำหรับแขก โดยมีการปูผนังใหม่แบบเรียบง่าย ตีฝ้าเพดานและติดไฟให้ดูสวยงาม มีการปูเสื่อน้ำมันเพื่อให้ห้องดูมีความสะอาดขึ้น เดินสายไฟเพิ่มปลั๊กไฟให้มีเพียงพอสำหรับการใช้งาน รวมถึงทาสีด้านนอกห้องเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความสวยงาม
นอกเหนือจากห้องพัก ยังมีการปรับปรุงเพิ่มเล็กน้อยในส่วนของห้องน้ำ เช่น เพิ่มสายฉีดชำระ และเสริมม้านั่งเพิ่มเติมในส่วนของบริเวณบ้านเพื่อให้เพียงพอต่อแขกที่มาพักอีกด้วย


สภาพภายในห้องพักที่กลายร่างมาจากห้องอบหมึกเดิม


ภายนอกทาสีสันสวยงาม

คุณป้ากาญจนาบอกกับทางเราว่า การลงทุนปรับปรุงบ้านเพื่อเป็นโฮมสเตย์ในครั้งนี้นอกจากจะใช้เงินทุนไม่มากแล้ว ยังใช้ประโยชน์ได้ในระยะยาว เพราะนอกจากจะสามารถเปลี่ยนห้องเก็บของในปัจจุบันมาใช้เป็นห้องพักแล้ว ในอนาคตหากที่บ้านมีการขยับขยาย หรือหยุดให้บริการโฮมสเตย์ ห้องนี้ยังสามารถใช้ประโยชน์ต่อไปได้อีกด้วย

หลังจากที่เราได้ช่วยพัฒนาบ้านของคุณป้ากาญจนาเป็นโฮมสเตย์แล้วและเริ่มมีแขกมาพักนั้น ผมและเพื่อนรู้สึกมีความสุขมาก เพราะนอกจากรายได้เสริมที่เจ้าของบ้านได้รับแล้ว สิ่งที่สำคัญคือการได้เห็นเจ้าบ้าน คนในชุมชนและนักท่องเที่ยวได้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์และวิถีชีวิตกัน ซึ่งเราคิดว่าถ้าในประเทศไทยมีบ้านโฮมสเตย์ที่มีมาตรฐานมากขึ้น มีบรรยากาศที่ดีและกิจกรรมที่น่าสนใจ ก็คงจะเป็นการดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติให้แวะเวียนไปพักผ่อนเยี่ยมชมกันมากขึ้น และเมื่อเหล่านักท่องเที่ยวได้ลงไปสัมผัสการท่องเที่ยวเชิงท้องถิ่นจริงๆ เราคิดว่าผลลัพธ์ท้ายสุดที่ตามมาก็คือการตระหนักถึงการอนุรักษ์วิถีชีวิตวัฒนธรรมดั้งเดิมในชุมชน ร่วมถึงการช่วยกันรักษาธรรมชาติ ระบบนิเวศให้คงอยู่ เพื่อเป็นการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนแท้จริง


บรรยากาศโดยรวม


มุมโปรดของนักท่องเที่ยว


อาหารพื้นบ้านมื้อเย็นที่เจ้าของบ้านจัดให้แบบไม่ยั้ง


ข้าวต้มปลากับปลาหมึกสำหรับมื้อเช้า เครื่องเน้นๆ


ซึ่ง ณ ตอนนี้ คุณป้ากาญจนาเปิดให้บริการโฮมสเตย์แก่นักท่องเที่ยวทุกท่านอย่างเต็มรูปแบบแล้วนะครับ โดยใช้ชื่อว่า บ้านปรารถนา ถ้าเพื่อนๆท่านใดสนใจ สามารถติดต่อโดยตรงได้เลยหรือจะติดต่อเราผ่านเพจเฟซบุ๊คที่ให้ไว้ด้านล่างก็ได้เช่นกันครับ

หากเพื่อนๆมีบ้านหรือคนรู้จักที่อยากแบ่งปันประสบการณ์ดีๆให้กับนักท่องเที่ยวโดยให้อาศัยอยู่ร่วมกันกับเจ้าของบ้านและคนในชุมชนซึ่งรายล้อมไปด้วยธรรมชาติและวัฒนธรรม และสร้างรายได้หมุนเวียนให้กับคนในชุมชนรวมถึงเจ้าของบ้านแล้ว สามารถเข้าไปพูดคุยกับผมได้ที่เพจเฟซบุ๊ค Local Nest ครับ ผมพร้อมให้คำแนะนำและพัฒนากิจการโฮมสเตย์ไปพร้อมกับผู้ที่สนใจครับ

เพื่อนๆคิดว่ายังไงกับโครงการนี้บ้าง แสดงความคิดเห็นกันได้นะครับ และถ้ามีข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภัย มา ณ ที่นี้ด้วยครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่