แฟนผมเป็นเนื้องอกที่กระดูกขากรรไกร เบื้องต้นไปพบแพทย์ที่ รพ.รัฐบาลแห่งหนึ่งซึ่งเป็นโรงพยาบาลประจำอำเภอ ทางแพทย์ได้ตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจรายละเอียดของอาการ และแจ้งว่าเป็นเนื้องอกชนิดเนื้อดี (คือไม่เป็นมะเร็ง) แต่จะขยายตัวกินกระดูกไปเรื่อยๆและอาจจะทำให้รำคาญนอกนั้นก็ไม่ทำอันตรายอื่นใด และทางแพทย์ก็ได้แจ้งให้ไป x-ray ที่ รพ.ประจำจังหวัด(เนื่องจากที่ รพ.ดังกล่าวไม่มีเครื่องมือทางการแพทย์นั้น) ผู้ป่วยก็ไปตามคำสั่งแพทย์และได้ cd ผลการ x-ray นั่นมาและส่งต่อให้ทางแพทย์เจ้าของไข้เพื่อไปดำเนินการต่อไป หลังจากนั้นแพทย์ได้แจ้งว่าเนื้องอกได้ลุกลามกินกระดูกขากรรไกรไปค่อนข้างเยอะแล้วและต้องใช้แพทย์ที่มีความชำนาญอีกท่านเข้ามาช่วย โดยให้เหตุผลว่าตนเองไม่สามารถดำเนินการผ่าตัดได้เพียงคนเดียว และก็แจ้งกับทางผู้ป่วยว่าให้รอก่อนและจะนัดเข้าทำการผ่าตัด
. - หนึ่งเดือนผ่านไปยังไม่มีการโทรมานัดหรือแจ้งวันเวลาที่จะเข้าทำการผ่าตัด แฟนผมจึงโทรไปสอบถามก็ได้ข้อมูลจากผู้ช่วยแพทย์ว่าอยู่ระหว่างนัดแพทย์อีกท่านอยู่ซึ่งแพทย์ท่านนั้นอยู่ รพ.ประจำจังหวัด ยังไม่สามารถนัดได้ หลังจากนั้นอีกหนึ่งสัปดาห์ผมจึงโทรเข้าไปสอบถามด้วยตนเอง โชคดี(หรือเปล่า)ได้สนทนากับแพทย์เจ้าของไข้ ก็ได้สอบถามในคำถามเดิมว่าเมื่อไหร่แฟนผมถึงจะได้เข้าทำการผ่าตัด แพทย์ก็บอกว่าอยู่ระหว่างนัดแพทย์อีกท่านหนึ่งอยู่(คำตอบเดิมกับผู้ช่วยที่ตอบไว้คราวที่แล้ว) ผมเลยเดินหน้าถามต่อว่าแล้วแพทย์ที่จะเข้ามาช่วยเหลือในการผ่าตัดครั้งนี้เป็นแพทย์ที่ไหนจาก รพ.อะไรครับ แพทย์ที่พูดสายอยู่ก็แจ้งว่าในส่วนเรื่องการนัดแพทย์อีกท่านหนึ่งเดี๋ยวสอบถามรายละเอียดจากผู้ช่วยนะคะ และก็โอนสายต่อให้ผู้ช่วย ผมจึงยิงคำถามเดิมเข้าไปแต่เน้นยำคำถามเพิ่มเข้าไปว่า "ผมต้องการทราบว่าแพทย์อีกท่านเป็นแพทย์ของ รพ.ไหน และ แพทย์ท่านนั้นชื่ออะไร? ซึ่งได้คำตอบว่าเป็นแพทย์ที่ออกจากราชการไปแล้ว ซึ่งตอนนี้อยู่ รพ.เอกชน (แน่นอนครับ ผู้ช่วยแจ้งว่าไม่สามารถให้ข้อมูลได้ ) หลังจากนั้นผมถามไปว่าจะสามารถนัดแพทย์อีกท่านหนึ่งได้เมื่อไหร่ ซึ่งผู้ช่วยได้แจ้งว่า " ไม่สามารถให้คำตอบได้ เนื่องจากแพทย์อีกท่านอยู่ รพ.เอกชน มีคิวผ่าตัดเยอะมาก ไม่ทราบว่าจะว่างเมื่อไหร่ " ขึ้นเลยครับผมทีนี้ ผมเลยถามไปอีกว่า " แล้วถ้าแพทย์อีกท่านไม่ว่างเลย จะมีวิธีการดำเนินการอย่างไรครับ " ผู้ช่วยตอบ " ก็คงต้องรอจนกว่าเขาจะว่างค่ะ " หลังจากผมได้คำตอบนั้นมาทำให้สมองผมตันเลยครับ คิดคำถามต่อไม่ถูกเลย แต่ยังดีมีคำถามอีกข้อหนึ่งที่คิดได้ผมเลยถามออกไป "คือตอนนี้ผู้ป่วยแก้มและคางเริ่มบวมมากแล้วครับ และทุกครั้งที่รับประทานอาหารเขาจะมีอาการปวดรวมทั้งการสื่อการก็ไม่สามารถสื่อสารได้ชัดดังเดิมแล้วครับขณะนี้ เกรงว่าหากปล่อยไว้แบบนี้ต่อไปผมเกรงว่าคนไข้อาจมีอาการทุเลามากไปมากกว่านี้ เกรงว่าจะเป็นผลเสียเพิ่มมากขึ้น" และผมก็ได้ยินคำตอบที่...จากผู้ช่วยว่า "ก็ต้องรอแพทย์อีกท่านว่างล่ะค่ะ" จบเลยผมวางสายเลย
*** สรุป ***
1. ผู้ป่วยใช้สิทธิประกันสังคม กับ รพ.ประจำอำเภอ และ รพ.ฯ ยืนยันว่าสามารถทำการรักษาได้(ปฏฺิเสธการส่งตัวทางอ้อม) และหากจะไปรักษาที่อื่นก็อาจจะต้องไปเริ่มต้นใหม่ (หากจะขอประวัติการรักษาไปก็ไม่ใช่เรื่องง่ายและไม่แน่ใจว่าจะขอไปได้หรือไม่)
2. ผู้ป่วยเคยเข้าพบอาจารย์แพทย์ที่ รพ.ศิริราชฯ เพื่อปรึกษาและขอคำแนะนำ ซึ่งได้คำแนะนำที่ดีมากโดยให้คำแนะนำว่า หากย้ายมารักษาตัวที่ ศิริราชฯ ทางอาจารย์แพทย์ยินดีที่จะทำการรักษาให้และขอประวัติการรักษาเคสนี้จากที่เก่าด้วย แต่ผู้ป่วยจะเสียสิทธิประโยชน์ในการใช้สิทธิประกันสังคม ซึ่งค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดครั้งนี้ค่อนข้างสูง และต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง หากแพทย์เจ้าของไข้ยืนยันว่าสามารถรักษาได้ก็ควรให้ท่านดำเนินการต่อไป
3. การรักษาตอนนี้อยู่ระหว่างรออย่างเดียวเนื่องจากไม่มีความคืบหน้า และผู้ป่วยเริ่มไม่มั่นใจกับขั้นตอนการรักษา และเริ่มไม่มั่นใจว่าเนื้องอก(เนื้อดี)หากรอการรักษาที่เนิ่นนานจะกลายเป็นเนื้อร้ายหรือไม่
*** คำถาม ***
1. ในกรณีแบบนี้มีหน่วยงานใดที่สามารถให้ความรู้หรือคำปรึกษาได้อย่างแท้จริง มีหรือไม่
2. มีหน่วยงานใดหรือไม่ที่สามารถเข้ามาช่วยเหลือหรือควบคุมดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของแพทย์ที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากผู้ป่วยเริ่มไม่มั่นใจว่าตนเองถูกแพทย์ละเว้นหรือประวิงการรักษาหรือไม่
3. ขอคำแนะนำอื่นใดจากท่านอื่นที่มีประสบการณ์หรือความรู้ในด้านนี้ด้วยครับ
แฟนผมเป็นเนื้องอก แพทย์เจ้าของไข้ยังไม่นัดเข้าทำการผ่าตัด ทิ้งระยะเวลามานานแล้ว ควรทำอย่างไรดี?
. - หนึ่งเดือนผ่านไปยังไม่มีการโทรมานัดหรือแจ้งวันเวลาที่จะเข้าทำการผ่าตัด แฟนผมจึงโทรไปสอบถามก็ได้ข้อมูลจากผู้ช่วยแพทย์ว่าอยู่ระหว่างนัดแพทย์อีกท่านอยู่ซึ่งแพทย์ท่านนั้นอยู่ รพ.ประจำจังหวัด ยังไม่สามารถนัดได้ หลังจากนั้นอีกหนึ่งสัปดาห์ผมจึงโทรเข้าไปสอบถามด้วยตนเอง โชคดี(หรือเปล่า)ได้สนทนากับแพทย์เจ้าของไข้ ก็ได้สอบถามในคำถามเดิมว่าเมื่อไหร่แฟนผมถึงจะได้เข้าทำการผ่าตัด แพทย์ก็บอกว่าอยู่ระหว่างนัดแพทย์อีกท่านหนึ่งอยู่(คำตอบเดิมกับผู้ช่วยที่ตอบไว้คราวที่แล้ว) ผมเลยเดินหน้าถามต่อว่าแล้วแพทย์ที่จะเข้ามาช่วยเหลือในการผ่าตัดครั้งนี้เป็นแพทย์ที่ไหนจาก รพ.อะไรครับ แพทย์ที่พูดสายอยู่ก็แจ้งว่าในส่วนเรื่องการนัดแพทย์อีกท่านหนึ่งเดี๋ยวสอบถามรายละเอียดจากผู้ช่วยนะคะ และก็โอนสายต่อให้ผู้ช่วย ผมจึงยิงคำถามเดิมเข้าไปแต่เน้นยำคำถามเพิ่มเข้าไปว่า "ผมต้องการทราบว่าแพทย์อีกท่านเป็นแพทย์ของ รพ.ไหน และ แพทย์ท่านนั้นชื่ออะไร? ซึ่งได้คำตอบว่าเป็นแพทย์ที่ออกจากราชการไปแล้ว ซึ่งตอนนี้อยู่ รพ.เอกชน (แน่นอนครับ ผู้ช่วยแจ้งว่าไม่สามารถให้ข้อมูลได้ ) หลังจากนั้นผมถามไปว่าจะสามารถนัดแพทย์อีกท่านหนึ่งได้เมื่อไหร่ ซึ่งผู้ช่วยได้แจ้งว่า " ไม่สามารถให้คำตอบได้ เนื่องจากแพทย์อีกท่านอยู่ รพ.เอกชน มีคิวผ่าตัดเยอะมาก ไม่ทราบว่าจะว่างเมื่อไหร่ " ขึ้นเลยครับผมทีนี้ ผมเลยถามไปอีกว่า " แล้วถ้าแพทย์อีกท่านไม่ว่างเลย จะมีวิธีการดำเนินการอย่างไรครับ " ผู้ช่วยตอบ " ก็คงต้องรอจนกว่าเขาจะว่างค่ะ " หลังจากผมได้คำตอบนั้นมาทำให้สมองผมตันเลยครับ คิดคำถามต่อไม่ถูกเลย แต่ยังดีมีคำถามอีกข้อหนึ่งที่คิดได้ผมเลยถามออกไป "คือตอนนี้ผู้ป่วยแก้มและคางเริ่มบวมมากแล้วครับ และทุกครั้งที่รับประทานอาหารเขาจะมีอาการปวดรวมทั้งการสื่อการก็ไม่สามารถสื่อสารได้ชัดดังเดิมแล้วครับขณะนี้ เกรงว่าหากปล่อยไว้แบบนี้ต่อไปผมเกรงว่าคนไข้อาจมีอาการทุเลามากไปมากกว่านี้ เกรงว่าจะเป็นผลเสียเพิ่มมากขึ้น" และผมก็ได้ยินคำตอบที่...จากผู้ช่วยว่า "ก็ต้องรอแพทย์อีกท่านว่างล่ะค่ะ" จบเลยผมวางสายเลย
*** สรุป ***
1. ผู้ป่วยใช้สิทธิประกันสังคม กับ รพ.ประจำอำเภอ และ รพ.ฯ ยืนยันว่าสามารถทำการรักษาได้(ปฏฺิเสธการส่งตัวทางอ้อม) และหากจะไปรักษาที่อื่นก็อาจจะต้องไปเริ่มต้นใหม่ (หากจะขอประวัติการรักษาไปก็ไม่ใช่เรื่องง่ายและไม่แน่ใจว่าจะขอไปได้หรือไม่)
2. ผู้ป่วยเคยเข้าพบอาจารย์แพทย์ที่ รพ.ศิริราชฯ เพื่อปรึกษาและขอคำแนะนำ ซึ่งได้คำแนะนำที่ดีมากโดยให้คำแนะนำว่า หากย้ายมารักษาตัวที่ ศิริราชฯ ทางอาจารย์แพทย์ยินดีที่จะทำการรักษาให้และขอประวัติการรักษาเคสนี้จากที่เก่าด้วย แต่ผู้ป่วยจะเสียสิทธิประโยชน์ในการใช้สิทธิประกันสังคม ซึ่งค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดครั้งนี้ค่อนข้างสูง และต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง หากแพทย์เจ้าของไข้ยืนยันว่าสามารถรักษาได้ก็ควรให้ท่านดำเนินการต่อไป
3. การรักษาตอนนี้อยู่ระหว่างรออย่างเดียวเนื่องจากไม่มีความคืบหน้า และผู้ป่วยเริ่มไม่มั่นใจกับขั้นตอนการรักษา และเริ่มไม่มั่นใจว่าเนื้องอก(เนื้อดี)หากรอการรักษาที่เนิ่นนานจะกลายเป็นเนื้อร้ายหรือไม่
*** คำถาม ***
1. ในกรณีแบบนี้มีหน่วยงานใดที่สามารถให้ความรู้หรือคำปรึกษาได้อย่างแท้จริง มีหรือไม่
2. มีหน่วยงานใดหรือไม่ที่สามารถเข้ามาช่วยเหลือหรือควบคุมดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของแพทย์ที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากผู้ป่วยเริ่มไม่มั่นใจว่าตนเองถูกแพทย์ละเว้นหรือประวิงการรักษาหรือไม่
3. ขอคำแนะนำอื่นใดจากท่านอื่นที่มีประสบการณ์หรือความรู้ในด้านนี้ด้วยครับ