สวัสดีครับ ผมเขียนกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อเล่าประสบการณ์การซื้อ การเล่นเครื่องเสียงของผมในระยะเวลา 2 ปี ผมหวังว่าคงเป็นประโยชน์กับผู้ที่ชื่นชอบในเครื่องเสียงที่มีงบไม่มากอย่างผม และผู้ที่อยากจะซื้อมาฟังว่าควรเริ่มต้นที่จะลงทุนยังไงกับส่วนไหนบ้าง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียเวลา เสียตังค์มากมายในการลองผิดลองถูกด้วยตนเอง เพราะที่ผมตั้งใจมาเขียนกระทู้นี้ก็เนื่องจากนึกถึงตัวเองในตอนที่กำลังจะเริ่มซื้อ ว่าซื้อยังไงให้คุ้มค่าที่สุด เพราะในใจเราเองก็ไม่รู้ว่าสิ่งไหนสำคัญมากน้อยอย่างไร บางครั้งก็อยากทราบลักษณะการแสดงผลของอุปกรณ์ต่างๆ แต่ไม่มีข้อมูลให้เราได้ทราบกันอย่างชัดเจน จนกระทั่งผมก็ได้เก็บตังค์แล้วก็ซื้อมาเรื่อยๆ อะไรที่เค้าว่าดีเราก็ไปลองฟังแล้วก็ซื้อมาบ้าง และบางครั้งด้วยความที่เราไปอ่านๆมา เค้าว่าดีอย่างโน้นอย่างนี้ เราก็จะเกิดความไม่สบายใจเพราะว่าเรายังไม่มี ไม่ได้เปลี่ยน ไม่ได้ลอง ก็เลยต้องลองซื้อมาใช้ จนได้รู้ว่าอะไรมีผลกับเสียงที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน สำหรับผม ขอเน้นย้ำนะครับว่าสำหรับผม ซึ่งผมก็จะพูดในมุมมองกลางๆ ในส่วนที่เห็นผลชัดเจนกับเสียงนะครับ (*สรุป อยู่ล่างสุด)
เครื่องเสียงหลักๆในปัจจุบันนี้ เท่าที่ผมรู้คือมีสองแบบ คือ
1. ชุดดูหนัง ก็จะเป็นเครื่อง AVR แล้วก็จะมีช่องต่อลำโพงเยอะแยะ
2. ชุดฟังเพลง ก็จะเป็นแอมป์ 2 channel stereo ซ้าย ขวา
ผมก็ได้ไปลองนะครับที่ปิยะนัส เซียร์ เพราะเค้ามีเครื่องเสียงเยอะแยะ เราจะเล่นเครื่องดีๆ ก็ไม่รู้จะไปร้านไหน ก็ไปขอลองฟังปราฎว่า ผมรู้ตัวเองเลยว่าชุดฟังเพลงมันเข้ากับความต้องการของผมมากกว่า มันให้เสียงที่ชัดเจนกว่า มันเหมาะกับการฟังเพลงจริงๆ ต่อมาผมก็เริ่มศึกษาชุดฟังเพลงว่าจะเอาลำโพงยี่ห้อไหนดี แอมป์ยี่ห้อไหนดี ผมก็ได้ไปลองฟังอยู่หลายครั้ง
ครั้งที่ 1 เริ่มแรกไปที่ปิยะนัสเค้าก็เชียร์ลำโพง Polk อยู่หลายครั้ง จนผมรีบร้อนเกือบจะซื้อก็ตัว Polk TSX330 กับแอมป์ Cambridge จำรุ่นไม่ได้ ลำโพงคู่นี้จะให้เสียงเบสที่เยอะดี แต่ติดที่ว่าเสียงแหลมมีน้อยมาก ต้องเร่งแหลมช่วย ก็เลยไม่เอา
ครั้งที่ 2 ไปเดินๆที่ Home pro รังสิต ตอนนั้นยังมีบู้ท Conice ก็ได้ไปลองๆ ฟัง แอมป์ NAD316BEE กับ ลำโพง PSB Alpha T1 เพราะมันลดราคา ก็ฟังมาเรื่อยๆ ยังรู้สึกว่า เสียงมันออกแข็งๆ ลำโพงยังไม่โดนใจ
ครั้งที่ 3 ไปที่เดอะมอลล์ บางแค ได้ไปลองฟังลำโพง Tannoy V1i ปรากฎว่าเสียงแหลมใสดี โดนใจเลย แต่เบสน้อยไปนิดนึง ก็พอรับได้ก็เล็งๆไว้ จะเอาละ แล้วก็เดินพ้นไปที่บู้ท Conice เพื่อที่จะไปซื้อแอมป์ NAD316 BEE เพราะมีความเชื่อว่ากำลังสำรองดี ขับได้อยู่ละ แต่สมัยนั้นคนขายตัวเล็กๆสาขานี้ พูดจาไม่ดีจริงๆ เห็นเราแต่งตัวไปธรรมดาๆ เลยบริการไม่ดี ผมก็เลยไม่ซื้อ และผมได้เขียนข้อความไปทางเฟสบุ๊ค Conice แจ้งเค้าไปว่าเหตุการณ์เป็นยังไง ทาง Conice ก็แสดงความรับผิดชอบ ขอโทษ พร้อมส่วนลด 1,000 บาท
ครั้งที่ 4 ผมโทรไปที่ปิยะนัสว่ามีลำโพง Tannoy V1i มั้ย เค้าบอกว่ามี ผมก็เลยไปซื้อลำโพงที่นั่น แล้วก็พ้นไปที่ บ้านทวาทศิลป์ เพื่อจะซื้อ NAD316BEE 40W ที่เล็ง NAD เพราะว่าคุณลุงใช้ NAD 3040 คุณอาใช้ NAD 304 จนก่อนจะซื้อก็ได้ลองเทียบกับ 326BEE 50W ก็เลยได้รู้ว่า แอมป์ที่กำลังวัตต์เยอะกว่าจะให้เสียงที่เพราะกว่า เสียงร้องยาวกว่า ก็เลยตัดสินใจซื้อแอมป์ 326BEE เรามีส่วนลดนี่ ฮ่าๆ ตอนลองที่ร้านผมลองกับลำโพง PSB B6 มั้ง เป็นลำโพงที่ไพเราะหวานๆดีนะ ไม่กล้าลองกับลำโพงที่เราซื้อมา
ชุดเครื่องเสียงของผมชุดแรกที่มีก็คือ แอมป์ NAD326BEE กับ ลำโพง Tannoy V1i โดยใช้โน๊ตบุ้คเล่นไฟล์เพลง MP3 แนวเสียงจะออกแนว ใสๆ แต่ไม่สดใสมากเพราะแอมป์ NAD จะให้เสียงที่เป็นกลางๆ ไม่เด่นด้านใดมากนักจริงๆ อย่างที่เขาว่ากัน (เสียดาย ID ผมลงรูปไม่ได้) ก็พอใจในเสียงที่ได้ระดับบนึง
แต่พอเราไปอ่านศึกษาต่อมาว่า เล่นไฟล์กับคอม มันต้องมี DAC นะ เสียงจะดีขึ้น ผมก็เลยอยากได้ขึ้นมาทันที ก็ไปศึกษามา จนสุดท้ายได้เจ้า DAC Dragonfly จากปิยะนัสมาราคา 5,500 บาท : ผลที่ได้เมื่อนำมาเสียบต่อกับคอม ผมว่ามันให้คุณภาพเสียงดีเลยนะ เบสก็จะอัพขึ้นมา แหลมก็ชัดขึ้น ให้รายละเอียดขึ้นมาได้ดีเลยล่ะ อันนี้เห็นผลจริงๆ สำหรับผมนะ เพราะ DAC ตัวนี้ก็เปรียบเสมือนมีแอมป์ตัวน้อยขยายก่อน 1 ขั้นตอนก่อนส่งสัญญาณให้กับแอมป์ สรุปว่า DAC ตัวนี้สามารถให้รายละเอียดของเสียงได้ดีขึ้น ถือว่าคุ้มค่าครับ แล้วก็ได้ไปซื้อสายสัญญาณ Audioquest evergreen ราคา 1,500 บาท มาใช้เพื่อหวังว่าจะเติมเต็มให้ DAC ปรากฎว่าไม่ได้ต่างอะไรขึ้นมามากมายจากสายธรรมดา อาจจะมีแหลมประกายขึ้นมานิดนึง (นิดนึงจริงๆ แต่เราซื้อมาเพื่อความสบายใจ)
ต่อมาเกิดความคาใจว่าชุดเรายังไม่ครบนะขาดเครื่องเล่นดีๆสักตัว เสียงน่าจะดีกว่าเล่นกับโน้ตบุ้คนะ ก็ไปดูๆ พวกเครื่องเล่นบลูเรย์ DENON เสียงดีใช้ได้นะ เล่นไฟล์ได้เยอะแยะเลย ดูหนังได้ด้วย แต่เสียงจะออกแนวแข็งๆไปนิดนึง เมื่อฟังเทียบกับ CD Player Marantz CD6005 จะให้ความหวานสดใส เบสชัดแน่นขึ้น เสียงร้องจะหวานๆ แต่ถ้าถามว่าต่างกันมากมั้ย ตอบได้เลยว่าไม่มากหรอกแต่ราคาต่างกันมากนะ 5 พันได้ ตอนนั้นไปลองที่ Hifi histyle แต่ก็ได้ลองเครื่องเล่นอีกตัวนึงก็คือ Yamaha S300 ตัวนี้เสียงจะพอๆกับเครื่องบลูเรย์ DENON DBT 1713
ถ้าเรียงลำดับคุณภาพเสียงจากความรู้สึกส่วนตัวของผมก็คือ Marantz CD6005 > DENON DBT 1713 > Yamaha S300
ผมยังไม่ค่อยมั่นใจก็เลยกลับมาคิดก่อนจะซื้อ จนคิดได้ว่าเราเอามาฟังเพลงควรจะเอาเครื่องฟังเพลงโดยเฉพาะดีกว่าแต่ครั้งนี้ซื้อด้วยความอยากได้แต่งบน้อย จึงเลือกซื้อ Yamaha S300 เพราะคิดเข้าข้างตัวเองว่ามันโอเคกว่าเครื่องเล่น DVD ทั่วไปก็พอละ และได้ไปซื้อที่ปิยะนัส เพราะราคาถูกกว่า Hifi histyle ไม่แน่ใจตอนนั้นที่ปิยะนัสน่าจะราคา 12,000 บาท แต่พอเอากลับมาฟังที่ห้องเปิดเทียบกับเครื่องเล่น DVD Panasonic ปี2003 ราคา 6,000 บาท ปรากฎว่าเสียงต่างกันน้อยมาก จึงแอบเสียใจนิดนึง แต่โชคดีที่พอใช้ๆไป เครื่องเล่นที่ซื้อมามีปัญหาพอดี ก็เอาไปเปลี่ยนที่ร้านปิยะนัส แต่รุ่น Yamaha S300 ไม่มีของ คนขายบอกว่าจะเปลี่ยนรุ่นก็ได้ พอดีว่ามี marantz CD6005 มือสองอยู่ ราคา 15,000บาท แต่คนขายก็บอกว่า จริงๆ Yamaha ก็เสียงดีนะ ออกแนวใสๆกว่า ผมคิดในใจมันจะใสได้ไงมันทึบๆด้วยซ้ำ เราฟังก็รู้อยู่ จึงรู้ความจริงว่า จริงๆคนที่ขายของตามร้านพวกนี้ บางคนเค้าก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรหรอก มั่วๆเยอะ เพราะเครื่องที่ผมซื้อไปมีปัญหาคือมันเล่น USB แล้วค้าง คนขายบอกว่ามันก็ปกตินะเพราะคนที่ซื้อไปเค้าไม่ใช้ USB กันหรอก เค้าใช้เล่นแผ่นกัน ถ้าจะเล่น USB ก็ไปใช้เครื่อง DVD ทั้วไปดีกว่า ผมคิดในใจถ้ามันเล่นไม่ได้เค้าจะทำมาทำไม ที่ผมมาซื้อเครื่อง CD พวกนี้คือเราต้องการภาค DAC ที่มีคุณภาพในตัวเครื่องของมัน แต่ผมก็เงียบๆนะ เพราะเราเอาของมาเปลี่ยน จนสุดท้ายผมก็ซื้อ CD marantz 6005 กลับไป พอกลับมาฟังที่ห้อง ก็ยอมรับว่าเสียงโดนใจขึ้น พอใจละ
ต่อมา ผมเริ่มรู้สึกว่าชุดของผมมันขาดเบสไปน้า เพราะผมใช้ Tannoy ลำโพงวางหิ้ง ก็เริ่มเกิดความคิดที่จะซื้อ ซับวูฟเฟอร์สักตัว แต่ราคามันก็สัก 1 หมื่นต้นๆ ได้ จนผมได้ไปเดินๆที่เซียร์ ที่ชั้น 4 ร้าน PP Hifi ก็ได้มีโอกาสลองฟังลำโพง AR M4 เป็นลำโพงตั้งพื้นสามทางอายุน่าจะ 20 ปีได้ละ ปรากฎว่า หืมมม นี่ล่ะ เสียงที่ครบครันมันมีอยู่จริง เบสทุ้มนุ่มลึก แหลมใส ไม่บาดหู ละเอียดเนียนจริงๆ เบสอาจจะไม่มากเท่าซับนะ ก็เลยตัดสินใจซื้อมาด้วยราคา 14,000 บาท พอเอากลับมาที่ห้องก็ต่อเข้ากับแอมป์ NAD326BEE + CD Marantz เสียงที่ได้จะออกแนว สดใส นิ่มๆ นุ่มนวล และได้รู้จักสัมผัส กับคำว่าเสียงละเอียดเป็นยังไง จึงเชื่อเลยว่าเมื่อก่อนเครื่องเสียงที่นิยมกันก็จะเป็น แอมป์ NAD คู่กับ ลำโพง AR มันเข้ากันจริงๆนะ ก็เป็นความรู้ใหม่สำหรับผม
ไปๆมาๆ Tannoy ผมเหลืออ่ะดิ ทำไงดี เลยคิดว่าจะเอาคู่นี้ไปให้พ่อฟังที่บ้าน ก็เลยต้องหาแอมป์สักตัว คราวนี้ไม่ได้คิดอะไรมากมายไปซื้อแอมป์มือสองมา Yamaha AVC 30 มันคล้าย AVR แต่เขียนว่า Stereo amplifier ตัวนี้อายุน่าจะ 27 ปีได้ละ กำลังขับน่าจะ 80W ผมซื้อมาในราคา 2,600 บาท พอได้มาลองฟังกับลำโพง Tannoy V1i จึงตกตะลึงว่าทำไมมันช่างเข้ากันขนาดนี้ ไม่เคยได้ยินเสียงเบสแบบนี้ แหลมใส สดๆหน่อย จึงได้มีความรู้เพิ่มขึ้นมาว่า จริงๆแล้ว Tannoy V1i เป็นลำโพงความไวต่ำ ขับยาก (ที่ผ่านมาแอมป์ 326BEE มันขับออกไม่หมดหรือเนี่ย) ต้องใช่แอมป์กำลังสูงๆ มันไพเราะจริงๆนะ แต่เสียงไม่ได้ละเอียดมาก อาจจะเป็นสไตล์ของแอมป์ด้วยล่ะ จึงได้รู้ว่าถ้าคนที่ชอบเสียงที่มีความสดใส กรุ๊งกริ๊ง ควรจะไปมองแอมป์ยี่ห้ออื่นที่ไม่ใช่ NAD
ต่อมาผมอัพสายลำโพง จากเดิมเป็นของ Inakustik ถูกๆ เป็นสายลำโพง Supra rondo 4x2.5 ยอมรับเลยว่า เสียงดีขึ้นชัดเจน จากเสียงเบสที่หลวมๆ ก็จะกระชับ แน่นขึ้น เสียงแหลมมีประกายขึ้น
แล้วผมก็สงสัยเรื่องของ สายไฟ AC ผมก็ได้หาสายไฟขนาด 2.5 mm. พร้อมเข้าหัวดีๆ มาเปลี่ยนที่แอมป์และเครื่องเล่น CD ผลปรากฎว่า สำหรับผมเสียงก็ดีขึ้นนะ แต่ไม่ได้แตกต่าง Before/After อย่างชัดเจน เสียงที่พอจะสังเกตุได้ก็จะเป็นเสียงร้องเหมือนกับว่าจะลากยาวขึ้น สรุปว่างั้นๆล่ะ เพราะฟังยากจริงๆ เพราะถ้าอยากจะต่างมากๆ คงต้องของแพงๆมากมั้ง
*สรุป สุดท้าย สิ่งที่ผมจะสรุปให้ฟังจากประสบการณ์โดยตรงของผมจากเนื้อหาที่เล่ามาก็คือ
1. DAC Dragonfly สามารถทำให้เสียงเพลงจากคอมดีขึ้น จะมีคุณภาพเทียบเท่ากับฟังจากเครื่องเล่น CD marantz 6005
2. จัดลำดับความสำคัญของระบบดังนี้ (จัดยากนะ เอาคร่าวๆสำหรับมือใหม่ สไตล์ผมละกันนะ)
1) ลำโพงดีๆ ที่บุคลิกเสียงตอบโจทย์เรา 40%
2) แอมป์ดีๆ ที่สามารถขับลำโพงเราได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 35%
3) สายลำโพงดีๆ อันนี้ไม่ต้องแพงมากหรอก หลักพันก็พอละ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเปล่งเสียงออกมาก 10%
4) เครื่องเล่น 10%
ถ้าเล่นไฟล์เพลง โดยเล่นจากเครื่องบลูเรย์หรือเครื่อง CD/DVD ระดับล่างถึงดีกลางๆ(ราคา 2,000-20,000) คุณภาพเสียงจะเทียบเท่ากับเล่นจากคอม+ DAC
ถ้าเล่นจากแผ่น โดยเล่นจากเครื่องเล่น BD/CD/DVD เสียงจะดีกว่า ชัดเจนกว่า เล่นแผ่นจากคอม+DAC
5) สิ่งที่ไม่ต้องเน้นมากนักก็คือ สายสัญญาณ และสายไฟ หัวปลั๊กไฟต่างๆ เอาที่มันปลอดภัยก็พอละ 5%
3. สิ่งที่ควรลงทุนให้กับระบบ ที่ควรเน้นให้ความสำคัญก็คือ ลำโพงดีๆ แอมป์ดีๆ และสายลำโพงดีๆ(จะอัพเพิ่มก็ได้ หลังจาก Fix แอมป์และลำโพงแล้ว)
4. อันนี้ไปอ่านมาจำได้ว่า มีคนบอกไว้ว่า คุณภาพเสียงจะเพิ่มขึ้นตามราคา แต่ความคุ้มค่าก็จะลดน้อยลงมา อันนี้เป็นเรื่องจริงครับ
5. การจะซื้อเครื่องเสียงอย่าใจร้อนครับ ฟังเยอะๆ มั่นใจ ถูกใจ สบายใจ แล้วค่อยซื้อนะครับ ไม่ต้องเชื่อคนอื่นมาก แต่ล่ะคนชอบไม่เหมือนกัน ฟังพอเป็นแนวทางได้ แล้วก็อย่าคิดที่จะประหยัดแบบเกินไปเหมือนผม มันจะได้ของไม่ถูกใจ
6. แถมให้นิดนึง ลักษณะเสียงของแอมป์แต่ละยี่ห้อเท่าที่เคยสัมผัส
- NAD จะให้ลักษณะเสียงที่เป็นกลางๆ แหลมมาครบ เบสมาครบ แต่ไม่โดดเด่นชัดเจน เน้นความละเอียด ตามต้นฉบับ ถ้าอัดเสียงมาห่วย จะฟังเพลงห่วยไปเลย จะหวังมาปรับ ทุ้มแหลมช่วย ไม่ได้นะครับเพราะปรับไม่ค่อยขึ้น แต่ยี่ห้ออื่นอาจช่วยคุณได้
- Yamaha เป็นแอมป์ที่มีความสดใส เบสแน่นๆ อาจจะแข็งกร้าวหน่อยๆ แต่เพราะครับ
- Marantz เคยฟังนิดๆ ผ่านๆ ถือว่าเป็นแอมป์ที่มีเสียงกรุ๊งกริ๊งดี ใสๆ หวานๆ เพราะดี แล้วก็มีปุ่ม Loudness(กดแล้วเสียงดีขึ้น แต่ไม่รู้ว่าจริงๆแล้ว เสียงควรจะดีตั้งแต่ไม่ได้กดรึเปล่า) เบสพอประมาณ
- Cambridge เคยฟังผ่านๆ จะเด่นแหลม เบสบางๆ
- Onkyo เคยฟังมา ไม่ชอบเลยหรือว่ารุ่นนั้นไม่ดีก็ไม่รู้ เสียงค่อนข้างหยาบๆ แหลมจัดกัดหู แข็งมาก
ทั้งหมดนี้ เป็นความเห็นส่วนตัวของผมเท่านั้น มีจุดประสงค์เพื่อต้องการให้คำแนะนำมือใหม่ที่ไม่รู้จะไปถามใคร ก็อยากจะสรุปให้เป็นประโยชน์มาแชร์กัน เพื่อไม่ต้องเสียตังค์โดยใช่เหตุมากเกินไป ไม่ได้มีจุดประสงค์มาอวดอ้างความรู้ใดๆทั้งสิ้น
Best regard
[CR] มือใหม่เล่นเครื่องเสียงบ้านจากประสบการณ์จริง
เครื่องเสียงหลักๆในปัจจุบันนี้ เท่าที่ผมรู้คือมีสองแบบ คือ
1. ชุดดูหนัง ก็จะเป็นเครื่อง AVR แล้วก็จะมีช่องต่อลำโพงเยอะแยะ
2. ชุดฟังเพลง ก็จะเป็นแอมป์ 2 channel stereo ซ้าย ขวา
ผมก็ได้ไปลองนะครับที่ปิยะนัส เซียร์ เพราะเค้ามีเครื่องเสียงเยอะแยะ เราจะเล่นเครื่องดีๆ ก็ไม่รู้จะไปร้านไหน ก็ไปขอลองฟังปราฎว่า ผมรู้ตัวเองเลยว่าชุดฟังเพลงมันเข้ากับความต้องการของผมมากกว่า มันให้เสียงที่ชัดเจนกว่า มันเหมาะกับการฟังเพลงจริงๆ ต่อมาผมก็เริ่มศึกษาชุดฟังเพลงว่าจะเอาลำโพงยี่ห้อไหนดี แอมป์ยี่ห้อไหนดี ผมก็ได้ไปลองฟังอยู่หลายครั้ง
ครั้งที่ 1 เริ่มแรกไปที่ปิยะนัสเค้าก็เชียร์ลำโพง Polk อยู่หลายครั้ง จนผมรีบร้อนเกือบจะซื้อก็ตัว Polk TSX330 กับแอมป์ Cambridge จำรุ่นไม่ได้ ลำโพงคู่นี้จะให้เสียงเบสที่เยอะดี แต่ติดที่ว่าเสียงแหลมมีน้อยมาก ต้องเร่งแหลมช่วย ก็เลยไม่เอา
ครั้งที่ 2 ไปเดินๆที่ Home pro รังสิต ตอนนั้นยังมีบู้ท Conice ก็ได้ไปลองๆ ฟัง แอมป์ NAD316BEE กับ ลำโพง PSB Alpha T1 เพราะมันลดราคา ก็ฟังมาเรื่อยๆ ยังรู้สึกว่า เสียงมันออกแข็งๆ ลำโพงยังไม่โดนใจ
ครั้งที่ 3 ไปที่เดอะมอลล์ บางแค ได้ไปลองฟังลำโพง Tannoy V1i ปรากฎว่าเสียงแหลมใสดี โดนใจเลย แต่เบสน้อยไปนิดนึง ก็พอรับได้ก็เล็งๆไว้ จะเอาละ แล้วก็เดินพ้นไปที่บู้ท Conice เพื่อที่จะไปซื้อแอมป์ NAD316 BEE เพราะมีความเชื่อว่ากำลังสำรองดี ขับได้อยู่ละ แต่สมัยนั้นคนขายตัวเล็กๆสาขานี้ พูดจาไม่ดีจริงๆ เห็นเราแต่งตัวไปธรรมดาๆ เลยบริการไม่ดี ผมก็เลยไม่ซื้อ และผมได้เขียนข้อความไปทางเฟสบุ๊ค Conice แจ้งเค้าไปว่าเหตุการณ์เป็นยังไง ทาง Conice ก็แสดงความรับผิดชอบ ขอโทษ พร้อมส่วนลด 1,000 บาท
ครั้งที่ 4 ผมโทรไปที่ปิยะนัสว่ามีลำโพง Tannoy V1i มั้ย เค้าบอกว่ามี ผมก็เลยไปซื้อลำโพงที่นั่น แล้วก็พ้นไปที่ บ้านทวาทศิลป์ เพื่อจะซื้อ NAD316BEE 40W ที่เล็ง NAD เพราะว่าคุณลุงใช้ NAD 3040 คุณอาใช้ NAD 304 จนก่อนจะซื้อก็ได้ลองเทียบกับ 326BEE 50W ก็เลยได้รู้ว่า แอมป์ที่กำลังวัตต์เยอะกว่าจะให้เสียงที่เพราะกว่า เสียงร้องยาวกว่า ก็เลยตัดสินใจซื้อแอมป์ 326BEE เรามีส่วนลดนี่ ฮ่าๆ ตอนลองที่ร้านผมลองกับลำโพง PSB B6 มั้ง เป็นลำโพงที่ไพเราะหวานๆดีนะ ไม่กล้าลองกับลำโพงที่เราซื้อมา
ชุดเครื่องเสียงของผมชุดแรกที่มีก็คือ แอมป์ NAD326BEE กับ ลำโพง Tannoy V1i โดยใช้โน๊ตบุ้คเล่นไฟล์เพลง MP3 แนวเสียงจะออกแนว ใสๆ แต่ไม่สดใสมากเพราะแอมป์ NAD จะให้เสียงที่เป็นกลางๆ ไม่เด่นด้านใดมากนักจริงๆ อย่างที่เขาว่ากัน (เสียดาย ID ผมลงรูปไม่ได้) ก็พอใจในเสียงที่ได้ระดับบนึง
แต่พอเราไปอ่านศึกษาต่อมาว่า เล่นไฟล์กับคอม มันต้องมี DAC นะ เสียงจะดีขึ้น ผมก็เลยอยากได้ขึ้นมาทันที ก็ไปศึกษามา จนสุดท้ายได้เจ้า DAC Dragonfly จากปิยะนัสมาราคา 5,500 บาท : ผลที่ได้เมื่อนำมาเสียบต่อกับคอม ผมว่ามันให้คุณภาพเสียงดีเลยนะ เบสก็จะอัพขึ้นมา แหลมก็ชัดขึ้น ให้รายละเอียดขึ้นมาได้ดีเลยล่ะ อันนี้เห็นผลจริงๆ สำหรับผมนะ เพราะ DAC ตัวนี้ก็เปรียบเสมือนมีแอมป์ตัวน้อยขยายก่อน 1 ขั้นตอนก่อนส่งสัญญาณให้กับแอมป์ สรุปว่า DAC ตัวนี้สามารถให้รายละเอียดของเสียงได้ดีขึ้น ถือว่าคุ้มค่าครับ แล้วก็ได้ไปซื้อสายสัญญาณ Audioquest evergreen ราคา 1,500 บาท มาใช้เพื่อหวังว่าจะเติมเต็มให้ DAC ปรากฎว่าไม่ได้ต่างอะไรขึ้นมามากมายจากสายธรรมดา อาจจะมีแหลมประกายขึ้นมานิดนึง (นิดนึงจริงๆ แต่เราซื้อมาเพื่อความสบายใจ)
ต่อมาเกิดความคาใจว่าชุดเรายังไม่ครบนะขาดเครื่องเล่นดีๆสักตัว เสียงน่าจะดีกว่าเล่นกับโน้ตบุ้คนะ ก็ไปดูๆ พวกเครื่องเล่นบลูเรย์ DENON เสียงดีใช้ได้นะ เล่นไฟล์ได้เยอะแยะเลย ดูหนังได้ด้วย แต่เสียงจะออกแนวแข็งๆไปนิดนึง เมื่อฟังเทียบกับ CD Player Marantz CD6005 จะให้ความหวานสดใส เบสชัดแน่นขึ้น เสียงร้องจะหวานๆ แต่ถ้าถามว่าต่างกันมากมั้ย ตอบได้เลยว่าไม่มากหรอกแต่ราคาต่างกันมากนะ 5 พันได้ ตอนนั้นไปลองที่ Hifi histyle แต่ก็ได้ลองเครื่องเล่นอีกตัวนึงก็คือ Yamaha S300 ตัวนี้เสียงจะพอๆกับเครื่องบลูเรย์ DENON DBT 1713
ถ้าเรียงลำดับคุณภาพเสียงจากความรู้สึกส่วนตัวของผมก็คือ Marantz CD6005 > DENON DBT 1713 > Yamaha S300
ผมยังไม่ค่อยมั่นใจก็เลยกลับมาคิดก่อนจะซื้อ จนคิดได้ว่าเราเอามาฟังเพลงควรจะเอาเครื่องฟังเพลงโดยเฉพาะดีกว่าแต่ครั้งนี้ซื้อด้วยความอยากได้แต่งบน้อย จึงเลือกซื้อ Yamaha S300 เพราะคิดเข้าข้างตัวเองว่ามันโอเคกว่าเครื่องเล่น DVD ทั่วไปก็พอละ และได้ไปซื้อที่ปิยะนัส เพราะราคาถูกกว่า Hifi histyle ไม่แน่ใจตอนนั้นที่ปิยะนัสน่าจะราคา 12,000 บาท แต่พอเอากลับมาฟังที่ห้องเปิดเทียบกับเครื่องเล่น DVD Panasonic ปี2003 ราคา 6,000 บาท ปรากฎว่าเสียงต่างกันน้อยมาก จึงแอบเสียใจนิดนึง แต่โชคดีที่พอใช้ๆไป เครื่องเล่นที่ซื้อมามีปัญหาพอดี ก็เอาไปเปลี่ยนที่ร้านปิยะนัส แต่รุ่น Yamaha S300 ไม่มีของ คนขายบอกว่าจะเปลี่ยนรุ่นก็ได้ พอดีว่ามี marantz CD6005 มือสองอยู่ ราคา 15,000บาท แต่คนขายก็บอกว่า จริงๆ Yamaha ก็เสียงดีนะ ออกแนวใสๆกว่า ผมคิดในใจมันจะใสได้ไงมันทึบๆด้วยซ้ำ เราฟังก็รู้อยู่ จึงรู้ความจริงว่า จริงๆคนที่ขายของตามร้านพวกนี้ บางคนเค้าก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรหรอก มั่วๆเยอะ เพราะเครื่องที่ผมซื้อไปมีปัญหาคือมันเล่น USB แล้วค้าง คนขายบอกว่ามันก็ปกตินะเพราะคนที่ซื้อไปเค้าไม่ใช้ USB กันหรอก เค้าใช้เล่นแผ่นกัน ถ้าจะเล่น USB ก็ไปใช้เครื่อง DVD ทั้วไปดีกว่า ผมคิดในใจถ้ามันเล่นไม่ได้เค้าจะทำมาทำไม ที่ผมมาซื้อเครื่อง CD พวกนี้คือเราต้องการภาค DAC ที่มีคุณภาพในตัวเครื่องของมัน แต่ผมก็เงียบๆนะ เพราะเราเอาของมาเปลี่ยน จนสุดท้ายผมก็ซื้อ CD marantz 6005 กลับไป พอกลับมาฟังที่ห้อง ก็ยอมรับว่าเสียงโดนใจขึ้น พอใจละ
ต่อมา ผมเริ่มรู้สึกว่าชุดของผมมันขาดเบสไปน้า เพราะผมใช้ Tannoy ลำโพงวางหิ้ง ก็เริ่มเกิดความคิดที่จะซื้อ ซับวูฟเฟอร์สักตัว แต่ราคามันก็สัก 1 หมื่นต้นๆ ได้ จนผมได้ไปเดินๆที่เซียร์ ที่ชั้น 4 ร้าน PP Hifi ก็ได้มีโอกาสลองฟังลำโพง AR M4 เป็นลำโพงตั้งพื้นสามทางอายุน่าจะ 20 ปีได้ละ ปรากฎว่า หืมมม นี่ล่ะ เสียงที่ครบครันมันมีอยู่จริง เบสทุ้มนุ่มลึก แหลมใส ไม่บาดหู ละเอียดเนียนจริงๆ เบสอาจจะไม่มากเท่าซับนะ ก็เลยตัดสินใจซื้อมาด้วยราคา 14,000 บาท พอเอากลับมาที่ห้องก็ต่อเข้ากับแอมป์ NAD326BEE + CD Marantz เสียงที่ได้จะออกแนว สดใส นิ่มๆ นุ่มนวล และได้รู้จักสัมผัส กับคำว่าเสียงละเอียดเป็นยังไง จึงเชื่อเลยว่าเมื่อก่อนเครื่องเสียงที่นิยมกันก็จะเป็น แอมป์ NAD คู่กับ ลำโพง AR มันเข้ากันจริงๆนะ ก็เป็นความรู้ใหม่สำหรับผม
ไปๆมาๆ Tannoy ผมเหลืออ่ะดิ ทำไงดี เลยคิดว่าจะเอาคู่นี้ไปให้พ่อฟังที่บ้าน ก็เลยต้องหาแอมป์สักตัว คราวนี้ไม่ได้คิดอะไรมากมายไปซื้อแอมป์มือสองมา Yamaha AVC 30 มันคล้าย AVR แต่เขียนว่า Stereo amplifier ตัวนี้อายุน่าจะ 27 ปีได้ละ กำลังขับน่าจะ 80W ผมซื้อมาในราคา 2,600 บาท พอได้มาลองฟังกับลำโพง Tannoy V1i จึงตกตะลึงว่าทำไมมันช่างเข้ากันขนาดนี้ ไม่เคยได้ยินเสียงเบสแบบนี้ แหลมใส สดๆหน่อย จึงได้มีความรู้เพิ่มขึ้นมาว่า จริงๆแล้ว Tannoy V1i เป็นลำโพงความไวต่ำ ขับยาก (ที่ผ่านมาแอมป์ 326BEE มันขับออกไม่หมดหรือเนี่ย) ต้องใช่แอมป์กำลังสูงๆ มันไพเราะจริงๆนะ แต่เสียงไม่ได้ละเอียดมาก อาจจะเป็นสไตล์ของแอมป์ด้วยล่ะ จึงได้รู้ว่าถ้าคนที่ชอบเสียงที่มีความสดใส กรุ๊งกริ๊ง ควรจะไปมองแอมป์ยี่ห้ออื่นที่ไม่ใช่ NAD
ต่อมาผมอัพสายลำโพง จากเดิมเป็นของ Inakustik ถูกๆ เป็นสายลำโพง Supra rondo 4x2.5 ยอมรับเลยว่า เสียงดีขึ้นชัดเจน จากเสียงเบสที่หลวมๆ ก็จะกระชับ แน่นขึ้น เสียงแหลมมีประกายขึ้น
แล้วผมก็สงสัยเรื่องของ สายไฟ AC ผมก็ได้หาสายไฟขนาด 2.5 mm. พร้อมเข้าหัวดีๆ มาเปลี่ยนที่แอมป์และเครื่องเล่น CD ผลปรากฎว่า สำหรับผมเสียงก็ดีขึ้นนะ แต่ไม่ได้แตกต่าง Before/After อย่างชัดเจน เสียงที่พอจะสังเกตุได้ก็จะเป็นเสียงร้องเหมือนกับว่าจะลากยาวขึ้น สรุปว่างั้นๆล่ะ เพราะฟังยากจริงๆ เพราะถ้าอยากจะต่างมากๆ คงต้องของแพงๆมากมั้ง
*สรุป สุดท้าย สิ่งที่ผมจะสรุปให้ฟังจากประสบการณ์โดยตรงของผมจากเนื้อหาที่เล่ามาก็คือ
1. DAC Dragonfly สามารถทำให้เสียงเพลงจากคอมดีขึ้น จะมีคุณภาพเทียบเท่ากับฟังจากเครื่องเล่น CD marantz 6005
2. จัดลำดับความสำคัญของระบบดังนี้ (จัดยากนะ เอาคร่าวๆสำหรับมือใหม่ สไตล์ผมละกันนะ)
1) ลำโพงดีๆ ที่บุคลิกเสียงตอบโจทย์เรา 40%
2) แอมป์ดีๆ ที่สามารถขับลำโพงเราได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 35%
3) สายลำโพงดีๆ อันนี้ไม่ต้องแพงมากหรอก หลักพันก็พอละ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเปล่งเสียงออกมาก 10%
4) เครื่องเล่น 10%
ถ้าเล่นไฟล์เพลง โดยเล่นจากเครื่องบลูเรย์หรือเครื่อง CD/DVD ระดับล่างถึงดีกลางๆ(ราคา 2,000-20,000) คุณภาพเสียงจะเทียบเท่ากับเล่นจากคอม+ DAC
ถ้าเล่นจากแผ่น โดยเล่นจากเครื่องเล่น BD/CD/DVD เสียงจะดีกว่า ชัดเจนกว่า เล่นแผ่นจากคอม+DAC
5) สิ่งที่ไม่ต้องเน้นมากนักก็คือ สายสัญญาณ และสายไฟ หัวปลั๊กไฟต่างๆ เอาที่มันปลอดภัยก็พอละ 5%
3. สิ่งที่ควรลงทุนให้กับระบบ ที่ควรเน้นให้ความสำคัญก็คือ ลำโพงดีๆ แอมป์ดีๆ และสายลำโพงดีๆ(จะอัพเพิ่มก็ได้ หลังจาก Fix แอมป์และลำโพงแล้ว)
4. อันนี้ไปอ่านมาจำได้ว่า มีคนบอกไว้ว่า คุณภาพเสียงจะเพิ่มขึ้นตามราคา แต่ความคุ้มค่าก็จะลดน้อยลงมา อันนี้เป็นเรื่องจริงครับ
5. การจะซื้อเครื่องเสียงอย่าใจร้อนครับ ฟังเยอะๆ มั่นใจ ถูกใจ สบายใจ แล้วค่อยซื้อนะครับ ไม่ต้องเชื่อคนอื่นมาก แต่ล่ะคนชอบไม่เหมือนกัน ฟังพอเป็นแนวทางได้ แล้วก็อย่าคิดที่จะประหยัดแบบเกินไปเหมือนผม มันจะได้ของไม่ถูกใจ
6. แถมให้นิดนึง ลักษณะเสียงของแอมป์แต่ละยี่ห้อเท่าที่เคยสัมผัส
- NAD จะให้ลักษณะเสียงที่เป็นกลางๆ แหลมมาครบ เบสมาครบ แต่ไม่โดดเด่นชัดเจน เน้นความละเอียด ตามต้นฉบับ ถ้าอัดเสียงมาห่วย จะฟังเพลงห่วยไปเลย จะหวังมาปรับ ทุ้มแหลมช่วย ไม่ได้นะครับเพราะปรับไม่ค่อยขึ้น แต่ยี่ห้ออื่นอาจช่วยคุณได้
- Yamaha เป็นแอมป์ที่มีความสดใส เบสแน่นๆ อาจจะแข็งกร้าวหน่อยๆ แต่เพราะครับ
- Marantz เคยฟังนิดๆ ผ่านๆ ถือว่าเป็นแอมป์ที่มีเสียงกรุ๊งกริ๊งดี ใสๆ หวานๆ เพราะดี แล้วก็มีปุ่ม Loudness(กดแล้วเสียงดีขึ้น แต่ไม่รู้ว่าจริงๆแล้ว เสียงควรจะดีตั้งแต่ไม่ได้กดรึเปล่า) เบสพอประมาณ
- Cambridge เคยฟังผ่านๆ จะเด่นแหลม เบสบางๆ
- Onkyo เคยฟังมา ไม่ชอบเลยหรือว่ารุ่นนั้นไม่ดีก็ไม่รู้ เสียงค่อนข้างหยาบๆ แหลมจัดกัดหู แข็งมาก
ทั้งหมดนี้ เป็นความเห็นส่วนตัวของผมเท่านั้น มีจุดประสงค์เพื่อต้องการให้คำแนะนำมือใหม่ที่ไม่รู้จะไปถามใคร ก็อยากจะสรุปให้เป็นประโยชน์มาแชร์กัน เพื่อไม่ต้องเสียตังค์โดยใช่เหตุมากเกินไป ไม่ได้มีจุดประสงค์มาอวดอ้างความรู้ใดๆทั้งสิ้น
Best regard