เพื่ออรรถรสในการเล่า จะขอท้าวความก่อนละกันเนอะ คือเมื่อปลายปีที่ผ่านมาอ่ะเราทราบข่าวว่าเพื่อนสนิทเราไม่สบายละบ่นๆท้อๆในเฟสไรงี้แหละว่าเหนื่อยกับการป่วยอยากกลับบ้านที่ต่างจังหวัด เราเลยโทรหาละคุยกันละจนรู้ว่านางไม่สบายเป็นโรคผิวหนังไรงี้ นางก็ร้องไห้ตามประเกย์รับอ่ะน่ะ เราเลยบอกนางไปว่าเทอเอางี้ละกัน ยังไงเทอก็กลับมาบ้านก่อนแล้วเดี๋ยวชั้นจะพาไปหาหมอที่ศูนย์โรคผิวหนัง ชั้นรับรองว่าเทอต้องกลับมาสวยและสตรองเหมือนเดิม แต่ตอนนี้เทออย่าคิดมากใจเย็นๆก่อนละกันเดี๋ยวมันก็หาย จนถึงวันที่นางกลับต่างจังหวัดไอเราก็กลัวตื่นสายเลยนอนเล่นเกมส์จนถึงตี 5 ละขับรถไป บขส.ในเมือง นี่ก็นั่งรอในรถด้วยความง่วงแต่ก็เอะใจว่าทำไมเลทจังเพื่อนสาวก็ยังไม่โทรมาหรือติดต่อมาสักที เลยลองโทรไปสรุปนางก็นั่งอยู่ม้าหินหน้ารถตรูนี่แหละ ทันทีที่เห็นคือชั้นจำนางไม่ได้ นางแต่งตัวมิดชิดด้วยเสื้อแจ็คเก็ตคลุมหัวแขนยาวขายาวไม่เผยให้เห็นใบหน้า (ใครเป็นตรูก็ต้องจำไม่ได้) เราเลยลงไปรับของและเอาของขึ้นรถ หลังจากนั้นก็ขับรถกลับบ้านละนางก็สารภาพความจริงว่านางติดเชื้อ HIV พร้อมโชว์แผลที่หน้าท้องและพูดว่าเทอคือเพื่อนคนแรกที่ชั้นเลือกจะบอกแล้วน้ำตานางก็คลอเบ้า (พีคมั้ยล่ะบอกตอนอยู่ในรถกันสองต่อสอง สารภาพว่าตอนนั้นสตั้นและกลั้นหายใจไป 5 วิ) ในตอนนั้นเอาจริงๆคือไม่ได้รังเกียจเลย กลับเป็นว่ารู้สึกหดหู่

เพราะกลัวเพื่อนจะตายกลัวจะไม่มีคนเม้าท์หรือคนคุยด้วยเนื่องจากเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนแต่ห่างๆกันตอนเข้ามหาลัยแต่ก็ไม่เคยขาดการติดต่อเพราะเรามีเฟสบุ๊คไว้ติดตามกัน ละนางก้เล่าให้ฟังรายละเอียดเบื้องต้นคร่าวๆเลยรู้ว่า นางเพิ่งทราบเหมือนกันว่าตัวเองติดเชื้อเมื่อ 10 วันก่อนกลับบ้านโดยที่นางก้ไม่ทราบว่าเป็นระยะไหนหรืออย่างไร เลยบอกไปว่าเดี๋ยวชั้นจะพาเทอไปหาหมอเองไม่ต้องห่วงเพราะชั้นเชื่อว่าเทอยังต้องอยู่ได้อีกนาน พอใกล้ถึงบ้านเลยบอกว่าเดี๋ยวแวะให้ไรกินก่อนน่ะแกมื้อนี้ชั้นเลี้ยงเอง นางก็บอกว่า "เทอไม่รังเกียจชั้นหลอที่ต้องนั่งกินร่วมกับชั้น" (สตั้นไปอีก 3 วิละตรู เอิ่ม!! หดหู่กว่าเก่าอีก) เลยบอกไปว่าคิดมากป่าวเทอมันไม่ได้ติดกันง่ายๆขนาดนั้น นางเลยรีเควสร้านที่คนน้อยๆหลบมุมแบบไม่เจอคนรู้จัก (จะขนาดนี้ซื้อกลับไปกินบ้านเถอะค่ะ) แต่ก็ทำตามใจนางอ่ะน่ะเพราะตอนนั้นสมองชั้นในหัวคิดแค่ว่า ทำไง ทำไง ทำไง จนกินเสร็จก้ถึงเวลาไปส่งนางที่บ้าน นางก็รีเควสอีกว่าถ้าส่งเสร็จก็ขับรถออกไปเลย (แต่ในความเป็นมันทำไม่ได้ฮีหลอก บ้านทางตันค่ะคูต้องกลับหัวรถหน้าบ้านก่อน) นางก็บ่นๆในรถว่าเดี๋ยวเจอหน้าแม่ แม่ต้องดราม่าชัวร์ และแล้วพอมาถึงบ้านแม่นางก็ยืนอยู่บ้านพอดี เลยลงไปสวัสดีและเอาของลงให้นาง ทันทีที่เจอหน้ากันนางก็โผล่เข้ากอดแม่เพราะนางไม่ได้กลับบ้านมาเกือบ 2 ปีละ ผิดคาดจ้าไม่มีใครร้องไห้ (ผิดคาดยิ่งกว่าจ้าเพราะชั้นนั่งร้องไห้อยุ่ในรถที่เห็นแม่ลูกเค้าเจอหน้ากัน) พอขับรถออกมาเลยเลือกที่จะโทรหาแม่และเล่าให้ฟัง เล่าไปได้ท่อนนึงแม่ก็บอกว่า น้องไปโดนตัวเค้ามั้ย? น้องเอารถไปล้างด้วยน่ะ (แม่เวิ่นเว๊อไปละ เท ตัดสายทิ้งค่ะ) บางทีผู้ใหญ่ก็ยังเข้าใจอะไรผิด พอถึงบ้านก็กะมานอนต่อเพราะนี่ก้เกือบ 10 โมงละ (มะคืนเล่นใหญ่กลัวตื่นสายเลยไม่นอนทั้งคืนมันซะเลย) กลับมาก็อาบน้ำเข้านอน (หเรี้ย) นอนไม่หลับเพราะในหัวคิดเรื่องนี้แบบ วนไปค่ะ วนไปค่ะ วนไปอีกค่ะ ซ้ำๆหลายรอบมาก
เลยตัดสินใจโทรหาพี่พยาบาลที่รู้จักกันว่ามีแนวต่างปฏิบัติอย่างไร ต้องหาหมอที่ไหน เริ่มต้นอย่างไร เค้าก็แนะนำมาและนัดเข้าตรวจวันอังคาร เราก็โอเคเลยโทรหาเพื่อนสาวว่า เทอชั้นนัดหมอให้แล้วน่ะเดี๋ยวอังคารเช้าชั้นไปรับที่บ้าน ละถามต่อว่าจะให้เพื่อนสนิทชะนีอีกคนรู้มั้ย นางก็บอกว่าโอเคเลยโทรไปเล่าให้เพื่อนชะนีฟัง ชะนีก้ช๊อคและสงสาร เราเลยตกลงกันว่าเดี๋ยวเราจะอาสาสลับกันพาไปหาหมอเผื่อใครคนใดคนหนึ่งไม่ว่างจะได้ไปแทนกันได้ จนถึงวันนัดก็พานางมาตามนัดเข้าตรวจเลือดเสร็จ ตรวจซิลิโฟ ตรวจฯลฯ อ่ะน่ะ พอรับผลเลือดเค้าก็พาไปเป็นสมาชิกสมาคมฟ้าสีรุ้งเพื่อรับสิทธิยกเว้นค่ายาอะไรประมาณนั้นนี่แหละ และนัดรับยาอีก 2 อาทิตย์ แล้วก็มาส่งนางที่บ้านพร้อมคำพูดส่งท้ายว่า "ถ้าเทอว่างเทอก็มานั่งคุยกับชั้นบ้างน่ะ ชั้นเหงา" ถึงเทอไม่บอกชั้นก็จะแวะมาเรื่อยๆ ในใจตอนนั้นก็อยากให้นางได้รับยาไวไวเพราะผื่นที่ผิวหนังตามร่างกายค่อนข้างเยอะและเห็นได้ชัดเจน จนครบ 2 อาทิตย์ไปรับยา สรุปนางแพ้ยาและต้องแอดมิตด้วย ตอนนั้น นน.นางเหลือน้อยและผอมมากแบบกินไรไม่ได้ ก็ได้แต่บอกนางว่าเทอต้องผ่านจุดนี้ไปให้ได้ พอผ่านตรงนี้ได้เทอก็จะอยู่ได้อีกนาน (ความรู้สึกตอนนั้นหดหู่อิ้บหาย) จนถึงตอนนี้อาการนางก็ยังทรงตัว และเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาชั้นกับเพื่อนอีกคนเลยอาสาไปเก็บของให้นางที่ห้องเช่าในซอย มหาดไทย หลังจากปิดตายจ่ายค่าเช่าฟรีๆมา 4 เดือนละ เพราะไม่อยากให้แม่นางขึ้นมาเกรงว่าจะไม่สะดวกเรื่องการเดินทาง สิ่งที่นางบอกคือให้เก็บรองเท้ากีฬา ไม้แบต (นางชอบตีแบตเป็นชีวิตจิตใจประดุจตัวเองเป็นรัชนก อินทนนท์) และที่อดขำไม่ได้คือนางสั่งให้เก็บครีมทาหน้ากลับให้ด้วย (ไอเราก็คิดน่ะว่านางก็ยังมีกำลังใจและคิดว่าซักวันตัวเองจะได้กลับมาทาครีมอีก ก็ดีน่ะ) หลังเปิดประตูก็เจอข้อความแปะหน้ากระจกว่า " .....คนเดิมต้องกลับมา" แมแห้ง หดหู่อิ้บหาย
จริงๆเพื่อนเราคนนี้เป็นเรียบร้อยน่ะ ค่อนข้างอ่อนเรื่องเพศสัมพันธ์จึงอาจจะละเลยเรื่องการป้องกันไรงี้ด้วย และจากที่ทราบเบื้องต้นนางก็คบไม่กี่คน ไม่ได้มั่วหรือยังไงน่ะแต่อาจจะโชคร้ายหน่อยตรงไปเจอคนที่ติดเชื้อและละเลยการป้องกัน ไม่ว่าจะทั้งภายนอกและภายในแหละ หลังจากนั้นน่ะคือได้ทราบเรื่องเพิมเติมว่ามีเพื่อนรุ่นเดียวกัน รุ่นพี่ รุ่นน้อง ติดเชื้อ HIV ด้วยกันหลายคน ซึ่งเป็นคนรู้จักของเราทั้งนั้น และส่วนใหญ่ก้ทะยอยกลับไปรักษาตัวกันที่บ้านต่างจังหวัด แต่บางคนยังคงใช้ชีวิตรื่นเริง นัดเย นัดหมู ต่อไปเรื่อยๆผ่านทางพี่แจ็ค ที่พีคสุดคือทุกคนที่พูดถึงและเรารู้จักต่างก็เช่าหออยู่ใน "ซอย มหาดไทย" พีคมั้ยล่ะแบบงี้ ปกติเราเองก็แทบไม่มีอะไรกับใครหรือมีความสัมพันธ์กับใครล่ะน่ะ เจอเหตุการณ์ใกล้ตัวแบบนี้จะหาใครมาคบหรือเป็นแฟนซักคนคงต้องดูกันนานๆหรือไม่ก็ นก แบบนี้ต่อไปเรื่อยแล้วกัน
ทำไมผู้ติดเชื้อ HIV บางคน ทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองมีเชื้ออยู่ แต่เวลามีเพศสัมพันธ์กลับไม่ป้องกัน?
เลยตัดสินใจโทรหาพี่พยาบาลที่รู้จักกันว่ามีแนวต่างปฏิบัติอย่างไร ต้องหาหมอที่ไหน เริ่มต้นอย่างไร เค้าก็แนะนำมาและนัดเข้าตรวจวันอังคาร เราก็โอเคเลยโทรหาเพื่อนสาวว่า เทอชั้นนัดหมอให้แล้วน่ะเดี๋ยวอังคารเช้าชั้นไปรับที่บ้าน ละถามต่อว่าจะให้เพื่อนสนิทชะนีอีกคนรู้มั้ย นางก็บอกว่าโอเคเลยโทรไปเล่าให้เพื่อนชะนีฟัง ชะนีก้ช๊อคและสงสาร เราเลยตกลงกันว่าเดี๋ยวเราจะอาสาสลับกันพาไปหาหมอเผื่อใครคนใดคนหนึ่งไม่ว่างจะได้ไปแทนกันได้ จนถึงวันนัดก็พานางมาตามนัดเข้าตรวจเลือดเสร็จ ตรวจซิลิโฟ ตรวจฯลฯ อ่ะน่ะ พอรับผลเลือดเค้าก็พาไปเป็นสมาชิกสมาคมฟ้าสีรุ้งเพื่อรับสิทธิยกเว้นค่ายาอะไรประมาณนั้นนี่แหละ และนัดรับยาอีก 2 อาทิตย์ แล้วก็มาส่งนางที่บ้านพร้อมคำพูดส่งท้ายว่า "ถ้าเทอว่างเทอก็มานั่งคุยกับชั้นบ้างน่ะ ชั้นเหงา" ถึงเทอไม่บอกชั้นก็จะแวะมาเรื่อยๆ ในใจตอนนั้นก็อยากให้นางได้รับยาไวไวเพราะผื่นที่ผิวหนังตามร่างกายค่อนข้างเยอะและเห็นได้ชัดเจน จนครบ 2 อาทิตย์ไปรับยา สรุปนางแพ้ยาและต้องแอดมิตด้วย ตอนนั้น นน.นางเหลือน้อยและผอมมากแบบกินไรไม่ได้ ก็ได้แต่บอกนางว่าเทอต้องผ่านจุดนี้ไปให้ได้ พอผ่านตรงนี้ได้เทอก็จะอยู่ได้อีกนาน (ความรู้สึกตอนนั้นหดหู่อิ้บหาย) จนถึงตอนนี้อาการนางก็ยังทรงตัว และเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาชั้นกับเพื่อนอีกคนเลยอาสาไปเก็บของให้นางที่ห้องเช่าในซอย มหาดไทย หลังจากปิดตายจ่ายค่าเช่าฟรีๆมา 4 เดือนละ เพราะไม่อยากให้แม่นางขึ้นมาเกรงว่าจะไม่สะดวกเรื่องการเดินทาง สิ่งที่นางบอกคือให้เก็บรองเท้ากีฬา ไม้แบต (นางชอบตีแบตเป็นชีวิตจิตใจประดุจตัวเองเป็นรัชนก อินทนนท์) และที่อดขำไม่ได้คือนางสั่งให้เก็บครีมทาหน้ากลับให้ด้วย (ไอเราก็คิดน่ะว่านางก็ยังมีกำลังใจและคิดว่าซักวันตัวเองจะได้กลับมาทาครีมอีก ก็ดีน่ะ) หลังเปิดประตูก็เจอข้อความแปะหน้ากระจกว่า " .....คนเดิมต้องกลับมา" แมแห้ง หดหู่อิ้บหาย
จริงๆเพื่อนเราคนนี้เป็นเรียบร้อยน่ะ ค่อนข้างอ่อนเรื่องเพศสัมพันธ์จึงอาจจะละเลยเรื่องการป้องกันไรงี้ด้วย และจากที่ทราบเบื้องต้นนางก็คบไม่กี่คน ไม่ได้มั่วหรือยังไงน่ะแต่อาจจะโชคร้ายหน่อยตรงไปเจอคนที่ติดเชื้อและละเลยการป้องกัน ไม่ว่าจะทั้งภายนอกและภายในแหละ หลังจากนั้นน่ะคือได้ทราบเรื่องเพิมเติมว่ามีเพื่อนรุ่นเดียวกัน รุ่นพี่ รุ่นน้อง ติดเชื้อ HIV ด้วยกันหลายคน ซึ่งเป็นคนรู้จักของเราทั้งนั้น และส่วนใหญ่ก้ทะยอยกลับไปรักษาตัวกันที่บ้านต่างจังหวัด แต่บางคนยังคงใช้ชีวิตรื่นเริง นัดเย นัดหมู ต่อไปเรื่อยๆผ่านทางพี่แจ็ค ที่พีคสุดคือทุกคนที่พูดถึงและเรารู้จักต่างก็เช่าหออยู่ใน "ซอย มหาดไทย" พีคมั้ยล่ะแบบงี้ ปกติเราเองก็แทบไม่มีอะไรกับใครหรือมีความสัมพันธ์กับใครล่ะน่ะ เจอเหตุการณ์ใกล้ตัวแบบนี้จะหาใครมาคบหรือเป็นแฟนซักคนคงต้องดูกันนานๆหรือไม่ก็ นก แบบนี้ต่อไปเรื่อยแล้วกัน