ศาสดาผู้ไม่รู้หนังสือ (Unlettered Prophet )



               ในวิชาการด้านประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับศาสนาอิสลามที่ผ่านมา มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความเป็นมาของคัมภีร์ในศาสนาอิสลาม คือ อัลกุรอาน  ในฐานะที่เป็นคัมภีร์ที่บรรจุไว้ด้วยเรื่องราวต่าง ๆ ทั้งประวัติศาสตร์ หลักจริยธรรม หลักการทางศาสนา รวมทั้งมีข้อท้าทายที่ท้าให้พิสูจน์ในเชิงวิทยาศาสตร์…หากแต่ตัวบททั้งหลายในคัมภีร์นั้น มาจากศาสดามูฮัมหมัด ผู้เป็นที่รู้จักกันในสมัยนั้นว่า เป็นผู้ไม่รู้หนังสือ อ่านไม่ออก และเขียนไม่ได้
ซึ่งหลักฐานทางประวัติศาสตร์หลายๆ  ด้าน มีข้อยืนยันเดียวที่ตรงกัน คือ ท่านศาสดามูฮัมหมัดนั้น เป็นผู้ที่ไม่รู้หนังสือ อ่านหนังสือไม่ออก โดยแน่นอน
            
                แต่ความขัดแย้งในยุคหลังเกี่ยวกับ ท่านศาสดามูฮัมหมัด ในเรื่องนี้ ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นบนอคติ และการไม่ยอมรับหลักฐานที่มีในทางวิชาการ หากแต่โต้เถียงกันด้วยความอวดดี และ ความต้องการที่จะเอาชนะ เพื่อล้มล้างความมหัศจรรย์ของกุรอาน ที่ว่า …. กุรอานนั้น ไม่มีทางมาจากผู้ไม่รู้หนังสือ …
               
                 ความจริงแล้ว หากเราพิจารณาในอีกแง่มุมหนึ่ง จะเห็นได้ว่าการไม่ยอมรับว่า ท่านศาสดามูฮัมหมัดนั้น ไม่รู้หนังสือ… ก็คือ ข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนที่สุดที่ว่า ตัวบทของกุรอานนั้น มีความลึกซึ้งและมหัศจรรย์ มากเสียจนไม่อาจทำใจเชื่อได้ว่า  จะมาจากผู้ที่ไม่รู้หนังสือ  … บรรดาผู้ปฎิเสธความจริงในเบื้องลึกของจิตใจเหล่านี้ จึงเพียรพยายามหาคำอธิบายต่างๆ  นานา มาเพื่อปลอบใจตนเอง และทำให้เชื่อได้ว่า  กุรอานนั้น มาจากท่านศาสดามูฮัมหมัด ผู้ที่มีการศึกษา เขียนอ่านหนังสือได้และมีเฉลียวฉลาดในการแต่งบทประพันธ์พวกนี้ขึ้นมา….

                 ต่อไปนี้ จะขอยกหลักฐานและตรรกะ บางประการ มาเพื่อยืนยันความจริงที่ได้รับการพิสูจน์มาตลอด กว่าพันปีที่ผ่านมาว่า ท่านศาสดามูฮัมหมัดนั้น คือ ศาสดาผู้ไม่รู้ไม่หนังสือ (Unlettered Prophet )

             หลักฐานประการที่ 1 – ท่านศาสดามูฮัมหมัด ยืนยันตนเองว่า อ่านหนังสือไม่ออก
             หลักฐานทางประวัติศาสตร์ข้อหนึ่ง ได้มีการยืนยันว่า ท่านศาสดามูฮัมหมัดยอมรับว่า ตนเองนั้นอ่านหนังสือไม่ออก กล่าวคือ  ในช่วงเวลาประมาณ 40 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่ท่านศาสดามูฮัมหมัดอ้างว่า ตนเองได้พบกับเทวทูตของพระเจ้านั้น  เทวทูตได้สั่งให้ท่านศาสดามูฮัมหมัด “อ่าน” ประโยคบางประโยค (ซึ่งต่อมามันได้กลายป็นส่วนหนึ่งของกุรอาน)  แต่ท่านศาสดามูฮัมหมัด ตอบเทวทูตด้วยคำตอบเดิมหลายครั้งว่า “ตัวเขานั้นอ่านไม่ออก”
หลักฐานตรงนี้ น่าสนใจตรงที่ว่า
              1.ท่านศาสดามูฮัมหมัดยอมรับว่า ตนเองนั้นอ่านไม่ออก  เป็นเครื่องยืนยันว่า มุฮัมหมัด ยอมรับเองว่าตนเองนั้นไม่ใช่คนรู้หนังสือ 0อ่านหนังสือไม่ออก
              2.หากว่า ท่านศาสดามูฮัมหมัด เป็นคนที่รู้หนังสือ อ่านออกได้  แต่แกล้งอ่านไม่ออก … แน่นอนว่า เรื่องที่เขาอ้างว่า ตนเองอ่านหนังสือไม่ออกนั้น ย่อมต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์จากคนใกล้ชิดหรือ จากศัตรูของเขาแน่นอน …
แต่น่าแปลกตรงที่ ไม่เคยมีหลักฐานใดที่ยืนยันว่า คนใกล้ชิดหรือ ศัตรูของท่านศาสดามูฮัมหมัดนั้น วิพากษ์วิจารณ์เขาในเรื่องนี้เลย
             ทั้ง ๆ ที่ประวัติชีวิตของท่านศาสดาในด้านอื่นๆ  นั้น มีบันทึกรายละเอียดไว้มากมาย แม้กระทั่งศัตรูของท่านเคยด่าทอ ท่านศาสดาอย่างไร  หรือ ท่านศาสดาใช้มือไหนรับประทานอาหาร ฯลฯ   … แต่กลับไม่มีข้อโต้แย้งใดที่คัดค้านในเรื่องที่ท่านอ้างว่า ท่านอ่านไม่ออกนี้เลย

            หลักฐานประการที่ 2 – ท่านศาสดาไม่มีชื่ออยู่ในรายชื่อของผู้ที่รู้หนังสือ
            ในสมัยของท่านศาสดานั้น มีรายงานว่าเผ่ากุเรซ (ชนเผ่าของท่านศาสดา ) นั้น  มีผู้ที่เรียกได้ว่าเป็นผู้รู้หนังสือนั้น มีจำนวน 17 คนด้วยกัน (William James Durant – นักประวัติศาสตร์ ก็ได้ยืนยันเรื่องนี้ไว้เช่นกันในหนังสือ The Story of Civilization ) อิบนุ คอลดูน  นักปรัชญาและนักประวัติศาสตร์อิสลาม ได้อ้างถึงรายงาน ของ บาลัตฮุรี ที่ระบุรายชื่อของผู้ที่รู้หนังสือในยุคต้นของศาสนาอิสลาม โดยให้ความเห็นว่า การเป็นผู้รู้หนังสือนั้น เป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่งในชาวอาหรับสมัยนั้น ดังนั้น ชื่อของผู้ที่รู้หนังสือ จึงได้ถูกจารึกไว้ ซึ่งมีจำนวน 17คน
ตรงนี้ ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า  หากท่านศาสดาเป็นผู้ที่รู้หนังสือ … แน่นอนว่า ท่านจะต้องมีรายชื่อเป็น 1 ใน 17 คนที่สำคัญนี้  แต่ในความจริงท่านศาสดา ไม่ได้มีรายชื่ออยุ่ในกลุ่มนี้เลย
          
            หลักฐานประการที่ 3 – ท่านศาสดาไม่เคยบันทึกกุรอานไว้เป็นลายลักษณ์อักษรด้วยตัวเอง
            ความจริงอีกประการหนึ่งที่ยืนยันการไม่รู้หนังสือของท่านศาสดาก็คือ  ตลอดระยะเวลา 23 ปี แห่งการบันทึกกุรอานนั้น …. ท่านศาสดา ไม่เคยบันทึกหรือ เขียนกุรอานเองแม้แต่ครั้งเดียว … ทุกครั้งที่ท่านได้อ้างว่า ท่านได้รับโองการมาจากพระเจ้านั้น  ท่านจะอ่านโองการนั้นๆ  ให้บรรดาสาวกได้ฟัง และบรรดาสาวกเหล่านั้น จะช่วยกันท่องจำ ในขณะที่อีกบางส่วน จะได้ทำการบันทึกไว้ตามวัสดุที่หาได้ เช่น หนังสัตว์ กระดูก หรือ แผ่นจารึกต่าง ๆ
                มีรายงานบันทึกไว้ว่า ในช่วงต้นของการเผยแผ่ศาสนาอิสลามนั้น  ท่านศาสดามีอาลักษณ์หรือ ผู้ที่ทำหน้าที่บันทึกกุรอานอย่างเป็นทางการอยู่ประมาณ 30 คน และได้เพิ่มขึ้นในยุคหลังถัดมา  ลักษณะดังกล่าวนี้ ขัดแย้งอย่างชัดเจนหากว่าท่านศาสดาเป็นผู้ที่รู้หนังสือ เพราะหากท่านทำการบันทึกหรือเขียนรูปเล่มกุรอานออกมาเอง แน่นอนว่า ท่านสามารถที่จะเขียน ดัดแปลง หรือ เติมแต่งเรื่องราวได้เองดั่งใจนึก รวมทั้งยังจะเป็นประโยชน์ต่อตัวท่านศาสดาเองมากกว่า ในกรณีที่ท่านได้ทำสนธิสัญญาใด ๆ กับผู้อื่น หรือ ตัดทอนข้อความในกุรอานที่ตำหนิตัวท่านเองออกไป ( ในกุรอาน มีบางโองการที่พระผู้เป็นเจ้าได้ตำหนิท่านศาสดาเล็กน้อย – ผู้เขียน )  ....… แต่ความจริงกลับตรงข้าม เพราะ การบันทึกกุรอาน  การบันทึกเหตุการณ์ หรือ สนธิสัญญาต่างๆ  นั้น ท่านจะใช้ให้อาลักษณ์เป็นผู้เขียนบันทึกตามที่ท่านกล่าว
              ที่สำคัญยิ่ง มีรายงานหลายรายงานด้วยกันที่บรรยายว่า ท่านได้ให้บรรดาผู้บันทึกกุรอานบางคนนั้น ทบทวนกุรอาน “ด้วยการอ่าน” ให้ท่านฟัง …. ทั้งที่ ในเวลานั้นมีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว แต่ท่านไม่ได้ตรวจจากบันทึก แต่ตรวจความถูกต้องจากการอ่านทบทวน
ดังนั้นคำถามที่เกิดขึ้นก็คือ หากท่านศาสดาเป็นผู้รู้หนังสือแล้ว … เหตุใดท่านจึงไม่อ่านทบทวนหรือตรวจสอบความถูกต้องจากบันทึกที่เป็นลายลักษณ์อักษร ด้วยตัวท่านเอง … ??

              หลักฐานประการที่ 4 – ไม่ปรากฏหลักฐานที่เป็นลายมือของท่านศาสดามูฮัมหมัด
              สำหรับมุสลิมแล้ว  เป็นที่แน่นอนว่า ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับท่านศาสดานั้น ล้วนสำคัญยิ่งต่อประชาชาติอิสลามทั้งมวล  หลักฐานต่างๆ  ที่ตกทอดมาจากยุคของท่านศาสดานั้นได้ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี อาทิเช่น ตำแหน่งบ้านของท่านศาสดา , หลุมฝังศพ , จดหมายและบันทึกข้อความต่างๆ  จากบรรดาสาวก ผู้รู้ หรือลูกหลานของท่านศาสดา , กุรอาน ที่เขียนด้วยลายมือของบรรดาสาวก หรือ ผู้นำคนสำคัญในยุคต่อ  ๆมา , ตำแหน่ง สถานที่สำคัญที่ท่านศาสดาเคยไปเยือนหรือใช้เป็นที่ทำการ , ธรรมาสน์เทศนา, รายชื่อสายตระกูลที่สืบต่อมาจากท่านศาสดา ฯลฯ
เป็นที่น่าแปลกว่า หากท่านศาสดาได้เคยเขียนหรือบันทึกกุรอานไว้ด้วยลายมือของท่านเองแล้ว  แน่นอนมันย่อมต้องกลายเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด ที่ต้องมีการเก็บรักษาไว้มาจนถึงปัจจุบัน … แต่ในความเป็นจริง  กุรอานฉบับที่เก่าแก่ที่สุดที่มีเก็บรักษาไว้ในปัจจุบันนั้น เป็นกุรอาน ที่เขียนด้วยลายมือของนักบันทึกกุรอาน ในสมัยนั้น … ไม่ใช่ลายมือของท่านศาสดา

                   หลักฐานประการที่ 5 – สนธิสัญญาหุดัยบียะห์
                   ในปี คศ.628  ประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้ว่า  มุสลิม ในนามของนครรัฐมาดีนะห์ ( Medina) ได้ทำการเจรจากับผู้มีอำนาจของพวกมักกะฮ์ ( Mecca ) โดยได้มีการลงนามและบันทึกข้อตกลงไว้เป็นหลักฐาน เรียกว่า สนธิสัญญาสันติภาพ ฮุดัยบียะห์ (Hudaibeya Peace Treaty) สนธิสัญญาฉบับนี้มีเนื้อหาใจความเกี่ยวกับการไม่รุกรานกัน การปฏิบัติศาสนกิจและการค้าได้โดยเสรี
                  แต่ประเด็นสำคัญที่ยืนยันถึงการอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ของท่านศาสดามูฮัมหมัด ก็ได้ปรากฏชัดเจนในจุดนี้  กล่าวคือ
ในการทำสนธิสัญญานั้น ต้องมีการลงชื่อโดยมีผู้มีอำนาจทั้ง 2 ฝ่าย  … สำหรับฝ่ายมักกะฮ์ นั้น คือ สุฮัยล์  อิบนุอัมร์ (Suhayl Ibn Amr ) ส่วนฝ่ายมาดีนะห์นั้น คือ ท่านศาสดามูฮัมหมัด นั่นเอง   ในตอนแรกนั้น สนธิสัญญาเริ่มต้นประโยค ด้วยประโยคที่ว่า“ในนามแห่งพระผู้เป็นเจ้า ข้อความต่อไปนี้เป็นสัญญาที่ได้ตกลงกันและเห็นชอบยินยอมพร้อมใจกันที่จะปฏิบัติทั้งสองฝ่ายเพื่อแสวงหาสันติภาพโดย มูฮัมหมัดศาสนทูตแห่งพระผู้เป็นเจ้าและสุฮัยล์ อิบนุอัมร์….”  ประโยคข้างต้นนี้ สุฮัยล์  อิบนุอัมร์ ได้คัดค้าน  และขอให้เปลี่ยนคำว่า “มูฮัมหมัด ศาสนทูตแห่งพระผู้เป็นเจ้า” เป็น  “มูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลลอฮ์ “ ( คือ ชื่อจริงของท่านศาสดา – ผู้เขียน ) แทน  เนื่องจาก  สุฮัยล์  อ้างว่าเขาไม่ได้ยอมรับการเป็นศาสนทูตของมูฮัมหมัด  ดังนั้นจึงขอให้ใช้ชื่อตามที่เขาเสนอมา
กรณีดังกล่าวข้างต้น ได้สร้างความไม่พอใจให้กับบรรดาสาวกของท่านศาสดามูฮัมหมัดอย่างมาก เนื่องจากเป็นการดูหมิ่นโดยตรง แต่ท่านศาสดาได้ห้ามปรามไว้  และบอกให้ท่านอาลี ซึ่งเป็นอาลักษณ์ของท่านในขณะนั้น ลบข้อความเดิมทิ้งและเขียนใหม่  แต่ท่านอาลีไม่ยอมลบข้อความและยังคงยืนกรานให้ใช้สรรพนามเรียกท่านศาสดาดังเดิม  ท่านศาสดาจึงได้สั่งให้ท่านอาลีอ่านข้อความดังกล่าว และชี้ให้ท่านศาสดาดูว่า ประโยคที่ว่านั้น อยู่ตรงไหน ท่านจะลบเอง ….
               ( บางรายงานกล่าวว่า ท่านศาสดาให้ท่านอาลี อ่านให้ฟัง และท่านก็ใช้นิ้วมือลากไปตามตัวอักษร ตามจำนวนพยางค์ที่ท่านอาลีอ่าน เมื่อถึงประโยคที่มีปัญหาดังกล่าว ท่านศาสดาก็ได้ลบข้อความดังกล่าวออกไป )
               เหตุการณ์ข้างต้น คือ หลักฐานที่ชัดเจนที่ยืนยันว่า  ท่านศาสดามูฮัมหมัดนั้น ไม่รู้หนังสือ … เพราะแม้แต่ประโยคข้อความในสนธิสัญญา ท่านยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่า ข้อความที่มีปัญหานั้น อยู่ตรงส่วนไหนของประโยค …
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ศาสนาอิสลาม อัลกุรอ่าน ศาสนา
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่