สดชื่น หรือ เหี่ยวแห้ง

กระทู้สนทนา
เครื่องหมายของการมีชีวิต
คือความสดชื่น
เครื่องหมายของการใกล้ตาย
คือความเหี่ยวแห้ง

ไม่ว่าจะอยู่ในวัยใด


หากวันๆมีแต่เรื่องเล็กเรื่องใหญ่
ทับถมให้ใจแห้ง
ก็สะสมความเหี่ยวแห้งมากขึ้นทุกที
ถึงจุดหนึ่งก็รู้สึกเหมือนคนแก่
รู้สึกไม่มีกะจิตกะใจ รู้สึกอยากตายให้จบๆ
หายใจยาวๆแสดงความอยากมีชีวิตยังขี้เกียจ

คาดหวังแล้วผิดหวัง จะเล็กหรือใหญ่
ก็ได้ชื่อว่าเก็บเกี่ยวความเหี่ยวแห้งเข้าตัว
คาดหวังคำชมจากพ่อแม่
แล้วได้แต่คำด่ามาแทน
คาดหวังยิ้มทักจากใครบางคน
แล้วได้แต่การเมินไปทางอื่น
คาดหวังความสนใจของคนใกล้ตัว
แล้วได้แต่ความเฉยชาเป็นประจำ
คาดหวังโบนัสจากการทุ่มเททำงาน
แล้วได้แต่เงินเดือนจำนวนเท่าเดิมเป็นรางวัล
คาดหวังลาภลอยเป็นรางวัลจากการทำบุญ
แล้วได้แต่แทงหวยพลาดงวดแล้วงวดเล่า

คนธรรมดาเป็นอย่างนี้กันทั้งโลก
คาดหวังจะเอาชีวิตจิตใจ
ด้วยการดูดพลังความสมหวังจากภายนอก
ไม่ต่างจากดอกไม้รอน้ำ รอแดด รอปุ๋ย
แต่เมื่อรอแล้วรอหาย รอเก้อ รอเกิน
ในที่สุดก็เหี่ยวแห้ง อับเฉา โรยรา ทำท่าจะตาย

มนุษย์มีดีกว่าดอกไม้
ต่อให้ติดคุกแคบ ไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน
ไม่มีใครยิ้มให้ ไม่มีใครเห็นใจ ไม่มีใครช่วยเหลือ
ก็สะสมความสดชื่นทีละเล็กทีละน้อย
กระทั่งจิตใจเบ่งบานด้วยชีวิตชีวาได้

แค่หายใจยาวให้ถูกจังหวะ
ก็สะสมความสดชื่นบ้างแล้ว
แค่เห็นความไม่เที่ยงของลมหายใจ
ที่ไม่อาจยาว ไม่อาจสบายได้ตลอด
ก็สะสมความสดชื่นบ้างแล้ว

เมื่อหายใจเป็น ได้หลัก ได้ทุน
จากนั้นก็ต่อยอดด้วยการคิดในทางสดชื่น
แค่คิดจะยิ้มทักคนอื่นก่อน
ก็สะสมความสดชื่นบ้างแล้ว
แค่คิดจะช่วยคนแก่ข้ามถนน
ก็สะสมความสดชื่นบ้างแล้ว
แค่คิดจะไม่เบียดเบียนใคร รักษาศีล ๕ ได้
ก็สะสมความสดชื่นบ้างแล้ว

ชาวพุทธสดชื่นด้วยความคิดชนิดนี้กันมานาน
แต่ที่บอกว่าเป็นพุทธแล้วหน้าแห้ง ใจแห้งกันทั้งประเทศ
ก็เพราะยังไม่รู้จักวิถีชาวพุทธกันที่ใจ
ได้แต่กรอกข้อมูลใส่กระดาษว่า
ฉันเป็นพุทธกันไปอย่างนั้นเอง!


cR. Dungtrin
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่