ขอไล่ตามไทม์ไลน์ย้อนไปตั้งแต่ยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 จนมาถึงปี 2016 เลยนะครับ ว่าใครมีปมเบื้องหลังเป็นมายังไง สนิทกันขนาดไหน อะไรทำให้ซี้กัน และอะไรทำให้หมั่นไส้หรือแตกแยกกัน
-สตีฟเกิดตรงกับวันชาติอเมริกา หรือ Independence Day นั่นคือวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1918
-บัคกี้ เกิดวันที่ 10 มีนาคม ปี 1917 นั่นแสดงว่า บัคกี้มีอายุมากกว่าสตีฟหนึ่งปีกว่าๆ
-สตีฟนั้นเป็นลูกคนเดียว และพ่อตายในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งตั้งแต่ตนเองเกิด ซาร่าแม่ของสตีฟซึ่งเป็นนางพยาบาลจึงเลี้ยงสตีฟมาคนเดียว
-บัคกี้มีพี่น้องถึงสี่คน ตัวบัคกี้เป็นลูกคนโต และเป็นเด็กหน้าตาดี แข็งแรง เป็นนักกีฬาโรงเรียน ป็อบปูล่า สาวๆกรี๊ด และบ้านฐานะดี
-สตีฟเป็นเด็กแคระแกรน แต่มีจิตใจห้าวหาญผิดรูปร่าง อาจจะมาจากการที่สตีฟต้องโตมาอย่างยากลำบากโดยไม่มีพ่อ เพราะสูญเสียพ่อไปในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง จึงทำให้จิตใจสตีฟแข็งแกร่งกว่ารูปร่างที่เห็น
-บัคกี้เห็นความห้าวของสตีฟตั้งแต่เด็กๆเช่นกัน เห็นสตีฟโดนเด็กโตแกล้งอยู่บ่อยๆ แต่สตีฟก็กัดฟันยืนบวกกับเด็กโตจนหมอบทุกครั้ง นานวันเข้าบัคกี้ทนไม่ไหว วันหนึ่งจึงเข้าไปตะลุมบอนช่วยสตีฟ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เด็กชายผู้ไม่มีใครจดจำกับเด็กชายที่ป็อบปูล่าที่สุดจึงกลายเป็นเพื่อนรักกัน
-ทั้งสองมีภูมิลำเนาเดียวกันคือบรูคลินในเมืองนิวยอร์ค เรียนที่ George Washington High School ด้วยกันและเติบโตเข้าสู่วัยรุ่นโดยซี้ปึ๊กกันมาโดยตลอด
-หลังจากสตีฟเรียนจบไฮสคูล (1932-1936) สตีฟก็ไปเรียนโรงเรียนศิลปะที่ชื่อ Auburndale Art School ตั้งแต่ปี 1937-1938
หลังจากเรียนจนจบ สตีฟก็ไปทำงานเป็นเด็กส่งหนังสือพิมพ์นับตั้งแต่นั้น
-ปี 1940 ซาราแม่ของสตีฟก็ติดเชื้อวัณโรคตายลงไป สตีฟจึงต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียว บัคกี้สงสารเพื่อนรักจะชวนไปอยู่ด้วย แต่สตีฟก็ปฎิเสธ บัคกี้ยังย้ำคำพูดที่ว่า “ประเด็นก็คือ.. นายยังมีชั้น ชั้นจะเคียงข้างนายจนสุดทาง” (ไม่ได้กล่าวถึงว่าบัคกี้ทำงานอะไรช่วงนี้)

-ปี 1942 ขณะที่บัคกี้อายุ 25 ปี และสตีฟอายุ 24 ปี อเมริกาก็เข้าสู่สงครามโลกครั้งที่สองอย่างเป็นทางการ เด็กหนุ่มในบรูคลินต่างถูกเกณฑ์ไปอบรมที่ Goldie’s Boxing Gym
-หลังจากบัคกี้และสตีฟผ่านการอบรมหลักสูตรเพื่อไปรบเบื้องต้น ทุกอย่างก็เริ่มเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกของกองทัพสหรัฐฯ สตีฟได้รับการจัดเป็น 4F ซึ่งไม่ผ่านเกณฑ์นั่นเอง แต่บัคกี้ผ่านฉลุยและถูกเกณฑ์เข้ากองทัพสหรัฐฯได้ติดยศนับตั้งแต่นั้น
-ปี1943 จ่าบัคกี้แห่งหน่วยรบ 107 ของกองทัพสหรัฐฯได้ลาพักกลับมาที่บรูคลินอีกครั้ง โดยตอนนี้บัคกี้เรียนยุทธวิธีการรบและเป็นสไนเปอร์ประจำหน่วย แต่สตีฟยังคงเป็นเพียงเด็กส่งหนังสือพิมพ์เช่นเคย
-ในคืนที่บัคกี้ได้ลาพักกลับบ้านในบรูคลิน บัคกี้ก็ชวนสตีฟไปงานเวิร์ลเอ๊กโปว์ซึ่งจัดในนิวยอร์ค และสตีฟกับบัคกี้ก็พบกับฮาเวิร์ดครั้งแรกที่นี่ โดยฮาเวิร์ดมาเปิดนวัตกรรมใหม่ของสตาร์คอินดรัสทรีย์ของตน โดยที่ทั้งสองฝ่ายยังไม่รู้จักกัน ซึ่งฮาเวิร์ดคือที่ปรึกษาชั้นสูงของ SSR
-คืนเดียวกันนั้นในงานเวิร์ลเอ๊กโปว์ สตีฟพยายามสมัครทหารโดยใช้ประวัติปลอมอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้สตีฟได้บรรจุเข้าไปในหน่วย SSR โดยตรง โดยได้รับการช่วยเหลือและผลักดันจากดร.เอิลสกิน ซึ่งเห็นบางอย่างในตัวสตีฟ
-ในวันรุ่งขึ้น บัคกี้ขึ้นเรือไปอังกฤษเพื่อเข้าสู่แนวหน้าในประเทศออสเตรีย ส่วนสตีฟเดินทางไปที่ฐานฝึกรบพิเศษของ SSR หลังจากสตีฟฝึกสู้รบในหน่วยหลายอาทิตย์ต่อมา สตีฟก็กลายเป็นสุดยอดทหารพละกำลังเหนือมนุษย์คนแรกของโครงการรีเบิร์ธ และดร.เอิลสกินก็ตายลงไปโดยถูกมือสังหารไฮดร้าลอบฆ่า
-เนื่องด้วยโครงการรีเบิร์ธนั้นฮาเวิร์ดได้ร่วมด้วยช่วยดร.เอิลสกินทำงานด้วย ฮาเวิร์ดจึงมีหน้าที่ดูแลสตีฟต่อจากดร.เอิลสกินผู้ล่วงลับ แต่สตีฟกลับถูกเพียงเจาะเลือดไปวิจัย ฮาเวิร์ดและสตีฟจึงยังไม่ค่อยรู้จักกันในช่วงนี้ เพราะสตีฟถูกสั่งให้ไปโชว์ตัวไม่ต้องไปรบ โดยมีฉายาว่า กัปตันอเมริกา
-ที่ฐานที่มั่นสหรัฐฯในเขตสงครามประเทศอิตาลี เมื่อสตีฟได้ข่าวว่า บัคกี้ถูกไฮดร้าจับไปเป็นเชลยในออสเตรีย นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ฮาเวิร์ดได้ช่วยเหลือสตีฟ โดยขับเครื่องบินพาสตีฟไปส่งในแนวต่อสู้ เพื่อให้สตีฟกระโดดร่มลงไปในเขตที่ไฮดร้ายึดครอง และสตีฟก็ช่วยบัคกี้กับหน่วย 107 กลับฐานที่มั่นของสหรัฐฯในอิตาลีสำเร็จ
-สตีฟจึงถูกแต่งตั้งให้มียศเป็นกัปตันอเมริกาโดยสมบูรณ์ในตอนนี้ (ก่อนหน้าเป็นแค่ฉายา) และสตีฟก็ได้ร่วมงานกับฮาเวิร์ดบ่อยๆก็ช่วงนี้นี่เอง สตีฟมองฮาเวิร์ดว่าคือชายหนุ่มผู้ฉลาดล้ำมีคาวมสามารถและเคารพในตัวฮาเวิร์ด ด้านฮาเวิร์ดก็นับถือสตีฟในฐานะทหารหาญผู้แข็งแกร่งสมกับผู้นำหน่วยฮาวลิงฯโจมตีฐานไฮดร้า ทั้งสองคนจึงนับถือกันว่าเป็นเพื่อน โดยฮาเวิร์ดมอบโล่ไวเบรเนียมของดีแห่งวากานด้าให้สตีฟไว้ใช้ในสงครามด้วย

-ปี1945 ตลอดสามปี บัคกี้ก็ติดตามสตีฟเพื่อนรักสู้กับไฮดร้าในฐานะสมาชิกทีมฮาวลิ่งคอมมาโดตลอดมา จนกระทั่งบัคกี้พลาดท่าถูกไฮดร้าโจมตีจนตกรถไฟลงไปบริเวณหุบเหว สตีฟคิดว่าบัคกี้ตาย แต่บัคกี้ไม่ตาย แขนขาด และถูกไฮดร้าจับไปใส่แขนเหล็กให้ และแช่แข็งบัคกี้ไว้
-ปี1945เช่นกัน สตีฟก็ต้องสละชีวิตตนเองขับเครื่องบินรบวัลคีรีของไฮดร้าลงบริเวณทะเลอาร์คติก ฮาเวิร์ดพยายามค้นหาศพสตีฟหลายอาทิตย์ก็ไม่พบ หน่วย SSR ยกเลิกการค้นหาสตีฟ ฮาเวิร์ดจึงฝังใจกับตราบาปของตนที่ช่วยเหลือเพื่อนอย่างสตีฟไม่ได้ แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าสตีฟถูกแช่แข็งไว้ในก้นทะเลน้ำแข็งที่แสนลึกและยังไม่ตาย
-ปี1946 ฮาเวิร์ดโดนกระตุ้นปมฝังใจที่ช่วยสตีฟไม่ได้ ทำให้ฮาเวิร์ดโดนสะกดจิตได้อย่างง่ายดาย เพกกี้แฟนสาวสตีฟจึงรู้ตอนนี้ว่า ฮาเวิร์ดนั้นรักสตีฟในฐานะเพื่อนมากแค่ไหน ซึ่งในที่สุดฮาเวิร์ดก็หลุดจากการสะกดจิตได้
-ปี1947-1948 เมื่อฮาเวิร์ดได้ขึ้นมาเป็นหนึ่งในสามผู้ก่อตั้งหน่วยชิลด์ ฮาเวิร์ดจึงสั่งยุบหน่วย SSR และนำทุกอย่างใน SSR มาเป็นของชิลด์ และฮาเวิร์ดให้ชิลด์รื้อฟื้นการค้นหาสตีฟอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนับตั้งแต่นั้น
-ปี1948 ดร.อาร์นิม โซล่า ได้รับการปล่อยตัวจากคุก SSR ในปฎิบัติการ"เปปเปอร์คลิป"ของฮาเวิร์ด เพราะฮาเวิร์ดอยากได้ความรู้ดร.โซล่ามาช่วยชิลด์ ดร.โซล่าใช้จังหวะนี้ลอบกลับไปโซเวียตจับบัคกี้ละลายน้ำแข็ง และล้างสมองบัคกี้ได้สำเร็จ จึงกำเนิดเป็นนักฆ่าผู้ไม่มีความทรงจำในอดีต "วินเทอร์ โซลเยอร์"
-และบัคกี้หรือวินเทอร์โซลเยอร์ ก็ทำการลอบสังหารบุคคลสำคัญในนานาประเทศไปทั่วโลก เมื่อภารกิจสำเร็จไฮดร้าก็จับบัคกี้มาแช่แข็งต่อ เป็นเช่นนี้เสมอมา กำเนิดเป็นผีสายลับในตำนาน..
-ปี1970 -1990 มาเรียภรรยาฮาเวิร์ดก็ให้กำเนิดบุตรชาย และตั้งชื่อว่า โทนี่ สตาร์ค และนับตั้งแต่โทนี่จำความได้ ในวัยเด็ก โทนี่มักได้รับการบอกเล่ากล่าวถึงตำนานวีรบุรุษสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างกัปตันอเมริกาจากพ่ออยู่บ่อยๆ จึงทำให้โทนี่รู้ว่าฮาเวิร์ดพ่อของตนและกัปตันอเมริกานั้นสนิทสนมกันมากในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง โทนี่จึงมีปมหมั่นไส้สตีฟอยู่นิดๆตั้งแต่เด็กจนโตเป็นหนุ่ม
-ปี1991 ฮาเวิร์ดและมาเรีย ก็เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุรถคว่ำ โทนี่จึงเข้ามาดูแลกิจการสตาร์คอินดรัสทรีย์ต่อจากพ่อ
-ปี2008 กำเนิด ไอรอนแมน โดยโทนี่ประกาศออกสื่อเลยว่าเขาคือไอรอนแมน และโทนี่ก็ได้เป็นที่ปรึกษาอาวุโสให้ชิลด์
-ปี2011 ชิลด์ค้นพบร่างสตีฟในทะเลอาร์คติกในสภาพถูกแช่แข็ง และสตีฟอาศัยอยู่ในฐานชิลด์ไปก่อน
-ปี2012 สตีฟได้พบกับโทนี่ครั้งแรกที่เยอรมันในภารกิจจับโลกิ หลังจากนั้นบนควินเจ็ต สตีฟพยายามคุยกับโทนี่ดีๆ แต่โทนี่ดันไปกวนประสาทสตีฟซะงั้น สร้างปมเล็กๆให้สตีฟไม่ค่อยชอบวิธีการของโทนี่ที่เห็นทุกอย่างเป็นเรื่องเล่นๆ และโทนี่ก็ไม่ชอบท่าทางสตีฟที่ดูเป็นพระเอกเหลือล้นเช่นกัน และกำเนิดทีม อเวนเจอร์ ในปีนี้
-ปี2013 โทนี่กลับไปสร้างตึกอเวนเจอร์ทาวเวอร์อย่างขะมักเขม้นในนิวยอร์ค ส่วนสตีฟก็บรรจุเป็นเจ้าหน้าที่ชิลด์เต็มตัวแล้วในดีซี โทนี่กับสตีฟจึงอยู่ห่างๆกัน
-ปี2014 สตีฟกับบัคกี้ก็พบกันอีกครั้งในรอบ70ปี ชิลด์ล่มสลายในตอนนี้ โดยบัคกี้จำอดีตไม่ได้เลยในครั้งแรก แต่หลังจากเห็นหน้าสตีฟบ่อยๆในการต่อสู้ ความทรงจำบัคกี้ก็เริ่มกลับมา จนในที่สุด บัคกี้ก็ค้นพบตนเอง และเริ่มจำอดีตได้มากขึ้นเรื่อยๆ อาการที่โดนล้างสมองก็ค่อยๆหายไป..
ปี2015 บัคกี้เดินทางค้นหาเบาะแสตัวตนของตนเองไปทั่วโลก แต่ทางอเวนเจอร์ก็รวมทีมกันบ่อยๆเพื่อตามหาคฑาโลกิ โดยสตีฟกับโทนี่นั้นไม่เคยมองโลกในมุมเดียวกันเลย ทำให้ทั้งสองเริ่มขัดแย้งทางความคิด (แต่ผมเชื่อว่าโทนี่กับสตีฟเป็นคนดีทั้งคู่)
ปี2016 ตั้งแต่กำเนิดไอรอนแมนในปี 2008 จนถึงเหตุการณ์ในโซโคเวียปี 2015 ฮีโร่และวายร้ายตีกันบ่อยครั้ง สร้างความเสียหายให้ชีวิตและทรัพย์สินไปมากมาย ผู้มีอำนาจจึงรวมตัวกันเขียนสนธิสัญญาโซโคเวียขึ้นมาเพื่อลงทะเบียนฮีโร่ และตกลงเรื่องการตัดสินใจใช้กำลังเหนือมนุษย์อะไรทำนองนี้ในอนาคต
ติดตามรายละเอียดเรื่องราวกันต่อในภาพยนตร์เรื่อง Captain America: Civil War ในวันที่ 27 เมษายน 2016 พร้อมกันทั่วประเทศไทยครับ

ปล. ผมข้ามเนื้อหาไปหลายช่วง เพื่อความกระชับในบทสรุป ไม่ได้ลืมนะครับ แต่ไม่ได้ใส่เข้าไปเท่านั้น อิอิ สงสัยตรงไหน ถามมาได้เลยครับ ยินดีตอบทุกข้อที่คุณสงสัยหรือค้างคาใจ ขออย่าถามแค่สองเรื่องคือ
1. อย่าถามว่า เหตุการณ์ในซิวิลวอร์ฉบับภาพยนตร์จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เพราะผมก็ยังไม่ได้ดู 555+
2. เกี่ยวเนื่องอะไรกับซิวิลวอร์ในคอมมิคมั๊ย ตอบเลยว่าไม่เกี่ยวครับ คนละเรื่องราวแน่นอน
และเนื้อเรื่องโดยสรุปทั้งหมดของจักรวาล MCU เชิญอ่านที่กระทู้นี้ได้เลยครับ
http://pantip.com/topic/33512368
สวัสดีครับ

ปล.2 แก้ไขคำผิดในกระทู้บ้างนะครับ
หนทางสู่ civil war กับสรุปความสัมพันธ์ของ 4 ตัวละคร สตีฟ / บัคกี้ / ฮาเวิร์ด / โทนี่ by หลวงจีนหอไตร
ขอไล่ตามไทม์ไลน์ย้อนไปตั้งแต่ยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 จนมาถึงปี 2016 เลยนะครับ ว่าใครมีปมเบื้องหลังเป็นมายังไง สนิทกันขนาดไหน อะไรทำให้ซี้กัน และอะไรทำให้หมั่นไส้หรือแตกแยกกัน
-สตีฟเกิดตรงกับวันชาติอเมริกา หรือ Independence Day นั่นคือวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1918
-บัคกี้ เกิดวันที่ 10 มีนาคม ปี 1917 นั่นแสดงว่า บัคกี้มีอายุมากกว่าสตีฟหนึ่งปีกว่าๆ
-สตีฟนั้นเป็นลูกคนเดียว และพ่อตายในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งตั้งแต่ตนเองเกิด ซาร่าแม่ของสตีฟซึ่งเป็นนางพยาบาลจึงเลี้ยงสตีฟมาคนเดียว
-บัคกี้มีพี่น้องถึงสี่คน ตัวบัคกี้เป็นลูกคนโต และเป็นเด็กหน้าตาดี แข็งแรง เป็นนักกีฬาโรงเรียน ป็อบปูล่า สาวๆกรี๊ด และบ้านฐานะดี
-สตีฟเป็นเด็กแคระแกรน แต่มีจิตใจห้าวหาญผิดรูปร่าง อาจจะมาจากการที่สตีฟต้องโตมาอย่างยากลำบากโดยไม่มีพ่อ เพราะสูญเสียพ่อไปในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง จึงทำให้จิตใจสตีฟแข็งแกร่งกว่ารูปร่างที่เห็น
-บัคกี้เห็นความห้าวของสตีฟตั้งแต่เด็กๆเช่นกัน เห็นสตีฟโดนเด็กโตแกล้งอยู่บ่อยๆ แต่สตีฟก็กัดฟันยืนบวกกับเด็กโตจนหมอบทุกครั้ง นานวันเข้าบัคกี้ทนไม่ไหว วันหนึ่งจึงเข้าไปตะลุมบอนช่วยสตีฟ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เด็กชายผู้ไม่มีใครจดจำกับเด็กชายที่ป็อบปูล่าที่สุดจึงกลายเป็นเพื่อนรักกัน
-ทั้งสองมีภูมิลำเนาเดียวกันคือบรูคลินในเมืองนิวยอร์ค เรียนที่ George Washington High School ด้วยกันและเติบโตเข้าสู่วัยรุ่นโดยซี้ปึ๊กกันมาโดยตลอด
-หลังจากสตีฟเรียนจบไฮสคูล (1932-1936) สตีฟก็ไปเรียนโรงเรียนศิลปะที่ชื่อ Auburndale Art School ตั้งแต่ปี 1937-1938
หลังจากเรียนจนจบ สตีฟก็ไปทำงานเป็นเด็กส่งหนังสือพิมพ์นับตั้งแต่นั้น
-ปี 1940 ซาราแม่ของสตีฟก็ติดเชื้อวัณโรคตายลงไป สตีฟจึงต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียว บัคกี้สงสารเพื่อนรักจะชวนไปอยู่ด้วย แต่สตีฟก็ปฎิเสธ บัคกี้ยังย้ำคำพูดที่ว่า “ประเด็นก็คือ.. นายยังมีชั้น ชั้นจะเคียงข้างนายจนสุดทาง” (ไม่ได้กล่าวถึงว่าบัคกี้ทำงานอะไรช่วงนี้)
-ปี 1942 ขณะที่บัคกี้อายุ 25 ปี และสตีฟอายุ 24 ปี อเมริกาก็เข้าสู่สงครามโลกครั้งที่สองอย่างเป็นทางการ เด็กหนุ่มในบรูคลินต่างถูกเกณฑ์ไปอบรมที่ Goldie’s Boxing Gym
-หลังจากบัคกี้และสตีฟผ่านการอบรมหลักสูตรเพื่อไปรบเบื้องต้น ทุกอย่างก็เริ่มเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกของกองทัพสหรัฐฯ สตีฟได้รับการจัดเป็น 4F ซึ่งไม่ผ่านเกณฑ์นั่นเอง แต่บัคกี้ผ่านฉลุยและถูกเกณฑ์เข้ากองทัพสหรัฐฯได้ติดยศนับตั้งแต่นั้น
-ปี1943 จ่าบัคกี้แห่งหน่วยรบ 107 ของกองทัพสหรัฐฯได้ลาพักกลับมาที่บรูคลินอีกครั้ง โดยตอนนี้บัคกี้เรียนยุทธวิธีการรบและเป็นสไนเปอร์ประจำหน่วย แต่สตีฟยังคงเป็นเพียงเด็กส่งหนังสือพิมพ์เช่นเคย
-ในคืนที่บัคกี้ได้ลาพักกลับบ้านในบรูคลิน บัคกี้ก็ชวนสตีฟไปงานเวิร์ลเอ๊กโปว์ซึ่งจัดในนิวยอร์ค และสตีฟกับบัคกี้ก็พบกับฮาเวิร์ดครั้งแรกที่นี่ โดยฮาเวิร์ดมาเปิดนวัตกรรมใหม่ของสตาร์คอินดรัสทรีย์ของตน โดยที่ทั้งสองฝ่ายยังไม่รู้จักกัน ซึ่งฮาเวิร์ดคือที่ปรึกษาชั้นสูงของ SSR
-คืนเดียวกันนั้นในงานเวิร์ลเอ๊กโปว์ สตีฟพยายามสมัครทหารโดยใช้ประวัติปลอมอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้สตีฟได้บรรจุเข้าไปในหน่วย SSR โดยตรง โดยได้รับการช่วยเหลือและผลักดันจากดร.เอิลสกิน ซึ่งเห็นบางอย่างในตัวสตีฟ
-ในวันรุ่งขึ้น บัคกี้ขึ้นเรือไปอังกฤษเพื่อเข้าสู่แนวหน้าในประเทศออสเตรีย ส่วนสตีฟเดินทางไปที่ฐานฝึกรบพิเศษของ SSR หลังจากสตีฟฝึกสู้รบในหน่วยหลายอาทิตย์ต่อมา สตีฟก็กลายเป็นสุดยอดทหารพละกำลังเหนือมนุษย์คนแรกของโครงการรีเบิร์ธ และดร.เอิลสกินก็ตายลงไปโดยถูกมือสังหารไฮดร้าลอบฆ่า
-เนื่องด้วยโครงการรีเบิร์ธนั้นฮาเวิร์ดได้ร่วมด้วยช่วยดร.เอิลสกินทำงานด้วย ฮาเวิร์ดจึงมีหน้าที่ดูแลสตีฟต่อจากดร.เอิลสกินผู้ล่วงลับ แต่สตีฟกลับถูกเพียงเจาะเลือดไปวิจัย ฮาเวิร์ดและสตีฟจึงยังไม่ค่อยรู้จักกันในช่วงนี้ เพราะสตีฟถูกสั่งให้ไปโชว์ตัวไม่ต้องไปรบ โดยมีฉายาว่า กัปตันอเมริกา
-ที่ฐานที่มั่นสหรัฐฯในเขตสงครามประเทศอิตาลี เมื่อสตีฟได้ข่าวว่า บัคกี้ถูกไฮดร้าจับไปเป็นเชลยในออสเตรีย นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ฮาเวิร์ดได้ช่วยเหลือสตีฟ โดยขับเครื่องบินพาสตีฟไปส่งในแนวต่อสู้ เพื่อให้สตีฟกระโดดร่มลงไปในเขตที่ไฮดร้ายึดครอง และสตีฟก็ช่วยบัคกี้กับหน่วย 107 กลับฐานที่มั่นของสหรัฐฯในอิตาลีสำเร็จ
-สตีฟจึงถูกแต่งตั้งให้มียศเป็นกัปตันอเมริกาโดยสมบูรณ์ในตอนนี้ (ก่อนหน้าเป็นแค่ฉายา) และสตีฟก็ได้ร่วมงานกับฮาเวิร์ดบ่อยๆก็ช่วงนี้นี่เอง สตีฟมองฮาเวิร์ดว่าคือชายหนุ่มผู้ฉลาดล้ำมีคาวมสามารถและเคารพในตัวฮาเวิร์ด ด้านฮาเวิร์ดก็นับถือสตีฟในฐานะทหารหาญผู้แข็งแกร่งสมกับผู้นำหน่วยฮาวลิงฯโจมตีฐานไฮดร้า ทั้งสองคนจึงนับถือกันว่าเป็นเพื่อน โดยฮาเวิร์ดมอบโล่ไวเบรเนียมของดีแห่งวากานด้าให้สตีฟไว้ใช้ในสงครามด้วย
-ปี1945 ตลอดสามปี บัคกี้ก็ติดตามสตีฟเพื่อนรักสู้กับไฮดร้าในฐานะสมาชิกทีมฮาวลิ่งคอมมาโดตลอดมา จนกระทั่งบัคกี้พลาดท่าถูกไฮดร้าโจมตีจนตกรถไฟลงไปบริเวณหุบเหว สตีฟคิดว่าบัคกี้ตาย แต่บัคกี้ไม่ตาย แขนขาด และถูกไฮดร้าจับไปใส่แขนเหล็กให้ และแช่แข็งบัคกี้ไว้
-ปี1945เช่นกัน สตีฟก็ต้องสละชีวิตตนเองขับเครื่องบินรบวัลคีรีของไฮดร้าลงบริเวณทะเลอาร์คติก ฮาเวิร์ดพยายามค้นหาศพสตีฟหลายอาทิตย์ก็ไม่พบ หน่วย SSR ยกเลิกการค้นหาสตีฟ ฮาเวิร์ดจึงฝังใจกับตราบาปของตนที่ช่วยเหลือเพื่อนอย่างสตีฟไม่ได้ แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าสตีฟถูกแช่แข็งไว้ในก้นทะเลน้ำแข็งที่แสนลึกและยังไม่ตาย
-ปี1946 ฮาเวิร์ดโดนกระตุ้นปมฝังใจที่ช่วยสตีฟไม่ได้ ทำให้ฮาเวิร์ดโดนสะกดจิตได้อย่างง่ายดาย เพกกี้แฟนสาวสตีฟจึงรู้ตอนนี้ว่า ฮาเวิร์ดนั้นรักสตีฟในฐานะเพื่อนมากแค่ไหน ซึ่งในที่สุดฮาเวิร์ดก็หลุดจากการสะกดจิตได้
-ปี1947-1948 เมื่อฮาเวิร์ดได้ขึ้นมาเป็นหนึ่งในสามผู้ก่อตั้งหน่วยชิลด์ ฮาเวิร์ดจึงสั่งยุบหน่วย SSR และนำทุกอย่างใน SSR มาเป็นของชิลด์ และฮาเวิร์ดให้ชิลด์รื้อฟื้นการค้นหาสตีฟอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนับตั้งแต่นั้น
-ปี1948 ดร.อาร์นิม โซล่า ได้รับการปล่อยตัวจากคุก SSR ในปฎิบัติการ"เปปเปอร์คลิป"ของฮาเวิร์ด เพราะฮาเวิร์ดอยากได้ความรู้ดร.โซล่ามาช่วยชิลด์ ดร.โซล่าใช้จังหวะนี้ลอบกลับไปโซเวียตจับบัคกี้ละลายน้ำแข็ง และล้างสมองบัคกี้ได้สำเร็จ จึงกำเนิดเป็นนักฆ่าผู้ไม่มีความทรงจำในอดีต "วินเทอร์ โซลเยอร์"
-และบัคกี้หรือวินเทอร์โซลเยอร์ ก็ทำการลอบสังหารบุคคลสำคัญในนานาประเทศไปทั่วโลก เมื่อภารกิจสำเร็จไฮดร้าก็จับบัคกี้มาแช่แข็งต่อ เป็นเช่นนี้เสมอมา กำเนิดเป็นผีสายลับในตำนาน..
-ปี1970 -1990 มาเรียภรรยาฮาเวิร์ดก็ให้กำเนิดบุตรชาย และตั้งชื่อว่า โทนี่ สตาร์ค และนับตั้งแต่โทนี่จำความได้ ในวัยเด็ก โทนี่มักได้รับการบอกเล่ากล่าวถึงตำนานวีรบุรุษสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างกัปตันอเมริกาจากพ่ออยู่บ่อยๆ จึงทำให้โทนี่รู้ว่าฮาเวิร์ดพ่อของตนและกัปตันอเมริกานั้นสนิทสนมกันมากในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง โทนี่จึงมีปมหมั่นไส้สตีฟอยู่นิดๆตั้งแต่เด็กจนโตเป็นหนุ่ม
-ปี1991 ฮาเวิร์ดและมาเรีย ก็เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุรถคว่ำ โทนี่จึงเข้ามาดูแลกิจการสตาร์คอินดรัสทรีย์ต่อจากพ่อ
-ปี2008 กำเนิด ไอรอนแมน โดยโทนี่ประกาศออกสื่อเลยว่าเขาคือไอรอนแมน และโทนี่ก็ได้เป็นที่ปรึกษาอาวุโสให้ชิลด์
-ปี2011 ชิลด์ค้นพบร่างสตีฟในทะเลอาร์คติกในสภาพถูกแช่แข็ง และสตีฟอาศัยอยู่ในฐานชิลด์ไปก่อน
-ปี2012 สตีฟได้พบกับโทนี่ครั้งแรกที่เยอรมันในภารกิจจับโลกิ หลังจากนั้นบนควินเจ็ต สตีฟพยายามคุยกับโทนี่ดีๆ แต่โทนี่ดันไปกวนประสาทสตีฟซะงั้น สร้างปมเล็กๆให้สตีฟไม่ค่อยชอบวิธีการของโทนี่ที่เห็นทุกอย่างเป็นเรื่องเล่นๆ และโทนี่ก็ไม่ชอบท่าทางสตีฟที่ดูเป็นพระเอกเหลือล้นเช่นกัน และกำเนิดทีม อเวนเจอร์ ในปีนี้
-ปี2013 โทนี่กลับไปสร้างตึกอเวนเจอร์ทาวเวอร์อย่างขะมักเขม้นในนิวยอร์ค ส่วนสตีฟก็บรรจุเป็นเจ้าหน้าที่ชิลด์เต็มตัวแล้วในดีซี โทนี่กับสตีฟจึงอยู่ห่างๆกัน
-ปี2014 สตีฟกับบัคกี้ก็พบกันอีกครั้งในรอบ70ปี ชิลด์ล่มสลายในตอนนี้ โดยบัคกี้จำอดีตไม่ได้เลยในครั้งแรก แต่หลังจากเห็นหน้าสตีฟบ่อยๆในการต่อสู้ ความทรงจำบัคกี้ก็เริ่มกลับมา จนในที่สุด บัคกี้ก็ค้นพบตนเอง และเริ่มจำอดีตได้มากขึ้นเรื่อยๆ อาการที่โดนล้างสมองก็ค่อยๆหายไป..
ปี2015 บัคกี้เดินทางค้นหาเบาะแสตัวตนของตนเองไปทั่วโลก แต่ทางอเวนเจอร์ก็รวมทีมกันบ่อยๆเพื่อตามหาคฑาโลกิ โดยสตีฟกับโทนี่นั้นไม่เคยมองโลกในมุมเดียวกันเลย ทำให้ทั้งสองเริ่มขัดแย้งทางความคิด (แต่ผมเชื่อว่าโทนี่กับสตีฟเป็นคนดีทั้งคู่)
ปี2016 ตั้งแต่กำเนิดไอรอนแมนในปี 2008 จนถึงเหตุการณ์ในโซโคเวียปี 2015 ฮีโร่และวายร้ายตีกันบ่อยครั้ง สร้างความเสียหายให้ชีวิตและทรัพย์สินไปมากมาย ผู้มีอำนาจจึงรวมตัวกันเขียนสนธิสัญญาโซโคเวียขึ้นมาเพื่อลงทะเบียนฮีโร่ และตกลงเรื่องการตัดสินใจใช้กำลังเหนือมนุษย์อะไรทำนองนี้ในอนาคต
ติดตามรายละเอียดเรื่องราวกันต่อในภาพยนตร์เรื่อง Captain America: Civil War ในวันที่ 27 เมษายน 2016 พร้อมกันทั่วประเทศไทยครับ
ปล. ผมข้ามเนื้อหาไปหลายช่วง เพื่อความกระชับในบทสรุป ไม่ได้ลืมนะครับ แต่ไม่ได้ใส่เข้าไปเท่านั้น อิอิ สงสัยตรงไหน ถามมาได้เลยครับ ยินดีตอบทุกข้อที่คุณสงสัยหรือค้างคาใจ ขออย่าถามแค่สองเรื่องคือ
1. อย่าถามว่า เหตุการณ์ในซิวิลวอร์ฉบับภาพยนตร์จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เพราะผมก็ยังไม่ได้ดู 555+
2. เกี่ยวเนื่องอะไรกับซิวิลวอร์ในคอมมิคมั๊ย ตอบเลยว่าไม่เกี่ยวครับ คนละเรื่องราวแน่นอน
และเนื้อเรื่องโดยสรุปทั้งหมดของจักรวาล MCU เชิญอ่านที่กระทู้นี้ได้เลยครับ http://pantip.com/topic/33512368
สวัสดีครับ