ตอนเด็กๆผมใฝ่ฝันอยากจบคณะดีๆ เรียนสูงๆ มีดีกรีเป็น ดร.ทำงานเป็นอาจารย์สอนมหาวิทยาลัย พอโตมาเรียนจบปริญญาตรีมาปุ๊บเสาหลักของบ้านต้องหายไป 1 คน เรื่องคือว่าพ่อเสียครับ ผมลองทบทวนแล้วกว่าจะจบโทจบเอกต้องใช้เวลาเรียนนาน จบมาแล้วต้องทำงานใช้ทุนรัฐอีกหลายปี ไหนจะสอบบรรจุอีกจะพูดให้ตรงๆเลยคู่แข่งเยอะ ส่วนแม่ผมใกล้จะเกษียณอายุแล้ว
จุดหักเหชีวิตวันนั้นคือพ่อเสียครับ ผมเลิกคิดที่เรียนต่อแล้วและมาเปิดกิจการร้านเล็กๆแถวชานเมืองที่ไม่มีคู่แข่ง เชื่อไหมว่าตอนสมัยนั้น ปี 2548 ผมมีเงินติดตัวแค่ 50000 กว่าบาท ตอนนั้นผมขายน้ำเต้าหู้ + เป็นครูสอนพิเศษตามบ้าน รายได้จากธุรกิจตอนนั้นคือ 55000 ครับ ใช้10000 ฝาก 25000ทุกเดือน ผมไม่มีแฟนแต่ไม่เที่ยวกลางคืน และให้รางวัลตัวเองคือเที่ยวเกาะช้าง เกาะล้านปีละ 2 ครั้ง
ปี 2550 มีเงินในบัญชีอยู่ 450000 ผมเลิกทำงานขายน้ำเต้าหู้แล้วเพราะร้อนและเหนื่อย ต่อมาประกาศเซ้งร้านน้ำเต้าหู้ 50000 จากนั้นผมหันมาทำร้านเน็ตซึ่งตอนนั้นเน็ตกำลังบูม รายได้หักทุกอย่างแล้วจะอยู่ที่ 55000 -75000 บาทต่อเดือน แต่ปีแรกน้อยกว่านั้นหน่อยนึงเพราะคนรู้จักร้านผมน้อย
จากความพยายามมา 7 ปี ทำให้ผมมีเงินเก็บ 2.75 ล้านบาท ( รวมค่าเซ้งกิจการร้านเน็ต 500000 บาทแล้ว ) ตอนปี2550 ผมมีตึกแถว2คูหา ผ่อน 10 ปี มีรถ 2 คัน ซื้อสด1คัน ผ่อน 1 คัน ปัจจุบันผมทำงาน 2 วัน หยุด 5 วัน โดยที่ทำงานแค่วันละ 6 ชม. เท่านั้น
ทุกวันนี้ทำกิจการน้ำดื่มและให้เช่ารถรายวัน สิ้นเดือนรายได้ธุรกิจส่วนตัวรวมแล้วเฉลี่ยอยู่ที่ 90000 บาทซึ่งหักค่าใช้จ่ายอย่างอื่นแล้ว ส่วนตึกแถวที่ผมอยู่ใกล้จะผ่อนหมดแล้ว โชคดีที่ผมจับงานถูกที่และเป็นงานที่ผมรักและถนัดทำให้กิจการค่อนข้างไปได้ดี แม้จะไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ 100 เปอร์เซนต์ก็ตาม แต่ธุรกิจผมมีระบบ มีลูกน้อง มีการบริหารที่ดี ทำให้ผมก้าวไปถึงเป้าหมายเพียงแค่อายุ 30 กว่าๆได้
อนาคตมีแผนชีวิตที่จะขยายสาขาเพิ่ม อยากมีบ้าน 2 หลังอยู่ริมทะเล อีกที่จะซื้อบ้านริมภูเขาติดลำธาร
ที่กล่าวมาคือเรื่องจริงครับไม่ได้มาอวดรวยหรืออะไรทั้งสิ้น ที่มาเล่าเพราะคนเราถ้าทำงานที่ตนเองถนัด+ใจรัก เราก็ประสบความสำเร็จได้ ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จครับ สู้ๆครับ
ขอบคุณที่ผมก้าวมาถึงความสำเร็จในวันนี้ได้ ผมได้ในสิ่งที่ผมปรารถนาแล้ว
ตอนเด็กๆผมใฝ่ฝันอยากจบคณะดีๆ เรียนสูงๆ มีดีกรีเป็น ดร.ทำงานเป็นอาจารย์สอนมหาวิทยาลัย พอโตมาเรียนจบปริญญาตรีมาปุ๊บเสาหลักของบ้านต้องหายไป 1 คน เรื่องคือว่าพ่อเสียครับ ผมลองทบทวนแล้วกว่าจะจบโทจบเอกต้องใช้เวลาเรียนนาน จบมาแล้วต้องทำงานใช้ทุนรัฐอีกหลายปี ไหนจะสอบบรรจุอีกจะพูดให้ตรงๆเลยคู่แข่งเยอะ ส่วนแม่ผมใกล้จะเกษียณอายุแล้ว
จุดหักเหชีวิตวันนั้นคือพ่อเสียครับ ผมเลิกคิดที่เรียนต่อแล้วและมาเปิดกิจการร้านเล็กๆแถวชานเมืองที่ไม่มีคู่แข่ง เชื่อไหมว่าตอนสมัยนั้น ปี 2548 ผมมีเงินติดตัวแค่ 50000 กว่าบาท ตอนนั้นผมขายน้ำเต้าหู้ + เป็นครูสอนพิเศษตามบ้าน รายได้จากธุรกิจตอนนั้นคือ 55000 ครับ ใช้10000 ฝาก 25000ทุกเดือน ผมไม่มีแฟนแต่ไม่เที่ยวกลางคืน และให้รางวัลตัวเองคือเที่ยวเกาะช้าง เกาะล้านปีละ 2 ครั้ง
ปี 2550 มีเงินในบัญชีอยู่ 450000 ผมเลิกทำงานขายน้ำเต้าหู้แล้วเพราะร้อนและเหนื่อย ต่อมาประกาศเซ้งร้านน้ำเต้าหู้ 50000 จากนั้นผมหันมาทำร้านเน็ตซึ่งตอนนั้นเน็ตกำลังบูม รายได้หักทุกอย่างแล้วจะอยู่ที่ 55000 -75000 บาทต่อเดือน แต่ปีแรกน้อยกว่านั้นหน่อยนึงเพราะคนรู้จักร้านผมน้อย
จากความพยายามมา 7 ปี ทำให้ผมมีเงินเก็บ 2.75 ล้านบาท ( รวมค่าเซ้งกิจการร้านเน็ต 500000 บาทแล้ว ) ตอนปี2550 ผมมีตึกแถว2คูหา ผ่อน 10 ปี มีรถ 2 คัน ซื้อสด1คัน ผ่อน 1 คัน ปัจจุบันผมทำงาน 2 วัน หยุด 5 วัน โดยที่ทำงานแค่วันละ 6 ชม. เท่านั้น
ทุกวันนี้ทำกิจการน้ำดื่มและให้เช่ารถรายวัน สิ้นเดือนรายได้ธุรกิจส่วนตัวรวมแล้วเฉลี่ยอยู่ที่ 90000 บาทซึ่งหักค่าใช้จ่ายอย่างอื่นแล้ว ส่วนตึกแถวที่ผมอยู่ใกล้จะผ่อนหมดแล้ว โชคดีที่ผมจับงานถูกที่และเป็นงานที่ผมรักและถนัดทำให้กิจการค่อนข้างไปได้ดี แม้จะไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ 100 เปอร์เซนต์ก็ตาม แต่ธุรกิจผมมีระบบ มีลูกน้อง มีการบริหารที่ดี ทำให้ผมก้าวไปถึงเป้าหมายเพียงแค่อายุ 30 กว่าๆได้
อนาคตมีแผนชีวิตที่จะขยายสาขาเพิ่ม อยากมีบ้าน 2 หลังอยู่ริมทะเล อีกที่จะซื้อบ้านริมภูเขาติดลำธาร
ที่กล่าวมาคือเรื่องจริงครับไม่ได้มาอวดรวยหรืออะไรทั้งสิ้น ที่มาเล่าเพราะคนเราถ้าทำงานที่ตนเองถนัด+ใจรัก เราก็ประสบความสำเร็จได้ ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จครับ สู้ๆครับ