เส้นทางเด็กไทย สู่รั้ว มหาวิทยาลัยเพนซิลเวนเนีย สหรัฐอเมริกา

อยากจะขอเขียนแบ่งปันประสบการณ์การเข้าศึกษาต่อ มหาวิทยาลัยเพนซิลเวนเนีย สหรัฐอเมริกา ระดับ ปริญญาตรี ของผมให้กับผู้อ่าน เพื่อที่จะเป็นประโยชน์กับน้องๆ ที่สนใจอยากเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก   เริ่มกันเลยนะครับ

ต้องบอกเลยว่าผมเรียนมาตั้งแต่เด็กไม่เคยเรียนในประเทศไทยเลย เพราะ พ่อแม่ให้ผมไปเรียนในต่างประเทศมาตลอดและได้เรียนภาษาไทยในวัดหรือ ที่สถานทูตจัดให้ อาจเขียนผิดพลาดแต่ขออภัยด้วยนะครับ

หลังจากผมเรียนจบ มัธยมศึกษาในนครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย คุณพ่อและคุณซึ่งทำงานเป็น ศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยเพนซิลเวนเนีย ท่านก็อยากให้ผมเข้าเรียนที่นี่ แต่มันไม่ง่ายเลยสำหรับการที่เราต้องสอบแข่งขันกับบุคคลอื่นซึ่งมีจำนวนไม่น้อยที่สมัครเข้าคณะนี้ไม่เครียดหรือกดดันอะไรจากที่เคยอ่านหนังสือมากอยู่แล้วก็ต้องอ่านมากขึ้นอีกหลายเท่าครับ แต่ไม่เคยเข้าเรียนพิเศษตามกวดวิชา พ่อและแม่ก็ให้กำลังใจรวมทั้งคุณป้าที่อยู่เมืองไทยก้ให้กำลังใจเป็นอย่างดีครับ เมื่อถึงเวลาสอบเข้ามหาวิทยาลัย ตามที่ประกาศก็ได้ที่นั่งสอบ A327022 ก่อนเข้าห้องสอบพ่อและแม่ก็มาให้กำลังใจถึงที่ ไม่เครียด ไม่กดดันเพราะ เราไม่ใช่โจรที่จะมาสารภาพตนเองครับ เข้าห้องสอบมองไปรอบๆ มีแต่เด็กต่างประเทสบ้าง เด็กอเมริกาบ้าง เยอะมาก ผมตั้งใจทำข้อสอบ เอาคำสอนของพระพุทธเจ้ามาใช้ คือ สติมา ปัญญาเกิด แต่ไม่เคยบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บนบานตนเองว่าถ้าสอบติดจะขอมอบให้เป็นของขวัญให้ครอบครัว คุณพ่อ คุณแม่และคุณป้าที่อยู่เมืองไทย มีผู้สอบบางคนถึงกับหลับในห้องก็มี หลังจากทำข้อสอบมานานก็ถึงเวลาออกห้องสอบตามที่เขาประกาศ ก่อนออกห้องสอบตรวจเช็คความเรียบร้อยบนกระดาษสอบว่ามีผิด หรือ ตกหล่นข้อไหนบ้าง จะได้รีบแก้ไขทัน จากนั้นก็ถึงเวลาส่งข้อสอบ เดินออกห้องสอบคอตก คุณพ่อ คุณแม่มารอท่านถามผมว่า "เป็นไงบ้างลูก ทำได้ไหม ?"   ผมตอบแม่ว่า ผมไม่แน่ใจเลย เพราะยากมาก ยากมากที่สุดในชีวิตเท่าที่ผมเจอข้อสอบ  สีหน้าพ่อและแม่รู้สึกไม่สู้ดีนัก จากนั้นพ่อและแม่ก็พาไปทานข้าวเพราะเริ่มหิวแล้ว

ระหว่างที่รอผลสอบอยู่นั้น ก็อ่านหนังสือมากขึ้นกว่าเดิมอีก กลัวสอบไม่ได้แล้วต้องหาที่เรียนใหม่ ซึ่งพ่อแม่ก็หวังว่าจะได้เรียนที่นี่ ซึ่งเป็นที่พ่อแม่ทำงานอยู่ที่นี่ด้วย บางคืนนอนไม่หลับเพราะคิดมากลัวสอบไม่ติด ไม่มีที่เรียน เพราะสาขาที่ผมสอบเข้า รับ 90 คน แต่คนสอบ  7,396 คน   และสาขานี้ก็เป็นที่นิยมเรียนกันมากซึ่ง มีเศรษฐี หรือ นักการเมือง เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์มีมาหลายคน  และแล้วก็ถึงวันประกาศผลสอบ มันเป็นอะไรที่ตื่นเต้นมากครับ ผมก็ไปมหาวิทยาลัยเพื่อไปตรวจสอบรายชื่อตามที่ประกาศ จริงๆ ก็มีการประกาศในเว็บไซต์แต่ไม่เท่าที่ไปดูของจริง หลังจากนั้นเดินไปดูประกาศรายชื่อ ผมเริ่มดูใบสุดท้ายก่อนจากนั้น ดูใบที่ 2 -1 กลับกัน ใบแรกไม่มีชื่อ และ ใบที่ 2 ก็ไม่มีชื่ออีก เริ่มเครียด สีหน้าซีดแล้ว น้ำตาเริ่มมาแล้วครับ ใบแรกไม่กล้าดูเพราะถ้าดูแล้วไม่มีชื่อผมจะยิ่งเสียใจดูแแค่ 30 29 28 ไล่ขึ้นมาถึง 20 ไม่มี จากนั้นเริ่มทำใจ ถอดใจ เดินกลับคอตก น้ำตาไหลไม่รู้จะไปบอกพ่อแม่อย่างไร ไปนั่งร้องไห้ใต้ต้นไม้ สักพัก ก็มีผู้ปกครองนักเรียนจาก รัฐแมรี่แลนด์ เดินมาถาม หนูป้ายประกาศรายชื่ออยู่ที่ไหน  ไปส่งหน่อยได้ ? เราก็รีบเช็คน้ำตา ผู้ปกครองสองท่านนั้น ก็มองเราด้วยสีหน้าไม่ดีเลย จากนั้นก็พาไปที่ประกาศครับ ไปถึงที่ประกาศก็ดูใหม่ ไล่ดูรายชื่ออีกครั้ง เริ่มใหม่ ไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึง คน3 ชื่อก็ไม่มีอีก ยิ่งเครียดกว่าเดิม ใจหาย ตัวสั่นไปหมดแล้ว นับมาอีกครั้ง ลำดับที่ 2 ชื่อผม ปรากฏอยู่  (เวลาดูประกาศผลสอบ หรือ อะไร ผมไม่กล้าดู จากลำดับที่ 1 ลงมา จะดูที่ลำดับสุดท้ายก็มา เพราะจะได้รู้ว่า เราอยู่ในลำดับที่เท่าไหร่) จากที่เคยเคร่งเครียด น้ำตาไหล ดีใจสุดขีด ไม่สนใจใครอีก ก็รีบกลับ เมื่อมาถึงบ้าน พ่อและแม่ นั่งดื่มชารอผมแล้ว พร้อมคุณป้า ทั้ง3 ท่าน ที่เดินทางมาจากประเทศไทย ผมเดินตรงไปที่คุณพ่อและคุณแม่ ก็กราบเท้าท่านทั้งสอง และ ไปกราบคุณป้า  พ่อบอกว่า " พ่อและแม่รู้แล้วว่าลูกสอบติด แต่อยากจะบอกให้ลูกรู้อยากให้ลูกมีความรับผิดชอบต่อตัวเอง "  ป้าอ้อย มากอดผม ถามผมว่า ลูกอยากได้อะไรบอกป้าเดี๋ยวป้าเอาให้ ? ก็ตอบไปว่า ไม่อยากได้อะไร อยากให้ป้ารักผมมากขึ้น มากขึ้น  จากนั้นพ่อก็พาพวกเราไปกินข้าวเพราะกินอะไรไม่ลงมาหลายวันแล้ว

ปัจจุบัน ผมเรียนจบ ป.โท เศรษฐศาสตร์ และทำวิทยานิพนธ์ เรื่อง เศรษฐศาสตร์การเหมืองแร่  กรณีศึกษา เหมืองแร่ ประเทศชิลี โดยทุนของรัฐบาลชิลีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า บทความของผมนี้ จะช่วยเป็นแรงใจ กำลังใจให้กับผู้ที่สนใจอยากเข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัยชั้นนำ ปัจจัยและเบื้องหลังของความสำเร็จของผมคือ  กำลังใจจากครอบครัว เป็นสิ่งสำคัญมากและเราเองต้องเป็นที่พึ่งของตน ยิ่งอ่านมากเท่าไหร่ยิ่งได้มากเท่านั้น  ขอเป็นกำลังใจให้กับน้องๆ ทุกคนครับ...
แก้ไขข้อความเมื่อ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ยินดีด้วยครับ คุณสามารถได้เข้าไปเรียนมหาวิทยาลัยชั้นนำจนจบโท จากสถาบันที่หลายคนฝันอยากไปเรียน
คุณคงทราบดีกว่าผม นักเศรษฐศาสตร์ไทยผู้มีชื่อเสียงบางราย จบการศึกษาจากที่นี้
มากกว่านั้นเช่นเดียวกัน อาจารย์สายวิศวกรรมศาสตร์ของไทยเรา จำนวนไม่น้อยจบปริญญาเอกจาก
มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ฟิลาเดลเฟีย  สหรัฐอเมริกา ดูเหมือนจะมีจำนวนหนาตากว่าเศรษฐศาสตร์นะครับ

วิทยานิพนธ์ปริญญาโทของคุณ เรื่อง เศรษฐศาสตร์การเหมืองแร่ :  กรณีศึกษา เหมืองแร่ประเทศชิลี น่าสนใจยิ่ง
หลายปีที่ผ่านมา เหมืองแร่ภาคใต้บ้านเรา มีจำนวนไม่น้อย เลิกกิจการ ถูกทิ้งให้กลายเป็นเหมืองร้าง มีสภาพเป็นอ่างน้ำขนาดใหญ่
บ้างเจ้าของเดิม หรือผู้มาเช่าใหม่ ดัดแปลงให้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจประเภทโรงแรม นิยมเรียก รีสอร์ท

มหาวิทยาลัยภาคใต้บ้านเรา ได้ส่งคนไปเรียนระดับปริญญาเอกที่ออสเตรเลีย เน้นฟื้นฟูสภาพทางกายภาพเหมืองร้างเหล่านี้
ว่า จะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในแง่ไหนได้บ้าง อาจเป็นด้านเกษตรกรรม หรือประมง โดยทำเป็นบ่อเลี้ยงกุ้ง เลี้ยงปลาขนาดใหญ่
อย่างไรก็ตาม การศึกษาที่ผ่านมา มึทีมงานนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยญี่ปุ่นมาร่วมด้วย แต่เป็นการเน้นเพื่อหาลู่ทาง
ฟื้นฟูลักษณะกายภาพเหมืองร้างเหล่านั้นเสียส่วนใหญ่

เป็นที่น่าเสียดาย เท่าที่ทราบ ยังไม่มีการศึกษาความคุ้มค่าทางเศษฐกิจและสังคม ผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม
และวิถีชีวิตของชาวบ้านละแวกนั้น หากผู้เกี่ยวข้องไปดำเนินการ ฟื้นฟูสภาพเหมืองร้างในภาคใต้เหล่านั้น

คุณสมาชิกหมายเลข 3013233 มีความคิดเห็นหรือคำแนะนำ การนำเหมืองร้างในบ้านเรามาใช้ประโยชน์อย่างไรบ้าง
คร่าวๆ มันจะมีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งวิถีชีวิตของชาวบ้านในชุมชนมากน้อยแค่ไหนครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่