สวัสดีคะ วันนี้เรามีเรื่องจะมาเล่าหรืออาจจะเป็นการระบายความรู้สึกพร้อมทั้งขอความเห็นจากเพื่อนๆ เราขอใช้ไอดีของน้องชายของเราเข้ามาต้องขออภัยนะคะด้วยไม่เคยสมัครมาก่อน ปกติก็อ่านเรื่องราวของคนอื่นอย่างเดียวไม่เคยคิดว่าจะได้มาเล่าเรื่องของเราเอง มาเข้าเรื่องกันเลยนะคะ ขอแทนตัวเราเองว่าหมวยนะคะ หมวยอายุ 35 แล้วคะ และแต่งงานแล้ว แฟนหมวยอายุมากกว่าหมวย 2 ปี หลังแต่งงานหมวยย้ายเข้ามาอยู่บ้านแฟน ซึ่งปกติแฟนหมวยจะอยู่กับคุณพ่อแต่คุณพ่อแฟนเสียไปช่วงที่เราคบกันใหม่ๆ ส่วนแม่ของแฟนหมวยนั้นทำงานอยู่ต่างจังหวัด นานๆทีจึงจะกลับมาบ้านสักครั้ง และตัวเอกของเรื่องหมวยขอแทนน้องแฟนว่า "น้องเอก" ละกันนะคะ น้องเอกในตอนนี้อายุเข้าสู่เลข 3 แล้วคะ และเช่นกันคือน้องเอกเรียนอยู่ต่างจังหวัด นานๆทีจะกลับมาบ้าน แต่ประเด็นที่หมวยหนักใจไม่ได้อยู่จุดนี้คะ เรื่องของเรื่องคือน้องเอกเป็นมนุษย์สายพันธุ์แบ๊วคะ อันนี้ใครจะด่าหมวยยังไงก็ได้แต่หมวยขอบอกเลยว่าน้องเอกในวัยใกล้ 30 แบ๊วสุดๆ ซึ่งแรกๆหมวยก็ไม่ได้ติดใจอะไรแต่พอยิ่งสัมผัสหมวยยิ่งรู้วึกถึงความไร้สาระของชีวิตมากๆ นแฟนหมวยเล่าให้ฟังว่าน้องเอกจบป.ตรีมา แล้วสมัครงาน ทำงานอยู่ได้ 2 เดือนก็ลาออก 
หลังจากนั้นน้องเอกก็ตัดสินใจเรียนต่อ และนับแต่บัดนั้นจนบัดนี้น้องเอกก็ยังเรียนอยู่คะ เรียนอย่างเดียว นับสิริอายุในการเรียนตอนนี้ก็ปาเข้าไป 5 ปีละคะ อ้อลืมบอกไปคะ น้องเอกลืมไปผ่อนผันทหารจนต้องไปเป็นทหารอยู่ 1 ปีและต้องดรอปเรียนไป และหลังจากนั้นก็ออกมาเรียนต่อ กระทั่งปีที่ผ่านมาน้องเอกกำลังจะถูกรีไทน์เพราะใช้เวลาเรียนเต็มอัตราที่มหาวิทยาลัยกำหนด แต่ด้วยเดชะบุญของน้องเอกที่อาจารย์ของน้องเอกช่วยจนกระทั่งได้เรียนต่อแต่นั่นละคะ ก็ต้องจ่ายค่าเทอมกันใหม่ ซึ่งนับตั้งแต่เรียนน้องเอกก็ไม่เคยทำงานที่ไหนอีกเลย เงินส่วนใหญ่ที่น้องเอกได้มาก็จากญาติ จากทางบ้านล้วนๆ มีครั้งนึงญาติผู้ใหญ่ถามน้องเอกว่าใกล้จะจบหรือยัง ก็โดนน้องเอกปล่อยพลังใส่ด้วยหน้าบูดเบี้ยวและอาการกระฟัดกระเฟียด จนหลังๆนี้ไม่มีใครกล้าถามหรือคุยกะน้องเอกอีกเลย น้องเอกก็ตามเคยแบ๊วๆใสๆไปวันๆ เราเคยถามน้องเอกว่าลองไปหางานทำดูไหม น้องเอกอยากทำอะไรเราช่วยหาให้ได้นะ ทำช่วงเวลาว่างๆ แต่ก็ต้องหน้าตึงกับคำตอบ "อยากทำอะไรก็ได้ที่ไม่ต้องใช้สมองหรือใช้ความคิดอะพี่" ในใจตอนนั้นอยากจะระเบิดอารมณ์ใส่มากๆ มีคำเป็นล้านที่อยากจะด่า แต่ด้วยความเป็นภรรยาที่มาอยู่ในบ้านเขา ไม่อยากให้เกิดปัญหาก็ได้แต่เฉยๆไว้ 
และหลังๆมาก็เริ่มจะหนักขึ้น คือน้องเอกมีกลุ่มเพื่อนที่สนิท ซึ่งเพื่อนๆน้องเอกแต่ละคนไม่ธรรมดา ไม่ธรรมดาคือมีงานการทำแบบสุดๆครับ มีทั้งอาจารย์มหาวิทยาลัย ข้าราชการ หรือหัวหน้างาน เราเจอเพื่อนๆน้องเอกครั้งนึงตอนน้องเอกพาเพื่อนมาที่บ้านเราชื่นชมในตัวเด็กเหล่านั้นมากๆ แต่รีกลับมาดูน้องเอกของเรา ถอนหายใจยาวมากๆๆๆๆๆ  ที่ต้องถอนยาวๆนี่เพราะเวลาน้องเอกไปเฮฮากับเพื่อนน้องเอกจะมือเติบมาก ถึงไหนถึงกัน จ่ายเท่าไหร่ไม่อั้น เพื่อนกินไหน หรูเท่าไหร่ฉันยินดี แต่ภาระทั้งหมดมาตกที่แฟนเราและเราที่ต้องให้เงิน จนบางครั้งเราก็ทะเลาะกับแฟนเราบ่อยครั้งเรื่องน้องเอก ซึ่งเราก็เข้าใจแฟนเราว่านั่นคือน้อง แต่เราก็ไม่เห็นด้วยกับการสปอยด์แบบนี้ จนหลังๆเรากะแฟนตกลงกันว่าเรื่องของครอบครัวเขาเราจะไม่เกี่ยวข้อง และครอบครัวเราเราก็รับผิดชอบเอง ต่างคนต่างรับภาระของบ้านตัวเองไป แต่เพื่อนๆเข้าใจเราไหมคะว่าหลายๆครั้งอะไรแบบนี้มันก็ทำเราอึดอัด
และเรื่องที่ถือว่าเป็นเรื่องที่เรากล้าพูดเลยว่าบัดซบที่สุดที่เราเคยเห็นคนอายุเท่านี้ทำคือ การโทรบอกญาติๆและคนในครอบครัวว่าจะฆ่าตัวตาย และก็เงียบหายไป ไม่รับโทรศัพท์ ไม่มีใครสามารถติดต่อได้ เพื่อนคิดดูสภาพที่เราต้องพาแฟนที่วิตกกังวลต้องลางานและขับรถไปต่างจังหวัด ตลอดทางก็มีญาติโทรมาด้วยความเป็นห่วง พอไปถึงเราและแฟนก็พบน้องเอกนอนหลับอย่างสบายใจ และตื่นมาแบบงัวเงีย แล้วทำหน้าแบ๊วๆบอกกับเราว่า "เครียดๆแต่ตอนนี้หายแล้ว" มันคืออะไรคะ มันคืออะไร... เราแทบจะร้องไห้เพราะสงสารแฟนเราสุดๆ เราเข้าใจว่านั่นคือน้อง แต่การกระทำแบบนี้มันเกินไปไหม ชีวิตน้องเอกสบายสุดๆ วบายๆมากๆ ไม่ต้องรับภาระอะไรทั้งนั้น แถมมีเงินใช้ หรือนี่เองที่ทำให้น้องเป็นแบบนี้ หรือคนรอบข้างเองที่ทำให้น้องกลายเป็นคนไม่เอาไหน? 
ที่เรามาเล่าในวันนี้ก็เพราะเราสงสารแฟนเราด้วย และเราเองก็อึดอัดในหลายๆครั้ง เราอยากให้น้องรีบๆจบ รีบๆหางานทำ เพราะตอนนี้ก็อายุย่าง 30 แล้ว ยังไม่เคยผ่านประสบการณ์ทำงานอะไรเลย และที่บ้านก็ไม่ได้มีธุรกิจอะไร ถ้าน้องยังเป็นแบบนี้ ใช้ชีวิตแบบนี้ไม่รู้วันข้างหน้าจะเป็นไง? บางคืนแฟนเราปรึกษาเรา เราก็ได้แต่ให้กำลังใจ เพราะถ้าตำหนิหรืออะไรไปมากกว่านั้นก็เกรงจะเป็นปัญหาครอบครัวเราอีก เลยได้แต่เป็นกำลังใจให้และช่วยหาทางออกให้ ถ้าใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ มีอะไรจะชี้แนะหรือจะตำหนิเราก็ยินดีนะคะ คงเป็นกระทู้เดียวของเราคะ พิมพ์ไปก็นั่งกังวลไปว่าจะได้กี่คำ เรื่องจะยาวไปไหม ยังไงก็ขอบคุณนะคะที่อ่านมาจบถึงตอนนี้ ขอบคุณคะ																															
						 
												
						
					
เมื่อน้องของแฟนหายใจทิ้งไปวันๆ
หลังจากนั้นน้องเอกก็ตัดสินใจเรียนต่อ และนับแต่บัดนั้นจนบัดนี้น้องเอกก็ยังเรียนอยู่คะ เรียนอย่างเดียว นับสิริอายุในการเรียนตอนนี้ก็ปาเข้าไป 5 ปีละคะ อ้อลืมบอกไปคะ น้องเอกลืมไปผ่อนผันทหารจนต้องไปเป็นทหารอยู่ 1 ปีและต้องดรอปเรียนไป และหลังจากนั้นก็ออกมาเรียนต่อ กระทั่งปีที่ผ่านมาน้องเอกกำลังจะถูกรีไทน์เพราะใช้เวลาเรียนเต็มอัตราที่มหาวิทยาลัยกำหนด แต่ด้วยเดชะบุญของน้องเอกที่อาจารย์ของน้องเอกช่วยจนกระทั่งได้เรียนต่อแต่นั่นละคะ ก็ต้องจ่ายค่าเทอมกันใหม่ ซึ่งนับตั้งแต่เรียนน้องเอกก็ไม่เคยทำงานที่ไหนอีกเลย เงินส่วนใหญ่ที่น้องเอกได้มาก็จากญาติ จากทางบ้านล้วนๆ มีครั้งนึงญาติผู้ใหญ่ถามน้องเอกว่าใกล้จะจบหรือยัง ก็โดนน้องเอกปล่อยพลังใส่ด้วยหน้าบูดเบี้ยวและอาการกระฟัดกระเฟียด จนหลังๆนี้ไม่มีใครกล้าถามหรือคุยกะน้องเอกอีกเลย น้องเอกก็ตามเคยแบ๊วๆใสๆไปวันๆ เราเคยถามน้องเอกว่าลองไปหางานทำดูไหม น้องเอกอยากทำอะไรเราช่วยหาให้ได้นะ ทำช่วงเวลาว่างๆ แต่ก็ต้องหน้าตึงกับคำตอบ "อยากทำอะไรก็ได้ที่ไม่ต้องใช้สมองหรือใช้ความคิดอะพี่" ในใจตอนนั้นอยากจะระเบิดอารมณ์ใส่มากๆ มีคำเป็นล้านที่อยากจะด่า แต่ด้วยความเป็นภรรยาที่มาอยู่ในบ้านเขา ไม่อยากให้เกิดปัญหาก็ได้แต่เฉยๆไว้
และหลังๆมาก็เริ่มจะหนักขึ้น คือน้องเอกมีกลุ่มเพื่อนที่สนิท ซึ่งเพื่อนๆน้องเอกแต่ละคนไม่ธรรมดา ไม่ธรรมดาคือมีงานการทำแบบสุดๆครับ มีทั้งอาจารย์มหาวิทยาลัย ข้าราชการ หรือหัวหน้างาน เราเจอเพื่อนๆน้องเอกครั้งนึงตอนน้องเอกพาเพื่อนมาที่บ้านเราชื่นชมในตัวเด็กเหล่านั้นมากๆ แต่รีกลับมาดูน้องเอกของเรา ถอนหายใจยาวมากๆๆๆๆๆ ที่ต้องถอนยาวๆนี่เพราะเวลาน้องเอกไปเฮฮากับเพื่อนน้องเอกจะมือเติบมาก ถึงไหนถึงกัน จ่ายเท่าไหร่ไม่อั้น เพื่อนกินไหน หรูเท่าไหร่ฉันยินดี แต่ภาระทั้งหมดมาตกที่แฟนเราและเราที่ต้องให้เงิน จนบางครั้งเราก็ทะเลาะกับแฟนเราบ่อยครั้งเรื่องน้องเอก ซึ่งเราก็เข้าใจแฟนเราว่านั่นคือน้อง แต่เราก็ไม่เห็นด้วยกับการสปอยด์แบบนี้ จนหลังๆเรากะแฟนตกลงกันว่าเรื่องของครอบครัวเขาเราจะไม่เกี่ยวข้อง และครอบครัวเราเราก็รับผิดชอบเอง ต่างคนต่างรับภาระของบ้านตัวเองไป แต่เพื่อนๆเข้าใจเราไหมคะว่าหลายๆครั้งอะไรแบบนี้มันก็ทำเราอึดอัด
และเรื่องที่ถือว่าเป็นเรื่องที่เรากล้าพูดเลยว่าบัดซบที่สุดที่เราเคยเห็นคนอายุเท่านี้ทำคือ การโทรบอกญาติๆและคนในครอบครัวว่าจะฆ่าตัวตาย และก็เงียบหายไป ไม่รับโทรศัพท์ ไม่มีใครสามารถติดต่อได้ เพื่อนคิดดูสภาพที่เราต้องพาแฟนที่วิตกกังวลต้องลางานและขับรถไปต่างจังหวัด ตลอดทางก็มีญาติโทรมาด้วยความเป็นห่วง พอไปถึงเราและแฟนก็พบน้องเอกนอนหลับอย่างสบายใจ และตื่นมาแบบงัวเงีย แล้วทำหน้าแบ๊วๆบอกกับเราว่า "เครียดๆแต่ตอนนี้หายแล้ว" มันคืออะไรคะ มันคืออะไร... เราแทบจะร้องไห้เพราะสงสารแฟนเราสุดๆ เราเข้าใจว่านั่นคือน้อง แต่การกระทำแบบนี้มันเกินไปไหม ชีวิตน้องเอกสบายสุดๆ วบายๆมากๆ ไม่ต้องรับภาระอะไรทั้งนั้น แถมมีเงินใช้ หรือนี่เองที่ทำให้น้องเป็นแบบนี้ หรือคนรอบข้างเองที่ทำให้น้องกลายเป็นคนไม่เอาไหน?
ที่เรามาเล่าในวันนี้ก็เพราะเราสงสารแฟนเราด้วย และเราเองก็อึดอัดในหลายๆครั้ง เราอยากให้น้องรีบๆจบ รีบๆหางานทำ เพราะตอนนี้ก็อายุย่าง 30 แล้ว ยังไม่เคยผ่านประสบการณ์ทำงานอะไรเลย และที่บ้านก็ไม่ได้มีธุรกิจอะไร ถ้าน้องยังเป็นแบบนี้ ใช้ชีวิตแบบนี้ไม่รู้วันข้างหน้าจะเป็นไง? บางคืนแฟนเราปรึกษาเรา เราก็ได้แต่ให้กำลังใจ เพราะถ้าตำหนิหรืออะไรไปมากกว่านั้นก็เกรงจะเป็นปัญหาครอบครัวเราอีก เลยได้แต่เป็นกำลังใจให้และช่วยหาทางออกให้ ถ้าใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ มีอะไรจะชี้แนะหรือจะตำหนิเราก็ยินดีนะคะ คงเป็นกระทู้เดียวของเราคะ พิมพ์ไปก็นั่งกังวลไปว่าจะได้กี่คำ เรื่องจะยาวไปไหม ยังไงก็ขอบคุณนะคะที่อ่านมาจบถึงตอนนี้ ขอบคุณคะ