[CR] บันทึกเด็กแก่ปี 4 ทิ้งทีสิสไป "หนีบแตะเที่ยวใต้" (เชี่ยวหลาน-กระบี่)



    เมืองสุราษฎร์ฯ กระบี่ ที่เคยเยือน        มิลืมเลือน ประทับจิต บ่จางหาย
ไปพร้อมเพื่อน น้องพี่ ไม่เดียวดาย         มิตรสหาย เพื่อนร่วมทาง ก็สำคัญ

     จุดเริ่มต้น การเดินทาง ในครั้งนี้         เริ่มกันที่ รถไฟไทย อันสุขสันต์
ถึงสุราษฎร์ฯ แล้วนั่งรถ ไปเขื่อนกัน         เชี่ยวหลานนั้น ตระการตา เพลิดเพลินไพร

     อันกระบี่ ครานี้ ไปครั้งแรก                ภูผาแปลก งามตา ทะเลใส
อาหารเลิศ รสอร่อย แสนถูกใจ                ผู้คนไซร้ เป็นกันเอง สุขอุรา..


เพี้ยนออกทริปเพี้ยนออกทริปเพี้ยนออกทริป


ก่อนอื่นต้องขอสวัสดีทุกๆ คนก่อนเลยย.. วันนี้พวกเรามีประสบการณ์การท่องเที่ยวที่สุราษฏร์-กระบี่
จะมาแชร์ให้ได้อ่านกัน แต่ยังไงก็มาดูคลิปกันก่อนเนอะ แล้วเดี๋ยวเราจะเล่าเรื่องสนุกๆ ให้ฟัง ^^

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



ที่มาของทริปนี้เริ่มจากการที่อาจารย์สั่งการบ้านให้พวกเราไปเที่ยว! อ่าว..งงดิ วิชาไรสั่งการบ้านให้ไปเที่ยว?
คืองี้ พวกเราอ่ะ เป็นเด็กแก่ปีสี่ที่กำลังปั่นทีสิสกันอย่างหัวหมุน แต่ดั๊นน..ไปลงเรียนวิชาเลือกเป็นวิชาท่องเที่ยว
(ซึ่งจริงๆ มันก็เป็นข้ออ้างที่ทำให้เราไปเที่ยวได้อย่างชอบธรรม ฮ่าๆ) และครั้งนี้คือ ไปเที่ยวแบบแบคแพ็ค โดยอาจารย์
กำหนดโจทย์ไว้ว่า “low price high experience” นั่นเอง

ทิ้งทีสิสดิ รอไร ไปเที่ยวกัน เฮ้!




แต่เดี๋ยวนะ.. ใจเย็น! จะไปเที่ยวมันก็ต้องวางแผนก่อนป้ะ ทีแรกมีเพื่อนเสนอก่อนว่า อยากไปเที่ยวสุราษฎร์ฯ
อยากไปเขื่อนเชี่ยวหลาน แต่เรากับเพื่อนอีกคนเคยไปแล้วอ่ะ เลยเสนอไปว่า  

“เฮ้ย เราเคยไปเชี่ยวหลานแล้วอ่า อยากไปเที่ยวที่อื่นด้วย กระบี่มั้ย ใกล้ๆ กัน น่าจะสวยอยู่นะๆ” (อ้อนวอนสุดฤทธิ์)
“โอเค ตามนั้น พบกันครึ่งทาง แยกย้ายกันไปหาข้อมูล” (เย่!)

พาพันขยัน



เริ่มออกเดินทาง

04/03/2016


และแล้ว... วันศุกร์ที่ ๔ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ ก็ได้มาถึง (จะทางการทำไม?)
เราเริ่มออกเดินทางโดยรถไฟจากสถานีหัวลำโพงถึงสุราษฎร์ธานี ตั๋วราคา .... บาท (ลบเรื่องหาข้าวกิน)


เราขึ้นรถไฟก่อนเวลาออกสักแป๊บหนึ่ง แล้วอยู่ดีๆ รถไฟก็แล่นออกจากสถานีแบบไม่บอกไม่กล่าว (ตรงเวลาจริงๆ)
โดยส่วนตัวแล้ว เรายังไม่เคยนั่งรถไฟไปไหนนานๆ จึงแอบตื่นเต้นเล็กๆ กับการนั่งรถไฟครั้งนี้ แถมเป็นชั้นสาม ตอนกลางคืนอีก



นั่งไปสักพัก เราก็สังเกตว่า สถานีรถไฟแต่ละสถานีมีดีไซน์ที่ไม่เหมือนกันเลย บางสถานีก็เก่าคร่าครึ บางสถานีก็ดูทันสมัย
อย่างกับสถานีรถไฟฟ้า เราว่ามันเป็นความเก๋อย่างหนึ่ง ที่สถานีรถไฟแต่ละที่มีความอินดี้เป็นสไตล์ของตัวเอง

เพี้ยนเพลีย

ตอนแรกที่นั่งไป เราคิดว่าก็เพลินดีนะ ไม่เห็นจะยากเลย ไม่ได้ลำบากอย่างที่คิด ลมก็พัดเย็นๆ สบายๆ
แต่พอเริ่มดึกเท่านั้นล่ะ ไม่ ไม่ละ ไม่เย็นละ มันหนาวว่ะเห้ยย.. ลำบากตอนจะหลับนี่แหละ หนาวและนอนยาก
แต่เป็นสายถึก (บวกประหยัด) เราต้องสู้!





05/03/2016

เวลาผ่านไป 12 ชั่วโมง แสงแดดอ่อนๆ เริ่มสาดส่อง เผยให้เห็นบรรยากาศยามเช้าของสองข้างทางรถไฟ
หมอกที่คลอเคลียต้นไม้อันเขียวขจีชุ่มฉ่ำ ช่างเป็นเช้าวันใหม่ที่แสนสดใส อ่า... มันเป็นความรู้สึกแบบ “อรุณเบิกฟ้า ...นกกาโบยบิน...”



เราลงรถไฟที่สถานีสุราษฎร์ธานี


จากนั้น เราก็นั่งรถตู้ไปทานอาหารเช้ากันที่ “ร้านติ่มซาบ้านลุง”



โดยบรรยากาศของร้านก็เป็นร้านติ่มซำธรรมดาๆ เรียบง่าย แต่สิ่งที่ไม่ธรรมดาก็คือ รสชาติติ่มซำของที่นี่
จัดว่าค่อนข้างเด็ดเลยทีเดียว เมื่อจัดการกันจนอิ่มหนาสำราญแล้ว ก็ออกเดินทางต่อโดยรถตู้คันเดิมไปยัง
“เขื่อนรัชชประภาหรือเขื่อนเชี่ยวหลาน” นั่นเอง




“กุ้ยหลินเมืองไทย”




เฮ่!... สวัสดีเชี่ยวหลาน... เราเจอกันอีกแล้วนะ ประหลาดใจ

นี่เป็นครั้งที่ 2 แล้ว ที่เรากับเพื่อนอีกคนหนึ่งได้มาที่นี่ (ส่วนอีก 6 คน เพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรก) เมื่อเรามาถึง
ท่าเรือเทศบาลเขื่อนเชี่ยวหลาน ภาพความทรงจาทริปเชี่ยวหลานครั้งก่อนก็ย้อนกลับเข้ามาในหัว เหมือนเป็นภาพฉายซ้ำ
สิ่งที่น่าตื่นเต้น จึงไม่ใช่เรื่องที่ว่าเชี่ยวหลานจะเป็นยังไง แต่เป็นเรื่องที่ว่าการมาเชี่ยวหลานครั้งนี้จะแตกต่างจากเดิมยังไง
มากกว่า

เพี้ยนลุยเพี้ยนลุยเพี้ยนลุย


แต่ก่อนที่เราจะเข้าไปเที่ยวในเขื่อน เราต้องจ่ายค่าเข้าเขื่อนก่อนนะ คนละ 40 บาท พอจ่ายเงินเสร็จ
เราก็นั่งเรือเข้าไปยังที่พัก และไม่นานเท่าไหร่ เราก็มาถึง “แพเชี่ยวหลานทัวร์” ซึ่งเป็นแพที่พักของเราในค่ำคืนนี้



ห้องที่เราพักกันห้องหนึ่งพักได้ 4 คน  แต่ขอบอกที่นี่มีห้องน้ำในตัวนะเธอ ครั้งที่แล้วที่เรามา เราพักที่อื่น ห้องน้ำรวม ลำบากสุดๆ
ส่วนเรื่องไฟฟ้า นี่ เค้าจะมีเวลาเปิดปิดเพราะ เค้าต้องใช้เครื่องปั่นไฟ เค้าจะเริ่มเปิดไฟให้เราใช้ตอน  6 โมงเย็นจ้า แต่เวลาปิดนี่แล้วแต่แพเลยนะ


พอเข้าที่พักแล้ว เราก็มาทานข้าวเที่ยงกัน ซึ่งก็เป็นอาหารที่ทางแพได้จัดไว้ให้


หลังจากทานข้าวเสร็จ เราไปเที่ยว"ถ้ำปะการัง"กันต่อ



การไปถ้ำปะการังจะต้องนั่งเรือไป แล้วต่อด้วยการเดินเท้าเข้าป่าไปอีกประมาณ 1 กิโลฯ (1 กิโลฯ ก็เหนื่อยใช่เล่นนะจ๊ะ)



พอถึงปลายทางเราจะเจอกับท่าแพข้ามฟาก ซึ่งเป็นแพที่จะข้ามไปยังถ้ำปะการัง


ในถ้ำปะการังจะมีหินงอกหินย้อยที่เกิดขึ้นมาเป็นเวลานานนับล้านๆ ปี ซึ่งสามารถมองเห็นจินตนาการ
เป็นรูปร่างต่างๆ ได้มากมาย เราว่ามันก็ดูสวยดีนะ

เพี้ยนทุบคอมเดี๋ยวมาต่อนะ ขอพักแพร๊บ อิอิ
ชื่อสินค้า:   เขื่อนรัชชประภา เชี่ยวหลาน แพเชี่ยวหลานทัวร์ สุราษฎร์ธานี กระบี่
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่