วงดนตรี
Counterclockwise จัดเป็นวงดนตรีหน้าใหม่สำหรับหลายคน เพราะอาจเพิ่งรู้จักจากตัวอัลบั้มนี้ และการเข้าชิงรางวัลในสถาบันต่าง ๆ แต่ความเป็นจริงวงดนตรีนี้มีการเดินทางมาหลายปีเหมือนกัน มีการเปลี่ยนแปลงสมาชิกหลายครั้งจนลงตัวที่ 5 คน แต่ที่ยังมั่นคงคือแนวเพลงของพวกเขาที่ได้สานต่อความชื่นชอบในวัยเยาว์ของพวกเขา คือแนวเพลง Alternative Rock จากวงยุค 90s และวงรุ่นถัดมา
อัลบั้ม
Carry On ของพวกเขา ดูจากด้านหลังของ Booklet พบว่ามาจากคำว่า
"Keep Calm and Carry On" วลีที่เกิดตั้งแต่สมัยพระเจ้าจอร์จที่ 6 ที่เกือบใช้เป็นป้ายประกาศของอังกฤษในยุคนั้น ก่อนจะมาฮิตในช่วงสามปีก่อนในอินเตอร์เน็ตและแผงหนังสือ ซึ่งคำว่า Carry On ก็เป็นคำที่ใช้บอกหรือสรุปอัลบั้มนี้ได้ดี เพราะเนื้อหาส่วนใหญ่ก็พูดถึง การใช้ชีวิต การมองโลก การจมติดอยู่กับอะไรสักอย่าง (โดยเฉพาะความรัก) และการก้าวต่อไป ถึงเนื้อเพลงในอัลบั้มมีรอยต่อกาลเวลา เนื่องจากเพลงส่วนหนึ่งมาจากยุคแรกที่แต่งโดย โอ-วรวุฒิ เดชอุดม อดีตสมาชิกยุคก่อตั้ง แต่ไม่ใช่ปัญหา เพราะการแต่งเพลงของ
เซเว่น-ธีรศานต์ วรรณมณี นักร้องนำ รวมถึงคนอื่น ๆ ก็เติมเต็มเนื้อหา และนำเพลงยุคแรกมารวมเป็นอัลบั้มได้อย่างไม่เคอะเขิน
ที่น่าสนใจอีกอย่าง เมื่อมองเจาะลงไปในเนื้อหาแต่ละเพลง พบว่าส่วนใหญ่ก็อยู่ในทิศทางของคำว่า
Carry On จริง ๆ และมีการเรียงลำดับที่ดี ตั้งแต่
'Carry On' และ
'Walking' สองเพลงแรกที่เป็นตัวแทนของคอนเซปต์อัลบั้มว่าจะเล่าอะไร จากนั้นก็ไล่จากเพลงที่พูดถึงความรู้สึกติดพันอยู่กับการรอคอย ทั้ง
'จันทร์ครึ่งดวง' ที่รอคอยอย่างมีหวัง
'รอการกลับมา' ที่รอคอยอย่างสับสน และ
'Raining Town' ที่จมดิ่งอยู่กับการรอคอย จากนั้นเพลง
'ทวนเข็มนาฬิกา' ก็มาเพื่อบอกเราว่า อย่าพยายามยึดติดหรือรอคอย โดยมี
'Fake' และ
'คำที่ไม่อยากได้ยิน' เป็นตัวแทนของการถอนตัวออกมาจากที่ยืนอยู่ เพลงแรกตัวเองเลือกเดินออกมา เพลงหลังเป็นการขอให้เขาเดินออกไป หลังจากนั้นพวกเขาก็ขยายมุมมองให้กว้างขึ้นเป็นมองโลก มองชีวิต ทั้งในเพลง
'การหายไปของโลก' และ
'หาย' ก่อนจะสรุปทั้งอัลบั้มด้วยเพลง
'ลืมตา' ที่เข้าใจสิ่งที่ผ่านมาและใช้ชีวิตต่อไป
ส่วนภาคทำนองและการเรียบเรียงดนตรีของวงนี้ พวกเขาไม่ได้ทะเยอทะยานสร้างแนวดนตรีใหม่ หรือตามกระแสย้อนรอยไปเล่นกับรากของยุคเก่า 70s-80s เหมือนที่หลายวงยุคนี้เล่นกับ New Wave, Synth Pop, Psychedelic Rock แต่เลือกจะสานต่ออิทธิพลจาก Alternative Rock ยุค 90s รวมถึงแนวใกล้เคียงกัน และปรุงแต่งใหม่ให้เป็นตัวเอง จึงน่าจะได้ใจคนวัย 20 กลาง ๆ ขึ้นไป ที่โตมากับซาวด์แบบเดียวกันในยุคปลาย 1990 ถึง 2000 ต้นๆ งานพวกเขาไม่ดิบ ไม่เรียบง่ายเกินไป แต่ก็ไม่ยากจนเยอะหรือรกเกินไป โดยมีความป๊อบฟังง่ายติดหูหลายเพลง เช่น 'คำที่ไม่อยากได้ยิน' ที่ชอบเป็นการส่วนตัว ตั้งแต่อินโทรขึ้นมา หรือ bonus track อย่าง
'ดีกว่าเมื่อวาน' ที่นำเพลงดั้งเดิมของ อารักษ์ อาภากาศ มารื้อโครงทำนอง และทำดนตรีเสียใหม่จนไม่มีเค้าเดิม แสดงถึงฝีมือของวงนี้ที่มากพอดู
อย่างไรก็ตาม อัลบั้มนี้ในโดยรวมก็มีจุดที่ควรหยิบตกมาติเพื่อก่ออยู่บ้าง จุดแรกคือถึงเพลงจะมีคำร้องที่อยู่ในเกณฑ์ดี แต่บางเพลงทำนองยังไม่ค่อยส่งให้เท่าที่ควร ทำให้บางเพลงไม่น่าดึงดูดให้เราตามฟังเนื้อหาเท่าที่ควร จุดถัดมาคือการเรียบเรียงโดยรวมที่ฟังแล้วตะหงิด ๆ บ้าง หลายจุดยังขาดความชัดเจน และขาดจุดเด่นอยู่ บางเพลงเสียงกีตาร์ไม่แน่น เสียงคีย์บอร์ดลอยเกินไป ทำให้บางเพลงประสบปัญหาไม่หนักแน่นเท่าที่ควร รวมถึงมีเพลงที่โดดออกมาเกินไปอย่าง 'การหายไปของโลก' ทำให้ภาพรวมของอัลบั้มยังไม่สมบูรณ์และดึงดูดพอจะให้หยิบมาฟังซ้ำเรื่อย ๆ มากนัก แต่ก็มีหลายเพลงที่สอบผ่านจุดนี้ เช่น 'รอการกลับมา' ที่ทั้งการเลือกให้ ปิ๊ง-สิริโสภา แซ่ลิ่ม มือเบสร้องนำ และการเรียบเรียงดนตรี ก็พอเหมาะพอเจาะมาก แต่กระนั้น ทั้งเสียงของปิ๊งและเซเว่น ก็ยังไม่เด่นจนเป็นเอกลักษณ์ของวงที่ทำให้ต่างจากวงอื่นเสียเท่าไร (แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่นัก)
ถึงแม้งานอัลบั้ม Carry On ของ Counterclockwise นั้นจะไม่ใช่อัลบั้มที่เยี่ยมขนาดต้องรีบหามาเก็บไว้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นงานอัลบั้มแรกของวงหน้าใหม่ที่มีมาตรฐานสูง ใครลองฟังเพลงพวกเขาจากซิงเกิล หรือฟังผ่านช่องทางออนไลน์ถูกลิขสิทธิ์และชอบก็อุดหนุนอัลบั้มได้ เพราะเพลงอื่น ๆ ก็มีมาตรฐานเดียวกัน รวมถึงมีวัตถุดิบและพื้นฐานการทำเพลงที่ดี จนอยากรู้ว่างานชิ้นถัดไปของพวกเขา จะเป็นอย่างไร และเอาใจช่วยให้พวกเขาก้าวต่อไป และเชื่อว่าพวกเขาก็จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ และก้าวต่อไปในทางเดิมอย่างมั่นคงขึ้น ตามที่เขาบอกเราด้วยอัลบั้ม Carry On รวมถึงเนื้อเพลงท่อนหนึ่งของเพลง Walking ที่กล่าวว่า
"ฝันให้เป็นจังหวะเพิ่มเติม ฉันยังคงเหมือนเดิม และจะเดินไป"
เพลงแนะนำ
Carry On (1) รอการกลับมา (5) คำที่ไม่อยากได้ยิน (8) ดีกว่าเมื่อวาน (12)
Counterclockwise: Carry On
สมาชิก
เซเว่น-ธีรศานต์ วรรณมณี (Vocal/ Background Vocal/ Electric Guitar/ Acoustic Guitar)
นัท-อรรถกร พงษ์เทอดศักดิ์ (Electric Guitar/ Synthesizer/ Background Vocal)
อาร์ม-ณัฐวัฒน์ หมวดหยู๋ (Drum)
ปิ๊ง-สิริโสภา แซ่ลิ่ม (Bass Guitar/ Vocal/ Background Vocal)
ไอซ์-พีรัชชัย สังข์มงคล (Keyboard/ Synthesizer)
โปรดิวเซอร์
Counterclockwise และ จักร์พรรดิ์ สิงห์ทองวรรณ (Jean Dalin)
[CR] <<REVIEW>> Counterclockwise: Carry On เมื่อเข็มนาฬิกาเริ่มก้าวเดิน และจะเดินไป
วงดนตรี Counterclockwise จัดเป็นวงดนตรีหน้าใหม่สำหรับหลายคน เพราะอาจเพิ่งรู้จักจากตัวอัลบั้มนี้ และการเข้าชิงรางวัลในสถาบันต่าง ๆ แต่ความเป็นจริงวงดนตรีนี้มีการเดินทางมาหลายปีเหมือนกัน มีการเปลี่ยนแปลงสมาชิกหลายครั้งจนลงตัวที่ 5 คน แต่ที่ยังมั่นคงคือแนวเพลงของพวกเขาที่ได้สานต่อความชื่นชอบในวัยเยาว์ของพวกเขา คือแนวเพลง Alternative Rock จากวงยุค 90s และวงรุ่นถัดมา
อัลบั้ม Carry On ของพวกเขา ดูจากด้านหลังของ Booklet พบว่ามาจากคำว่า "Keep Calm and Carry On" วลีที่เกิดตั้งแต่สมัยพระเจ้าจอร์จที่ 6 ที่เกือบใช้เป็นป้ายประกาศของอังกฤษในยุคนั้น ก่อนจะมาฮิตในช่วงสามปีก่อนในอินเตอร์เน็ตและแผงหนังสือ ซึ่งคำว่า Carry On ก็เป็นคำที่ใช้บอกหรือสรุปอัลบั้มนี้ได้ดี เพราะเนื้อหาส่วนใหญ่ก็พูดถึง การใช้ชีวิต การมองโลก การจมติดอยู่กับอะไรสักอย่าง (โดยเฉพาะความรัก) และการก้าวต่อไป ถึงเนื้อเพลงในอัลบั้มมีรอยต่อกาลเวลา เนื่องจากเพลงส่วนหนึ่งมาจากยุคแรกที่แต่งโดย โอ-วรวุฒิ เดชอุดม อดีตสมาชิกยุคก่อตั้ง แต่ไม่ใช่ปัญหา เพราะการแต่งเพลงของ เซเว่น-ธีรศานต์ วรรณมณี นักร้องนำ รวมถึงคนอื่น ๆ ก็เติมเต็มเนื้อหา และนำเพลงยุคแรกมารวมเป็นอัลบั้มได้อย่างไม่เคอะเขิน
ที่น่าสนใจอีกอย่าง เมื่อมองเจาะลงไปในเนื้อหาแต่ละเพลง พบว่าส่วนใหญ่ก็อยู่ในทิศทางของคำว่า Carry On จริง ๆ และมีการเรียงลำดับที่ดี ตั้งแต่ 'Carry On' และ 'Walking' สองเพลงแรกที่เป็นตัวแทนของคอนเซปต์อัลบั้มว่าจะเล่าอะไร จากนั้นก็ไล่จากเพลงที่พูดถึงความรู้สึกติดพันอยู่กับการรอคอย ทั้ง 'จันทร์ครึ่งดวง' ที่รอคอยอย่างมีหวัง 'รอการกลับมา' ที่รอคอยอย่างสับสน และ 'Raining Town' ที่จมดิ่งอยู่กับการรอคอย จากนั้นเพลง 'ทวนเข็มนาฬิกา' ก็มาเพื่อบอกเราว่า อย่าพยายามยึดติดหรือรอคอย โดยมี 'Fake' และ 'คำที่ไม่อยากได้ยิน' เป็นตัวแทนของการถอนตัวออกมาจากที่ยืนอยู่ เพลงแรกตัวเองเลือกเดินออกมา เพลงหลังเป็นการขอให้เขาเดินออกไป หลังจากนั้นพวกเขาก็ขยายมุมมองให้กว้างขึ้นเป็นมองโลก มองชีวิต ทั้งในเพลง 'การหายไปของโลก' และ 'หาย' ก่อนจะสรุปทั้งอัลบั้มด้วยเพลง 'ลืมตา' ที่เข้าใจสิ่งที่ผ่านมาและใช้ชีวิตต่อไป
ส่วนภาคทำนองและการเรียบเรียงดนตรีของวงนี้ พวกเขาไม่ได้ทะเยอทะยานสร้างแนวดนตรีใหม่ หรือตามกระแสย้อนรอยไปเล่นกับรากของยุคเก่า 70s-80s เหมือนที่หลายวงยุคนี้เล่นกับ New Wave, Synth Pop, Psychedelic Rock แต่เลือกจะสานต่ออิทธิพลจาก Alternative Rock ยุค 90s รวมถึงแนวใกล้เคียงกัน และปรุงแต่งใหม่ให้เป็นตัวเอง จึงน่าจะได้ใจคนวัย 20 กลาง ๆ ขึ้นไป ที่โตมากับซาวด์แบบเดียวกันในยุคปลาย 1990 ถึง 2000 ต้นๆ งานพวกเขาไม่ดิบ ไม่เรียบง่ายเกินไป แต่ก็ไม่ยากจนเยอะหรือรกเกินไป โดยมีความป๊อบฟังง่ายติดหูหลายเพลง เช่น 'คำที่ไม่อยากได้ยิน' ที่ชอบเป็นการส่วนตัว ตั้งแต่อินโทรขึ้นมา หรือ bonus track อย่าง 'ดีกว่าเมื่อวาน' ที่นำเพลงดั้งเดิมของ อารักษ์ อาภากาศ มารื้อโครงทำนอง และทำดนตรีเสียใหม่จนไม่มีเค้าเดิม แสดงถึงฝีมือของวงนี้ที่มากพอดู
อย่างไรก็ตาม อัลบั้มนี้ในโดยรวมก็มีจุดที่ควรหยิบตกมาติเพื่อก่ออยู่บ้าง จุดแรกคือถึงเพลงจะมีคำร้องที่อยู่ในเกณฑ์ดี แต่บางเพลงทำนองยังไม่ค่อยส่งให้เท่าที่ควร ทำให้บางเพลงไม่น่าดึงดูดให้เราตามฟังเนื้อหาเท่าที่ควร จุดถัดมาคือการเรียบเรียงโดยรวมที่ฟังแล้วตะหงิด ๆ บ้าง หลายจุดยังขาดความชัดเจน และขาดจุดเด่นอยู่ บางเพลงเสียงกีตาร์ไม่แน่น เสียงคีย์บอร์ดลอยเกินไป ทำให้บางเพลงประสบปัญหาไม่หนักแน่นเท่าที่ควร รวมถึงมีเพลงที่โดดออกมาเกินไปอย่าง 'การหายไปของโลก' ทำให้ภาพรวมของอัลบั้มยังไม่สมบูรณ์และดึงดูดพอจะให้หยิบมาฟังซ้ำเรื่อย ๆ มากนัก แต่ก็มีหลายเพลงที่สอบผ่านจุดนี้ เช่น 'รอการกลับมา' ที่ทั้งการเลือกให้ ปิ๊ง-สิริโสภา แซ่ลิ่ม มือเบสร้องนำ และการเรียบเรียงดนตรี ก็พอเหมาะพอเจาะมาก แต่กระนั้น ทั้งเสียงของปิ๊งและเซเว่น ก็ยังไม่เด่นจนเป็นเอกลักษณ์ของวงที่ทำให้ต่างจากวงอื่นเสียเท่าไร (แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่นัก)
ถึงแม้งานอัลบั้ม Carry On ของ Counterclockwise นั้นจะไม่ใช่อัลบั้มที่เยี่ยมขนาดต้องรีบหามาเก็บไว้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นงานอัลบั้มแรกของวงหน้าใหม่ที่มีมาตรฐานสูง ใครลองฟังเพลงพวกเขาจากซิงเกิล หรือฟังผ่านช่องทางออนไลน์ถูกลิขสิทธิ์และชอบก็อุดหนุนอัลบั้มได้ เพราะเพลงอื่น ๆ ก็มีมาตรฐานเดียวกัน รวมถึงมีวัตถุดิบและพื้นฐานการทำเพลงที่ดี จนอยากรู้ว่างานชิ้นถัดไปของพวกเขา จะเป็นอย่างไร และเอาใจช่วยให้พวกเขาก้าวต่อไป และเชื่อว่าพวกเขาก็จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ และก้าวต่อไปในทางเดิมอย่างมั่นคงขึ้น ตามที่เขาบอกเราด้วยอัลบั้ม Carry On รวมถึงเนื้อเพลงท่อนหนึ่งของเพลง Walking ที่กล่าวว่า
"ฝันให้เป็นจังหวะเพิ่มเติม ฉันยังคงเหมือนเดิม และจะเดินไป"
เพลงแนะนำ
Carry On (1) รอการกลับมา (5) คำที่ไม่อยากได้ยิน (8) ดีกว่าเมื่อวาน (12)
Counterclockwise: Carry On
สมาชิก
เซเว่น-ธีรศานต์ วรรณมณี (Vocal/ Background Vocal/ Electric Guitar/ Acoustic Guitar)
นัท-อรรถกร พงษ์เทอดศักดิ์ (Electric Guitar/ Synthesizer/ Background Vocal)
อาร์ม-ณัฐวัฒน์ หมวดหยู๋ (Drum)
ปิ๊ง-สิริโสภา แซ่ลิ่ม (Bass Guitar/ Vocal/ Background Vocal)
ไอซ์-พีรัชชัย สังข์มงคล (Keyboard/ Synthesizer)
โปรดิวเซอร์
Counterclockwise และ จักร์พรรดิ์ สิงห์ทองวรรณ (Jean Dalin)
หมายเหตุ
- ขอบคุณภาพประกอบจากเพจ Counterclockwise https://www.facebook.com/ccwthaiband (ภาพการแสดงสด ถ่ายโดย ณัฐนนท์ แสงกระสินธุ์)
https://www.facebook.com/thaisongmania