คือตอนนี้ เราคิดว่าตั้งแต่เกิดมา ลำบากมากแล้วค่ะ แต่คิดว่ายังไม่ถึงที่สุด ไม่รู้ว่าจะถึงที่สุดมั้น หรือเมื่อไหร่ อยากเล่าให้ฟังค่ะ
ชีวิตเราตั้งแต่เกิด ไม่เคยลำบากค่ะ พื้นฐานชีวิตดี พ่อและแม่ทำงานรัฐวิสาหกิจ เงินเดือนเยอะ ใช้ กิน อยู่ ค่อนข้างสบาย ไม่มีหนี้สิน
แต่ทีนี้ ชีวิตเราเริ่มผกผันเมื่อ... แต่งงานค่ะ แม่เห็นว่า เมื่อแต่งงานแล้วต้องรู้จักรับผิดชอบตัวเอง เพราะโตแล้ว บวกกับ ทางพ่อกับแม่เรา ไม่ค่อยชอบฝั่งทางแฟน เพราะเขาเห็นว่า ไม่ค่อยมีเงิน ทางบ้านแฟนเป็นคนบ้านนอกค่ะ ะ่อแม่เจาไม่ได้รับราชการอะไร มีแค่ที่นาทำกิน ปลูกอ้อย ทำนา ปลูกมัน คือ แม่เราเห็นว่า ถ้าแต่งเราต้องลำบาก แต่ในเมื่อจะแต่งกัน เขาก็ยอมค่ะ แต่ไม่ให้อยู่ในบ้าน ต้องช่วยเหลือตัวเอง เราก็ออกมาอยู่อพาร์ทเม้นต์กับแฟนค่ะ ทำงานช่วยกันสองคน ช่วงนี้ยังไม่ลำบากค่ะ ยังพอกินพอใช้และเหลือเก็บ พอดีเป็นคนใช้เงินไม่เก่ง ก็เลยพอมีเหลือเก็บค่ะ แต่ที่นี้เรื่องมันมาเริ่มลำบากขึ้นเมื่อ ะ่อของเรา อยากให้เรามาทำงานอยู่กับเขาที่ต่างจังหวัด ซึ่งต้องอยู่กันคนละที่กับสามี เราก็ตามใจพ่ิกับแม่ของเราด้วยการย้ายค่ะ เพราะพ่อให้เหตุผลว่า งานมั่นคง แล้วก็ให้สามีเราทำงานอยู่ที่เดิม เหมือนแยกกันอยู่ค่ะ แต่เราก็บอกสามีว่า ให้ขอย้ายตามมา ซึ่งสามีก็ยอมย้ายตามมาค่ะ แล้วที่นี้ก็ทำงานกันไปเรื่อยๆ แล้วสามีก็มาบอกว่า เขาจะกลับไปอยู่บ้านนอกแล้วนะ เพราะงานที่ขอย้ายมา มันหนักกว่าที่เก่าเยอะ เราก็ห้ามไม่ได้ค่ะ เพราะเขาทำเรื่องแล้ว แล้วสามีก็ย้ายกลับไปบ้านนอก บอกให้เราย้ายตามำป งานใหม่ที่บ้านสามีมีเยอะ แต่แต่เราไม่ได้ไตอนนั้นเราแต่เรายังไม่ได้ตามไปค่ะ เพราะอยากอยู่รอดูงานที่พ่อบอกมั่นคงให้บรรจุเสียก่อน แต่จนแล้วจนรอด เราก็ไม่ได้บรรจุซักที ทั้งทีรอมา 2 ปี เราก็ทำมาเรื่อยๆ ไม่คิดว่าจะกลับไปหาสามี เพราะคิดว่า พ่อกับแม่เราตั้งความหวังว่าอยากให้เราบรรจุงานนี้พ่อกับแม่เราตั้งความหวังว่าอยากให้เราบรรจุงานนีพ่อกับแม่เราตั้งความหวังว่าอยากให้เราบรรจุงานนี้ให้ได้ ก็เลยทำตามความประสงค์ของท่าน ตอนนี้ก็มีรถให้ขับไปทำงาน มีเงินใช้พอดี แต่ไม่มีเหลือเก็บ เพราะใช้เงินเดือนคนเดียว สามีไม่ได้ส่งมาให้ค่ะ อยู่มาเรื่อยๆจน วันนึงพ่อเรามีอาการแปลกๆ จนทำให้เรารู้สึกกลัว ไม่กล้าอยู่ด้วย กลัวมากๆค่ะ เหมือนเขาผิดหวังจากอะไรซักอย่างแบบมากๆ จนเขาเหมือนคนเป็นจิตเภทไปเลยค่ะ เรากลัวจนต้องโทรปรึกษาตำรวจ แล้วก็หนีจากพ่อมาเลย ซึ่งทุกวันนี้สงสารเขานะคะ แต่เราอยู่กับเขาไม่ได้ เคากลัวค่ะ ปรึกษาแม่แล้ว แม่เข้าใจค่ะ ซึ่งช่วงที่พ่อเป็น เขาตบตีเรานะคะ แล้วก็บอกว่าเรานะแกล้งทำตัวเป็นคนบ้า ซึ่งนี้แหละค่ะ ที่ทำให้เรากลัวพ่อ ก็เลยหนีมาอยู่กับสามี ตอนนี้พ่ออยู่คนเดียวค่ะ เพราะแม่หย่ากับพ่อและแยกกันอยู่แล้ว และเราสงสัยว่า พ่อเราน่าจะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จนทำให้เขาเสียใจจนแปลกๆไปก็ได้ ตอนนี้เราอยู่กับสามีค่ะ แต่ไม่ได้นอนในบ้าน นอนเถียงนาค่ะ หร้าหนาวก็หนาวมากๆ ร้อนก็ร้อนสุดๆ ตอนนี้โชคดีหน่อยหางานทำได้แล้ว โชคดีหน่อยแต่ก็ต้องตื่นแต่เช้า ตี 5 ครึ่ง เพื่อขึ้นรถไปทำงาน ไม่มีรถขับ มีรถมอไซค์ของสามีคนเดียว เพราะตอนหนีมา ไม่ได้เอาทรัพย์สินของพ่อมาซักอย่าง เอาแต่เสื้อผ้ากับเงินมาเท่านั้น
ชีวิตตอนนี้ผิดกับแต่ก่อนมาก แต่ก่อนอยากกินอะไรก็หาซื้อกินได้ พื้นฐานชีวิตดี มีทุกอย่าง ตอนนี้แม่รู้ค่ะว่าหนีพ่อ แต่แม่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน เพราะเราไม่ได้บอกว่าอยู่กับสามี เพียงแต่บอกว่า มีงานทำ แม่เขาเข้าใจทุกเรื่องว่าทำไมเราต้องหนี เพราะเราเล่าให้ฟัง แต่ไม่ได้บอกเรื่องพ่อป่วย แม่ก็เป็นห่วงนะคะ แต่ท่านบอกว่าเราเลือกเองก็ต้องสู้เอง ก็เข้าใจค่ะ ตอนนี้ก็พยายามสู้อยู่ทุกๆวัน ไม่อยากกลับไปหาท่านให้ท่านลำบากเพิ่ม แม่บอกในโทรศัพท์เวลาคุยกันเสมอว่า พี่น้องต้องไม่ทิ้งกัน (พอดีมีน้องสาวทำงานอยู่กรุงเทพ) ตอนนี้ยังมีแรงทำงานก็ทำงานกันไปเรื่อยๆก่อน ก็โทรติดต่อคุยกับน้องสาวอยู่บ้าเหมือนกัน ซึ่งแม่ก็ย้ำทั้งพี่ทั้งน้องว่าต้องไม่ทิ้งกัน (ตอนนี้ทั้งพ่อและแม่เราเกษียณทั้งคู่แล้วค่ะ) ลืมบอกว่าตอนนี้สามีไม่ได้ทำงานค่ะ กลายเป็นเราคนเดียวที่ทำงาน แต่ก็ยังดี ที่บ้านเขาทำนาเลยไม่ต้องซื้อข้าวกิน ซื้อแต่กับข้าว แต่สามีก็ชอบๆไก่ชน ยังดีที่เขายังสงสารเราเห็นหาเงินคนเดียว เขาเลยกำลังจะไปสมัครงานแล้วค่ะ แต่ก็ยังชอบไก่ชนอยู่ดี ดีที่เวลาเรากลับมาจากทำงานก็ยังหุงข้าวไว้รอ จัดที่นอนให้ เราค่อยหายเหนื่อยไปหน่อยเวลากลับมาจากทำงาน แต่ถ้าสามีทำงานแล้วทีนี้ก็จะลำบากแล้วค่ะ เพราะจะไม่มีใครหุงข้าว จัดที่นอนแล้ว ที่นอนก็จะรกๆ เพราะมีหลานที่บ้านชอบมาเล่นที่เถียงนา รื้อรกไปหมด เห็นแล้วเหนื่อยค่ะ
และนี่คือเรื่องของเราค่ะ ลำบากสุดๆแล้ว ไม่เคยเหนื่อยขนาดนี้นะคะ มีอีกหลายอย่างที่ไม่ได้เล่า ทั้งเรื่องต้องช่วยออกค่าปุ๋ยข้าวให้พ่อกับแม่สามี,เรื่องเลิกงานแล้วไม่ได้กลับบ้านต้องรอกลับพร้อมคนอื่น ต้องนั่งรอ 2 ชั่วโมง เพราะรถรับส่งมีคันเดียวที่สายรถถึงหมู่บ้าน,เวลาฝนตกหนักๆ นอนแทบไม่ได้ เพราะเถียงนาไม่มีฝากั้น เปียกแถมต้องตื่นเช้าไปทำงานอีก,เวลาลมแรงๆนอนไม่ค่อยได้ เพราะเสียงลมตีหลังคาสังกะสีนอนไม่ได้
เราเองก็ได้แต่หวังว่าซักวันเราคงผ่านพ้นไปได้ จะพยายามอดทน ถึงแม้บางทีต้องแอบร้องไห้อยู่บ่อยๆ อาศัยเจอพระบิญฑบาตรเช้าก็อาจจะซื้อน้ำเต้าหู้ หมูปิ้งซักถุง ซักไม้ ใส่บาตร พยายามนึกถึงคุณพระคุณเจ้า พยายามทำบุญเท่าที่สามรถทำได้ พยายามเป็นคนดี
อ่านเรื่องของเราแล้ว คนอื่นๆล่ะคะ เป็นอย่างไรกันบ้าง ผ่านมากันได้รึยังคะ ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ
ืเคยลำบากที่สุดกันมั้ยคะ แล้วใช้ระยะเวลานานเท่าไหร่ถึงผ่านพ้นกันได้???
ชีวิตเราตั้งแต่เกิด ไม่เคยลำบากค่ะ พื้นฐานชีวิตดี พ่อและแม่ทำงานรัฐวิสาหกิจ เงินเดือนเยอะ ใช้ กิน อยู่ ค่อนข้างสบาย ไม่มีหนี้สิน
แต่ทีนี้ ชีวิตเราเริ่มผกผันเมื่อ... แต่งงานค่ะ แม่เห็นว่า เมื่อแต่งงานแล้วต้องรู้จักรับผิดชอบตัวเอง เพราะโตแล้ว บวกกับ ทางพ่อกับแม่เรา ไม่ค่อยชอบฝั่งทางแฟน เพราะเขาเห็นว่า ไม่ค่อยมีเงิน ทางบ้านแฟนเป็นคนบ้านนอกค่ะ ะ่อแม่เจาไม่ได้รับราชการอะไร มีแค่ที่นาทำกิน ปลูกอ้อย ทำนา ปลูกมัน คือ แม่เราเห็นว่า ถ้าแต่งเราต้องลำบาก แต่ในเมื่อจะแต่งกัน เขาก็ยอมค่ะ แต่ไม่ให้อยู่ในบ้าน ต้องช่วยเหลือตัวเอง เราก็ออกมาอยู่อพาร์ทเม้นต์กับแฟนค่ะ ทำงานช่วยกันสองคน ช่วงนี้ยังไม่ลำบากค่ะ ยังพอกินพอใช้และเหลือเก็บ พอดีเป็นคนใช้เงินไม่เก่ง ก็เลยพอมีเหลือเก็บค่ะ แต่ที่นี้เรื่องมันมาเริ่มลำบากขึ้นเมื่อ ะ่อของเรา อยากให้เรามาทำงานอยู่กับเขาที่ต่างจังหวัด ซึ่งต้องอยู่กันคนละที่กับสามี เราก็ตามใจพ่ิกับแม่ของเราด้วยการย้ายค่ะ เพราะพ่อให้เหตุผลว่า งานมั่นคง แล้วก็ให้สามีเราทำงานอยู่ที่เดิม เหมือนแยกกันอยู่ค่ะ แต่เราก็บอกสามีว่า ให้ขอย้ายตามมา ซึ่งสามีก็ยอมย้ายตามมาค่ะ แล้วที่นี้ก็ทำงานกันไปเรื่อยๆ แล้วสามีก็มาบอกว่า เขาจะกลับไปอยู่บ้านนอกแล้วนะ เพราะงานที่ขอย้ายมา มันหนักกว่าที่เก่าเยอะ เราก็ห้ามไม่ได้ค่ะ เพราะเขาทำเรื่องแล้ว แล้วสามีก็ย้ายกลับไปบ้านนอก บอกให้เราย้ายตามำป งานใหม่ที่บ้านสามีมีเยอะ แต่แต่เราไม่ได้ไตอนนั้นเราแต่เรายังไม่ได้ตามไปค่ะ เพราะอยากอยู่รอดูงานที่พ่อบอกมั่นคงให้บรรจุเสียก่อน แต่จนแล้วจนรอด เราก็ไม่ได้บรรจุซักที ทั้งทีรอมา 2 ปี เราก็ทำมาเรื่อยๆ ไม่คิดว่าจะกลับไปหาสามี เพราะคิดว่า พ่อกับแม่เราตั้งความหวังว่าอยากให้เราบรรจุงานนี้พ่อกับแม่เราตั้งความหวังว่าอยากให้เราบรรจุงานนีพ่อกับแม่เราตั้งความหวังว่าอยากให้เราบรรจุงานนี้ให้ได้ ก็เลยทำตามความประสงค์ของท่าน ตอนนี้ก็มีรถให้ขับไปทำงาน มีเงินใช้พอดี แต่ไม่มีเหลือเก็บ เพราะใช้เงินเดือนคนเดียว สามีไม่ได้ส่งมาให้ค่ะ อยู่มาเรื่อยๆจน วันนึงพ่อเรามีอาการแปลกๆ จนทำให้เรารู้สึกกลัว ไม่กล้าอยู่ด้วย กลัวมากๆค่ะ เหมือนเขาผิดหวังจากอะไรซักอย่างแบบมากๆ จนเขาเหมือนคนเป็นจิตเภทไปเลยค่ะ เรากลัวจนต้องโทรปรึกษาตำรวจ แล้วก็หนีจากพ่อมาเลย ซึ่งทุกวันนี้สงสารเขานะคะ แต่เราอยู่กับเขาไม่ได้ เคากลัวค่ะ ปรึกษาแม่แล้ว แม่เข้าใจค่ะ ซึ่งช่วงที่พ่อเป็น เขาตบตีเรานะคะ แล้วก็บอกว่าเรานะแกล้งทำตัวเป็นคนบ้า ซึ่งนี้แหละค่ะ ที่ทำให้เรากลัวพ่อ ก็เลยหนีมาอยู่กับสามี ตอนนี้พ่ออยู่คนเดียวค่ะ เพราะแม่หย่ากับพ่อและแยกกันอยู่แล้ว และเราสงสัยว่า พ่อเราน่าจะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จนทำให้เขาเสียใจจนแปลกๆไปก็ได้ ตอนนี้เราอยู่กับสามีค่ะ แต่ไม่ได้นอนในบ้าน นอนเถียงนาค่ะ หร้าหนาวก็หนาวมากๆ ร้อนก็ร้อนสุดๆ ตอนนี้โชคดีหน่อยหางานทำได้แล้ว โชคดีหน่อยแต่ก็ต้องตื่นแต่เช้า ตี 5 ครึ่ง เพื่อขึ้นรถไปทำงาน ไม่มีรถขับ มีรถมอไซค์ของสามีคนเดียว เพราะตอนหนีมา ไม่ได้เอาทรัพย์สินของพ่อมาซักอย่าง เอาแต่เสื้อผ้ากับเงินมาเท่านั้น
ชีวิตตอนนี้ผิดกับแต่ก่อนมาก แต่ก่อนอยากกินอะไรก็หาซื้อกินได้ พื้นฐานชีวิตดี มีทุกอย่าง ตอนนี้แม่รู้ค่ะว่าหนีพ่อ แต่แม่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน เพราะเราไม่ได้บอกว่าอยู่กับสามี เพียงแต่บอกว่า มีงานทำ แม่เขาเข้าใจทุกเรื่องว่าทำไมเราต้องหนี เพราะเราเล่าให้ฟัง แต่ไม่ได้บอกเรื่องพ่อป่วย แม่ก็เป็นห่วงนะคะ แต่ท่านบอกว่าเราเลือกเองก็ต้องสู้เอง ก็เข้าใจค่ะ ตอนนี้ก็พยายามสู้อยู่ทุกๆวัน ไม่อยากกลับไปหาท่านให้ท่านลำบากเพิ่ม แม่บอกในโทรศัพท์เวลาคุยกันเสมอว่า พี่น้องต้องไม่ทิ้งกัน (พอดีมีน้องสาวทำงานอยู่กรุงเทพ) ตอนนี้ยังมีแรงทำงานก็ทำงานกันไปเรื่อยๆก่อน ก็โทรติดต่อคุยกับน้องสาวอยู่บ้าเหมือนกัน ซึ่งแม่ก็ย้ำทั้งพี่ทั้งน้องว่าต้องไม่ทิ้งกัน (ตอนนี้ทั้งพ่อและแม่เราเกษียณทั้งคู่แล้วค่ะ) ลืมบอกว่าตอนนี้สามีไม่ได้ทำงานค่ะ กลายเป็นเราคนเดียวที่ทำงาน แต่ก็ยังดี ที่บ้านเขาทำนาเลยไม่ต้องซื้อข้าวกิน ซื้อแต่กับข้าว แต่สามีก็ชอบๆไก่ชน ยังดีที่เขายังสงสารเราเห็นหาเงินคนเดียว เขาเลยกำลังจะไปสมัครงานแล้วค่ะ แต่ก็ยังชอบไก่ชนอยู่ดี ดีที่เวลาเรากลับมาจากทำงานก็ยังหุงข้าวไว้รอ จัดที่นอนให้ เราค่อยหายเหนื่อยไปหน่อยเวลากลับมาจากทำงาน แต่ถ้าสามีทำงานแล้วทีนี้ก็จะลำบากแล้วค่ะ เพราะจะไม่มีใครหุงข้าว จัดที่นอนแล้ว ที่นอนก็จะรกๆ เพราะมีหลานที่บ้านชอบมาเล่นที่เถียงนา รื้อรกไปหมด เห็นแล้วเหนื่อยค่ะ
และนี่คือเรื่องของเราค่ะ ลำบากสุดๆแล้ว ไม่เคยเหนื่อยขนาดนี้นะคะ มีอีกหลายอย่างที่ไม่ได้เล่า ทั้งเรื่องต้องช่วยออกค่าปุ๋ยข้าวให้พ่อกับแม่สามี,เรื่องเลิกงานแล้วไม่ได้กลับบ้านต้องรอกลับพร้อมคนอื่น ต้องนั่งรอ 2 ชั่วโมง เพราะรถรับส่งมีคันเดียวที่สายรถถึงหมู่บ้าน,เวลาฝนตกหนักๆ นอนแทบไม่ได้ เพราะเถียงนาไม่มีฝากั้น เปียกแถมต้องตื่นเช้าไปทำงานอีก,เวลาลมแรงๆนอนไม่ค่อยได้ เพราะเสียงลมตีหลังคาสังกะสีนอนไม่ได้
เราเองก็ได้แต่หวังว่าซักวันเราคงผ่านพ้นไปได้ จะพยายามอดทน ถึงแม้บางทีต้องแอบร้องไห้อยู่บ่อยๆ อาศัยเจอพระบิญฑบาตรเช้าก็อาจจะซื้อน้ำเต้าหู้ หมูปิ้งซักถุง ซักไม้ ใส่บาตร พยายามนึกถึงคุณพระคุณเจ้า พยายามทำบุญเท่าที่สามรถทำได้ พยายามเป็นคนดี
อ่านเรื่องของเราแล้ว คนอื่นๆล่ะคะ เป็นอย่างไรกันบ้าง ผ่านมากันได้รึยังคะ ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ