สวัสดีครับเพื่อน ๆ พบกันอีกแล้วนะครับตามสไตล์คนบ้าหนังแต่อยากได้ธรรมะครับ สำหรับท่านไหนที่ยังไม่เคยอ่านกระทู้ของผม แนะนำให้อ่านตรงนี้ก่อนนะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ต้องบอกไว้ก่อนว่าผมไม่ใช้นักวิจารณ์หนังนะครับ หากแต่เป็นเพียงคนที่อยากนำเสนอประโยชน์ที่ได้จากการดูหนัง ที่พอจะมาเทียบเคียงกับหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาในแง่มุมของผมเอง เพื่อว่าจะได้พอเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านบ้าง ไม่มากก็น้อย ซึ่งผมจะไม่ได้นำเสนอเนื้อหาของหนังโดยละเอียดทั้งหมดนะครับ หากแต่จะขอเจาะประเด็นในบางช่วงบางตอนที่พอเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ ครับ ซึ่งผมได้ลองนำเสนอไป 4 เรื่องแล้ว นั้นก็คือ
Batman the dark knight กับ สังคมไทยที่เป็นอยู่ http://pantip.com/topic/34867017
INCEPTION การปลูกฝังจิตสำนึก จนเกิดเป็นพฤติกรรม http://pantip.com/topic/34882979
THE RITE เมื่อความตายมาเยือน คุณจะเชื่อในสิ่งใด http://pantip.com/topic/34899743
Life of Pi มนุษย์ กับ สัตว์ ความเหมือนหรือแตกต่าง ที่คุณสามารถเลือกได้ http://pantip.com/topic/34919551
THE LITTLE PRINCE ความงดงามของเธอจะอยู่ในใจฉันตลอดไป http://pantip.com/topic/34950334
วันนี้ผมมีหนังในตำนาน ซึ่งอาจจะขึ้นหิ้งว่าเป็นหนังในดวงใจของใครหลายๆ ท่านมานำเสนอครับ หนังที่แสดงถึงความดิบในใจคน และค่านิยมที่เรามีต่อสิ่งต่างๆ นี่ล่ะครับคือหนังเรื่อง FIGHT CLUB
หนังเริ่มเรื่องจากตัวเอกของเรา ขอเรียกว่าเค้าว่าแจ็คนะครับ เพราะในหนังเค้าไม่มีชื่อ แจ็คเป็นโรคนอนไม่หลับ เค้าใช้ชีวิตประจำวันแบบอยู่ไปวันๆกับความซ้ำซากจำเจ ซึ่งทำให้เค้าเริ่มรู้สึกว่าชีวิตนี้มันช่างหน้าเบื่อเสียจริงๆ

จนกระทั่งแจ็คได้มาพบกับ ไทเลอร์ ชายผู้บ้าคลั่งและหลุดโลก
ไทเลอร์ มีนิสัยตรงข้ามกับแจ็คทุกอย่าง เค้าก้าวร้าว หยาบคาย ทำอะไรโดยไม่สนกฎเกณฑ์ ทั้งสองสนิทกันเพราะการชกต่อยครับ โดยพวกเค้าเสพติดความรุนแรง เพราะรู้สึกว่าการใช้กำลังชกต่อยกันนั้นสามารถมอบอิสรภาพให้กับพวกเค้าได้

ทุกครั้งที่พวกเค้าใช้ความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็น การทำลายข้าวของ หรือ การชกต่อย ยิ่งพวกเค้าสร้างความพินาศได้มากเท่าไหร่ พวกเค้าจะยิ่งรู้สึกดีเพราะรู้สึกว่าได้ถูกปลดปล่อยเป็นอิสระจากกฎเกณฑ์ของสังคม
การกระทำของพวกเค้าทำให้คนบางกลุ่มที่มีความรู้สึกเก็บกด และเบื่อกับสภาพชีวิตที่เป็นอยู่ อยากมาเข้าร่วมกับพวกเค้าด้วย
ไทเลอร์ กับ แจ็ค จึงได้ก่อตั้ง FIGHT CLUB ขึ้นมา

เมื่อมีคนเพิ่มมากขึ้น ความบ้าบิ่นของไทเลอร์ก็เพิ่มขึ้น ความพินาศก็รุนแรงขึ้น จนแจ็คเริ่มไม่สบายใจ และเริ่มมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกับไทเลอร์ จนไทเลอร์จากเค้าไป แต่แจ็คต้องการจะหยุดหายนะต่างๆ ที่ไทเลอร์ได้วางแผนเอาไว้ เค้าจึงออกตามหาไทเลอร์
แต่เรื่องกลับตาลปัตร เมื่อเค้าค้นพบว่าจริงๆไทเลอร์ก็คือตัวตนในจินตนาการของแจ็ค ที่จิตของเค้าสร้างขึ้นมา หากแต่เค้าไม่ได้เป็นเพียงแค่จินตนาการ เค้ายังเป็นนิสัยของแจ็คในด้านที่เค้าอยากจะเป็น โดยเมื่อแจ็คหลับ เค้าก็จะตื่นมาในคราบของไทเลอร์ ผู้ที่พร้อมจะสร้างความพินาศ เรียกได้ว่าถ้าเค้าตื่นมาเป็น แจ็ค หรือ ไทเลอร์ เค้าก็จะเห็นอีกคนเป็นภาพในจินตนาการ โดยที่คนอื่นไม่ได้เห็นด้วย

สุดท้ายแจ็คก็สามารถหาวิธีการลบไทเลอร์ออกจากความคิดได้ นั่นก็คือเค้าแกล้งใช้ปืนยิงกลอกปากตัวเอง ไทเลอร์ซึ่งเป็นจิตของแจ็ค คิดว่าแจ็คฆ่าตัวตายจึงสลายหายไป แต่จริงๆ แจ็คแค่ยิงแก้มตัวเองเพื่อหลอกไทเลอร์ แจ็คจึงสามารถกำจัดจิตด้านบ้าบิ่นของเค้าได้สำเร็จครับ

ผมว่าชีวิตของคนเราคงไม่มีใครที่ได้ในสอ่งที่ตนปรารถนาทุกประการ อย่าน้อยก็ผมคนหนึ่งล่ะ เราต่างต้องพบเจอกับความทุกข์ใจ ความคับแค้นใจ ที่ต้องได้ในสิ่งที่ไม่อยาก หรือ อยากในสิ่งที่ไม่ได้ ผมจึงไม่แปลกใจเลยถ้าเราทุกคนจะมีนายไทเลอร์แอบแฝงอยู่ภายในใจ
ซึ่งในบางครั้งถ้าเราเผลอสติ นายไทเลอร์ของแต่ละท่านก็จะได้โอกาสออกมาวาดลวดลายสร้างความปั่นป่วนให้คนรอบข้าง ส่วนจะมากหรือน้อยนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าเราดึงสติกลับมายับยั้งนายไทเลอร์ได้ว่องไวเพียงใด
มีพระอาจารย์เคยบอกผมว่า มงคลชีวิต 38 ประการข้อแรก ไม่คบคนพาล เอ็งทำได้ไหม ผมก็บอกได้อยู่แล้วครับ ง่ายๆ ท่านก็บอกว่า เออ..ไอ้ที่เอ็งว่าง่ายน่ะ มันพาลภายนอก แต่ไอ้พาลภายในที่มันอยู่ในใจเอ็งน่ะ เลิกคบได้ไหม ผมถึงกับเงิบเลยทีนี้ ถ้ามาแนวนี้น่ยากล่ะ
แถมยังบอกอีกว่าเทวบุตรมาร ที่เค้าว่าเป็นหนึ่งในมารทั้ง 5 ฝูงที่ชอบขัดขวางการสร้างความดีน่ะ เอ็งเคยเห็นไหม ผมตอบทันทีว่า ไม่เคยเห็นครับ ท่านก็เมตตาบอกว่า วันไหนเอ็งหงุดหงิด สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น เอ็งไปส่องกระจกดูก็จะเห็นเองนั่นล่ะ จุกไปอีกดอก
ได้ฟังแบบนี้แล้ว ทุกครั้งที่ผมมีเรื่องคับข้องใจ ผมจึงเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า เราควรที่จะต้องมองย้อนกลับมาดูตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก เพราะมนุษย์เราชอบจับผิดและหาข้อบกพร่องในทุกสิ่ง จนทำให้มีนายไทเลอร์เกิดขึ้นมากมาย
ที่น่ากลัว คือ บางท่านยินดีที่จะปล่อยนายไทเลอร์ออกมาสร้างความวุ่นวาย พร้อมกับสร้างเหตุผลรองรับเสร็จสรรพว่า เพื่อความถูกต้องบ้าง เค้าทำได้เราก็ทำได้บ้าง เรียกได้ว่า ทำผิดแต่ดูดีกันเลยทีเดียว
ผมว่าเราทุกคนล้วนมีสิ่งที่ชอบและไม่ชอบต่างกันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าคุณไม่ชอบในสิ่งใด แล้วไปตัดสินผู้อื่นที่เค้าชอบในสิ่งนั้นว่าผิด โดยไม่ได้ใช้หลักของเหตุ และ ผล ในการพิจารณา หากแต่ใช้เพียงอารมณ์ในการตัดสินใจ หรือไปปล่อยใจไปตามกระแสอันวุ่นวายของสังคม ถ้าตอนไหนคุณเป็นแบบนี้ลองส่องกระจกดู คุณอาจจะเห็นนายไทเลอร์ก็เป็นได้
ผมคิดว่าสิ่งที่น่ากลัวและควรแก้ไขเป็นอันดับแรกไม่ได้อยู่ในผู้อื่นหรอกครับ แต่มันคือตัวเรานี่ล่ะ ลองเปลี่ยนมุมมองจากการที่คอยจับผิดว่าอะไรๆ ก็ไม่ดี เป็นการมาจับความดีว่าเราได้รับประโยชน์อะไร และจะปรับปรุงพัฒนาตัวเองอย่างไรจากสิ่งต่างๆที่เราพบเจอ ผมว่าสังคมเราจะมีความสุขมากขึ้น และนายไทเลอร์ก็จะได้ไม่ออกมาสร้างความเดือดร้อนให้ใครๆ ไม่เช่นนั้นคุณอาจจะต้องมานั่งเอาปืนจ่อปาก เพราะปล่อยด้านไม่ดีเของตนออกไปทำความพินาศจนกู่ไม่กลับเหมือนนายแจ็คก็ได้
FIGHT CLUB ตัวตนแบบไหนที่เราอยากจะเป็น [SPOIL]
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
วันนี้ผมมีหนังในตำนาน ซึ่งอาจจะขึ้นหิ้งว่าเป็นหนังในดวงใจของใครหลายๆ ท่านมานำเสนอครับ หนังที่แสดงถึงความดิบในใจคน และค่านิยมที่เรามีต่อสิ่งต่างๆ นี่ล่ะครับคือหนังเรื่อง FIGHT CLUB
หนังเริ่มเรื่องจากตัวเอกของเรา ขอเรียกว่าเค้าว่าแจ็คนะครับ เพราะในหนังเค้าไม่มีชื่อ แจ็คเป็นโรคนอนไม่หลับ เค้าใช้ชีวิตประจำวันแบบอยู่ไปวันๆกับความซ้ำซากจำเจ ซึ่งทำให้เค้าเริ่มรู้สึกว่าชีวิตนี้มันช่างหน้าเบื่อเสียจริงๆ
จนกระทั่งแจ็คได้มาพบกับ ไทเลอร์ ชายผู้บ้าคลั่งและหลุดโลก
ไทเลอร์ มีนิสัยตรงข้ามกับแจ็คทุกอย่าง เค้าก้าวร้าว หยาบคาย ทำอะไรโดยไม่สนกฎเกณฑ์ ทั้งสองสนิทกันเพราะการชกต่อยครับ โดยพวกเค้าเสพติดความรุนแรง เพราะรู้สึกว่าการใช้กำลังชกต่อยกันนั้นสามารถมอบอิสรภาพให้กับพวกเค้าได้
ทุกครั้งที่พวกเค้าใช้ความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็น การทำลายข้าวของ หรือ การชกต่อย ยิ่งพวกเค้าสร้างความพินาศได้มากเท่าไหร่ พวกเค้าจะยิ่งรู้สึกดีเพราะรู้สึกว่าได้ถูกปลดปล่อยเป็นอิสระจากกฎเกณฑ์ของสังคม
การกระทำของพวกเค้าทำให้คนบางกลุ่มที่มีความรู้สึกเก็บกด และเบื่อกับสภาพชีวิตที่เป็นอยู่ อยากมาเข้าร่วมกับพวกเค้าด้วย
ไทเลอร์ กับ แจ็ค จึงได้ก่อตั้ง FIGHT CLUB ขึ้นมา
เมื่อมีคนเพิ่มมากขึ้น ความบ้าบิ่นของไทเลอร์ก็เพิ่มขึ้น ความพินาศก็รุนแรงขึ้น จนแจ็คเริ่มไม่สบายใจ และเริ่มมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกับไทเลอร์ จนไทเลอร์จากเค้าไป แต่แจ็คต้องการจะหยุดหายนะต่างๆ ที่ไทเลอร์ได้วางแผนเอาไว้ เค้าจึงออกตามหาไทเลอร์
แต่เรื่องกลับตาลปัตร เมื่อเค้าค้นพบว่าจริงๆไทเลอร์ก็คือตัวตนในจินตนาการของแจ็ค ที่จิตของเค้าสร้างขึ้นมา หากแต่เค้าไม่ได้เป็นเพียงแค่จินตนาการ เค้ายังเป็นนิสัยของแจ็คในด้านที่เค้าอยากจะเป็น โดยเมื่อแจ็คหลับ เค้าก็จะตื่นมาในคราบของไทเลอร์ ผู้ที่พร้อมจะสร้างความพินาศ เรียกได้ว่าถ้าเค้าตื่นมาเป็น แจ็ค หรือ ไทเลอร์ เค้าก็จะเห็นอีกคนเป็นภาพในจินตนาการ โดยที่คนอื่นไม่ได้เห็นด้วย
สุดท้ายแจ็คก็สามารถหาวิธีการลบไทเลอร์ออกจากความคิดได้ นั่นก็คือเค้าแกล้งใช้ปืนยิงกลอกปากตัวเอง ไทเลอร์ซึ่งเป็นจิตของแจ็ค คิดว่าแจ็คฆ่าตัวตายจึงสลายหายไป แต่จริงๆ แจ็คแค่ยิงแก้มตัวเองเพื่อหลอกไทเลอร์ แจ็คจึงสามารถกำจัดจิตด้านบ้าบิ่นของเค้าได้สำเร็จครับ
ผมว่าชีวิตของคนเราคงไม่มีใครที่ได้ในสอ่งที่ตนปรารถนาทุกประการ อย่าน้อยก็ผมคนหนึ่งล่ะ เราต่างต้องพบเจอกับความทุกข์ใจ ความคับแค้นใจ ที่ต้องได้ในสิ่งที่ไม่อยาก หรือ อยากในสิ่งที่ไม่ได้ ผมจึงไม่แปลกใจเลยถ้าเราทุกคนจะมีนายไทเลอร์แอบแฝงอยู่ภายในใจ
ซึ่งในบางครั้งถ้าเราเผลอสติ นายไทเลอร์ของแต่ละท่านก็จะได้โอกาสออกมาวาดลวดลายสร้างความปั่นป่วนให้คนรอบข้าง ส่วนจะมากหรือน้อยนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าเราดึงสติกลับมายับยั้งนายไทเลอร์ได้ว่องไวเพียงใด
มีพระอาจารย์เคยบอกผมว่า มงคลชีวิต 38 ประการข้อแรก ไม่คบคนพาล เอ็งทำได้ไหม ผมก็บอกได้อยู่แล้วครับ ง่ายๆ ท่านก็บอกว่า เออ..ไอ้ที่เอ็งว่าง่ายน่ะ มันพาลภายนอก แต่ไอ้พาลภายในที่มันอยู่ในใจเอ็งน่ะ เลิกคบได้ไหม ผมถึงกับเงิบเลยทีนี้ ถ้ามาแนวนี้น่ยากล่ะ
แถมยังบอกอีกว่าเทวบุตรมาร ที่เค้าว่าเป็นหนึ่งในมารทั้ง 5 ฝูงที่ชอบขัดขวางการสร้างความดีน่ะ เอ็งเคยเห็นไหม ผมตอบทันทีว่า ไม่เคยเห็นครับ ท่านก็เมตตาบอกว่า วันไหนเอ็งหงุดหงิด สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น เอ็งไปส่องกระจกดูก็จะเห็นเองนั่นล่ะ จุกไปอีกดอก
ได้ฟังแบบนี้แล้ว ทุกครั้งที่ผมมีเรื่องคับข้องใจ ผมจึงเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า เราควรที่จะต้องมองย้อนกลับมาดูตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก เพราะมนุษย์เราชอบจับผิดและหาข้อบกพร่องในทุกสิ่ง จนทำให้มีนายไทเลอร์เกิดขึ้นมากมาย
ที่น่ากลัว คือ บางท่านยินดีที่จะปล่อยนายไทเลอร์ออกมาสร้างความวุ่นวาย พร้อมกับสร้างเหตุผลรองรับเสร็จสรรพว่า เพื่อความถูกต้องบ้าง เค้าทำได้เราก็ทำได้บ้าง เรียกได้ว่า ทำผิดแต่ดูดีกันเลยทีเดียว
ผมว่าเราทุกคนล้วนมีสิ่งที่ชอบและไม่ชอบต่างกันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าคุณไม่ชอบในสิ่งใด แล้วไปตัดสินผู้อื่นที่เค้าชอบในสิ่งนั้นว่าผิด โดยไม่ได้ใช้หลักของเหตุ และ ผล ในการพิจารณา หากแต่ใช้เพียงอารมณ์ในการตัดสินใจ หรือไปปล่อยใจไปตามกระแสอันวุ่นวายของสังคม ถ้าตอนไหนคุณเป็นแบบนี้ลองส่องกระจกดู คุณอาจจะเห็นนายไทเลอร์ก็เป็นได้
ผมคิดว่าสิ่งที่น่ากลัวและควรแก้ไขเป็นอันดับแรกไม่ได้อยู่ในผู้อื่นหรอกครับ แต่มันคือตัวเรานี่ล่ะ ลองเปลี่ยนมุมมองจากการที่คอยจับผิดว่าอะไรๆ ก็ไม่ดี เป็นการมาจับความดีว่าเราได้รับประโยชน์อะไร และจะปรับปรุงพัฒนาตัวเองอย่างไรจากสิ่งต่างๆที่เราพบเจอ ผมว่าสังคมเราจะมีความสุขมากขึ้น และนายไทเลอร์ก็จะได้ไม่ออกมาสร้างความเดือดร้อนให้ใครๆ ไม่เช่นนั้นคุณอาจจะต้องมานั่งเอาปืนจ่อปาก เพราะปล่อยด้านไม่ดีเของตนออกไปทำความพินาศจนกู่ไม่กลับเหมือนนายแจ็คก็ได้