INCEPTION การปลูกฝังจิตสำนึก จนเกิดเป็นพฤติกรรม

กระทู้คำถาม
เตือนไว้ก่อนว่าสปอยนะครับ สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิปครับ สืบเนื่องจากกระทู้ที่แล้วผมได้นำเสนอพฤติกรรมของบุคคล 2 ประเภทนั้นก็คือ batman กับ joker ท่านไหนยังไม่ได้อ่านสามารถเข้าไปอ่านได้ตามลิ้งค์นี้ครับ http://pantip.com/topic/34867017
    วันนี้ตามสไตล์ของคนบ้าหนังแต่อยากได้ธรรมะ ผมอยากนำเสนอหนังที่สามารถบอกถึงสาเหตุ และ ปัจจัยที่ทำให้เกิดพฤติกรรมได้อย่างชัดเจน ซึ่งหนังเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องอะไรไปไม่ได้นอกจากหนังเรื่อง  inception นั้นเอง เนื้อเรื่องอาจไม่ครบถ้วนนัก เพราะผมจะขอตัดตอนนำเสนอเฉพาะบางประเด็นนะครับ ไม่งั้น 10 วันก็พิมพ์ไม่จบ เพราะหนังรายละเอียดเยอะมาก
                                          
    เริ่มเรื่องโดยตัวเอกของเรา ดอม คอบบ์ ซึ่งนำแสดงโดย ลีโอนาร์โด ดีคาปริโอ ดาราเจ้าบทบาทที่เพิ่งจะคว้ารางวัล ออสก้า 2016 สาขา ดารานำชายยอดเยี่ยม ไปครองนี้เอง
                                          
     ดอม คอบบ์ มีอาชีพเป็นนักโจรกรรมความคิด โดยเค้าจะมีลูกทีมในการทำงานอยู่ 3-4 คน ซึ่งวิธีการที่เค้าใช้โจรกรรมความคิดของเหยื่อคือ เค้าจะทำให้เหยื่อหลับก่อน จากนั้น คอบบ์ และลูกทีมของเค้า ก็จะเข้าไปยังความฝันของเป้าหมาย โดยผ่านอุปกรณ์บางอย่างทำให้สามารถแชร์ความฝันร่วมกันได้ จากนั้น คอบบ์ และทีมงานก็จะทำการค้นเข้าไปในจิตใต้สำนึกของเหยื่อ เพื่อดึงเอาข้อมูลที่เค้าต้องการออกมา    
                                      
    จนกระทังเค้าได้มารับงานจาก ไซโตะ ซึ่ง ไซโตะ นั้นได้มอบหมายงานที่แตกต่างไปจากการโจรกรรมความคิดที่เค้าเคยทำมาก แต่เพื่อแลกกับข้อเสนอที่เค้าจะได้กลับบ้านไปพบลูกอีกครั้ง เค้าจึงรับทำงาน (เพราะอะไรเค้าจึงกลับไปเจอลูกไม่ได้ลองไปหาชมนะครับ) งานที่เค้ารับมานั้นก็คือ การเข้าไปปลูกฝังความคิดไว้ในจิตสำนึกของเหยื่อนั้นเอง ซึ่งในเรื่องเรียกว่า inception ซึ่งเป้าหมายในการปลูกฝังความคิดก็คือ โรเบิร์ต ฟิชเชอร์ ทายาทกิจการด้านพลังงานยักษ์ใหญ่ของโลกนั้นเอง
                                      
    เนื่องจากการที่ ฟิชเชอร์ จะได้ถือครองธุรกิจจากพ่อของเค้าที่ใกล้จะเสียชีวิต ซึ่งจะทำให้ธุรกิจของ ไซโตะ ต้องสั่นคลอน เค้าจึงอยากปลูกฝังความคิดที่จะทำให้ ฟิชเชอร์ ไม่อยากสืบทอดธุรกิจของพ่อลงไปในตัวของเค้า ซึ่งการบวนการนี้ละครับที่หน้าสนใจมาก
     เริ่มจากการวางแผน คอบบ์ ได้ให้ลูกทีมนำเสนอวิธีการที่จะให้ ฟิชเชอร์ ปฎิเสธธุรกิจของพ่อ ลูกทีมของเค้าจึงบอกว่า เราควรทำให้ ฟิชเชอร์ เกียจพ่อเค้าเพื่อจะได้ไม่อยากรับช่วงธุรกิจต่อ เพราะความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกคู่นี้ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว แต่ คอบบ์ บอกว่า จิตสำนึกด้าน + สามารถ มีอำนาจมากกว่า จิตสำนึกด้าน - เสมอ และจิตใต้สำนึกนั้นแสวงหาการปรองดอง เราจึงควร ปลูกฝัง ฟิชเชอร์ ว่าเค้ามีความสามารถมากพอ ที่จะตั้งบริษัทเอง ซึ่งพ่อเค้าจะภูมิใจมากกว่า และที่เลือกเรื่องเกี่ยวกับพ่อของเค้า เพราะว่าคนใกล้ตัวที่มีความผูกพันธ์มาก ก็จะมีผลต่อจิตใต้สำนึกมากตามไปด้วย  จากนั้นจึงเริ่มแผนการ ซึ่งเป็นวันถัดมาหลังจากที่พ่อของ ฟิชเชอร์ เสียชีวิตลง ซึ่งกระบวนการนี้ต้องฝันถึง 3 ชั้น เพราะยิ่งฝันลึกเท่าไรการปลูกฝังความคิดก็จะติดแน่นเข้าไปในจิตใจมากขึ้นเท่านั้น ก็คือฝันแล้ว ก็จับโปะยานอนหลับในความฝันเข้าไปอีก
                                                          
   ซึ่งภารกิจนั้นเต็มไปด้วยความยากลำบาท เพราะ ฟิชเชอร์ ได้ไปเข้า อบรม วิธีการต่อต้านการ จารกรรมความคิดมา ทำให้จิตใต้สำนึกบองเค้าแข็งแกร่งและสามารถตรวจหาและพร้อมที่จะกำจัดผู้บุกรุก ซึ่งก็คือ คอบบ์ และพวกได้เสมอ แต่จนแล้วจนรอด คอบบ์ และทีมงานก็สามารถเข้าไปปลูกฝังความคิดได้สำเร็จ ทำให้ฟิชเชอร์ ล้มเลิกความคิดที่จะสืบทอดธุรกิจของพ่อ แและมาสร้างธุรกิจของตนเอง
    อ่านมาถึงตรงนี้หลายๆท่านอาจจะงงว่าแล้วมาบอกทำไม
    ต้องบอกเพราะว่า inception แบบนี้เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของเราตลอดเวลา โดยที่เราไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ
แน่นอนว่า ลีโอนาร์โด คงไม่ได้มาเข้าฝันคุณหรอกครับ แต่ที่เจอกันอยู่ทุกวันคือ สื่อ และ Social ที่มีข้อมูลหลั่งไหลมาหาเราตลอดเวลา
ซึ่งคุณจะเห็นแล้วว่า วิธีการที่คุณ คอบบ์ ใช้นั้นหน้ากลัวขนาดไหน การทำให้ใครซักคนเต็มใจทำเรื่องแย่ๆด้วยความรู้สึกดี โดยการชี้นำว่ามันเป็นประโยชน์แก่สังคมนั้นไม่ไช่เรื่องยากเลยครับ  จิตสำนึกด้าน + มีอำนาจมากกว่า จิตสำนึกด้าน - เสมอ และจิตใต้สำนึกนั้นแสวงหาการปรองดอง แค่ความรู้จากประโยคนี้ประโยคเดียวคุณก็สามารถเป่าหูใครให้เค้าทำสิ่งไม่ดีตามแบบที่คุณต้องการได้แล้วครับ เช่น คุณคอบบ์ อยากให้คุณด่าใครซักคน แค่บอกด้านดีของการด่า ว่ามันดีอย่างไรยิ่งเป็นประโยชน์ต่อสังคม หรือ ประเทศชาติด้วยแล้ว คุณก็พร้อมจะจัดหนักจัดเต็มแล้วครับ
  
    
      แต่ใช่ว่าจะเป็นแบบนั้นเสมอไปนะครับ สังเกตว่า คุณคอบบ์ ต้องเข้าไปในฝันถึง 3 ชั้นถึงจะปลูกฝังความคิดได้ ซึ่งมันก็คือจิตใต้สำนึกชั้นในสุดที่เราๆได้รับการปลูกฝังมาจากคนใกล้ตัว ไม่ใช้ใครที่ไหนครับ พ่อ - แม่ เรานั้นเอง
     สรุปง่ายๆก็คือ การแสดงออกทางพฤติกรรม ที่มีต่อสื่อต่างๆนั้น เกิดจากการเลี้ยงดูของ พ่อ - แม่ หรือสิ่งแวดล้อมใกล้ตัว นั้นเอง โบราณถึงมีคำกล่าวว่า
''ดูนางต้องดู  พ่อ-แม่ แต่ถ้าจะดูให้แน่ ต้องดูที่ โค-ตะ-ระ พ่อ - แม่ของนาง''
นั้นก็คือ ถ้าคุณฟิชเชอร์ ถูกสอนและเลี้ยงดูมาดี หรือได้เข้าวัดฟังธรรม จนเข้าใจเรื่องของเหตุและผลบ้าง ระบบตรวจสอบอัตโนมัติในใจคุณฟิชเชอร์ ก็จะทำงานทันที นั้นก็คือ

      โยนิโสมนสิการครับ คือ การพิจารณาอย่างรอบคอบถี่ถ้วน หรืออาจเทียบเคียงก็คือความไม่ประมาท เป็นการมองสิ่งต่างๆอย่างพินิจพิจารณา โดยใช้ปัญญาที่เป็นระเบียบเป็นตัววิเคราะห์ ถึงเหตุ และผล
       ในกรณีของคุณฟิชเชอร์ ถ้าเค้ามี โยนิโสมนสิการ เค้าจะสังเกตได้ทันทีว่า อันไหนความจริง อันไหนความฝัน เพราะเวลาฝันอยู่ดีๆเราจะไปโผล่ในที่ไหนซักที่ แต่เราจำไม่ได้เลยว่าเรามาโผล่ตรงนี้ในเหตุการณ์นี้ยังไง ( ก็มันเป็นความฝันนี่ ) ซึ่งถ้าเค้ามีสติพิจารณาซักนิดก็คงรู้แล้วว่าฝันอยู่ สภาวะที่เราอยู่ในฝันแล้วขาดสติ ก็ไม่ต่างกับการกระทำที่ขาดการพิจารณาหรอกครับ ยิ่งคุณฟิชเชอร์ ความสัมพันธ์ในครอบครัวไม่ดีอยู่แล้ว ทำให้โดนชักจูงได้ง่ายขึ้นไปอีก
    
     และที่หน้ากลัวที่สุดของการโดน inception ก็คือ คุณฟิชเชอร์ จะคิดว่า ที่เค้าไม่อยากสืบต่อธุรกิจจากพ่อ แต่อยากสร้างธุรกิจของเค้าเอง เป็นความคิดที่เกิดจากตัวของ คุณฟิชเชอร์ เองจริงๆ ไม่ได้มีใครมาชี้นำเลย
  
     เสียดายที่คุณฟิชเชอร์  ไม่ได้เข้าคอร์ส อบรมธรรมะกับหลวงพี่ที่วัดใกล้บ้าน ไม่งั้นคงไม่โดน inception ง่ายๆแบบนี่
สุดท้ายนี้ผมอยากให้ทุกท่าน เสพสื่ออยางระมัดระวัง โดยใช้ โยนิโสมนสิการ เป็นตัวพิจารณาข้อมูลต่างๆ ซึ่งอาจจะใช้ร่วมกับธรรมข้อ
กาลามสูตร ก็ยิ่งดีครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
    
    อีกข้อที่ควรระวังคือโดยทั่วไป จิตใต้สำนึกจะแสดงออกด้วยอารมณ์ ดังนั้นการถูกชักจูงด้วยความรุนแรง โดยไม่ค่อยมีเหตุผลจึงทำได้ง่าย ซึ่งผู้ที่ถูกชักจูงก็จะแสดงออกด้วยความรุนแรงเช่นกัน
   ปล . ข้อมูลที่ผมเอามาใช้วิเคราะห์ทั้งหมดมาจากการดูหนังของผมนะครับ ผิดถูกต้องขออภัยด้วย

   ด้วยความเป็นห่วง ไม่เช่นนั้นคุณอาจจะเป็นเหมือน คุณฟิชเชอร์  ที่โดน คุณคอบบ์ inception จนแยกไม่ออกว่า อันไหนเป็นความคิดของเรา อันไหนเป็นความคิดที่เราได้รับอิทธิพลมาจากผู้อื่น คือถ้ามันส่งผลให้เกิดความดีก็ไม่หน้ามีปัญหา แต่ถ้ามันส่งผลให้เกิดความแตกแยก และความเกลียดชัง มันเกิดวิบากกรรมกับเราได้นะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่