กลับมาอีกครั้งครับ ผ่านไปเกือบสองปี กับกระทู้แรก “ครั้งแรก กับ WWOOF Japan @hokkaido”
http://pantip.com/topic/32592237
ครั้งนี้ผมจะย้อนเล่าประสบการณ์ก่อนไป WWOOF ให้ฟัง... ผมเองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ปฏิเสธทางเดินปกติอย่างที่ทุกคนทำกัน
เรียนจบปั๊บ กระโดดเข้าบริษัททำงานปุ๊บ เยี่ยม! หมุนเงิน ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ผ่อนความสุข ฯลฯ แต่ผมเลือกที่จะยังไม่ทำงานครับ
เรามักได้ยินกันบ่อยๆกับคำว่า Gap Year ตามประสาฝรั่งที่จะออกไปหาประสบการณ์ ออกไปเที่ยว ไปเจออะไรใหม่ๆ
ก่อนเข้าเรียนมหาลัย หรือ ก่อนทำงาน เพื่ออะไร? นั่นเป็นคำถามใหญ่ของทุกกระทู้ที่ผมจะเขียนต่อไปนี้ครับ
ผมเองก็เลือกที่จะทำแบบนั้นครับ ก่อนจบปีสี่ ก็จัดแจงทำวีซ่าไปอังกฤษ ไปอเมริกา เหตุเพราะมีเพื่อนอยู่ที่นั่น
และเรายังไม่เคยไปชีวิตเมืองนอกคนเดียวด้วย พอสอบวันสุดท้ายเสร็จ วันรุ่งขึ้นก็กระโดดขึ้นเครื่องเลยครับ
เนื้อตัวมันสั่น อยากจะออกไปดูโลก...
ประเทศอังกฤษ หนึ่งในประเทศในฝันของหลายๆคน รวมทั้งตัวผมด้วย ใครที่กำลังตัดสินใจก็คิดดีๆนะครับ
มันแพงพอสมควร เทียบกับตัวเลือกอื่นๆ แต่ตอนนั้นผู้ปกครองอนุญาตครับ เพราะผมเป็นเด็กดีมาก อุตส่าห์เรียนจบ...

ด้านหลังของเหรียญจะเรียงต่อกันเป็นรูปได้ครับ
Proper breakfast!

ผมใช้เวลาอยู่ที่อังกฤษสองเดือนด้วยกันครับ เมืองที่อยู่ชื่อ Reading อ่านว่า เรดดิ้ง และไม่แปลว่า การอ่าน ขอบคุณ!

Reading เป็นเมืองอยู่ถัดออกมาทางด้านตะวันตกของ London ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที มีมหาลัย Reading
ซึ่งผมคิดว่าค่อนข้างมีชื่อเสียงและเพื่อนก็เรียนอยู่ที่นั่น ช่วงนั้นไปโชคดีครับ หมดหนาวแล้ว สิบต้นๆเอง ฟันออกปากตลอดเลยฮะ
ทำให้ไม่ค่อยอยากใช้เวลานอกบ้านเท่าไหร่เพราะมันหนาวเกินปรับตัว ตอนเช้าไปเรียน เลิกเที่ยง หาอะไรกิน กลับบ้าน งีบแปป
ออกไปยิม เย็นนัดเพื่อนกินเหล้า
ผมสมัครเรียนโรงเรียนภาษาแห่งหนึ่งในเมืองชื่อ Eurospeak ตามคำแนะนำของเพื่อน ซึ่งโรงเรียนอยู่ไม่ไกลจากบ้านเพื่อน
เดินเอาสิบนาทีได้

ไปวันแรกก็ต้องเด๋อเป็นธรรมดาครับ ไม่มีเพื่อน ไม่กล้าคุยกับใคร และไม่พบคนไทยที่นี่เลย เยสสสส! ถ้าเป็นตอนนี้คงดีใจ
แต่ตอนนั้นหว่าเว้มากครับ และคนที่มาเรียนส่วนใหญ่ต้องการเอาผลการเรียน-สอบไปยื่นอะไรสักอย่างต่อ ตอนนั้นไม่ได้สนใจมากๆ
คิดแค่ว่ามาเรียนขำๆแก้ว่าง และก็เหมือนว่าผมจะเป็นเอเชียนคนเดียว เยสสสส! กุตัวเหลืองสุดเลย อย่ามองแบบนั้น...
สไตล์การเรียนที่นี่ค่อยข้างดีเลยครับ 4 skills ฟัง พูด อ่าน เขียน มันที่สุดก็พูดนี่แหละครับ ต่างคนต่างพูดไม่รู้เรื่อง
บางคนก็ไม่อยากพูด แต่พอครูเดินผ่านมาก็ต้องแสร้งทำเป็นพูด นี่โตๆกันแล้วเนาะ ก็ยังทำแบบนี้เนาะ 555
โดยปกติแล้วผมเป็นคนขี้อายครับ ไม่ค่อยกล้าแสดงออก (จริงๆนะ ถ้าเพื่อนๆมาอ่านกระทู้นี้ ก็ขอให้เข้าใจตรงกันว่าขี้อาย)
แต่ตอนนั้น desperate มาก ต้องสร้างเพื่อนด่วน! พอดีกับวันนั้นมีนักเรียนใหม่ เป็นผู้หญิงสเปนหน้าตาใช้ได้ ทะเล่อทะหล้าเข้ามานั่งข้างๆ
จึงชวนคุย เธอชื่อ Eva อ่านว่า เอบ้า (เรากลายเป็นเพื่อนสนิทกัน จนถึงทุกวันนี้ครับ เธอมาเยี่ยมผมที่ไทย ตอนธันวาคม 2557)
หลังจากนั้นโลกของผมก็ค่อยๆเปลี่ยนไป เมื่อผมเริ่ม hang out กับเอบ้าบ่อยขึ้น เธอก็เริ่มแนะนำให้รู้จักกับเพื่อนๆของเธอ
เธอทำ au pair อยู่ที่นั่น(พี่เลี้ยงเด็ก) ตอนนั้นผมเรียนรู้เลยว่า สังคมของชาวยุโรปนั้นมันต่างกับของเรามาก
ทุกคนมาจากต่างประเทศกัน แต่กลับมีอะไรที่คล้ายๆกัน คนที่เดินทางมักจะรู้ข้อนี้ดี ผมขอเอาไว้พูดถึงทีหลังนะครับ
ถ้าลืมก็บอกด้วย ตัวผมเองก็หลงไปกับสังคมเหล่านี้ ช่วงนั้นมีความสุขมากครับ ไม่ได้เละเทะนะ ทุกสุดสัปดาห์ผมจะออกไปเที่ยว
ตามเมืองต่างๆในอังกฤษเท่าที่จะไปไหว
Oxford เมืองแห่งการเรียนรู้ สถานที่ท่องเที่ยวหลักๆก็คือมหาวิทยาลัยที่นี่ครับ

คนกลางคือ Eva ครับ
Cambridge ส่วนตัวผมชอบเมืองนี้มาก บรรยากาศดี ที่ขาดไม่ได้ก็คือ ต้องไปล่องเรือครับ
คนที่นี่จะเรียกว่า punting ต่อราคาเยอะๆนะครับ แอบแพง

แต่ที่สำคัญไปกว่าสิ่งอื่นใดคือ คนพายครับ รับประกันว่า หน้าตาดี หุ่นดี 3ผ่านแน่ๆ ครับ
Bathเมืองนี้ก็ตามชื่อครับ เป็นที่อาบน้ำเก่า

และแนะนำว่ามาแล้วก็ควรเข้าไปดูครับ น้ำอย่างเขียวอ่ะ #เบะปาก

อีกที่ที่แนะนำคือไปแช่น้ำอุ่นที่ Thermae Bath Spaครับ มีสระดาดฟ้า วิวสวยมาก นึกภาพตามนะครับ
อากาศเย็นๆ น้ำอุ่นๆ วิวงามๆ โรแมนติกมากครับ เหมือนไปออนเซ็นที่ญี่ปุ่นเลย
Bournemouth จำไม่ค่อยได้ครับว่าเมืองนี้มีอะไร ที่ไปคือ durdle door หินเป็นรูที่ยื่นออกไปในน้ำ
Brighton เมืองนี้สวยทีเดียวครับ

highlight ก็คงจะเป็น brighton pier ที่มีสวนสนุกอยู่ครับ ชายหาดที่นี่เป็นหินก้อนครับ แปลกดี
Windsor เมืองนี้มีปราสาทให้ดูอย่างเดียวครับ ใครไปตอนวันหยุดระวังให้ดีครับต่อแถวเข้าเป็นชั่วโมง
แต่เข้าไปก็คุ้มจริงๆครับ ข้างในสวยมาก มากที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา

แต่ที่บ่อยสุดก็เห็นจะเป็น London ทั้งๆที่ก็แพงเหลือเกิน แต่ก็ไปเหลือเกิน

Big Ben

St Paul’s Cathedral

Buckingham Palace ไปให้ถูกเวลานะครับ จะมีสวนสนามด้วย

The British Museum ใครจะไปเตรียมร่างกายให้พร้อมนะครับ ถ้าจะดูทุกอย่างเอาเต็นท์ไปด้วย มากไป๊..
เรื่องเล่าหลังเรียนจบ @ England & Scotland & Northern Ireland
ครั้งนี้ผมจะย้อนเล่าประสบการณ์ก่อนไป WWOOF ให้ฟัง... ผมเองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ปฏิเสธทางเดินปกติอย่างที่ทุกคนทำกัน
เรียนจบปั๊บ กระโดดเข้าบริษัททำงานปุ๊บ เยี่ยม! หมุนเงิน ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ผ่อนความสุข ฯลฯ แต่ผมเลือกที่จะยังไม่ทำงานครับ
เรามักได้ยินกันบ่อยๆกับคำว่า Gap Year ตามประสาฝรั่งที่จะออกไปหาประสบการณ์ ออกไปเที่ยว ไปเจออะไรใหม่ๆ
ก่อนเข้าเรียนมหาลัย หรือ ก่อนทำงาน เพื่ออะไร? นั่นเป็นคำถามใหญ่ของทุกกระทู้ที่ผมจะเขียนต่อไปนี้ครับ
ผมเองก็เลือกที่จะทำแบบนั้นครับ ก่อนจบปีสี่ ก็จัดแจงทำวีซ่าไปอังกฤษ ไปอเมริกา เหตุเพราะมีเพื่อนอยู่ที่นั่น
และเรายังไม่เคยไปชีวิตเมืองนอกคนเดียวด้วย พอสอบวันสุดท้ายเสร็จ วันรุ่งขึ้นก็กระโดดขึ้นเครื่องเลยครับ
เนื้อตัวมันสั่น อยากจะออกไปดูโลก...
ประเทศอังกฤษ หนึ่งในประเทศในฝันของหลายๆคน รวมทั้งตัวผมด้วย ใครที่กำลังตัดสินใจก็คิดดีๆนะครับ
มันแพงพอสมควร เทียบกับตัวเลือกอื่นๆ แต่ตอนนั้นผู้ปกครองอนุญาตครับ เพราะผมเป็นเด็กดีมาก อุตส่าห์เรียนจบ...
ด้านหลังของเหรียญจะเรียงต่อกันเป็นรูปได้ครับ
Proper breakfast!
ผมใช้เวลาอยู่ที่อังกฤษสองเดือนด้วยกันครับ เมืองที่อยู่ชื่อ Reading อ่านว่า เรดดิ้ง และไม่แปลว่า การอ่าน ขอบคุณ!
Reading เป็นเมืองอยู่ถัดออกมาทางด้านตะวันตกของ London ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที มีมหาลัย Reading
ซึ่งผมคิดว่าค่อนข้างมีชื่อเสียงและเพื่อนก็เรียนอยู่ที่นั่น ช่วงนั้นไปโชคดีครับ หมดหนาวแล้ว สิบต้นๆเอง ฟันออกปากตลอดเลยฮะ
ทำให้ไม่ค่อยอยากใช้เวลานอกบ้านเท่าไหร่เพราะมันหนาวเกินปรับตัว ตอนเช้าไปเรียน เลิกเที่ยง หาอะไรกิน กลับบ้าน งีบแปป
ออกไปยิม เย็นนัดเพื่อนกินเหล้า
ผมสมัครเรียนโรงเรียนภาษาแห่งหนึ่งในเมืองชื่อ Eurospeak ตามคำแนะนำของเพื่อน ซึ่งโรงเรียนอยู่ไม่ไกลจากบ้านเพื่อน
เดินเอาสิบนาทีได้
ไปวันแรกก็ต้องเด๋อเป็นธรรมดาครับ ไม่มีเพื่อน ไม่กล้าคุยกับใคร และไม่พบคนไทยที่นี่เลย เยสสสส! ถ้าเป็นตอนนี้คงดีใจ
แต่ตอนนั้นหว่าเว้มากครับ และคนที่มาเรียนส่วนใหญ่ต้องการเอาผลการเรียน-สอบไปยื่นอะไรสักอย่างต่อ ตอนนั้นไม่ได้สนใจมากๆ
คิดแค่ว่ามาเรียนขำๆแก้ว่าง และก็เหมือนว่าผมจะเป็นเอเชียนคนเดียว เยสสสส! กุตัวเหลืองสุดเลย อย่ามองแบบนั้น...
สไตล์การเรียนที่นี่ค่อยข้างดีเลยครับ 4 skills ฟัง พูด อ่าน เขียน มันที่สุดก็พูดนี่แหละครับ ต่างคนต่างพูดไม่รู้เรื่อง
บางคนก็ไม่อยากพูด แต่พอครูเดินผ่านมาก็ต้องแสร้งทำเป็นพูด นี่โตๆกันแล้วเนาะ ก็ยังทำแบบนี้เนาะ 555
โดยปกติแล้วผมเป็นคนขี้อายครับ ไม่ค่อยกล้าแสดงออก (จริงๆนะ ถ้าเพื่อนๆมาอ่านกระทู้นี้ ก็ขอให้เข้าใจตรงกันว่าขี้อาย)
แต่ตอนนั้น desperate มาก ต้องสร้างเพื่อนด่วน! พอดีกับวันนั้นมีนักเรียนใหม่ เป็นผู้หญิงสเปนหน้าตาใช้ได้ ทะเล่อทะหล้าเข้ามานั่งข้างๆ
จึงชวนคุย เธอชื่อ Eva อ่านว่า เอบ้า (เรากลายเป็นเพื่อนสนิทกัน จนถึงทุกวันนี้ครับ เธอมาเยี่ยมผมที่ไทย ตอนธันวาคม 2557)
หลังจากนั้นโลกของผมก็ค่อยๆเปลี่ยนไป เมื่อผมเริ่ม hang out กับเอบ้าบ่อยขึ้น เธอก็เริ่มแนะนำให้รู้จักกับเพื่อนๆของเธอ
เธอทำ au pair อยู่ที่นั่น(พี่เลี้ยงเด็ก) ตอนนั้นผมเรียนรู้เลยว่า สังคมของชาวยุโรปนั้นมันต่างกับของเรามาก
ทุกคนมาจากต่างประเทศกัน แต่กลับมีอะไรที่คล้ายๆกัน คนที่เดินทางมักจะรู้ข้อนี้ดี ผมขอเอาไว้พูดถึงทีหลังนะครับ
ถ้าลืมก็บอกด้วย ตัวผมเองก็หลงไปกับสังคมเหล่านี้ ช่วงนั้นมีความสุขมากครับ ไม่ได้เละเทะนะ ทุกสุดสัปดาห์ผมจะออกไปเที่ยว
ตามเมืองต่างๆในอังกฤษเท่าที่จะไปไหว
Oxford เมืองแห่งการเรียนรู้ สถานที่ท่องเที่ยวหลักๆก็คือมหาวิทยาลัยที่นี่ครับ
คนกลางคือ Eva ครับ
Cambridge ส่วนตัวผมชอบเมืองนี้มาก บรรยากาศดี ที่ขาดไม่ได้ก็คือ ต้องไปล่องเรือครับ
คนที่นี่จะเรียกว่า punting ต่อราคาเยอะๆนะครับ แอบแพง
แต่ที่สำคัญไปกว่าสิ่งอื่นใดคือ คนพายครับ รับประกันว่า หน้าตาดี หุ่นดี 3ผ่านแน่ๆ ครับ
Bathเมืองนี้ก็ตามชื่อครับ เป็นที่อาบน้ำเก่า
และแนะนำว่ามาแล้วก็ควรเข้าไปดูครับ น้ำอย่างเขียวอ่ะ #เบะปาก
อีกที่ที่แนะนำคือไปแช่น้ำอุ่นที่ Thermae Bath Spaครับ มีสระดาดฟ้า วิวสวยมาก นึกภาพตามนะครับ
อากาศเย็นๆ น้ำอุ่นๆ วิวงามๆ โรแมนติกมากครับ เหมือนไปออนเซ็นที่ญี่ปุ่นเลย
Bournemouth จำไม่ค่อยได้ครับว่าเมืองนี้มีอะไร ที่ไปคือ durdle door หินเป็นรูที่ยื่นออกไปในน้ำ
Brighton เมืองนี้สวยทีเดียวครับ
highlight ก็คงจะเป็น brighton pier ที่มีสวนสนุกอยู่ครับ ชายหาดที่นี่เป็นหินก้อนครับ แปลกดี
Windsor เมืองนี้มีปราสาทให้ดูอย่างเดียวครับ ใครไปตอนวันหยุดระวังให้ดีครับต่อแถวเข้าเป็นชั่วโมง
แต่เข้าไปก็คุ้มจริงๆครับ ข้างในสวยมาก มากที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา
แต่ที่บ่อยสุดก็เห็นจะเป็น London ทั้งๆที่ก็แพงเหลือเกิน แต่ก็ไปเหลือเกิน
Big Ben
St Paul’s Cathedral
Buckingham Palace ไปให้ถูกเวลานะครับ จะมีสวนสนามด้วย
The British Museum ใครจะไปเตรียมร่างกายให้พร้อมนะครับ ถ้าจะดูทุกอย่างเอาเต็นท์ไปด้วย มากไป๊..