
สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ นี่เป็นครั้งแรกของการตั้งกระทู้แชร์ประสบการณ์ค่ะ เนื่องจากคิดถึงเมืองไทยมากๆค่ะ อยากแบ่งปันประสบการณ์และเป็นกำลังใจให้ทุกๆท่านที่มีความฝันที่จะมาทำงานหรือเรียนต่อเมืองนอกนะค่ะ ฐานะทางการเงิน และความสามารถทางด้านภาษา ไม่ได้เป็นอุปสรรค ถ้าเราไม่หยุดฝัน และก้าวเดินไปให้ถึงฝันนั้น หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านไม่มากก็น้อยนะค่ะ
กระทู้นี้เป็นแค่กระทู้ที่จขกท. อยากมาเล่าสู่กันฟังว่า การใช้ชีวิตแบบนักศึกษาที่อเมริกาต่างจากที่ไทยยังไง จากออแพร์กลายเป็นนักเรียนป.โท ได้ยังไง ทำยังไงถึงทำความฝันให้เป็นจริงได้ การเรียนมหาลัยที่อเมริกานั้นดียังไง จะแตกต่างจากเมืองไทยแบบไหน ชีวิตจะผจญภัย หรือ โรแมนติกเหมือนในนิยายหรือเปล่า กระทู้เรื่องยาวนะค่ะ จะค่อยๆ มาแบ่งปันเล่าสู่กันฟัง ติดตามตอนต่อไปได้เรื่อยๆค่ะ

ตึกเรียนของ จขกท.เองค่ะ
ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อนนะคะ จขกท. ตอนนี้เรียนป.โท เทอมที่ 3 สาขาวิชา MBA - Project Management อยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเวอร์จิเนีย ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลมากนักจากกรุงวอชิงตัน ดีซี เมืองหลวงของประเทศสหรัฐอเมริกาค่ะ
นำชมเมืองด้วยภาพบรรยากาศสวยๆค่ะ
เวอร์จิเนียเป็นรัฐที่มีภูมิทัศน์สวยงามมากเนื่องจากมีทั้งพื้นที่เป็นภูเขาและติดทะเล มีป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ รัฐเวอร์จิเนียติดต่อกับรัฐแมริแลนด์ และวอชิงตัน ดี.ซี. ชื่อของรัฐเวอร์จิเนีย ตั้งตามชื่อของ สมเด็จพระบรมราชินีนาถอลิซาเบธที่ 1 แห่งอังกฤษ หรือราชินีผู้ทรงพรหมจรรย์ (The Virgin Queen) รัฐเวอร์จิเนียเป็นบ้านเกิดของประธานาธิบดี 8 คน ซึ่งรวมถึง จอร์จ วอชิงตัน และ โทมัส เจฟเฟอร์สัน

ช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาลดอกซากุระบานประจำปีค่ะ บรรยากาศสวยมากๆ โรแมนติกสุดๆ ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
อีกสักภาพค่ะ มุมนี้มองเห็น โทมัส เจฟเฟอร์สัน เมโมเรียล ไกลๆด้วยค่ะ
จขกท.ก้าวเท้าเข้าประเทศอเมริกาในฐานนะออแพร์ หรือพี่เลี้ยงเด็ก เป็นประเทศที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะได้มาค่ะ ครั้งแรกที่มาถึงที่นี่รู้สึกตื่นเต้นมากๆค่ะ มีหลายอารมณ์ ความรู้สึกกังวล ภาษาอังกฤษก็ยังไม่แข็งแรง พูดง่ายๆ คือสำเนียงส่อภาษา อิอิ...แย่ค่ะ พูดแล้วคนอเมริกันมึนและงงกันไปแถบๆ แต่จขกท. ก็ไม่ย่อท้อค่ะ ด้วยพลังแห่งความฝัน เราก็ต้องมีแรงผลักดัน และกำลังใจ นั้นก็คือ.......
ซีซาร์สลัด สไตล์อเมริกัน

อันนี้ชอบมันฝรั่งบดค่ะ อร่อยมาก

บางครั้งก็ชอบไปร้านบุปเฟต์ เนื่องจากทานได้ทั้งวันค่ะ ถ้าทานไหว
ทางมหาลัยจะมีกิจกรรมพิเศษอยู่เป็นประจำค่ะ สำหรับนักศึกษาให้เข้าร่วมฟรี หรือในราคาที่พิเศษมากๆ ทางมหาลัยมีรถบัสรับ-ส่ง ฟรีค่ะ บริการจากหอพักมหาลัย – ตึกภาคเรียน, สถานีรถไฟเข้าเมือง หรือไปต่างเมือง, ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น.
คนอเมริกันเขามีความคิดสร้างสรรค์มากๆค่ะ สังเกตุได้จากการที่เขามีบริการให้นักศึกษาอัพโหลดแอพพลิเคชั่นบนมือถือ เพื่อที่สามารถเช็คได้ว่าตอนนี้ รถบัสของมหาลัยอยู่ส่วนไหนของเมือง เช็คตารางเวลาเดินทางของรถบัส เพื่อไม่ให้ไปเรียนสาย หรือไปตามสถานที่ต่างๆ สายค่ะ คนที่นี่เขาถือเรื่องเวลาเป็นสำคัญค่ะ ไปสายนิดหน่อย เกิน 3 ครั้ง ครั้งถัดไป อาจารย์ก็จะปรับขาดเรียนเลยค่ะ แต่ถ้าพูดอธิบายด้วยเหตุผล หรือแจ้งอาจารย์ล่วงหน้า ก็จะอนุโลมค่ะ
พูดถึงเรื่องเวลาของคนอเมริกัน ขอเล่านอกเรื่องสมัยเป็นพี่เลี้ยงเด็กนะค่ะ จขกท.เคยไปส่งเด็กๆที่โรงเรียนก่อนเวลา เด็กๆเคยบอกว่าไม่ได้โรงเรียนไม่อนุญาติให้เข้าไป จขกท.ก็ไม่เชื่อก็เลยไปส่งเด็กๆที่โรงเรียน เราก็ต้องไปยืนอยู่หน้าประตูโรงเรียนจนถึงเวลาที่เขากำหนด ประตูถึงจะเปิดให้เด็กๆเข้าไปค่ะ เคยไปส่งเด็กๆสายครั้งหนึ่ง คุณครูถึงกับส่งจดหมายมาหาโฮสแม่ หรือผู้ปกครองกันเลยทีเดียว เด็กๆ ก็บอก จขกท.ว่า อย่าไปส่งฉันสายอีกนะ ฉันไม่สบายใจเลย จขกท. รู้สึกแย่เลยค่ะ นี่เขาฝึกกันตั้งแต่เด็กๆเลย เป็นอะไรที่ดีมากๆค่ะ สอนวินัยเด็กๆได้ดีมาก น่าจะเอาไปเป็นตัวอย่าง

นี่ก็เป็นอีกทริปที่ทางมหาลัยจัดให้นักศึกษาได้เที่ยวชมค่ะ ไลบรารี่ ออฟ คองเกรส หรือ หอสมุดรัฐสภาอเมริกัน นั่นเองค่ะ ห้องสมุดนี่ยิ่งใหญ่ทีสุดในโลก และเป็นที่รวมหนังสือ เอกสาร หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ ทั่วทุกมุมโลก ปัจจุบันมีหนังสืออยู่ 29 ล้านเล่ม มีเจ้าหน้าที่มาคอยต้อนรับ และเดินพาชม รวมถึงให้ความรู้ค่ะ เป็นทริปที่สนุกมากๆเลย

กิจกรรมขบวนพาเหรดของมหาวิทยาลัยในวันเมโมเรียลเดย์ค่ะ
เรื่องการเรียนและเรื่องวีซ่าค่ะ
ทางมหาลัยเขาจะกำหนดให้นักศึกษาต่างชาติ หรือวีซ่าประเภท F1 .ต้องลงเรียนอย่างน้อยเทอมละ 9 หน่วยกิตค่ะ หรือ 3 วิชา สำหรับนักศึกษาระดับปริญญาโท แต่เนื่องจากตอนที่ จขกท. เริ่มเรียนนั้น ถือวีซ่าประเภท J1 ในฐานะออแพร์ ก็สามารถเลือกเรียนแบบพาร์ทไทม์ได้ค่ะ ไม่ต้องลงเรียนถึง 3 วิชาใน 1 เทอม นี่ก็เป็นข้อดีสำหรับน้องๆ ออแพร์คนไหนสนใจที่จะเรียนต่อหลังจบโครงการ ก็สามารถเริ่มเรียนก่อนได้ค่ะ ข้อดีก็คือ เราสามารถเรียนน้อยๆ วิชาพื้นฐานเพื่อที่จะปรับความพร้อมและความเข้าใจของระบบการศึกษาที่นี่ก่อนที่เราจะเริ่มลงสนามจริงได้ค่ะ ตอนนี้ จขกท.เป็นนักศึกษาแบบเต็มตัว และต้องลงเรียนแบบ 9 หน่วยกิตแล้วค่ะ

นี่คือโฉมหน้าของหนังสือออนไลน์ค่ะ จขกท.ชอบมากๆ ตรงที่ ฟรี ค่ะ ไม่ต้องซื้อหนังสือเป็นเล่มๆถือไปเรียนเหมือนสมัยอยู่เมืองไทยค่ะ (ประหยัดดี) มีแลปทอป หนึ่งเครื่องก็สามารถไปนั่งเรียนได้ทุกวิชาค่ะ นอกเหนือจากนั้น เพื่อนๆในห้องก็จะเล่นเฟสบุค แชท หรือแม้แต่ดูเว็บไซต์ออนไลน์ ก็ได้นะค่ะ แค่ให้ปรากฎตัวอยู่ในคลาสนั้นก็พอแล้วค่ะ ออ ทานขนมในห้องขณะอาจารย์สอนก็ได้ค่ะ หุหุ จขกท.ทำบ่อย

ภาพอาจจะไม่ชัดเท่าไหร่นะค่ะ ถ่ายเองกับกล้องมือถือ ไว้จะถ่ายสวยๆ มาให้ดูกันชัดๆในตอนต่อๆไปค่ะ
นี่คือ หน้าตาจากหนังสือเล่มที่เราอ่านค่ะ ตรงทางซ้ายมือจะแบ่งเป็นบทๆ ให้เลือกอ่านได้ค่ะ ส่วนมุมบนสุดนั้นมีให้จด หรือไฮไลท์ข้อความส่วนสำคัญลงไปในหนังสือของเราเอง และสามารถเลือกโหมดให้มีคนอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษให้ฟังได้อีกด้วยค่ะ เป็นการฝึกภาษาอังกฤษไปอีกทางหนึ่งนะค่ะ
ห้องสมุดของมหาลัยค่ะ อาจจะไม่ใหญ่มากนัก เนื่องจากทางมหาลัยจะส่งเสริมให้นักศึกษาใช้บริการห้องสมุดออนไลน์ของมหาลัยค่ะ ในห้องสมุดออนไลน์นั้นจะมีทั้งหนังสือ บทความ งานวิจัย และอีกมากมายให้เราได้เลือกค้น ได้ทุกที่ทุกเวลาค่ะ ไว้รอบหน้าจะนำภาพห้องสมุดออนไลน์มาฝากค่ะ
ก่อนอื่นต้องขอออกตัวนิดหนึ่งนะค่ะว่ามหาวิทยาลัยที่ จขกท. เรียนนั้น เป็นมหาวิทยาลัยเล็กๆค่ะ ไม่ได้เด่นดังอะไร เพื่อนๆที่เรียนส่วนใหญ่ก็จะเป็นนักเรียนต่างชาติ สาเหตุที่เลือกนั้นเพราะเหตุผลประกอบหลายๆปัจจัยค่ะ คือ
1.ค่าเทอมไม่แพง สำหรับนักเรียนต่างชาติ
2.สามารถทำงานแบบถูกต้องตามกฎหมายกับทางมหาลัยได้
3.สามารถสมัครทุนการศึกษาได้หลายๆทุนในเวลาเดียวกัน
4.มีสาขาวิชาให้เลือกหลากหลาย และมีวิชาที่สนใจเปิดสอน
5.มีรุ่นพี่ทั้งคนไทยหลายๆคน และเพื่อนต่างชาติที่จบจากสถาบันแห่งนี้แล้วสามารถทำงานกับบริษัทดีๆ ที่เขาสนับสนุนเรื่องวีซ่าการทำงานต่อหลังเรียนจบ
เนื่องจากช่วงนี้ใกล้สอบปลายภาคแล้วค่ะ จขกท.มีการบ้าน และโปรแจคเยอะมากๆ ขอตัวไปทำการบ้านก่อนนะค่ะ
**เรื่องเล่า ชีวิตนักศึกษาและสิ่งที่ได้เรียนรู้จากระบบการศึกษาและจากชีวิตออแพร์ในอเมริกา**
สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ นี่เป็นครั้งแรกของการตั้งกระทู้แชร์ประสบการณ์ค่ะ เนื่องจากคิดถึงเมืองไทยมากๆค่ะ อยากแบ่งปันประสบการณ์และเป็นกำลังใจให้ทุกๆท่านที่มีความฝันที่จะมาทำงานหรือเรียนต่อเมืองนอกนะค่ะ ฐานะทางการเงิน และความสามารถทางด้านภาษา ไม่ได้เป็นอุปสรรค ถ้าเราไม่หยุดฝัน และก้าวเดินไปให้ถึงฝันนั้น หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านไม่มากก็น้อยนะค่ะ
กระทู้นี้เป็นแค่กระทู้ที่จขกท. อยากมาเล่าสู่กันฟังว่า การใช้ชีวิตแบบนักศึกษาที่อเมริกาต่างจากที่ไทยยังไง จากออแพร์กลายเป็นนักเรียนป.โท ได้ยังไง ทำยังไงถึงทำความฝันให้เป็นจริงได้ การเรียนมหาลัยที่อเมริกานั้นดียังไง จะแตกต่างจากเมืองไทยแบบไหน ชีวิตจะผจญภัย หรือ โรแมนติกเหมือนในนิยายหรือเปล่า กระทู้เรื่องยาวนะค่ะ จะค่อยๆ มาแบ่งปันเล่าสู่กันฟัง ติดตามตอนต่อไปได้เรื่อยๆค่ะ
ตึกเรียนของ จขกท.เองค่ะ
ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อนนะคะ จขกท. ตอนนี้เรียนป.โท เทอมที่ 3 สาขาวิชา MBA - Project Management อยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเวอร์จิเนีย ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลมากนักจากกรุงวอชิงตัน ดีซี เมืองหลวงของประเทศสหรัฐอเมริกาค่ะ
นำชมเมืองด้วยภาพบรรยากาศสวยๆค่ะ
เวอร์จิเนียเป็นรัฐที่มีภูมิทัศน์สวยงามมากเนื่องจากมีทั้งพื้นที่เป็นภูเขาและติดทะเล มีป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ รัฐเวอร์จิเนียติดต่อกับรัฐแมริแลนด์ และวอชิงตัน ดี.ซี. ชื่อของรัฐเวอร์จิเนีย ตั้งตามชื่อของ สมเด็จพระบรมราชินีนาถอลิซาเบธที่ 1 แห่งอังกฤษ หรือราชินีผู้ทรงพรหมจรรย์ (The Virgin Queen) รัฐเวอร์จิเนียเป็นบ้านเกิดของประธานาธิบดี 8 คน ซึ่งรวมถึง จอร์จ วอชิงตัน และ โทมัส เจฟเฟอร์สัน
ช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาลดอกซากุระบานประจำปีค่ะ บรรยากาศสวยมากๆ โรแมนติกสุดๆ ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
อีกสักภาพค่ะ มุมนี้มองเห็น โทมัส เจฟเฟอร์สัน เมโมเรียล ไกลๆด้วยค่ะ
จขกท.ก้าวเท้าเข้าประเทศอเมริกาในฐานนะออแพร์ หรือพี่เลี้ยงเด็ก เป็นประเทศที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะได้มาค่ะ ครั้งแรกที่มาถึงที่นี่รู้สึกตื่นเต้นมากๆค่ะ มีหลายอารมณ์ ความรู้สึกกังวล ภาษาอังกฤษก็ยังไม่แข็งแรง พูดง่ายๆ คือสำเนียงส่อภาษา อิอิ...แย่ค่ะ พูดแล้วคนอเมริกันมึนและงงกันไปแถบๆ แต่จขกท. ก็ไม่ย่อท้อค่ะ ด้วยพลังแห่งความฝัน เราก็ต้องมีแรงผลักดัน และกำลังใจ นั้นก็คือ.......
ซีซาร์สลัด สไตล์อเมริกัน
อันนี้ชอบมันฝรั่งบดค่ะ อร่อยมาก
บางครั้งก็ชอบไปร้านบุปเฟต์ เนื่องจากทานได้ทั้งวันค่ะ ถ้าทานไหว
ทางมหาลัยจะมีกิจกรรมพิเศษอยู่เป็นประจำค่ะ สำหรับนักศึกษาให้เข้าร่วมฟรี หรือในราคาที่พิเศษมากๆ ทางมหาลัยมีรถบัสรับ-ส่ง ฟรีค่ะ บริการจากหอพักมหาลัย – ตึกภาคเรียน, สถานีรถไฟเข้าเมือง หรือไปต่างเมือง, ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น.
คนอเมริกันเขามีความคิดสร้างสรรค์มากๆค่ะ สังเกตุได้จากการที่เขามีบริการให้นักศึกษาอัพโหลดแอพพลิเคชั่นบนมือถือ เพื่อที่สามารถเช็คได้ว่าตอนนี้ รถบัสของมหาลัยอยู่ส่วนไหนของเมือง เช็คตารางเวลาเดินทางของรถบัส เพื่อไม่ให้ไปเรียนสาย หรือไปตามสถานที่ต่างๆ สายค่ะ คนที่นี่เขาถือเรื่องเวลาเป็นสำคัญค่ะ ไปสายนิดหน่อย เกิน 3 ครั้ง ครั้งถัดไป อาจารย์ก็จะปรับขาดเรียนเลยค่ะ แต่ถ้าพูดอธิบายด้วยเหตุผล หรือแจ้งอาจารย์ล่วงหน้า ก็จะอนุโลมค่ะ
พูดถึงเรื่องเวลาของคนอเมริกัน ขอเล่านอกเรื่องสมัยเป็นพี่เลี้ยงเด็กนะค่ะ จขกท.เคยไปส่งเด็กๆที่โรงเรียนก่อนเวลา เด็กๆเคยบอกว่าไม่ได้โรงเรียนไม่อนุญาติให้เข้าไป จขกท.ก็ไม่เชื่อก็เลยไปส่งเด็กๆที่โรงเรียน เราก็ต้องไปยืนอยู่หน้าประตูโรงเรียนจนถึงเวลาที่เขากำหนด ประตูถึงจะเปิดให้เด็กๆเข้าไปค่ะ เคยไปส่งเด็กๆสายครั้งหนึ่ง คุณครูถึงกับส่งจดหมายมาหาโฮสแม่ หรือผู้ปกครองกันเลยทีเดียว เด็กๆ ก็บอก จขกท.ว่า อย่าไปส่งฉันสายอีกนะ ฉันไม่สบายใจเลย จขกท. รู้สึกแย่เลยค่ะ นี่เขาฝึกกันตั้งแต่เด็กๆเลย เป็นอะไรที่ดีมากๆค่ะ สอนวินัยเด็กๆได้ดีมาก น่าจะเอาไปเป็นตัวอย่าง
นี่ก็เป็นอีกทริปที่ทางมหาลัยจัดให้นักศึกษาได้เที่ยวชมค่ะ ไลบรารี่ ออฟ คองเกรส หรือ หอสมุดรัฐสภาอเมริกัน นั่นเองค่ะ ห้องสมุดนี่ยิ่งใหญ่ทีสุดในโลก และเป็นที่รวมหนังสือ เอกสาร หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ ทั่วทุกมุมโลก ปัจจุบันมีหนังสืออยู่ 29 ล้านเล่ม มีเจ้าหน้าที่มาคอยต้อนรับ และเดินพาชม รวมถึงให้ความรู้ค่ะ เป็นทริปที่สนุกมากๆเลย
กิจกรรมขบวนพาเหรดของมหาวิทยาลัยในวันเมโมเรียลเดย์ค่ะ
เรื่องการเรียนและเรื่องวีซ่าค่ะ
ทางมหาลัยเขาจะกำหนดให้นักศึกษาต่างชาติ หรือวีซ่าประเภท F1 .ต้องลงเรียนอย่างน้อยเทอมละ 9 หน่วยกิตค่ะ หรือ 3 วิชา สำหรับนักศึกษาระดับปริญญาโท แต่เนื่องจากตอนที่ จขกท. เริ่มเรียนนั้น ถือวีซ่าประเภท J1 ในฐานะออแพร์ ก็สามารถเลือกเรียนแบบพาร์ทไทม์ได้ค่ะ ไม่ต้องลงเรียนถึง 3 วิชาใน 1 เทอม นี่ก็เป็นข้อดีสำหรับน้องๆ ออแพร์คนไหนสนใจที่จะเรียนต่อหลังจบโครงการ ก็สามารถเริ่มเรียนก่อนได้ค่ะ ข้อดีก็คือ เราสามารถเรียนน้อยๆ วิชาพื้นฐานเพื่อที่จะปรับความพร้อมและความเข้าใจของระบบการศึกษาที่นี่ก่อนที่เราจะเริ่มลงสนามจริงได้ค่ะ ตอนนี้ จขกท.เป็นนักศึกษาแบบเต็มตัว และต้องลงเรียนแบบ 9 หน่วยกิตแล้วค่ะ
นี่คือโฉมหน้าของหนังสือออนไลน์ค่ะ จขกท.ชอบมากๆ ตรงที่ ฟรี ค่ะ ไม่ต้องซื้อหนังสือเป็นเล่มๆถือไปเรียนเหมือนสมัยอยู่เมืองไทยค่ะ (ประหยัดดี) มีแลปทอป หนึ่งเครื่องก็สามารถไปนั่งเรียนได้ทุกวิชาค่ะ นอกเหนือจากนั้น เพื่อนๆในห้องก็จะเล่นเฟสบุค แชท หรือแม้แต่ดูเว็บไซต์ออนไลน์ ก็ได้นะค่ะ แค่ให้ปรากฎตัวอยู่ในคลาสนั้นก็พอแล้วค่ะ ออ ทานขนมในห้องขณะอาจารย์สอนก็ได้ค่ะ หุหุ จขกท.ทำบ่อย
ภาพอาจจะไม่ชัดเท่าไหร่นะค่ะ ถ่ายเองกับกล้องมือถือ ไว้จะถ่ายสวยๆ มาให้ดูกันชัดๆในตอนต่อๆไปค่ะ
นี่คือ หน้าตาจากหนังสือเล่มที่เราอ่านค่ะ ตรงทางซ้ายมือจะแบ่งเป็นบทๆ ให้เลือกอ่านได้ค่ะ ส่วนมุมบนสุดนั้นมีให้จด หรือไฮไลท์ข้อความส่วนสำคัญลงไปในหนังสือของเราเอง และสามารถเลือกโหมดให้มีคนอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษให้ฟังได้อีกด้วยค่ะ เป็นการฝึกภาษาอังกฤษไปอีกทางหนึ่งนะค่ะ
ห้องสมุดของมหาลัยค่ะ อาจจะไม่ใหญ่มากนัก เนื่องจากทางมหาลัยจะส่งเสริมให้นักศึกษาใช้บริการห้องสมุดออนไลน์ของมหาลัยค่ะ ในห้องสมุดออนไลน์นั้นจะมีทั้งหนังสือ บทความ งานวิจัย และอีกมากมายให้เราได้เลือกค้น ได้ทุกที่ทุกเวลาค่ะ ไว้รอบหน้าจะนำภาพห้องสมุดออนไลน์มาฝากค่ะ
ก่อนอื่นต้องขอออกตัวนิดหนึ่งนะค่ะว่ามหาวิทยาลัยที่ จขกท. เรียนนั้น เป็นมหาวิทยาลัยเล็กๆค่ะ ไม่ได้เด่นดังอะไร เพื่อนๆที่เรียนส่วนใหญ่ก็จะเป็นนักเรียนต่างชาติ สาเหตุที่เลือกนั้นเพราะเหตุผลประกอบหลายๆปัจจัยค่ะ คือ
1.ค่าเทอมไม่แพง สำหรับนักเรียนต่างชาติ
2.สามารถทำงานแบบถูกต้องตามกฎหมายกับทางมหาลัยได้
3.สามารถสมัครทุนการศึกษาได้หลายๆทุนในเวลาเดียวกัน
4.มีสาขาวิชาให้เลือกหลากหลาย และมีวิชาที่สนใจเปิดสอน
5.มีรุ่นพี่ทั้งคนไทยหลายๆคน และเพื่อนต่างชาติที่จบจากสถาบันแห่งนี้แล้วสามารถทำงานกับบริษัทดีๆ ที่เขาสนับสนุนเรื่องวีซ่าการทำงานต่อหลังเรียนจบ
เนื่องจากช่วงนี้ใกล้สอบปลายภาคแล้วค่ะ จขกท.มีการบ้าน และโปรแจคเยอะมากๆ ขอตัวไปทำการบ้านก่อนนะค่ะ