สวัสดีครับ
เนื่องจากช่วงต้นปีที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปเรียนที่เยอรมัน จบแล้วจึงถือโอกาสวางแผนท่องเที่ยวต่อเลย
เป็นการ Backpack ตามความฝันที่ตั้งใจไว้ ว่าจะลองดูสักครั้ง จึงออกมาเป็นทริปนี้
[กำลังค่อยๆเขียนไปเรื่อยๆ]
Backpack ยุโรป 3 เดือน 33 เมือง 7 ประเทศ ในงบ 2 แสนบาท
การเดินทางนี้ส่วนใหญ่ไปคนเดียวครับ มีเพื่อนบ้างในบางช่วงของทริป
ทั้งจากการพบกันในโฮสเทล และเพื่อนที่เรียนด้วยกัน ตามแผนในภาพนี้
จริงๆ นับโดย Google map ได้ 6,984 km ครับ ผมจึงตั้ง Hashtag ใน ig
เวลาอัพรูปว่า #ELM6000km ย่อมาจากอะไร ลองทายกันดูนะครับ
ผมพบว่า ตอนนี้อะไรๆเปลี่ยนแปลงไปมาก เทคโนโลยีทำให้การเที่ยวยุโรป
คนเดียวนั้น ง่ายมากๆครับ ผมจึงตั้งกระทู้นี้เพื่อแบ่งปัน ประสบการณ์ และเครื่องมือวิธีการ
ที่ทำให้ทริป ยุโรป สนุก มีสีสัน และประหยัดมาฝากเพื่อนๆกันครับ
โดยจะแบ่งเป็น 3 ส่วนนะครับ คือ การวางแผน+งบ, ชีวิตแต่ละวัน, และเรื่องราวทั้ง 33 เมืองครับ
และทริปนี้เที่ยวสนุก กินอร่อยนะครับ นอนอุ่นนุ่มทุกคืน ไม่มีข้างทาง หรือนอนซอกตึกครับ
สบายใจได้ สาวๆก็ไปได้นะ รับรองว่าทำตามนี้ เที่ยวสนุกกินอร่อยเพื่อนเพียบทั้งทริปเลย
1. การวางแผน
ทริปนี้จริงๆคือ วางแผนไปเที่ยวไปครับ วางและจองห้อง/การเดินทางราวๆ 1 สัปดาห์ล่วงหน้า พบใกล้จะหมดแผนก็จองใหม่ วนไปเรื่อยๆครับ
การไปยุโรปครั้งนี้แบ่งเป็นสองส่วน คือ ตอนเรียน อยู่ที่เมือง Dusseldorf, Germany เป็นเวลา 1 เดือนนิดๆ และ ช่วงเดินทางรอบยุโรป อีกราว 2 เดือน
1a)
หาที่หลับที่นอน แบ่งเป้น 3 กลุ่มครับ คือ ช่วงเรียน, เมืองใหญ่, หมู่บ้านเล็กๆ
i ) Airbnb :
www.airbnb.com
น่าจะรู้จักกันหมดแล้ว เพราะในไทยเรา ผมว่า airbnb ค่อนข้างดังแล้ว ใช้สำหรับหาที่พักระยะยาวครับ
เพราะเนื่องจาก airbnb จะใช้บ้านคน ที่มีห้องพักเหลืออยู่ มาให้เราเช่า จึงมักจะมีที่พักราคาถูก อยู่ใกล้แหล่งอาศัย และคมนาคม สะดวก
ผมใช้ช่วงที่อยู่ใน เมือง Dusseldorf, Germany แต่ข้อเสียคือ ถ้าใกล้แหล่งท่องเที่ยวจะแพงครับ เทียบกับตัวเลือกที่สองแล้ว
จะไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสมนัก ในการเดินทางคนเดียว ข้อดีคือ อบอุ่น และใกล้ชุมชน แต่ถ้าต้องการ Facility ครบๆ จะแพงครับ
ผมได้ราคา รายเดือนมา เพราะอยู่นาน ที่ 20 euro ต่อคืน มี full kitchen ให้เลยครับ ทำให้ทำอาหารสะดวกและประหยัดได้มาก
ถ้าใครจะใช้ แนะนำ ref credit ของผมครับ เข้าเว็บผ่าน link นี้ได้เที่ยวฟรี 1,200 บาท
www.airbnb.com/c/tsukit?s=8
ii ) เมืองใหญ่ๆใช้ Hostelworld :
www.hostelworld.com
เมืองใหญ่ๆ การนอนโฮสเทลจะสะดวกที่สุดครับ เพราะ ใกล้แหล่งท่องเที่ยว มีครัวพร้อม ทำไมทริปนี้ครัวจึงสำคัญมาก
จะเล่าให้ฟัง ในหัวข้อชีวิตประจำวันนะครับ หลักการหาโฮสเทลที่ดีคือ ดูคะแนน Cleanliness ยิ่งสูงยิ่งดี และอีกอันคือ
Location ควรได้เกิน 8 ทั้งสองอัน
โฮสเทลที่ดังๆจะแบ่งง่ายๆ สองกลุ่มครับ คือ เป็น Chain Hostel เหมือนเครือโรงแรมนั่นแหละครับ มีมาตราฐานคงตัว
ราคาปานกลาง ราวๆ 10-20 euro ถ้าพักยี่ห้อเดิมๆต่อเนื่อง จะได้ส่วนลด 5-10% ด้วย ที่ผมใช้บ่อยในทริปนี้คือ
Generator และ Meininger ดีต่างกันนิดหน่อย และดึกๆจะเงียบสงบเหมาะพักผ่อน อีกแบบคือ Bar Hostel ครับ
คือจะเน้นการมาพบปะสังสรรค์กันของนักเดินทาง มี Bar ในตัวเองเหล้าเบียร กับแกล้มไม่แพง แต่ข้อเสียคือ
เสียงดังยันสว่างเลยทีเดียว ที่ผมใช้แล้วชอบๆก็มี Wombats City, Ostello Bello Grande, St Christopher's Inn ครับ
เลือกโฮสเทล ที่ใกล้สถานีรถไฟ Central station เข้าไว้ครับ ในหลายๆประเทศเรียกว่า Hbf station (เฮาท์ บาน ฮอฟ)
iii ) หมู่บ้านเล็กๆ หรืออยากพักเต็มๆใช้ Trivago :
www.trivago.co.th
คนไทยอาจยังไม่ค่อยรู้จัก Trivago เพราะเพิ่งเข้ามาทำตลาดไทย อธิบายง่ายๆคือเหมือน Skyscanner แต่เป็นโรงแรม
คือเป็นเว็บ Search หาที่พัก จากทุกๆ Agency มารวมไว้ให้เราที่เดียว ทั้ง Expidia, Bookin.com,Amoma,Happyroom etc.
แล้ว แสดงราคาถูกที่สุด ให้เราเลือก ซึ่ง Trivago เขาเป็นมีชื่อ ในยุโรปและอเมริกามากครับ บอกไปคนไทย เอ๋? แต่ที่นั่น
รู้จักกันหมด มีที่พักให้เลือกเยอะกว่า Agoda มาก เพราะรวมทุก Agency (agoda เป็น agent รายหนึ่ง) รวมทั้งถูกมาก
มีรีวิวครบ อย่างที่เวนีส โฮสเทลนั้นอยู่ไกล และการเดินทางระหว่างเกาะลำบาก ผมได้โรงแรม 2 ดาวมาในราคา
คืนละ 1,7xx บาท และที่ Hallstatt ซึ่งหาที่พักยาก ก็ได้โรงแรมในจุดที่เดินนิดเดียวราคา 2,xxx เองครับ
แนะนำเวลา จะหาโรงแรมในยุโรป อเมริกา เกาหลี และจีน เพราะถามตอนไปเดินดูบริษัทเขามาใน Dusseldorf (ตอนเรียน)
เห็นว่าตลาดในประเทศเหล่านี้ มี โรงแรมให้เลือกเยอะ และราคาถูก เข้าผ่าน
www.trivago.co.th จะคุ้นเคย
กับคนไทยมากกว่านะครับ
เดี๋ยวกลับมาต่อ เรื่อง การเดินทางจากเมืองสู่เมืองนะครับ
1b)
การเดินทาง จากเมือง สู่เมือง
แผนการเที่ยวครั้งนี้ผมเรียกว่าเที่ยว แบบ Basement คือ ไปตามเมืองใหญ่ๆและอยู่เมืองละ 2-3 วันเพื่อเที่ยวหมู่บ้านเล็กๆ
ที่อยู่ใกล้แบบ Day trip ได้และกิจกรรมในเมืองให้ครบครับ แบ่งเป็น ยานพาหนะ, แผนเที่ยว, ทำอย่างไรให้ตั๋วถูก
i) หารถไฟและรถทัวร์ด้วย
www.busradar.com
ระบบการขนส่งในยุโรปนั้นแบ่งชัดเจนเป็นสามกลุ่มตามราคาและความเร็วเลยครับ คือ เครื่องบิน>รถไฟ>รถทัวร์ แต่บอกได้เลยว่า
รถทัวร์ที่นี่ คุณภาพคับแก้วครับ ถูกและดีมีจริง internet wifi ในรถนี่แรงระดับ vdo call ได้ชัดเป๊ะ และผมจะบอกวิธี ขึ้นรถไฟ
ให้ได้ราคาถูกๆ ในตอนท้ายๆด้วยนะ ทีนี้เรามีดูวิธีหายานพาหนะระหว่างเมืองของเรากันครับ
โดย busradar นี้คนท้องถิ่นแนะนำมา มันจะหาให้เราไล่ลงไปตามเวลาครับ และเลือกชนิดได้
ว่าจะให้แสดงรถทัวร์, รถไฟ หรือทั้งสองอย่าง รถทัวร์ในยุโรปตรงเวลามาก เป็นนาทีเลย
บอกถึง 20.22 ก็ถึงป้าย 20.22 เป๊ะๆ ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่าหาป้ายลงไม่เจอ ถึงเวลาปุ๊ปลงรถปั๊ป
รถทัวร์ในย่านเยอรมัน มีสองยี่ห้อง Post bus กับ Filx bus ส่วนตัวคิดว่า Post เน็ตดีกว่านิดนึง
แต่ ใช้ Filx bus บ่อยกว่าเพราะมีครอบคลุมไปจนถึง ฝรั่งเศสเลย วิธีการง่ายมากครับ
ซื้อตั๋วผ่านเว็บ เอา smartphone โชว์ e-ticket ได้เลย ไม่ต้องปริ้น
เวลาจองดูจุดขึ้นลงรถดีๆนะครับ บางทีเมืองเดียวกัน บางคันมันไปจอด Airport จะเห็นว่าเว็บบอกจุดขึ้นลงรถด้วย
link กันแผนที่ ใน google map เลย ซึ่งการเลือกที่พักก็เอาให้ใกล้จุดขึ้นลงรถไว้ก่อนครับ
มาถึงรถไฟกันบ้าง ผมใช้บ่อยที่สุดคือ DB ย่อมาจาก Deutsch Bahn
www.bahn.de/p_en/view/index.shtml
คือรถไฟเยอรมันนั่นเอง เพราะมีครอบคลุม ยุโรป ไปถึง Netherland และ Austria ด้วย ทีนี้
วิธีการจองให้ถูก คือจองเดินทางในช่วง เที่ยงๆถึงบ่ายๆครับ เป็นตอนที่คนไม่ค่อยขึ้นกัน ตั๋วจะถูก
อีกอันนึงคือซื้อ บัตร Discount เรียกว่า 25,50,100 BahnCard
มันจะลดสูงสุด 25% ทุกเที่ยว และช่วงที่ผมไป ทาง DB มีโปรบัตรทดลองใช้ระยะสั้น 3 เดือน เลยซื้อ
Trial 3 months 25 BahnCard ราคา 19 euro แค่ส่วนลดตั๋วจาก Munich ไป Venice ก็ 9 euro เข้าไปละ
คุ้มครับงานนี้ ซึ่งเราสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ในเว็บของ DB ได้เลย โดยการลองใส่
without Bahncard สลับกับ with Bahncard 25 จะเห็นว่าราคาต่างไปเยอะเลยครับราวๆ ลดไป 15%
ตัว Bahn Card ซื้อในเว็บ DB
https://www.bahn.com/i/view/GBR/en/prices/germany/bahncard.shtml
เอาจริงๆแล้วผมขึ้นรถไฟเฉพาะเมื่องต้องการความเร็ว ในการเดินทาง ส่วนมากก็ประหยัดขึ้นรถทัวร์ครับ
นั่งสบายเหมือนกัน แถมมีเน็ตให้ใช้ด้วย ในรถไฟไม่มีนะครับ ส่วนประเทศอื่นๆ busradar ก็ยังครอบคลุมนะครับ
หาได้เหมือนกันแค่เปลี่ยนยี่ห้อรถทัวร์ และ รถไฟ อีกอย่างที่ผมสังเกตคือ
รถไฟจะไม่ได้ถูกลงมากเมื่อจองล่วงหน้า
นานๆนะครับ แต่จะมีถูกลงอีกนิดหน่อย ตอนก่อนเวลาเดินทางราวๆ 1 สัปดาห์ครับ เหมือนต้องการขายให้เต็ม
เรื่องนี้คนท้องถิ่นก็ยืนยันครับ ว่าถ้าไม่ใช่สายข้ามประเทศแบบ Eurostar จองล่วงหน้าราว 1 สัปดาห์ดีที่สุด
ii) แผนเที่ยวในแต่ละเมือง
www.visitacity.com
เพื่อนๆที่เดินทางคนเดียวมักจะมีปัญหาว่า ไม่รู้จะไปที่ไหน ตรงไหนในเมืองน่าสนใจบ้าง แนะนำเจ้านี่เลยครับ
เว็บวางแผนเที่ยว อัตโนมัติ visitacity เพียงแต่ใส่ชื่อเมืองใน ช่อง Search ก็จะมีมาให้เลือกตามใจเลยครับ
ว่าอยากได้แผนสำหรับเที่ยวกี่วัน เที่ยวสไตล์ไหน ชิวๆ เดินนานๆ หรือมากับเด็กๆ หรือรีบเอาให้ครบ
ตัวเว็บยังบอกด้วยนะครับ ว่าแต่ละที่มีประวัติอย่างไร เปิด/ปิดกี่โมง ต้องจองก่อนเข้าไหม และ แต่ละจุด
ต้องเผื่อเวลาเดินทางเท่าไหร่ ออกมาเป็นแผนสำเร็จเหมือนบริษัททัวร์พาคุณเที่ยวเลยล่ะครับ
สรุปค่าใช้จ่ายในการเดินทางด้วยรถไฟและรถทัวร์ และ ที่นอน รอบยุโรปของผมครับ
ส่วนนี้ไม่รวมช่วงเรียนนะครับ ค่าเดินทางตก 600 euro นิดๆ และ ค่าที่นอนก็ 600 euro นิดหน่อย
จริงๆแล้ว ตารางนี้มีส่วนที่ unplan แล้วผมคำนวนพลาดคือ ทริปไป mont Saint michel และ Annecy ที่ผมจอง
ฉุกละหุกมาก จองวันนี้ไปพรุ่งนี้ ทำให้ราคาแพง จริงๆแล้ว ค่าเดินทางรวมควรตกแค่ราวๆ 500 euro
และผมคิดผิดที่ นอน รร. ในเวนิสและปารีสนานเกินไป (เหลือวันว่างๆไม่รู้จะทำไร) ดังนั้น ถ้าจัดดีๆ
ค่าที่นอนและเดินทางทริปนี้ น่าจะคิดรวมเป็น 500+500=1000 euro หรือ 40,000 บาทได้ครับ
ไม่ขี้เหร่เลย สำหรับ เที่ยวเอง กว่า 2 เดือน สรุปส่วนนี้ผมใช้ไป ราวๆ 1200 euro หรือ 48,000 บาทนะครับ
exchange rate = 1 euro : 40 บาท ตีไปกลมๆ
ตัวอย่างการจัดตารางการเดินทางครับ
[CR] เล่าเรื่อง เที่ยว Backpack ยุโรป 3 เดือน 33 เมือง 7 ประเทศ งบ 2 แสนบาท #ELM6000km [กำลังเขียน]
สวัสดีครับ
เนื่องจากช่วงต้นปีที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปเรียนที่เยอรมัน จบแล้วจึงถือโอกาสวางแผนท่องเที่ยวต่อเลย
เป็นการ Backpack ตามความฝันที่ตั้งใจไว้ ว่าจะลองดูสักครั้ง จึงออกมาเป็นทริปนี้ [กำลังค่อยๆเขียนไปเรื่อยๆ]
Backpack ยุโรป 3 เดือน 33 เมือง 7 ประเทศ ในงบ 2 แสนบาท
การเดินทางนี้ส่วนใหญ่ไปคนเดียวครับ มีเพื่อนบ้างในบางช่วงของทริป
ทั้งจากการพบกันในโฮสเทล และเพื่อนที่เรียนด้วยกัน ตามแผนในภาพนี้
จริงๆ นับโดย Google map ได้ 6,984 km ครับ ผมจึงตั้ง Hashtag ใน ig
เวลาอัพรูปว่า #ELM6000km ย่อมาจากอะไร ลองทายกันดูนะครับ
ผมพบว่า ตอนนี้อะไรๆเปลี่ยนแปลงไปมาก เทคโนโลยีทำให้การเที่ยวยุโรป
คนเดียวนั้น ง่ายมากๆครับ ผมจึงตั้งกระทู้นี้เพื่อแบ่งปัน ประสบการณ์ และเครื่องมือวิธีการ
ที่ทำให้ทริป ยุโรป สนุก มีสีสัน และประหยัดมาฝากเพื่อนๆกันครับ
โดยจะแบ่งเป็น 3 ส่วนนะครับ คือ การวางแผน+งบ, ชีวิตแต่ละวัน, และเรื่องราวทั้ง 33 เมืองครับ
และทริปนี้เที่ยวสนุก กินอร่อยนะครับ นอนอุ่นนุ่มทุกคืน ไม่มีข้างทาง หรือนอนซอกตึกครับ
สบายใจได้ สาวๆก็ไปได้นะ รับรองว่าทำตามนี้ เที่ยวสนุกกินอร่อยเพื่อนเพียบทั้งทริปเลย
1. การวางแผน
ทริปนี้จริงๆคือ วางแผนไปเที่ยวไปครับ วางและจองห้อง/การเดินทางราวๆ 1 สัปดาห์ล่วงหน้า พบใกล้จะหมดแผนก็จองใหม่ วนไปเรื่อยๆครับ
การไปยุโรปครั้งนี้แบ่งเป็นสองส่วน คือ ตอนเรียน อยู่ที่เมือง Dusseldorf, Germany เป็นเวลา 1 เดือนนิดๆ และ ช่วงเดินทางรอบยุโรป อีกราว 2 เดือน
1a) หาที่หลับที่นอน แบ่งเป้น 3 กลุ่มครับ คือ ช่วงเรียน, เมืองใหญ่, หมู่บ้านเล็กๆ
i ) Airbnb : www.airbnb.com
น่าจะรู้จักกันหมดแล้ว เพราะในไทยเรา ผมว่า airbnb ค่อนข้างดังแล้ว ใช้สำหรับหาที่พักระยะยาวครับ
เพราะเนื่องจาก airbnb จะใช้บ้านคน ที่มีห้องพักเหลืออยู่ มาให้เราเช่า จึงมักจะมีที่พักราคาถูก อยู่ใกล้แหล่งอาศัย และคมนาคม สะดวก
ผมใช้ช่วงที่อยู่ใน เมือง Dusseldorf, Germany แต่ข้อเสียคือ ถ้าใกล้แหล่งท่องเที่ยวจะแพงครับ เทียบกับตัวเลือกที่สองแล้ว
จะไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสมนัก ในการเดินทางคนเดียว ข้อดีคือ อบอุ่น และใกล้ชุมชน แต่ถ้าต้องการ Facility ครบๆ จะแพงครับ
ผมได้ราคา รายเดือนมา เพราะอยู่นาน ที่ 20 euro ต่อคืน มี full kitchen ให้เลยครับ ทำให้ทำอาหารสะดวกและประหยัดได้มาก
ถ้าใครจะใช้ แนะนำ ref credit ของผมครับ เข้าเว็บผ่าน link นี้ได้เที่ยวฟรี 1,200 บาท
www.airbnb.com/c/tsukit?s=8
ii ) เมืองใหญ่ๆใช้ Hostelworld : www.hostelworld.com
เมืองใหญ่ๆ การนอนโฮสเทลจะสะดวกที่สุดครับ เพราะ ใกล้แหล่งท่องเที่ยว มีครัวพร้อม ทำไมทริปนี้ครัวจึงสำคัญมาก
จะเล่าให้ฟัง ในหัวข้อชีวิตประจำวันนะครับ หลักการหาโฮสเทลที่ดีคือ ดูคะแนน Cleanliness ยิ่งสูงยิ่งดี และอีกอันคือ
Location ควรได้เกิน 8 ทั้งสองอัน
โฮสเทลที่ดังๆจะแบ่งง่ายๆ สองกลุ่มครับ คือ เป็น Chain Hostel เหมือนเครือโรงแรมนั่นแหละครับ มีมาตราฐานคงตัว
ราคาปานกลาง ราวๆ 10-20 euro ถ้าพักยี่ห้อเดิมๆต่อเนื่อง จะได้ส่วนลด 5-10% ด้วย ที่ผมใช้บ่อยในทริปนี้คือ
Generator และ Meininger ดีต่างกันนิดหน่อย และดึกๆจะเงียบสงบเหมาะพักผ่อน อีกแบบคือ Bar Hostel ครับ
คือจะเน้นการมาพบปะสังสรรค์กันของนักเดินทาง มี Bar ในตัวเองเหล้าเบียร กับแกล้มไม่แพง แต่ข้อเสียคือ
เสียงดังยันสว่างเลยทีเดียว ที่ผมใช้แล้วชอบๆก็มี Wombats City, Ostello Bello Grande, St Christopher's Inn ครับ
เลือกโฮสเทล ที่ใกล้สถานีรถไฟ Central station เข้าไว้ครับ ในหลายๆประเทศเรียกว่า Hbf station (เฮาท์ บาน ฮอฟ)
iii ) หมู่บ้านเล็กๆ หรืออยากพักเต็มๆใช้ Trivago : www.trivago.co.th
คนไทยอาจยังไม่ค่อยรู้จัก Trivago เพราะเพิ่งเข้ามาทำตลาดไทย อธิบายง่ายๆคือเหมือน Skyscanner แต่เป็นโรงแรม
คือเป็นเว็บ Search หาที่พัก จากทุกๆ Agency มารวมไว้ให้เราที่เดียว ทั้ง Expidia, Bookin.com,Amoma,Happyroom etc.
แล้ว แสดงราคาถูกที่สุด ให้เราเลือก ซึ่ง Trivago เขาเป็นมีชื่อ ในยุโรปและอเมริกามากครับ บอกไปคนไทย เอ๋? แต่ที่นั่น
รู้จักกันหมด มีที่พักให้เลือกเยอะกว่า Agoda มาก เพราะรวมทุก Agency (agoda เป็น agent รายหนึ่ง) รวมทั้งถูกมาก
มีรีวิวครบ อย่างที่เวนีส โฮสเทลนั้นอยู่ไกล และการเดินทางระหว่างเกาะลำบาก ผมได้โรงแรม 2 ดาวมาในราคา
คืนละ 1,7xx บาท และที่ Hallstatt ซึ่งหาที่พักยาก ก็ได้โรงแรมในจุดที่เดินนิดเดียวราคา 2,xxx เองครับ
แนะนำเวลา จะหาโรงแรมในยุโรป อเมริกา เกาหลี และจีน เพราะถามตอนไปเดินดูบริษัทเขามาใน Dusseldorf (ตอนเรียน)
เห็นว่าตลาดในประเทศเหล่านี้ มี โรงแรมให้เลือกเยอะ และราคาถูก เข้าผ่าน www.trivago.co.th จะคุ้นเคย
กับคนไทยมากกว่านะครับ
เดี๋ยวกลับมาต่อ เรื่อง การเดินทางจากเมืองสู่เมืองนะครับ
1b) การเดินทาง จากเมือง สู่เมือง
แผนการเที่ยวครั้งนี้ผมเรียกว่าเที่ยว แบบ Basement คือ ไปตามเมืองใหญ่ๆและอยู่เมืองละ 2-3 วันเพื่อเที่ยวหมู่บ้านเล็กๆ
ที่อยู่ใกล้แบบ Day trip ได้และกิจกรรมในเมืองให้ครบครับ แบ่งเป็น ยานพาหนะ, แผนเที่ยว, ทำอย่างไรให้ตั๋วถูก
i) หารถไฟและรถทัวร์ด้วย www.busradar.com
ระบบการขนส่งในยุโรปนั้นแบ่งชัดเจนเป็นสามกลุ่มตามราคาและความเร็วเลยครับ คือ เครื่องบิน>รถไฟ>รถทัวร์ แต่บอกได้เลยว่า
รถทัวร์ที่นี่ คุณภาพคับแก้วครับ ถูกและดีมีจริง internet wifi ในรถนี่แรงระดับ vdo call ได้ชัดเป๊ะ และผมจะบอกวิธี ขึ้นรถไฟ
ให้ได้ราคาถูกๆ ในตอนท้ายๆด้วยนะ ทีนี้เรามีดูวิธีหายานพาหนะระหว่างเมืองของเรากันครับ
โดย busradar นี้คนท้องถิ่นแนะนำมา มันจะหาให้เราไล่ลงไปตามเวลาครับ และเลือกชนิดได้
ว่าจะให้แสดงรถทัวร์, รถไฟ หรือทั้งสองอย่าง รถทัวร์ในยุโรปตรงเวลามาก เป็นนาทีเลย
บอกถึง 20.22 ก็ถึงป้าย 20.22 เป๊ะๆ ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่าหาป้ายลงไม่เจอ ถึงเวลาปุ๊ปลงรถปั๊ป
รถทัวร์ในย่านเยอรมัน มีสองยี่ห้อง Post bus กับ Filx bus ส่วนตัวคิดว่า Post เน็ตดีกว่านิดนึง
แต่ ใช้ Filx bus บ่อยกว่าเพราะมีครอบคลุมไปจนถึง ฝรั่งเศสเลย วิธีการง่ายมากครับ
ซื้อตั๋วผ่านเว็บ เอา smartphone โชว์ e-ticket ได้เลย ไม่ต้องปริ้น
เวลาจองดูจุดขึ้นลงรถดีๆนะครับ บางทีเมืองเดียวกัน บางคันมันไปจอด Airport จะเห็นว่าเว็บบอกจุดขึ้นลงรถด้วย
link กันแผนที่ ใน google map เลย ซึ่งการเลือกที่พักก็เอาให้ใกล้จุดขึ้นลงรถไว้ก่อนครับ
มาถึงรถไฟกันบ้าง ผมใช้บ่อยที่สุดคือ DB ย่อมาจาก Deutsch Bahn www.bahn.de/p_en/view/index.shtml
คือรถไฟเยอรมันนั่นเอง เพราะมีครอบคลุม ยุโรป ไปถึง Netherland และ Austria ด้วย ทีนี้
วิธีการจองให้ถูก คือจองเดินทางในช่วง เที่ยงๆถึงบ่ายๆครับ เป็นตอนที่คนไม่ค่อยขึ้นกัน ตั๋วจะถูก
อีกอันนึงคือซื้อ บัตร Discount เรียกว่า 25,50,100 BahnCard
มันจะลดสูงสุด 25% ทุกเที่ยว และช่วงที่ผมไป ทาง DB มีโปรบัตรทดลองใช้ระยะสั้น 3 เดือน เลยซื้อ
Trial 3 months 25 BahnCard ราคา 19 euro แค่ส่วนลดตั๋วจาก Munich ไป Venice ก็ 9 euro เข้าไปละ
คุ้มครับงานนี้ ซึ่งเราสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ในเว็บของ DB ได้เลย โดยการลองใส่
without Bahncard สลับกับ with Bahncard 25 จะเห็นว่าราคาต่างไปเยอะเลยครับราวๆ ลดไป 15%
ตัว Bahn Card ซื้อในเว็บ DB https://www.bahn.com/i/view/GBR/en/prices/germany/bahncard.shtml
เอาจริงๆแล้วผมขึ้นรถไฟเฉพาะเมื่องต้องการความเร็ว ในการเดินทาง ส่วนมากก็ประหยัดขึ้นรถทัวร์ครับ
นั่งสบายเหมือนกัน แถมมีเน็ตให้ใช้ด้วย ในรถไฟไม่มีนะครับ ส่วนประเทศอื่นๆ busradar ก็ยังครอบคลุมนะครับ
หาได้เหมือนกันแค่เปลี่ยนยี่ห้อรถทัวร์ และ รถไฟ อีกอย่างที่ผมสังเกตคือ รถไฟจะไม่ได้ถูกลงมากเมื่อจองล่วงหน้า
นานๆนะครับ แต่จะมีถูกลงอีกนิดหน่อย ตอนก่อนเวลาเดินทางราวๆ 1 สัปดาห์ครับ เหมือนต้องการขายให้เต็ม
เรื่องนี้คนท้องถิ่นก็ยืนยันครับ ว่าถ้าไม่ใช่สายข้ามประเทศแบบ Eurostar จองล่วงหน้าราว 1 สัปดาห์ดีที่สุด
ii) แผนเที่ยวในแต่ละเมือง www.visitacity.com
เพื่อนๆที่เดินทางคนเดียวมักจะมีปัญหาว่า ไม่รู้จะไปที่ไหน ตรงไหนในเมืองน่าสนใจบ้าง แนะนำเจ้านี่เลยครับ
เว็บวางแผนเที่ยว อัตโนมัติ visitacity เพียงแต่ใส่ชื่อเมืองใน ช่อง Search ก็จะมีมาให้เลือกตามใจเลยครับ
ว่าอยากได้แผนสำหรับเที่ยวกี่วัน เที่ยวสไตล์ไหน ชิวๆ เดินนานๆ หรือมากับเด็กๆ หรือรีบเอาให้ครบ
ตัวเว็บยังบอกด้วยนะครับ ว่าแต่ละที่มีประวัติอย่างไร เปิด/ปิดกี่โมง ต้องจองก่อนเข้าไหม และ แต่ละจุด
ต้องเผื่อเวลาเดินทางเท่าไหร่ ออกมาเป็นแผนสำเร็จเหมือนบริษัททัวร์พาคุณเที่ยวเลยล่ะครับ
สรุปค่าใช้จ่ายในการเดินทางด้วยรถไฟและรถทัวร์ และ ที่นอน รอบยุโรปของผมครับ
ส่วนนี้ไม่รวมช่วงเรียนนะครับ ค่าเดินทางตก 600 euro นิดๆ และ ค่าที่นอนก็ 600 euro นิดหน่อย
จริงๆแล้ว ตารางนี้มีส่วนที่ unplan แล้วผมคำนวนพลาดคือ ทริปไป mont Saint michel และ Annecy ที่ผมจอง
ฉุกละหุกมาก จองวันนี้ไปพรุ่งนี้ ทำให้ราคาแพง จริงๆแล้ว ค่าเดินทางรวมควรตกแค่ราวๆ 500 euro
และผมคิดผิดที่ นอน รร. ในเวนิสและปารีสนานเกินไป (เหลือวันว่างๆไม่รู้จะทำไร) ดังนั้น ถ้าจัดดีๆ
ค่าที่นอนและเดินทางทริปนี้ น่าจะคิดรวมเป็น 500+500=1000 euro หรือ 40,000 บาทได้ครับ
ไม่ขี้เหร่เลย สำหรับ เที่ยวเอง กว่า 2 เดือน สรุปส่วนนี้ผมใช้ไป ราวๆ 1200 euro หรือ 48,000 บาทนะครับ
exchange rate = 1 euro : 40 บาท ตีไปกลมๆ
ตัวอย่างการจัดตารางการเดินทางครับ