….จาก ต้นไทร ต้นตะเคียน ถึงดวงดาวและดวงจันทร์บนฟากฟ้า....by วัชรานนท์

กระทู้สนทนา
พาลูกและภรรยาตะลอนๆ เที่ยวทั่วไทย   นึกในใจอยู่ว่าลูกคงต้องถามเรื่องผ้าหลากสีที่ผูกโอบต้นไทรเพราะเห็นผ่านตาบ่อยๆ   เตรียมใจไว้ล่วงหน้าถ้าลูกถาม...คงต้องอธิบายกันยืดยาวแน่ๆ ถ้าไม่ถามก็รอดตัวไป....คืนที่ผ่านมาทั้งลูกทั้งพ่อทั้งแม่นอนกันไม่หลับ  เรื่องผ้าที่โอบต้นไทรก็ถูกถามขึ้นมา    ทำไม?   ผมตอบแย๊ปๆ ไปก่อนว่า  มันเป็นความเชื่อน่ะลูกว่าเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์มีรุกขเทวดาสิงอยู่    แค่ตอบเริ่มต้นเบาๆ แค่นั้น.....โดนยิงคำถามรัวกลับเป็นชุด  ทำไม?  รุกขเทวดามาจากไหน?  เป็นหญิงหรือชาย? รุกขเทวดามาก่อนหรือว่าต้นไทรมาก่อน? ฯลฯ   ครั้นจะเลี่ยงตอบ   ก็กลัวสายตาแม่ของเด็กที่มองตาเขม็งอยู่    “งานเข้าแล้วไหมล่ะกรู”??


นู่นเลย...ต้องอ้างไปถึงความเชื่อทางฮินดูเป็นพันๆ ปีมานู่นเลย   เด็กและแม่เด็กมันจะเถียงไม่ได้ 5555  ชาวพราหมณ์แต่ก่อนเชื่อว่าสรรพสิ่งล้วนมีเทพสิงสถิตย์อยู่   เทพในฮินดูจึงมีมากมายก่ายกอง  ก่อนจะตัดทอนลงมาเหลือสามองค์คือพระพรม  วิษณุ ศิวะ   กระนั้นความเชื่อเรื่องเทพสิงสถิตย์ในสรรพสิ่งก็ยังหลงเหลืออยู่   สถานะก็ถูกลดฐานะจากเทพมามาป็นเจ้าพ่อ และเจ้าแม่บ้าง   เช่นเจ้าพ่อไทร  เจ้าแม่ไทร   เจ้าแม่ตะเคียน(ไม่มีเจ้าพ่อตะเคียนแฮะ)  เจ้ามีตานี ฯลฯ  กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องสักการะ  การถวายผ้าอันปราณีตแก่เจ้าพ่อเจ้าแม่ก็เป็นพิธีกรรมทางพราหมณ์ที่ตกทอดมาถึงเราคนไทยที่รับเอาพราหมณ์ก่อนพุทธ


และความเชื่อตรงนี้ขยายวงกว้างมาถึงคนด้วย โดยมีการนำความเชื่อตรงนี้ปรับเข้าสู่ระบบปกครองและวิถีชีวิตของชุมชน  เช่นว่าการยกย่องหรือสถาปนาผู้นำชุมชนให้เป็นเสมือนหนึ่งเทพหรือที่เรียกว่า “สมมุติเทพ” และจากนี้นี่เองกลายเป็นศูนย์รวมและยึดเหนี่ยวชุมชนให้แข็งแกร่งเป็นปึกแผ่นของชาติไทย(แต่ก็มีบ้างบางครั้งบางคราวที่เป็นเสมือนดาบสองคม)


ย้อนกลับมาที่ต้นไทร.....ต้นไทรกลายเป็นที่เคารพสักการะสำหรับคนไทยตอนไหนผมไม่ทราบจริงๆ   รับรู้จากผู้ใหญ่ว่าเวลาเดินผ่านต้องยกมือไหว้   ผมสังเกตุว่าต้นไทรนั้นก็มี “ศักดินา” ไม้แพ้คน   บางต้นไม่มีผ้าแดงโอบล้อม (เดินผ่านเฉยๆ ก็ไม่น่าจะเป็นอะไร)  บางต้นมีผ้าเหลืองผ้าแดงโอบประปราย(เดินผ่านยกมือไหว้สักหน่อยก็ไม่เสียหลาย)  บางต้นผ้าหลากสีโยงระย้าเต็มไปหมด(ต้องยกมือพร้อมน้อมโค้งไหว้กันทีเดียว) บางต้นมีทั้งผ้าหลากสีแถมมีศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่ไทรเล็กๆ ปลูกไว้ใต้ต้น(อันนี้เดินผ่านและน้อมโค้งไหว้เฉยๆ ไม่ได้แล้ว ต้องคุกเข่ากราบแทบพื้นเชียวนะ)    ...ก็อย่างนี้แหละ  ติดยศติดศักดิ์ให้คนด้วยกันไม่พอ   ยังอุตริเที่ยวไปติดยศติดศักดิ์ให้ต้นไม้ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ให้คนอื่นหลงกราบไหว้  จากต้นไทรธรรมดาๆ ก็เป็นเจ้าพ่อไทร  เจ้าแม่ไทร   นี่ถ้าต้นไทรเป็นลักเพศ จะไม่เรียกเจ้ากระเทยไทรกันเลยรึ??


ต้นตะเคียนนี่ก็เหมือนกัน  มีหลายระดับเชียวนา....ตะเคียนธรรมดาๆ ก็ต้องกราบไหว้กันจ้าละหวั่น   ถ้าเป็นตะเคียนทองนี่กราบไหว้ก็ผงกๆ เลยล่ะ   ยิ่งถ้าเป็นตะเคียนที่ฝังอยุ่ใต้น้ำเป็นสิบปี  ร้อยปี   ต้องถึงกับสร้างหอสร้างศาลาไว้กราบไหว้กันทีเดียว


เอาแค่เรื่องบนดิน....เราก็อุปโลกน์  มโน  และสร้างอุปทานกันขึ้นมาเพื่อกราบไหว้กันอย่างเมามัน   ป่วยการที่จะพูดถึงเรื่องบนท้องฟ้า  ราหูอมจันทร์  จันทรุคราส สุริยปราคา  ดาวมฤตยู   ดาวศุกร์เข้า  ดาวเสาร์แทรก   สะเก็ดดาว  อะไรต่อมิอะไรที่เรางมงายกราบไหว้กันไม่เว้นวัน   แม้แต่จอมปลวก!!


พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดแท้ๆ บางคนไม่กราบไหว้  แถมก็เตะถีบให้เห็นก็มี  หรือฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาลกันได้อย่างไม่อายก็มี......เรามาถึงจุดนี้นานแล้ว  ไม่ใช่พึ่งจะมาถึงจุดนี้(ได้อย่างไร?)...แต่ที่อยากจะถามก็คือ  “เราจะออกจากจุดนี้ได้อย่างไร?"
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่