สิ่งที่น่ากังวลก่อน คือ เรากับญี่ปุ่นนั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมานาน
ถ้าญี่ปุ่นมีปัญหา เราก็มีปัญหาด้วย เพราะเค้ามาลงทุนตั้งฐานการผลิต โรงงานในบ้านเราเยอะเหมือนกัน
สภาพสังคมผู้สูงอายุในอนาคต อันนี้รู้กันดีว่า คล้ายกัน
แต่สิ่งนึงที่ไม่เหมือนกันคือ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว
สิ่งที่เสียเปรียบของประเทศที่พัฒนาแล้ว คือ ไม่รู้ว่าจะพัฒนาได้อีก
ในอดีตญี่ปุ่นมีการพัฒนาการขนส่งระบบรางจนถือว่าดีที่สุดแห่งนึงของโลก
แต่ในปัจจุบัน น่าจะถึงจุดอิ่มตัว แม้จะยังพัฒนาไม่ครบทุกที แต่ทางหลักๆก็ไม่มีอะไรให้สร้างเพิ่มแล้วนอกจากปรับปรุง
นี่ยังไม่รวมถึงต้นทุน ค่าครองชีพ ภาระคชจ.ของภาครัฐที่เป็นรัฐสวัสดิการ (ประเทศพัฒนาแล้วจะดูแลคนของเค้าดี สวัสดิการจะดี)ที่สูงกว่าประเทศเรา
ความพิถีพิถัน ความละเอียดรอบคอบ ทุกๆอย่างมีต้นทุน แม้จะได้ของดี แต่มีต้นทุนที่สูง
อยากได้บ้านเมืองสะอาด สวยงาม ก็ต้องจ่ายแพง
พูดง่ายๆคือ ถ้าญี่ปุ่นยังอยากรักษามาตรฐานของประเทศไว้ระดับสูง ญี่ปุ่นต้องยอมจ่ายแพง
ซึ่งถ้าคนที่มีวินัยทางการเงิน เมื่อรู้ตัวว่า รายได้ตัวเองเริ่มลดลง จะใช้วิธีลดคชจ.ให้สอดคล้องกัน
ปัญหาคือ นี่เป็นประเทศ มันทำไม่ได้ง่ายๆ
รัฐสวัสดิการกำลังเป็นดาบสองคมสำหรับประเทศพัฒนาแล้วในอนาคตขึ้นเรื่อยๆ
ในขณะที่ประเทศเรา ก็คงเรียกว่า โชคดีในโชคร้ายที่ยังเป็นประเทศกำลังพัฒนา
มันเลยมีสิ่งให้ภาครัฐพัฒนาได้อยู่อย่างระบบราง
สวัสดิการก็คชจ.ต่ำกว่า
ปัญหาที่สำคัญของประเทศเรา คือ คุณภาพการศึกษา วินัยของคนในประเทศ
แค่ปัญหาที่ว่า ถ้าต้องใช้เวลาในการแก้ไขอีก 10 ปีได้เลยมั้งครับ
ผมมีมุมมองใหม่เกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยว่า เรายังโชคดีกว่าญี่ปุ่น
ถ้าญี่ปุ่นมีปัญหา เราก็มีปัญหาด้วย เพราะเค้ามาลงทุนตั้งฐานการผลิต โรงงานในบ้านเราเยอะเหมือนกัน
สภาพสังคมผู้สูงอายุในอนาคต อันนี้รู้กันดีว่า คล้ายกัน
แต่สิ่งนึงที่ไม่เหมือนกันคือ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว
สิ่งที่เสียเปรียบของประเทศที่พัฒนาแล้ว คือ ไม่รู้ว่าจะพัฒนาได้อีก
ในอดีตญี่ปุ่นมีการพัฒนาการขนส่งระบบรางจนถือว่าดีที่สุดแห่งนึงของโลก
แต่ในปัจจุบัน น่าจะถึงจุดอิ่มตัว แม้จะยังพัฒนาไม่ครบทุกที แต่ทางหลักๆก็ไม่มีอะไรให้สร้างเพิ่มแล้วนอกจากปรับปรุง
นี่ยังไม่รวมถึงต้นทุน ค่าครองชีพ ภาระคชจ.ของภาครัฐที่เป็นรัฐสวัสดิการ (ประเทศพัฒนาแล้วจะดูแลคนของเค้าดี สวัสดิการจะดี)ที่สูงกว่าประเทศเรา
ความพิถีพิถัน ความละเอียดรอบคอบ ทุกๆอย่างมีต้นทุน แม้จะได้ของดี แต่มีต้นทุนที่สูง
อยากได้บ้านเมืองสะอาด สวยงาม ก็ต้องจ่ายแพง
พูดง่ายๆคือ ถ้าญี่ปุ่นยังอยากรักษามาตรฐานของประเทศไว้ระดับสูง ญี่ปุ่นต้องยอมจ่ายแพง
ซึ่งถ้าคนที่มีวินัยทางการเงิน เมื่อรู้ตัวว่า รายได้ตัวเองเริ่มลดลง จะใช้วิธีลดคชจ.ให้สอดคล้องกัน
ปัญหาคือ นี่เป็นประเทศ มันทำไม่ได้ง่ายๆ
รัฐสวัสดิการกำลังเป็นดาบสองคมสำหรับประเทศพัฒนาแล้วในอนาคตขึ้นเรื่อยๆ
ในขณะที่ประเทศเรา ก็คงเรียกว่า โชคดีในโชคร้ายที่ยังเป็นประเทศกำลังพัฒนา
มันเลยมีสิ่งให้ภาครัฐพัฒนาได้อยู่อย่างระบบราง
สวัสดิการก็คชจ.ต่ำกว่า
ปัญหาที่สำคัญของประเทศเรา คือ คุณภาพการศึกษา วินัยของคนในประเทศ
แค่ปัญหาที่ว่า ถ้าต้องใช้เวลาในการแก้ไขอีก 10 ปีได้เลยมั้งครับ