คุณรู้ไหม “หนังสือ คือ สินทรัพย์” ที่สร้างรายได้ ไม่จำกัดให้คุณ
และตัวคุณเองก็สามารถสร้างเงินล้าน จากงานเขียนได้เช่นกัน ถ้ารู้วิธี โดยผมขอแชร์จากประสบการณ์ตรงของตัวเองต่อไปนี้ครับ
ผมชื่อ “เรือรบ” ตลอด10 ปีที่ผ่านมา ผมทำงานประจำไปด้วย และเขียนหนังสือไปด้วย ผมเองเป็นนักเขียนทั่วๆไปคนหนึ่ง ที่แม้มีผลงานตีพิมพ์หนังสือมาแล้ว 4 เล่ม แต่ก็ไม่เคยติด Best Seller อาจจะเรียกผมว่านักเขียนไส้แห้งก็ได้ เพราะเขียนหนังสือแต่ละเล่ม ใช้เวลาเป็นปี ได้เงินค่าเหนื่อยไม่กี่หมื่นบาทต่อเล่มเท่านั้น ที่ยังทำอยู่ เพราะใจรักในงานเขียนและอยากแบ่งปันสิ่งดีๆให้คนอ่าน
แต่จุดเปลี่ยนในชีวิตคือ เมื่อเดือน ส.ค.57 ผมมีโอกาสไปเข้าอบรมกับอาจารย์นักเขียน International Bestseller ชาวแคนาดา ท่านได้สอนเคล็ดลับในการเขียนหนังสืออย่างรวดเร็ว และวิธีสร้างรายได้จากหนังสือ มากไปกว่าค่าลิขสิทธิ์ ที่ผมและนักเขียนทั่วไปไม่เคยรู้
ผมรู้สึกตื่นเต้นมากๆและดีใจสุดๆ พอจบออกมา ก็รีบลงมือทำทันที
ผลลัพธ์ที่ได้ หนังสือเล่มล่าสุดของผม สามารถลดเวลาเขียนลงเหลือเพียง 2 เดือนและได้ตีพิมพ์ในเดือนที่ 3 และ “สร้างยอดขายกว่า 1 ล้านบาทในระยะเวลาเพียง 6 เดือน” ผมทำได้อย่างไร ?
เคล็ดลับก็คือ ผมรู้วิธีผ่อนแรงในการเขียน ทำให้เขียนจบได้เร็วขึ้น 7 เท่า
และรู้วิธีทำให้มีรายได้จากหนังสือมากขึ้น 7 เท่า ด้วยการทำสิ่งเดิม แต่ด้วย “วีธีการใหม่”
ผมเขียนบทความนี้ เพราะอยากเห็นหลายๆคนที่ตั้งใจ มีฝันอยากเป็นนักเขียน ทำได้เช่นกัน ซึ่งในวันนี้ผมจะมาแบ่งปันเคล็ดลับทั้ง 5 ข้อนั้น ให้กับคุณ
1.เปลี่ยนทัศนคติของคุณ ให้เป็นนักเขียน
คนทั่วไปคิดว่า จะเขียนหนังสือทั้งที จะเขียนเรื่องอะไร ที่จะขายดี จะได้มีเงินเยอะๆ ซึ่งนี่ไม่ใช่ความคิดของนักเขียน
นักเขียนจะมีทัศนคติว่า ทำอย่างไรจะสร้างคุณค่าให้ผู้คน ด้วยหนังสือของตน เค้าจะคิดว่าจะเขียนหนังสือเรื่องอะไร ที่ช่วยแก้ปัญหา ให้ประโยชน์กับคนได้มากที่สุด
Tips: คุณต้องเริ่มจากถามตัวเองว่า อะไรที่คุณเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ ที่สามารถสร้างประโยชน์ให้กับผู้คนได้ นั่นแหละหัวข้อหนังสือของคุณ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
2. ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไร คุณต้องใช้หนังสือในการสร้างแบรนด์
หลายคนคิดว่า ลงทุนกับการพิมพ์หนังสือ หรือใช้เวลากับการเขียนหนังสือ อาจได้รายได้นิดเดียว ไม่คุ้มค่ากับเวลาและการลงทุน
สิ่งที่สำคัญที่สุด ที่คุณควรรู้คือรายได้หลักของนักเขียน ไม่ได้มาจากหนังสือ แต่มาจากโอกาสใหม่ๆ มีรายได้ที่ไม่คาดฝัน ได้มาเพราะมีคนอ่านหนังสือของเรา ไม่ว่าคุณจะทำอาชีพอะไร ธุรกิจอะไร หนังสือจะเป็นใบเบิกทางพิเศษ เป็นนามบัตรสีทอง ที่จะทำให้คุณก้าวขึ้นมาอยู่แถวหน้าของวงการในระยะเวลาอันรวดเร็ว คุณจะโดดเด่นและแตกต่างจากคู่แข่งและคนอื่นๆทันที
ในอดีต 10 ปีที่แล้ว ผมเป็นข้าราชการประจำ มีรายได้ไม่ถึงหมื่นต่อเดือน ผมใช้เวลาว่างเขียนหนังสือไปด้วย พอได้ตีพิมพ์เป็นเล่ม ปรากฎว่าได้รับเชิญไปเป็นคอลัมนิสต์ประจำ มีรายได้เพิ่มขึ้น ผ่านไปไม่นาน ก็มีคนเชิญเป็นวิทยากรบรรยาย มีรายได้ต่อวัน มากกว่าทำงานประจำทั้งเดือน! ในที่สุดวันนี้ ก็สามารถลาออกมาทำสิ่งที่รักได้เต็มตัว
ซึ่งผมมั่นใจว่า ผมไม่ได้เก่งกว่าใครๆหรือไม่ได้โชคดี แต่สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น เพราะลูกค้าได้อ่านหนังสือของผม แล้วประทับใจ จึงสร้างโอกาสใหม่ๆที่ไม่คาดฝันให้กับผม มาจนถึงทุกวันนี้
Tips: การที่คุณมีหนังสือ คือการสร้าง Personal Branding ซึ่งจะทำให้ธุรกิจและตัวคุณเอง โดดเด่นกว่าใคร
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
3. อย่ารับรายได้ แค่ค่าลิขสิทธิ์
นักเขียนทั่วไป เมื่อเขียนต้นฉบับจบแล้ว พยายามไปหาสำนักพิมพ์ ว่าใครจะยอมตีพิมพ์ให้ ไม่รู้คุณทราบหรือเปล่า ว่ารายได้ของนักเขียนทั่วไป คือค่าลิขสิทธิ์ เท่ากับ 10% ของยอดพิมพ์ หรือบางที่ก็ให้เท่ายอดที่จำหน่ายได้ นึกภาพง่ายๆว่า หนังสือราคา 200 บาท นักเขียนจะได้ค่าเหนื่อย 20 บาท ถ้าพิมพ์ 3,000 เล่มมาตรฐาน ก็ได้เงินเต็มที่ 60,000 บาท ทั้งที่เขียนแทบตาย ซึ่งนี่ทำให้หลายคนไม่อยากเขียน เพราะคิดว่ามันน้อยเกินไป
วิธีแก้ในเรื่องนี้ หากคุณต้องการรับรายได้เต็มๆ คุณต้องตีพิมพ์เอง หรือที่เรียกว่า Self Publishing ผมเองก็เคยคิดว่าเรื่องนี้ยาก แต่ลองสังเกตนักเขียนชื่อดังหลายๆท่านที่คุณชอบ เขาเหล่านั้นเปิดสำนักพิมพ์ของตัวเอง พิมพ์เอง ขายเอง รวยเองกันทั้งนั้น
พอผมได้ไอเดียนี้ ก็ไปลองทำ ก็ปรากฏว่าง่ายกว่าที่คิด ค่าการลงทุนในการออกแบบหนังสือและจัดพิมพ์นั้น คิดเป็น 25-30% ของทั้งหมด ดังนั้น ถ้าเราสามารถขายเองได้โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นผ่านเวบ หรือเฟสบุ๊ค ก็จะมีรายได้ถึง 75% นี่เป็นที่มาของรายได้ 6 หลักขึ้นไปต่อหนังสือเพียงเล่มเดียว ซึ่งรายละเอียดในเรื่องนี้ ผมจะอธิบายในโอกาสต่อไป
แต่ตอนนี้ สิ่งสำคัญอันดับแรก ที่คุณต้องทำให้ได้ก่อนคือ เขียนต้นฉบับแรกให้เสร็จเท่านั้น
Tips: คุณสามารถสร้างรายได้หลักแสนขึ้นไป ต่อหนังสือ 1 เล่ม ด้วยการเป็น Self Publishing
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
4. รู้วิธีผ่อนแรงในการเขียน
พูดถึงเรื่องเขียน ก็เป็นยาขมสำหรับคนส่วนใหญ่ แม้จะมีความเก่ง มีประสบการณ์เชี่ยวชาญในการทำงาน มีสิ่งที่อยากส่งต่อให้คนอื่น แต่อุปสรรคส่วนใหญ่ ที่คนทั่วไปไม่สามารถสร้างรายได้จากธุรกิจหนังสือ เพราะไม่ชอบเขียน สำนวนไม่ดี ไม่มีเวลา
วิธีแก้ในเรื่องนี้ ถ้าไม่ชอบเขียนจริงๆ ก็ไม่ต้องเขียนครับ มีวิธีผ่อนแรงสุดๆ 3 ขั้นตอน ที่ผมใช้แล้วเวิร์คมาก เหมาะสำหรับคนทำ Self Publishing นะครับ
ขั้นที่ 1 อัดคลิปเสียง อยากจะพูดบรรยายอะไรก็เต็มที่เลย เชื่อมั้ยถ้าอัดที่เราพูด 2-3 ชม. ก็จะได้เนื้อหาเท่ากับหนังสือ 1 เล่มแล้ว
ขั้นที่ 2 ถอดเทป ให้นักศึกษาถอดเทป พิมพ์มาเป็นไฟล์เวิร์ด ไม่เกิน 2-3 สัปดาห์ก็เสร็จ ได้ต้นฉบับแรกมา 60-70 หน้า ประหยัดเวลาได้เยอะ
ขั้นที่ 3 จ้างทีม บก.มืออาชีพ ช่วยเรียบเรียง ปรับปรุงต้นฉบับของเรา ใช้เงิน 2-3 หมื่นบาท ก็ได้ต้นฉบับที่สมบูรณ์สวยงาม คำสวย เขียนถูกเป๊ะ
ถ้าใช้วิธีที่แนะนำ ออกหนังสือ 1 เล่ม ตั้งแต่เริ่มเขียนจนพิมพ์เสร็จ ใช้เวลาไม่เกิน 2-3 เดือนเท่านั้น เมื่อนับเงินลงทุนเทียบกับเวลา ผมว่าคุ้มสุดๆ
ดังนั้น ถ้าคุณมี Content ที่มีประโยชน์ แต่ไม่มีเวลา เขียนไม่เก่ง หรือไม่ชอบเขียน ก็จัดเลยครับ หนังสือเสร็จรวดเร็วแน่นอน แต่ถ้าใครไม่มีเงินลงทุนตรงนี้ ก็ผ่านไปก่อน คุยกันต่อข้อต่อไป
Tips: เขียนไม่เก่ง สำนวนไม่ดี ไม่มีเวลา ไม่ใช่ปัญหา ขอแค่มีเนื้อหาดีๆ คุณก็มีหนังสือของตัวเองได้แน่นอน
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
5. รู้วิธีขายได้ ตั้งแต่ยังไม่ตีพิมพ์
มาถึงข้อสุดท้าย หลายคนบอกว่า เรื่องเขียนไม่ใช่ปัญหา แต่จะทำธุรกิจหนังสือ ยังไงก็ต้องใช้เงิน แต่พอไม่มีเงินทุน ไม่รู้จักสำนักพิมพ์ ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
วิธีแก้ในเรื่องนี้ง่ายกว่าที่คิด สำหรับคนที่ไม่มีทุนเลยก็สามารถทำได้ แต่จะใช้เวลาสักนิด โชคดีที่เราอยู่ในยุค Social Media เราสามารถสร้างแฟนเพจในเฟสบุ๊ค แล้วทยอยโพสต์บทความเป็นระยะๆ พอมีแฟนๆเข้ามาอ่าน และคอมเม้นท์ เราก็จะได้พัฒนาเนื้อหาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ หรือบางคนอาจจะเปิดบล็อคและเขียนบทความทุกสัปดาห์ก็ได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่มีค่าใช้จ่าย
จากนั้นขั้นที่สอง ถ้าคุณให้คุณค่ากับผู้อ่านผ่านบทความอย่างดี ไม่นานก็จะมีคนตามระดับหนึ่ง ถึงตอนนั้นก็ออกแบบปกหนังสือ แล้วรวบรวมบทความย้อนหลัง มาทำเป็น PDF file แปลงให้เป็น Ebook ขาย แบบนี้รับรองว่า มีคนซื้อล่วงหน้าตั้งแต่ยังไม่ได้ตีพิมพ์ แล้วเราค่อยเอาเงินจากอีบุ๊ค มาตีพิมพ์หนังสืออีกที
ข้อดีคือ ตอนนี้หลายๆคนก็มีแฟนเพจ หรือมี blog โพสต์บทความทุกๆวันอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่เคยคิดที่จะรวบรวมให้เป็นหนังสือ ไม่ต้องกลัวว่าแฟนๆจะว่านะครับ ถ้าคุณรวมเล่ม แฟนๆยิ่งชอบและอยากซื้อ เพราะเค้าจะได้อ่านได้ง่ายกว่าไปย้อนไล่ดูทีละโพสต์ อ่านมาถึงตรงนี้ ผมก็เชื่อว่า หลายๆคนเห็นโอกาส และพร้อมที่จะมีหนังสือแล้วใช่มั้ยครับ ลุย !!!
Tips: เมื่อเขียนต้นฉบับเสร็จ ให้ออก Ebook เพื่อดูกระแส ก่อนที่จะตีพิมพ์จริง
เชื่อว่าหลายๆคน ยังมีคำถามอยู่ในใจมากมาย แต่บทความในซีรียส์นี้มี 3 ตอน ตอนหน้าเป็นตอนสุดท้าย ผมจะไขข้อข้องใจของคุณว่า ทำไมคนทั่วไปถึงไม่สามารถเขียนหนังสือได้จบเล่ม เพื่อ “ลบล้าง 5 ความเชื่อผิดๆ ที่ขัดขวาง ไม่ให้คุณเป็นนักเขียน” คอยติดตามนะครับ
บทความโดย เรือรบ โค้ชนักเขียนมือโปร
ติดตามบทความพร้อมพูดคุยกับคุณเรือรบได้ ที่
https://web.facebook.com/ruarob/
เผย 5 เคล็ดลับ รวยเงินล้านจากการเขียน
และตัวคุณเองก็สามารถสร้างเงินล้าน จากงานเขียนได้เช่นกัน ถ้ารู้วิธี โดยผมขอแชร์จากประสบการณ์ตรงของตัวเองต่อไปนี้ครับ
ผมชื่อ “เรือรบ” ตลอด10 ปีที่ผ่านมา ผมทำงานประจำไปด้วย และเขียนหนังสือไปด้วย ผมเองเป็นนักเขียนทั่วๆไปคนหนึ่ง ที่แม้มีผลงานตีพิมพ์หนังสือมาแล้ว 4 เล่ม แต่ก็ไม่เคยติด Best Seller อาจจะเรียกผมว่านักเขียนไส้แห้งก็ได้ เพราะเขียนหนังสือแต่ละเล่ม ใช้เวลาเป็นปี ได้เงินค่าเหนื่อยไม่กี่หมื่นบาทต่อเล่มเท่านั้น ที่ยังทำอยู่ เพราะใจรักในงานเขียนและอยากแบ่งปันสิ่งดีๆให้คนอ่าน
แต่จุดเปลี่ยนในชีวิตคือ เมื่อเดือน ส.ค.57 ผมมีโอกาสไปเข้าอบรมกับอาจารย์นักเขียน International Bestseller ชาวแคนาดา ท่านได้สอนเคล็ดลับในการเขียนหนังสืออย่างรวดเร็ว และวิธีสร้างรายได้จากหนังสือ มากไปกว่าค่าลิขสิทธิ์ ที่ผมและนักเขียนทั่วไปไม่เคยรู้
ผมรู้สึกตื่นเต้นมากๆและดีใจสุดๆ พอจบออกมา ก็รีบลงมือทำทันที
ผลลัพธ์ที่ได้ หนังสือเล่มล่าสุดของผม สามารถลดเวลาเขียนลงเหลือเพียง 2 เดือนและได้ตีพิมพ์ในเดือนที่ 3 และ “สร้างยอดขายกว่า 1 ล้านบาทในระยะเวลาเพียง 6 เดือน” ผมทำได้อย่างไร ?
เคล็ดลับก็คือ ผมรู้วิธีผ่อนแรงในการเขียน ทำให้เขียนจบได้เร็วขึ้น 7 เท่า
และรู้วิธีทำให้มีรายได้จากหนังสือมากขึ้น 7 เท่า ด้วยการทำสิ่งเดิม แต่ด้วย “วีธีการใหม่”
ผมเขียนบทความนี้ เพราะอยากเห็นหลายๆคนที่ตั้งใจ มีฝันอยากเป็นนักเขียน ทำได้เช่นกัน ซึ่งในวันนี้ผมจะมาแบ่งปันเคล็ดลับทั้ง 5 ข้อนั้น ให้กับคุณ
1.เปลี่ยนทัศนคติของคุณ ให้เป็นนักเขียน
คนทั่วไปคิดว่า จะเขียนหนังสือทั้งที จะเขียนเรื่องอะไร ที่จะขายดี จะได้มีเงินเยอะๆ ซึ่งนี่ไม่ใช่ความคิดของนักเขียน
นักเขียนจะมีทัศนคติว่า ทำอย่างไรจะสร้างคุณค่าให้ผู้คน ด้วยหนังสือของตน เค้าจะคิดว่าจะเขียนหนังสือเรื่องอะไร ที่ช่วยแก้ปัญหา ให้ประโยชน์กับคนได้มากที่สุด
Tips: คุณต้องเริ่มจากถามตัวเองว่า อะไรที่คุณเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ ที่สามารถสร้างประโยชน์ให้กับผู้คนได้ นั่นแหละหัวข้อหนังสือของคุณ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
2. ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไร คุณต้องใช้หนังสือในการสร้างแบรนด์
หลายคนคิดว่า ลงทุนกับการพิมพ์หนังสือ หรือใช้เวลากับการเขียนหนังสือ อาจได้รายได้นิดเดียว ไม่คุ้มค่ากับเวลาและการลงทุน
สิ่งที่สำคัญที่สุด ที่คุณควรรู้คือรายได้หลักของนักเขียน ไม่ได้มาจากหนังสือ แต่มาจากโอกาสใหม่ๆ มีรายได้ที่ไม่คาดฝัน ได้มาเพราะมีคนอ่านหนังสือของเรา ไม่ว่าคุณจะทำอาชีพอะไร ธุรกิจอะไร หนังสือจะเป็นใบเบิกทางพิเศษ เป็นนามบัตรสีทอง ที่จะทำให้คุณก้าวขึ้นมาอยู่แถวหน้าของวงการในระยะเวลาอันรวดเร็ว คุณจะโดดเด่นและแตกต่างจากคู่แข่งและคนอื่นๆทันที
ในอดีต 10 ปีที่แล้ว ผมเป็นข้าราชการประจำ มีรายได้ไม่ถึงหมื่นต่อเดือน ผมใช้เวลาว่างเขียนหนังสือไปด้วย พอได้ตีพิมพ์เป็นเล่ม ปรากฎว่าได้รับเชิญไปเป็นคอลัมนิสต์ประจำ มีรายได้เพิ่มขึ้น ผ่านไปไม่นาน ก็มีคนเชิญเป็นวิทยากรบรรยาย มีรายได้ต่อวัน มากกว่าทำงานประจำทั้งเดือน! ในที่สุดวันนี้ ก็สามารถลาออกมาทำสิ่งที่รักได้เต็มตัว
ซึ่งผมมั่นใจว่า ผมไม่ได้เก่งกว่าใครๆหรือไม่ได้โชคดี แต่สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น เพราะลูกค้าได้อ่านหนังสือของผม แล้วประทับใจ จึงสร้างโอกาสใหม่ๆที่ไม่คาดฝันให้กับผม มาจนถึงทุกวันนี้
Tips: การที่คุณมีหนังสือ คือการสร้าง Personal Branding ซึ่งจะทำให้ธุรกิจและตัวคุณเอง โดดเด่นกว่าใคร
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
3. อย่ารับรายได้ แค่ค่าลิขสิทธิ์
นักเขียนทั่วไป เมื่อเขียนต้นฉบับจบแล้ว พยายามไปหาสำนักพิมพ์ ว่าใครจะยอมตีพิมพ์ให้ ไม่รู้คุณทราบหรือเปล่า ว่ารายได้ของนักเขียนทั่วไป คือค่าลิขสิทธิ์ เท่ากับ 10% ของยอดพิมพ์ หรือบางที่ก็ให้เท่ายอดที่จำหน่ายได้ นึกภาพง่ายๆว่า หนังสือราคา 200 บาท นักเขียนจะได้ค่าเหนื่อย 20 บาท ถ้าพิมพ์ 3,000 เล่มมาตรฐาน ก็ได้เงินเต็มที่ 60,000 บาท ทั้งที่เขียนแทบตาย ซึ่งนี่ทำให้หลายคนไม่อยากเขียน เพราะคิดว่ามันน้อยเกินไป
วิธีแก้ในเรื่องนี้ หากคุณต้องการรับรายได้เต็มๆ คุณต้องตีพิมพ์เอง หรือที่เรียกว่า Self Publishing ผมเองก็เคยคิดว่าเรื่องนี้ยาก แต่ลองสังเกตนักเขียนชื่อดังหลายๆท่านที่คุณชอบ เขาเหล่านั้นเปิดสำนักพิมพ์ของตัวเอง พิมพ์เอง ขายเอง รวยเองกันทั้งนั้น
พอผมได้ไอเดียนี้ ก็ไปลองทำ ก็ปรากฏว่าง่ายกว่าที่คิด ค่าการลงทุนในการออกแบบหนังสือและจัดพิมพ์นั้น คิดเป็น 25-30% ของทั้งหมด ดังนั้น ถ้าเราสามารถขายเองได้โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นผ่านเวบ หรือเฟสบุ๊ค ก็จะมีรายได้ถึง 75% นี่เป็นที่มาของรายได้ 6 หลักขึ้นไปต่อหนังสือเพียงเล่มเดียว ซึ่งรายละเอียดในเรื่องนี้ ผมจะอธิบายในโอกาสต่อไป
แต่ตอนนี้ สิ่งสำคัญอันดับแรก ที่คุณต้องทำให้ได้ก่อนคือ เขียนต้นฉบับแรกให้เสร็จเท่านั้น
Tips: คุณสามารถสร้างรายได้หลักแสนขึ้นไป ต่อหนังสือ 1 เล่ม ด้วยการเป็น Self Publishing
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
4. รู้วิธีผ่อนแรงในการเขียน
พูดถึงเรื่องเขียน ก็เป็นยาขมสำหรับคนส่วนใหญ่ แม้จะมีความเก่ง มีประสบการณ์เชี่ยวชาญในการทำงาน มีสิ่งที่อยากส่งต่อให้คนอื่น แต่อุปสรรคส่วนใหญ่ ที่คนทั่วไปไม่สามารถสร้างรายได้จากธุรกิจหนังสือ เพราะไม่ชอบเขียน สำนวนไม่ดี ไม่มีเวลา
วิธีแก้ในเรื่องนี้ ถ้าไม่ชอบเขียนจริงๆ ก็ไม่ต้องเขียนครับ มีวิธีผ่อนแรงสุดๆ 3 ขั้นตอน ที่ผมใช้แล้วเวิร์คมาก เหมาะสำหรับคนทำ Self Publishing นะครับ
ขั้นที่ 1 อัดคลิปเสียง อยากจะพูดบรรยายอะไรก็เต็มที่เลย เชื่อมั้ยถ้าอัดที่เราพูด 2-3 ชม. ก็จะได้เนื้อหาเท่ากับหนังสือ 1 เล่มแล้ว
ขั้นที่ 2 ถอดเทป ให้นักศึกษาถอดเทป พิมพ์มาเป็นไฟล์เวิร์ด ไม่เกิน 2-3 สัปดาห์ก็เสร็จ ได้ต้นฉบับแรกมา 60-70 หน้า ประหยัดเวลาได้เยอะ
ขั้นที่ 3 จ้างทีม บก.มืออาชีพ ช่วยเรียบเรียง ปรับปรุงต้นฉบับของเรา ใช้เงิน 2-3 หมื่นบาท ก็ได้ต้นฉบับที่สมบูรณ์สวยงาม คำสวย เขียนถูกเป๊ะ
ถ้าใช้วิธีที่แนะนำ ออกหนังสือ 1 เล่ม ตั้งแต่เริ่มเขียนจนพิมพ์เสร็จ ใช้เวลาไม่เกิน 2-3 เดือนเท่านั้น เมื่อนับเงินลงทุนเทียบกับเวลา ผมว่าคุ้มสุดๆ
ดังนั้น ถ้าคุณมี Content ที่มีประโยชน์ แต่ไม่มีเวลา เขียนไม่เก่ง หรือไม่ชอบเขียน ก็จัดเลยครับ หนังสือเสร็จรวดเร็วแน่นอน แต่ถ้าใครไม่มีเงินลงทุนตรงนี้ ก็ผ่านไปก่อน คุยกันต่อข้อต่อไป
Tips: เขียนไม่เก่ง สำนวนไม่ดี ไม่มีเวลา ไม่ใช่ปัญหา ขอแค่มีเนื้อหาดีๆ คุณก็มีหนังสือของตัวเองได้แน่นอน
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
5. รู้วิธีขายได้ ตั้งแต่ยังไม่ตีพิมพ์
มาถึงข้อสุดท้าย หลายคนบอกว่า เรื่องเขียนไม่ใช่ปัญหา แต่จะทำธุรกิจหนังสือ ยังไงก็ต้องใช้เงิน แต่พอไม่มีเงินทุน ไม่รู้จักสำนักพิมพ์ ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
วิธีแก้ในเรื่องนี้ง่ายกว่าที่คิด สำหรับคนที่ไม่มีทุนเลยก็สามารถทำได้ แต่จะใช้เวลาสักนิด โชคดีที่เราอยู่ในยุค Social Media เราสามารถสร้างแฟนเพจในเฟสบุ๊ค แล้วทยอยโพสต์บทความเป็นระยะๆ พอมีแฟนๆเข้ามาอ่าน และคอมเม้นท์ เราก็จะได้พัฒนาเนื้อหาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ หรือบางคนอาจจะเปิดบล็อคและเขียนบทความทุกสัปดาห์ก็ได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่มีค่าใช้จ่าย
จากนั้นขั้นที่สอง ถ้าคุณให้คุณค่ากับผู้อ่านผ่านบทความอย่างดี ไม่นานก็จะมีคนตามระดับหนึ่ง ถึงตอนนั้นก็ออกแบบปกหนังสือ แล้วรวบรวมบทความย้อนหลัง มาทำเป็น PDF file แปลงให้เป็น Ebook ขาย แบบนี้รับรองว่า มีคนซื้อล่วงหน้าตั้งแต่ยังไม่ได้ตีพิมพ์ แล้วเราค่อยเอาเงินจากอีบุ๊ค มาตีพิมพ์หนังสืออีกที
ข้อดีคือ ตอนนี้หลายๆคนก็มีแฟนเพจ หรือมี blog โพสต์บทความทุกๆวันอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่เคยคิดที่จะรวบรวมให้เป็นหนังสือ ไม่ต้องกลัวว่าแฟนๆจะว่านะครับ ถ้าคุณรวมเล่ม แฟนๆยิ่งชอบและอยากซื้อ เพราะเค้าจะได้อ่านได้ง่ายกว่าไปย้อนไล่ดูทีละโพสต์ อ่านมาถึงตรงนี้ ผมก็เชื่อว่า หลายๆคนเห็นโอกาส และพร้อมที่จะมีหนังสือแล้วใช่มั้ยครับ ลุย !!!
Tips: เมื่อเขียนต้นฉบับเสร็จ ให้ออก Ebook เพื่อดูกระแส ก่อนที่จะตีพิมพ์จริง
เชื่อว่าหลายๆคน ยังมีคำถามอยู่ในใจมากมาย แต่บทความในซีรียส์นี้มี 3 ตอน ตอนหน้าเป็นตอนสุดท้าย ผมจะไขข้อข้องใจของคุณว่า ทำไมคนทั่วไปถึงไม่สามารถเขียนหนังสือได้จบเล่ม เพื่อ “ลบล้าง 5 ความเชื่อผิดๆ ที่ขัดขวาง ไม่ให้คุณเป็นนักเขียน” คอยติดตามนะครับ
บทความโดย เรือรบ โค้ชนักเขียนมือโปร
ติดตามบทความพร้อมพูดคุยกับคุณเรือรบได้ ที่ https://web.facebook.com/ruarob/