ใครไปทำตอกเส้น กับกัวซา มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง ความรู้แท้จริงการกินน้ำด่าง
แชร์เตือน! ประสบการณ์เสี่ยงนวดตอกเส้น ปรับกระดูก กัวซา ที่ศูนย์ฯแผนไทยสุโขทัย ชั้น2 ของมหาลัย ถัดจากวัดพระศรีฯ บางเขน
ต้องใช้วิจารณญาณในการไปทำ
ก่อนไปหาอาการร่างกายไม่ดีเลย
ที่ไหล่เคล็ดเหมือนเป็นอาการไหล่ติดระดับเริ่มๆนิด แต่ทรมานชยับเจ็บๆ ไม่มีแรงคีบตะเกียบ ออกแรงกดขยับไม่ได้ปกติ
มือชา มือซีด เจ็บเส้นตามตัว บ่าปูด หลังเจ็บ เจ็บกระดูกสันหลังยังไงไม่รู้เจ็บเหมือนไม่เข้าที่
ไม่รู้มีวิธีไหนรักษา พอเจอที่นี่ก็เลยลองดู เพราะของพระมหาสีไพร ก็หวั่นๆพลัดไปสองสัปดาห์ ก็ทนอาการไม่ไหว
ก็เลยลองเสี่ยงดู
3/4/59 เข้าไปมีเสียค่าครู300บาทต่อคน (เห็นเค้าบอกในเว็บว่าจะไปสร้างสถานปฏิบัติธรรม ก็ถือว่าดี แต่จำนวนก็พอๆกับนวดทั่วไป)
กรอกประวัติ และเซ็นเหมือนยินยอมความหมายประมาณว่าจะไม่เอาผิดเค้าถ้าหากเกิดฟกช้ำ หรือผลข้างเคียงใดๆ
หวั่นใจที่สุด แต่อาการที่เป็นมันไม่โอเคเลยเสี่ยงดู
ก็ตัดสินใจเลือกเสี่ยงดู นั่งรอคิดพี่ผู้หญิง ไม่กล้าให้ผู้ชายเพราะมือหนักกว่ามาก ถ้าพลาดเจ็บน่าดู
รอประมาณ1ชม. กว่าๆ
เค้ากัวซาหลัง กับหน้าอก ขณะนั้นก็มองไม่เห็นผลด้วยตา เค้าบอกกินยาเยอะใช่มั้ย ผลกัวซามันคล้ำ ก็จริง
(ถ้าคิดแง่ทั่วไป ถ้าเค้าดูจากใบกรอกว่ามีโรคประจำตัวภูมิแพ้ก็ต้องรู้ว่ากินยาเยอะ)
แล้วเค้าก็ตอกๆ ทั้งที่เราบอกเค้าว่าขอแค่คลายเส้น แต่เหมือนเค้ารวบรัดให้ตอกลองทำว่าจะหายเลยเสี่ยง
เค้าตอกตามกระบวนการ ตอกเส้น เจาะกระดูกแถว"เชิงกรานด้านหลัง" ปรับกระดูก ที่เค้ารู้มาทำมา ทั้งตัว "รวมถึงบริเวณที่กัวซาที่หลังด้านบนทั้งแถบ"
ซึ่งการตอกแรงและหนักมาก เหมือนจะขาดใจจนร้องไห้เลย เพราะเจ็บมาก บวกกับตกใจที่เค้าบอกว่าผลกัวซาเลือดคล้ำ หนืด และเป็นกรด ต้องดินน้ำด่าง
ผล ณ หลังทำตอนนั้น จนถึง 4/4/59 ผลอาการประมาณเดียวกันคือ
อาการติดไหล่หาย หลังเจ็บ เคล็ดตามกระดูกหลังหาย เส้นตามตัวโล่งขึ้นไม่เคล็ดเหมือนเดิม
+!!!! แต่ระบมเจ็บช้ำกล้ามเนื้อภายในตำแหน่งที่กัวซาตรงหน้าอก และหลังแถบบนถึงฐานสะบักเป็นรอยแดงก่ำ
และ ระบมช้ำมากผิวสัมผัสเวลากดกล้ามเนื้อกับเอ็นบริเวณหลังด้านบนทั้งแถบที่กัวซาก่อนถูกตอกเส้นหลังจากนั้น แต่ยังไม่เป็นรอยม่วง
และที่เค้าเจาะกระดูกแถว"เชิงกรานด้านหลัง" เพื่อคลายเส้นตรงสะบัก
คือมันก็ไม่ตึงเคล็ด แต่เจ็บบอบช้ำระบมตามเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อมากใน3ตำแหน่ง เหมือนถูกซ้อมตีด้วยของแข็ง
สถานการณ์นี้เหมือนหนีเสือปะจรเข้ อย่างที่เคยเป็นด้านในหาย แต่ระบมช้ำด้านผิว เอ็น หนักๆเพิ่มมา3ตำแหน่ง
และเค้าก็แนะนำให้ซื้อน้ำด่างไป 1ฝาผสมกินกับน้ำ1ขวด ก็ลองซื้อมาก่อน 60บาท
แต่ก็ยังไม่ทำกิน ลองหาข้อมูล เปลี่ยนใจไม่กิน จะเอาไปใช้เป็นน้ำยาขัดทำความสะอาดห้องน้ำแทน เพราะคุณสมบัติอย่างเดียวกัน
++!!!เตือนให้ระวัง ว่าไม่ควรเลือกวิธีแบบนี้ เพราะเป็นการเจ็บแลกเพื่อให้หายเจ็บ
หาวิธีที่ไม่เจ็บดีกว่า แต่ไปทำแบบนี้เพราะหาไม่เจอ เคยไปหาหมอปัจจุบันจากการบาดเจ็บเอ็นเท้าเพราะลงรถเมล์แล้วขาแพลง เค้าเอ็กเรแล้วให้ยามากิน กินยาไม่ดีขึ้น ก็เลิกกิน เลยทนรอให้หายเอง กว่าจะหายเป็นปีกว่าถึงหาย บอกเลยขยาดแพทย์แผนปัจจุบันให้กินแต่ยาก็ไม่ดีขึ้น
เลยมาลองแบบนี้ดู เพราะแพทย์แผนปัจจุบัน ก็ให้กินยา เสียเงินแพงๆ ดีไม่ดีก็ต้องผ่าตัด รอให้หายเองก็ไม่ได้
วิเคราะห์จากประสบการณ์
วิธีนี้ก็รักษาได้ แต่มีผลข้างเคียงได้มากเหมือนกัน
1. ตอกเส้น ถ้าคนรักษาตอกเส้นไม่ชำนาญแท้จริง (และเค้าตอกทั้งวันทุกวัน ก็คงพลาดเรื่องน้ำหนักตามจุดตำแหน่งต่างๆ กับรูปร่างของคนไข้ ว่าหนักหรือเบาไป พอดีมั้ย)
2.ปรับกระดูกก็ดี แต่ต้องคนทำเป็น พลาดก็แย่ ปรับกระดูกไม่พบปัญหา
3.กัวซาที่เค้าบอกขับพิษ ก็ไม่รู้จริงมั้ย คนทำไม่ถูกหลักก็ กัวซาแบบยีๆๆๆจนผิวหนังกับกล้ามเนื้อจะบอบช้ำหนักได้
สรุปผลประสบการณ์
1.ถ้าจะให้ดีที่สุด ทำอะไรระวัง วางอิริยาบทดีๆเสมอ อย่าทรมานตัวเองแบบนอนเตียงแข็งไป นั่งทำงานกับโต๊ะเก้าอี้ที่ไม่สบายตัว
2.กินอาหารดีๆ เพื่อมีสารอาหารซ่อมแซมส่วนสึกหรอ ตามกระดูก เอ็น กล้ามเนื้อ และบำรุงร่างกาย
3.อย่าออกกำลังกายหนักมากไป ที่ฟิตที่เฟิร์มแข็งแรงก็ดี แต่ที่เป็นภายนอก ภายในอาจช้ำ บาดเจ็บได้ หรือเสือมเร็ว
4.ถ้าเกิดบาดเจ็บถ้าเป็นแบบไม่สาหัสและสาหัส ไม่ควรรักษาด้วยการตอกเส้น เพราะบอบช้ำ และกัวซา เพราะคำบอกสรรพคุณที่ตาเห็น แต่ความจริงอาการเราไม่รู้ว่าขับพิษจริงมั้ย แล้วก็ไม่ควรทานยาปฏิชิวนะมากเกินไป ถ้าเป็นอาการระดับน้อย-ปานกลางควรว่าปล่อยไปตามกระบวนการรักษาตามธรรมชาติของร่างกายน่าจะดีกว่า พักผ่อนมากๆ หรือ รักษาวิธีกายภาพบำบัดร่างกายที่ถูกต้อง ศึกษาแหล่งรักษา และที่คุณภาพดี
5.อย่าใจร้อน ต้องถี่ถ้วน ดูแลรักษาร่างกายดีๆ ให้เวลากระบวนการร่างกายรักษาตามธรรมชาติของร่างกายดีกว่า
6.อย่ากินน้ำด่าง ถึงสรรพคุณบอกว่าดี เราก็ไม่สามารถสแกนเห็นผลลัพธ์ในระบบร่างกายทั้งตัวได้ว่ารักษาได้จริงมั้ย เพราะคล้ายๆฤทธิ์ของโซดาไฟมาเจือจาง ค่าพีเฮช12 ถือว่าแรงกัดกร่อนเนื้อเยื่อได้ เหมือนน้ำยาล้างห้องน้ำ เอาไปขัดห้องน้ำแบบไร้กลิ่นฉุนไปแล้ว
7.รอความระบบหายไป หวังว่าจะไม่มีผลข้างเคียงยาวนานเกินไปที่ความระบมช้ำจะหาย ไม่กลับไปทำอีกแน่นอน ปล่อยให้ร่างกายทำงานตัวมันเองดีกว่า
อยากรู้อาการข้างเคียงตอกเส้น และกัวซา
แชร์เตือน! ประสบการณ์เสี่ยงนวดตอกเส้น ปรับกระดูก กัวซา ที่ศูนย์ฯแผนไทยสุโขทัย ชั้น2 ของมหาลัย ถัดจากวัดพระศรีฯ บางเขน
ต้องใช้วิจารณญาณในการไปทำ
ก่อนไปหาอาการร่างกายไม่ดีเลย
ที่ไหล่เคล็ดเหมือนเป็นอาการไหล่ติดระดับเริ่มๆนิด แต่ทรมานชยับเจ็บๆ ไม่มีแรงคีบตะเกียบ ออกแรงกดขยับไม่ได้ปกติ
มือชา มือซีด เจ็บเส้นตามตัว บ่าปูด หลังเจ็บ เจ็บกระดูกสันหลังยังไงไม่รู้เจ็บเหมือนไม่เข้าที่
ไม่รู้มีวิธีไหนรักษา พอเจอที่นี่ก็เลยลองดู เพราะของพระมหาสีไพร ก็หวั่นๆพลัดไปสองสัปดาห์ ก็ทนอาการไม่ไหว
ก็เลยลองเสี่ยงดู
3/4/59 เข้าไปมีเสียค่าครู300บาทต่อคน (เห็นเค้าบอกในเว็บว่าจะไปสร้างสถานปฏิบัติธรรม ก็ถือว่าดี แต่จำนวนก็พอๆกับนวดทั่วไป)
กรอกประวัติ และเซ็นเหมือนยินยอมความหมายประมาณว่าจะไม่เอาผิดเค้าถ้าหากเกิดฟกช้ำ หรือผลข้างเคียงใดๆ
หวั่นใจที่สุด แต่อาการที่เป็นมันไม่โอเคเลยเสี่ยงดู
ก็ตัดสินใจเลือกเสี่ยงดู นั่งรอคิดพี่ผู้หญิง ไม่กล้าให้ผู้ชายเพราะมือหนักกว่ามาก ถ้าพลาดเจ็บน่าดู
รอประมาณ1ชม. กว่าๆ
เค้ากัวซาหลัง กับหน้าอก ขณะนั้นก็มองไม่เห็นผลด้วยตา เค้าบอกกินยาเยอะใช่มั้ย ผลกัวซามันคล้ำ ก็จริง
(ถ้าคิดแง่ทั่วไป ถ้าเค้าดูจากใบกรอกว่ามีโรคประจำตัวภูมิแพ้ก็ต้องรู้ว่ากินยาเยอะ)
แล้วเค้าก็ตอกๆ ทั้งที่เราบอกเค้าว่าขอแค่คลายเส้น แต่เหมือนเค้ารวบรัดให้ตอกลองทำว่าจะหายเลยเสี่ยง
เค้าตอกตามกระบวนการ ตอกเส้น เจาะกระดูกแถว"เชิงกรานด้านหลัง" ปรับกระดูก ที่เค้ารู้มาทำมา ทั้งตัว "รวมถึงบริเวณที่กัวซาที่หลังด้านบนทั้งแถบ"
ซึ่งการตอกแรงและหนักมาก เหมือนจะขาดใจจนร้องไห้เลย เพราะเจ็บมาก บวกกับตกใจที่เค้าบอกว่าผลกัวซาเลือดคล้ำ หนืด และเป็นกรด ต้องดินน้ำด่าง
ผล ณ หลังทำตอนนั้น จนถึง 4/4/59 ผลอาการประมาณเดียวกันคือ
อาการติดไหล่หาย หลังเจ็บ เคล็ดตามกระดูกหลังหาย เส้นตามตัวโล่งขึ้นไม่เคล็ดเหมือนเดิม
+!!!! แต่ระบมเจ็บช้ำกล้ามเนื้อภายในตำแหน่งที่กัวซาตรงหน้าอก และหลังแถบบนถึงฐานสะบักเป็นรอยแดงก่ำ
และ ระบมช้ำมากผิวสัมผัสเวลากดกล้ามเนื้อกับเอ็นบริเวณหลังด้านบนทั้งแถบที่กัวซาก่อนถูกตอกเส้นหลังจากนั้น แต่ยังไม่เป็นรอยม่วง
และที่เค้าเจาะกระดูกแถว"เชิงกรานด้านหลัง" เพื่อคลายเส้นตรงสะบัก
คือมันก็ไม่ตึงเคล็ด แต่เจ็บบอบช้ำระบมตามเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อมากใน3ตำแหน่ง เหมือนถูกซ้อมตีด้วยของแข็ง
สถานการณ์นี้เหมือนหนีเสือปะจรเข้ อย่างที่เคยเป็นด้านในหาย แต่ระบมช้ำด้านผิว เอ็น หนักๆเพิ่มมา3ตำแหน่ง
และเค้าก็แนะนำให้ซื้อน้ำด่างไป 1ฝาผสมกินกับน้ำ1ขวด ก็ลองซื้อมาก่อน 60บาท
แต่ก็ยังไม่ทำกิน ลองหาข้อมูล เปลี่ยนใจไม่กิน จะเอาไปใช้เป็นน้ำยาขัดทำความสะอาดห้องน้ำแทน เพราะคุณสมบัติอย่างเดียวกัน
++!!!เตือนให้ระวัง ว่าไม่ควรเลือกวิธีแบบนี้ เพราะเป็นการเจ็บแลกเพื่อให้หายเจ็บ
หาวิธีที่ไม่เจ็บดีกว่า แต่ไปทำแบบนี้เพราะหาไม่เจอ เคยไปหาหมอปัจจุบันจากการบาดเจ็บเอ็นเท้าเพราะลงรถเมล์แล้วขาแพลง เค้าเอ็กเรแล้วให้ยามากิน กินยาไม่ดีขึ้น ก็เลิกกิน เลยทนรอให้หายเอง กว่าจะหายเป็นปีกว่าถึงหาย บอกเลยขยาดแพทย์แผนปัจจุบันให้กินแต่ยาก็ไม่ดีขึ้น
เลยมาลองแบบนี้ดู เพราะแพทย์แผนปัจจุบัน ก็ให้กินยา เสียเงินแพงๆ ดีไม่ดีก็ต้องผ่าตัด รอให้หายเองก็ไม่ได้
วิเคราะห์จากประสบการณ์
วิธีนี้ก็รักษาได้ แต่มีผลข้างเคียงได้มากเหมือนกัน
1. ตอกเส้น ถ้าคนรักษาตอกเส้นไม่ชำนาญแท้จริง (และเค้าตอกทั้งวันทุกวัน ก็คงพลาดเรื่องน้ำหนักตามจุดตำแหน่งต่างๆ กับรูปร่างของคนไข้ ว่าหนักหรือเบาไป พอดีมั้ย)
2.ปรับกระดูกก็ดี แต่ต้องคนทำเป็น พลาดก็แย่ ปรับกระดูกไม่พบปัญหา
3.กัวซาที่เค้าบอกขับพิษ ก็ไม่รู้จริงมั้ย คนทำไม่ถูกหลักก็ กัวซาแบบยีๆๆๆจนผิวหนังกับกล้ามเนื้อจะบอบช้ำหนักได้
สรุปผลประสบการณ์
1.ถ้าจะให้ดีที่สุด ทำอะไรระวัง วางอิริยาบทดีๆเสมอ อย่าทรมานตัวเองแบบนอนเตียงแข็งไป นั่งทำงานกับโต๊ะเก้าอี้ที่ไม่สบายตัว
2.กินอาหารดีๆ เพื่อมีสารอาหารซ่อมแซมส่วนสึกหรอ ตามกระดูก เอ็น กล้ามเนื้อ และบำรุงร่างกาย
3.อย่าออกกำลังกายหนักมากไป ที่ฟิตที่เฟิร์มแข็งแรงก็ดี แต่ที่เป็นภายนอก ภายในอาจช้ำ บาดเจ็บได้ หรือเสือมเร็ว
4.ถ้าเกิดบาดเจ็บถ้าเป็นแบบไม่สาหัสและสาหัส ไม่ควรรักษาด้วยการตอกเส้น เพราะบอบช้ำ และกัวซา เพราะคำบอกสรรพคุณที่ตาเห็น แต่ความจริงอาการเราไม่รู้ว่าขับพิษจริงมั้ย แล้วก็ไม่ควรทานยาปฏิชิวนะมากเกินไป ถ้าเป็นอาการระดับน้อย-ปานกลางควรว่าปล่อยไปตามกระบวนการรักษาตามธรรมชาติของร่างกายน่าจะดีกว่า พักผ่อนมากๆ หรือ รักษาวิธีกายภาพบำบัดร่างกายที่ถูกต้อง ศึกษาแหล่งรักษา และที่คุณภาพดี
5.อย่าใจร้อน ต้องถี่ถ้วน ดูแลรักษาร่างกายดีๆ ให้เวลากระบวนการร่างกายรักษาตามธรรมชาติของร่างกายดีกว่า
6.อย่ากินน้ำด่าง ถึงสรรพคุณบอกว่าดี เราก็ไม่สามารถสแกนเห็นผลลัพธ์ในระบบร่างกายทั้งตัวได้ว่ารักษาได้จริงมั้ย เพราะคล้ายๆฤทธิ์ของโซดาไฟมาเจือจาง ค่าพีเฮช12 ถือว่าแรงกัดกร่อนเนื้อเยื่อได้ เหมือนน้ำยาล้างห้องน้ำ เอาไปขัดห้องน้ำแบบไร้กลิ่นฉุนไปแล้ว
7.รอความระบบหายไป หวังว่าจะไม่มีผลข้างเคียงยาวนานเกินไปที่ความระบมช้ำจะหาย ไม่กลับไปทำอีกแน่นอน ปล่อยให้ร่างกายทำงานตัวมันเองดีกว่า