ถ้าเราคิดว่าตัวสำรองของชุดใหญ่สามารถทดแทนตัวจริงได้ก็ควรเอาไปลองในรายการนี้ดูครับ ก็ประมาณว่าเราเอาไปทั้งชุดใหญ่นั่นแหละครับแต่ใช้วิธี
Rotation นักเตะเอาครับ เช่นว่า รอบแรก ๆ ยังไม่เจอของเแข็งก็จัดตัวสำรองลงเป็นหลัก รอบต่อไปเจองานหินขึ้นก็จัดแบบผสมตัวจริงลงบ้าง ถ้าเข้ารอบ
ชิงก็จัดฟูลทีม อะไรแบบนี้
เหมือนญี่ปุ่นที่เขาเจอกับเราใน u23 พอเขารู้ว่าเจอกับเราซึ่งยังไม่แข็งเแกร่งมากเขาก็ Rotation นักเตะครึ่งทีมเอาตัวสำรองลงซะส่วนใหญ่ พอเขารู้ว่าเข้ารอบ 2 ชัวแล้วเขาก็เอาสำรองลงเยอะอีกเหมือนกัน บางคนบอกว่าให้เอาเด็กดาวรุ่งไปทดสอบฝีเท้าบ้าง เอา U23 บ้าง หรืออื่น ๆ ที่เสนอมา ก็เป็นความคิดที่ดีในระดับหนึ่ง แต่ผมว่ามันยังเร็วเกินไปครับที่จะก้าวออกมาจากอาเซี่ยน โดยที่เรายังไม่ได้หยิบความสำเร็จในระดับเอเซียเลยแม้แต่รายการเดียว เป้าหมายในระดับที่สูงขึ้นไปก็ต้องเริ่มคิด เริ่มก้าวไปทีละก้าวครับ( ขอย้ำว่าทีละก้าว ) อย่ารีบร้อนจนเกินไปนัก มาตราฐานเดิมก็ต้องได้
สรุปว่าเราควรใช้ชุด B B + และ A ผสมกันไปครับ ประโยชนที่จะได้
1 นักเตะไม่กรอบ สามารถหมุนเวียนเปลี่ยนกันเล่น จะทำให้ตัวสำรองที่ไม่ค่อยได้ลงเป็นตัวจริงสามารถได้ลงเล่นจริงเพื่อรองตัว และระบบทีมเวิร์ค กรณีถ้า
เข้ารอบลึกได้ลงผสมกันกับตัวจริง ก็จะเป็นการดีในการเล่นเข้ากับตัวจริงมากขึ้น เพื่อเตรียมทีมหรือคือการซ้อมใหญ่ไปในตัว เพื่อฟุตบอลโลกรอบ 12 ทีม
2 โอกาสที่เราจะหยิบแชมป์อีกสมัยก็มีสูง และนักเตะที่เคยพลาดหวังไปจากรายการนี้ เช่น อุ้ม ธีรศิลป์ ก็จะสามารถแก้ตัว และประสบความสำเร็จได้
3 AFF เป็นกีฬีฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ในสายตาชาวอาเซียน เราอาจจะ ( ขอย้ำว่า อาจจะ ) เฉย ๆ แต่ชาติต่าง ๆในแถบนี้เขามองว่ามันยิ่งใหญ่ เขาจึงอยากเห็นนักเตะชาติเขาได้ประลองฝีมือกับ ไทยแลนด์ ในระดับทีมชาติชุดใหญ่ ( ใคร ใคร ก็อยากดูนักเตะไทยโชว์ฟอร์มในรายการนี้ทั้งนั้นแหละครับ )
ได้แชมป์คราวที่แล้วทำให้นักเตะไทยเราดังในภูมิภาคนี้แบบหยุดไม่อยู่
4 มันจะสร้างมูลค่ามากที่สุดสำหรับนักเตะ และชาติไทยเรา ถ้าเราสามารถ คว้าแชมป์ได้อีกสมัยติดต่อกัน และมันจะเป็นบทพิสูจน์ว่ามาตราฐานบ้านเรา
ไปไกลกว่า อาเซียน จริงหรือ
ปล. การตั้งกระทู้นี้เป็นเพียงการนำเสนอวิธีที่ดีที่สุดในสายตาผม แต่อาจจะขัดใจใครบางคนหรือส่วนใหญ่ ต้องขออภัยอย่างต้นสน แต่พร้อมรับฟังทุก
ความเห็นที่มีเหตุผลที่ดีกว่านี้ครับ เข้ามาคุยกันครับผม
AFF ถ้ายังหาข้อสรุปไม่ได้ ลองใช้วิธีอย่างญี่ปุ่นดูครับ
Rotation นักเตะเอาครับ เช่นว่า รอบแรก ๆ ยังไม่เจอของเแข็งก็จัดตัวสำรองลงเป็นหลัก รอบต่อไปเจองานหินขึ้นก็จัดแบบผสมตัวจริงลงบ้าง ถ้าเข้ารอบ
ชิงก็จัดฟูลทีม อะไรแบบนี้
เหมือนญี่ปุ่นที่เขาเจอกับเราใน u23 พอเขารู้ว่าเจอกับเราซึ่งยังไม่แข็งเแกร่งมากเขาก็ Rotation นักเตะครึ่งทีมเอาตัวสำรองลงซะส่วนใหญ่ พอเขารู้ว่าเข้ารอบ 2 ชัวแล้วเขาก็เอาสำรองลงเยอะอีกเหมือนกัน บางคนบอกว่าให้เอาเด็กดาวรุ่งไปทดสอบฝีเท้าบ้าง เอา U23 บ้าง หรืออื่น ๆ ที่เสนอมา ก็เป็นความคิดที่ดีในระดับหนึ่ง แต่ผมว่ามันยังเร็วเกินไปครับที่จะก้าวออกมาจากอาเซี่ยน โดยที่เรายังไม่ได้หยิบความสำเร็จในระดับเอเซียเลยแม้แต่รายการเดียว เป้าหมายในระดับที่สูงขึ้นไปก็ต้องเริ่มคิด เริ่มก้าวไปทีละก้าวครับ( ขอย้ำว่าทีละก้าว ) อย่ารีบร้อนจนเกินไปนัก มาตราฐานเดิมก็ต้องได้
สรุปว่าเราควรใช้ชุด B B + และ A ผสมกันไปครับ ประโยชนที่จะได้
1 นักเตะไม่กรอบ สามารถหมุนเวียนเปลี่ยนกันเล่น จะทำให้ตัวสำรองที่ไม่ค่อยได้ลงเป็นตัวจริงสามารถได้ลงเล่นจริงเพื่อรองตัว และระบบทีมเวิร์ค กรณีถ้า
เข้ารอบลึกได้ลงผสมกันกับตัวจริง ก็จะเป็นการดีในการเล่นเข้ากับตัวจริงมากขึ้น เพื่อเตรียมทีมหรือคือการซ้อมใหญ่ไปในตัว เพื่อฟุตบอลโลกรอบ 12 ทีม
2 โอกาสที่เราจะหยิบแชมป์อีกสมัยก็มีสูง และนักเตะที่เคยพลาดหวังไปจากรายการนี้ เช่น อุ้ม ธีรศิลป์ ก็จะสามารถแก้ตัว และประสบความสำเร็จได้
3 AFF เป็นกีฬีฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ในสายตาชาวอาเซียน เราอาจจะ ( ขอย้ำว่า อาจจะ ) เฉย ๆ แต่ชาติต่าง ๆในแถบนี้เขามองว่ามันยิ่งใหญ่ เขาจึงอยากเห็นนักเตะชาติเขาได้ประลองฝีมือกับ ไทยแลนด์ ในระดับทีมชาติชุดใหญ่ ( ใคร ใคร ก็อยากดูนักเตะไทยโชว์ฟอร์มในรายการนี้ทั้งนั้นแหละครับ )
ได้แชมป์คราวที่แล้วทำให้นักเตะไทยเราดังในภูมิภาคนี้แบบหยุดไม่อยู่
4 มันจะสร้างมูลค่ามากที่สุดสำหรับนักเตะ และชาติไทยเรา ถ้าเราสามารถ คว้าแชมป์ได้อีกสมัยติดต่อกัน และมันจะเป็นบทพิสูจน์ว่ามาตราฐานบ้านเรา
ไปไกลกว่า อาเซียน จริงหรือ
ปล. การตั้งกระทู้นี้เป็นเพียงการนำเสนอวิธีที่ดีที่สุดในสายตาผม แต่อาจจะขัดใจใครบางคนหรือส่วนใหญ่ ต้องขออภัยอย่างต้นสน แต่พร้อมรับฟังทุก
ความเห็นที่มีเหตุผลที่ดีกว่านี้ครับ เข้ามาคุยกันครับผม