จากกรณีที่มีข่าวว่ารถจักรยานยนต์ได้รวมตัวบนสะพานภูมิพล 1 และ 2 เป็นจำนวนมากและกั้นการจราจรไม่ให้รถวิ่งผ่าน เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.พระประแดง และ สภ.สำโรงใต้ ได้สนธิกำลังได้ตั้งจุดตรวจกวดขันรถจักรยานยนต์แอบขึ้นสะพานภูมิพลพร้อมจับกุมและออกใบสั่งโดยเริ่มตั้งแต่เมื่อช่วงเย็นวันที่ 31 มี.ค.59 ที่ผ่านมาโดยจับกุมได้กว่า 10 ราย
เมื่อเวลา 17.30 น.วันที่ 1 มี.ค.59 ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงไปยัง พ.ต.ท.ปรเมศร์ ตั้งจิตสมาธิ สว.จร สภ.พระประแดงเปิดเผยว่า กรณีนี้ไม่ใช่เป็นการปิดสะพาน แต่รถจักรยานยนต์ไม่กล้าลง เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจยังตั้งด่านตรวจอยู่ จึงกลัวถูกจับ เลยมาออ กันบนสะพานแต่พอตำรวจเลิกตั้งด่าน รถจักรยานยนต์ก็วิ่งลงมา ซึ่งเรื่องนี้จะได้นำเอาปัญหาไปหารือกับผู้บังคับบัญชาต่อไป ว่าจะหาทางแก้ไขปัญหาอย่างไร เนื่องจากการไปออบนสะพานของรถจักรยานยนต์สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนคนอื่นที่ใช้รถใช้ถนน
และว่า การตั้งจุดตรวจกวดขันจับกุมรถจักรยานยนต์ที่ฝ่าฝืนขึ้นสะพานภูมิพล 1 และ 2 นั้น ทางจราจร สภ.พระประแดง ได้ตั้งจุดตรวจจับบ่อยครั้งตั้งแต่สะพานเปิดให้ใช้บริการและมีหนังสือจากสำนักก่อสร้างสะพาน กรมทางหลวงชนบท เรื่องการให้บริการรถใช้สะพานภูมิพล 1 และ2 ว่าสะพานดังกล่าวเป็นสะพานที่ก่อสร้างข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาในบริเวณที่มีเรือเดินทะเลขนาดใหญ่มาขนถ่ายสินค้า เพื่อให้เรือเดินทะเลสามารถแล่นผ่านได้จึงจำเป็นต้องก่อสร้างสะพานให้สูงจากพื้นดินมาก ส่งผลให้บนสะพานมีกระแสลมที่พัดแรงมากรถจักรยานยนต์ที่มีน้ำหนักเบาจึงยากต่อการควบคุมทิศทาง ประกอบกับสะพานดังกล่าวเป็นโครงข่ายถนนสำหรับบรรทุกหนักที่มาขนส่งสินค้ากระจายไปสู่ภูมิภาคเป็นจำนวนมาก จึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงและพัดตกลงจากสะพานได้ จึงจำเป็นต้องห้ามมิให้ขับขี่รถจักรยานยนต์บนสะพานดังกล่าวเพื่อป้องกันมิให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้ใช้เส้นทางนี้ตามพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ.2535 ตามมาตรา 20 และมาตรา 22 จึงจำเป็นต้องกวดขันบ่อยครั้งแต่ประชาชนยังฝ่าฝืนขึ้นทุกวัน ซึ่งในพื้นพระประแดงยังมีสถานที่ที่ให้บริการรถจักรยานยนต์ข้ามฝั่งแทนขึ้นสะพานภูมิพล 1 และ 2 นั้นมีอยู่ 3 แห่งคือ บริเวณท่าเรือวัดบางน้ำผึ้งนอกมีบริการเรือข้ามฝากไปยังในเขตบางนาบริการทั้งคนข้ามและรถจักรยานยนต์ บริเวณท่าน้ำพระประแดงด้านหน้า สภ.พระประแดง มีแพขนานยนต์ขนาดใหญ่ข้ามไปยังถนนปู่เจ้าสมิงพรายสามารถข้ามได้ทั้งคน รถยนต์ทุกชนิดและรถจัรจักรยานยนต์ ส่วนที่สุดท้าย บริเวณสวนสุขภาพคลองลัดโพธิ์ข้ามไปยังถนนพระรามที่ 3 โดยทั้ง 3 ท่านี้เปิดบริการทุกวัน
ผู้สื่อข่าวได้สุ่มสอบถามประชาชนที่เคยขับรถจักรยานยนต์ขึ้นสะพานและใช้สะพานทุกวัน โดยให้เหตุผลว่าที่ขับขึ้นบนสะพานเพราะการเดินทางไปที่ทำงานหรือบ้านพักนั้นสะดวกและรวดเร็วไม่ต้องขี่อ้อมไปหลายกิโลและไม่ต้องเผชิญกับรถที่ติดไฟแดงอีกทั้งยังเลี่ยงจุดตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรของสถานีตำรวจต่างๆ ที่ออกมาตั้งจุดตรวจกวดขันวินัยจราจรทุกวันและเกือบทุกเส้นทางทั้งยังประหยัดเงิน ประหยัดเชื้อเพลิงและประหยัดเวลาในการเดินทางอีกมาก แต่ยอมรับว่าเกรงกลัวอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นเพราะทุกครั้งที่ขับขี่ขึ้นสะพานต้องระวังเป็นอย่างมากเพราะทั้งรถบรรทุก รถยนต์ และรถจักรยานยนต์คันอื่นที่วิ่งตามมาด้วย
ที่มา
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1459520076 
แพข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาเปิด-ปิดกี่โมงครับ?
เมื่อเวลา 17.30 น.วันที่ 1 มี.ค.59 ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงไปยัง พ.ต.ท.ปรเมศร์ ตั้งจิตสมาธิ สว.จร สภ.พระประแดงเปิดเผยว่า กรณีนี้ไม่ใช่เป็นการปิดสะพาน แต่รถจักรยานยนต์ไม่กล้าลง เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจยังตั้งด่านตรวจอยู่ จึงกลัวถูกจับ เลยมาออ กันบนสะพานแต่พอตำรวจเลิกตั้งด่าน รถจักรยานยนต์ก็วิ่งลงมา ซึ่งเรื่องนี้จะได้นำเอาปัญหาไปหารือกับผู้บังคับบัญชาต่อไป ว่าจะหาทางแก้ไขปัญหาอย่างไร เนื่องจากการไปออบนสะพานของรถจักรยานยนต์สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนคนอื่นที่ใช้รถใช้ถนน
และว่า การตั้งจุดตรวจกวดขันจับกุมรถจักรยานยนต์ที่ฝ่าฝืนขึ้นสะพานภูมิพล 1 และ 2 นั้น ทางจราจร สภ.พระประแดง ได้ตั้งจุดตรวจจับบ่อยครั้งตั้งแต่สะพานเปิดให้ใช้บริการและมีหนังสือจากสำนักก่อสร้างสะพาน กรมทางหลวงชนบท เรื่องการให้บริการรถใช้สะพานภูมิพล 1 และ2 ว่าสะพานดังกล่าวเป็นสะพานที่ก่อสร้างข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาในบริเวณที่มีเรือเดินทะเลขนาดใหญ่มาขนถ่ายสินค้า เพื่อให้เรือเดินทะเลสามารถแล่นผ่านได้จึงจำเป็นต้องก่อสร้างสะพานให้สูงจากพื้นดินมาก ส่งผลให้บนสะพานมีกระแสลมที่พัดแรงมากรถจักรยานยนต์ที่มีน้ำหนักเบาจึงยากต่อการควบคุมทิศทาง ประกอบกับสะพานดังกล่าวเป็นโครงข่ายถนนสำหรับบรรทุกหนักที่มาขนส่งสินค้ากระจายไปสู่ภูมิภาคเป็นจำนวนมาก จึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงและพัดตกลงจากสะพานได้ จึงจำเป็นต้องห้ามมิให้ขับขี่รถจักรยานยนต์บนสะพานดังกล่าวเพื่อป้องกันมิให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้ใช้เส้นทางนี้ตามพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ.2535 ตามมาตรา 20 และมาตรา 22 จึงจำเป็นต้องกวดขันบ่อยครั้งแต่ประชาชนยังฝ่าฝืนขึ้นทุกวัน ซึ่งในพื้นพระประแดงยังมีสถานที่ที่ให้บริการรถจักรยานยนต์ข้ามฝั่งแทนขึ้นสะพานภูมิพล 1 และ 2 นั้นมีอยู่ 3 แห่งคือ บริเวณท่าเรือวัดบางน้ำผึ้งนอกมีบริการเรือข้ามฝากไปยังในเขตบางนาบริการทั้งคนข้ามและรถจักรยานยนต์ บริเวณท่าน้ำพระประแดงด้านหน้า สภ.พระประแดง มีแพขนานยนต์ขนาดใหญ่ข้ามไปยังถนนปู่เจ้าสมิงพรายสามารถข้ามได้ทั้งคน รถยนต์ทุกชนิดและรถจัรจักรยานยนต์ ส่วนที่สุดท้าย บริเวณสวนสุขภาพคลองลัดโพธิ์ข้ามไปยังถนนพระรามที่ 3 โดยทั้ง 3 ท่านี้เปิดบริการทุกวัน
ผู้สื่อข่าวได้สุ่มสอบถามประชาชนที่เคยขับรถจักรยานยนต์ขึ้นสะพานและใช้สะพานทุกวัน โดยให้เหตุผลว่าที่ขับขึ้นบนสะพานเพราะการเดินทางไปที่ทำงานหรือบ้านพักนั้นสะดวกและรวดเร็วไม่ต้องขี่อ้อมไปหลายกิโลและไม่ต้องเผชิญกับรถที่ติดไฟแดงอีกทั้งยังเลี่ยงจุดตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรของสถานีตำรวจต่างๆ ที่ออกมาตั้งจุดตรวจกวดขันวินัยจราจรทุกวันและเกือบทุกเส้นทางทั้งยังประหยัดเงิน ประหยัดเชื้อเพลิงและประหยัดเวลาในการเดินทางอีกมาก แต่ยอมรับว่าเกรงกลัวอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นเพราะทุกครั้งที่ขับขี่ขึ้นสะพานต้องระวังเป็นอย่างมากเพราะทั้งรถบรรทุก รถยนต์ และรถจักรยานยนต์คันอื่นที่วิ่งตามมาด้วย
ที่มา
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1459520076