ขอบคุณเวปไซต์ pantip.com ที่ให้โอกาสเราได้แชร์เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น เรื่องราวที่เขียนต่อไปนี้คือเรื่องจริง แต่มีสิ่งหนึ่งที่เราอายและเพื่อนบ้างคนยังไม่รู้ คือเราเรียนไม่จบ ป.ตรี อันนี้คือสิ่งที่เราทำให้แม่ผิดหวังมาก
จุดเริ่มต้น มันเริ่มจากที่เราเรียนไม่จบ เราตัดสินใจบอกแม่ว่าอยากไปอยู่เมืองนอกถามว่าที่บ้านฐานดีมั้ย ตอบเลยว่าไม่แต่ด้วยความใฝ่สูง อยากไปเมืองนอกเหมือนคนอื่นเค้า เริ่มจากหาข้อมูลว่าไปกับเอเจนซี่ไหนดี สุดท้ายเราเลือก เอเจนซี่ชื่อดังย่านสีลม ประเทศที่เราเลือกคือ ประเทศออสเตรเลียคะ
ยื่นรอบแรกวีซ่าไม่ผ่าน โดนหักเงินไป2หมื่น เอกสารทุกอย่างเราต้องเตรียมเอง
ยื่นครั้งที่2 วีซ่าผ่านคะ เงินนี้ได้มาจากไหนเราเอาบ้านเข้าธนาคาร ขอบคุณ ธนาคารไทยพาณิชย์ที่ยอมให้เราเป็นหนี้ เราลงภาษาไป6เดือน ค่าใช้จ่ายหมดไป2แสน2 ยังไม่รวมที่พักค่าตัวร์เครื่องบิน แต่สิ่งที่เราเสียใจคือเราไม่สามารถต่อวีซ่าได้ที่ออสเตรเลีย ต้องกลับมาต่อที่ไทย แต่ไม่เป็นไรในใจคิดว่าได้มาก็พอ
เราจำได้ทุกวันนี้ไม่เคยลืมพี่กับแม่ไปส่งสนามบิน เราไม่หันกลับไปมองเลย บอกแม่ให้รีบกลับบ้าน เงินตอนนั้นที่พกติดตัวมา1หมื่นบาท ถามว่าพอมั้ย ตอบ เลยว่าไม่พอ ถ้าเป็นคนอื่นสิ่งเเรกที่เค้ามาถึงต้องไปโอเปร่าเฮาส์ ถ่ายรูปสวย แต่ส่วนเราต้องหางานให้ได้ค่าห้อง ค่ากิน ค่าใช้จ่ายและที่สำคัญเงินดอกเบี้ยที่ต้องส่งค่าบ้านทุกเดือน และความหวังของคนข้างหลัง มาถึงซิดนีย์ นั่งรถไฟเข้าเมือง เดินหาบ้านตามเวปไซต์ สุดท้ายได้บ้านที่คนอยู่กันเป็นโหล มันถูกที่สุดแล้วกับเงินที่พกติดตัวมา เรานอนห้องลิฟวิ่งที่ต้องแชร์4คน แค่มีม่านบางกั้นไว้ ไม่เป็นไรเอาไว้แค่นอนให้มีแรง เราเดินหางานตามไทยทาวเกือบทุกร้าน สุดท้ายเราได้งานในวันรุ่งขึ้น ต้องขอบคุณร้าน ณ บางกอก ที่ให้โอกาสเราได้ร่วมงาน เราทำได้หมดไม่มีคำว่าทำไม่ได้ วันแรกเราไม่รู้หรอกว่าจะได้เงินมั้ย ขอแค่ข้าวและงานคิดแค่นี้ พี่เดียร์ที่เป็นเจ้าของร้านรับเราเข้าทำงาน ดีใจมาก อาชีพแรกของเราคือเด็กเสริ์ฟ เราทำงาน4วัน เรียน 5 วัน ทุกครั้งที่คุยกับแม่ "เหนื่อยมั้ยลูกเราตอบเลยว่าไม่เหนื่อย ห้ามอ่อนแอ ให้แม่เห็น ส่งรูปสวยๆให้แม่ดูตลอด" เราเรียน8โมงครึ่ง ถึงบ่าย2ครึ่ง เข้างาน5โมงเย็น เลิกตี4 กลับถึงบ้านตี5 มีเวลานอน3ชม เราไป รร สายประจำถ้าวันไหนทำงาน แต่ถ้าวันไหนไม่ได้ทำงานเราเข้าเรียนตรงเวลา แต่ถ้า เสาร์-อาทิตย์ เราทำงานเต็มวัน เข้างานเที่ยง เลิกงานตี4 ลองนับ ชม ดูนะคะว่าเราทำงานกี่ ชม เราแบ่งเงินเป็น 2ก้อน ก้อนแรกจ่ายดอกเบี้ยค่าบ้าน ก้อนที่2 เก็บเงินจ่ายค่าวีซ่าเวลามีน้อยคะ ต้องรีบเก็บเงินให้เร็วที่สุด เลยหางานเพิ่ม อีก3วันที่เหลือ เราไปทำงานร้านอาหารไทยนอกเมือง นั่งรถไปประมาณ30นาที งานที่ต้องทำรับโทรศัพท์โฮมตามบ้าน ทำของทอด(ต้องเข้าไปช่วยในครัว ถ้าว่างก็ช่วยเค้าล้างจาน) เงินที่ได้เมื่อเทียบร้านในเมืองถือว่าน้อยมาก ทำงานตั้งแต่4โมงเย็น เลิกงาน4ทุ่ม ถึงบ้าน5ทุ่ม ที่ร้านอาหารจะให้ข้าวกลับมาสำหรับพรุ่งนี้ไว้ไป รร ประหยัดไปได้เยอะ เชื่อมั้ยว่าเราสามารถส่งกลับบ้านได้อาทิตย์ละ1หมื่นบาท ร้านในเมืองที่ทำได้ทิปเยอะ เฉพาะทิปอย่างเดียวสามารถเก็บไว้จ่ายค่าห้องได้ พราะร้านที่ทำเป็นร้านกึ่งบาร์ ถ้าขายเครื่องดื่มได้จะได้เปอร์เซน ไม่ต่างอะไรจากสาวเชียร์เบียร์ เคยได้ทิปสูงสุด$150 จากคนไทยที่มาเที่ยวที่ร้าน ต้องบอกเลยว่าร้านนี้เป็นจุดศูนย์รวมคนไทย ทุกชนชั้น ทำให้ได้รู้จักผู้คนมากมาย มันคือจุดเริ่มต้นของอาชีพต่อ
อาชีพงานคลีน(ทำความสะอาด) บอกเลยคะว่าอาชีพนี้เงินดีใจต้องรัก ได้ไปทำความสะอาดในห้าง สุดท้ายทำได้แค่1เดือน ก็ขอลาออกไม่ใช่ขี้เกลียจคะ แต่ได้งานร้านกาแฟ ไม่ได้เป็นบาริต้านะคะ เคยลองทำแล้วแต่ฝีมือไม่ถึงคะ ทำงานเสริ์ฟร้านกาแฟและช่วยในครัว เริ่มงานตี5 ขอเปลี่ยนเวลาเรียนไปเรียนตอนเย็น จนครบ6เดือน เดือนสุดท้ายทำงานเต็มทีคะ มีอะไรทำหมดจนได้ฉายา ญ เหล็ก ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ นอนให้น้อยทำงานให้เยอะ ต้นทุนชีวิตที่เริ่มต้นจากการเป็นหนี้และใฝ่สูง
เรื่องราวเพิ่งเริ่มต้นนะคะ ยังไม่จบคะ ทุกเรื่องราวที่เขียนในนี้คือเรื่องจริง
+++++ส่วนตัวไม่ได้มีสามีฝรั่งนะคะ ทุนที่เปิดร้านนวด คือแรงงานล้วนๆคะ++++++
ขอโทษด้วยนะคะ ถ้าเขียนผิดพลาดประการใด เป็นครั้งแรกคะ ติชมและเสนอแนะได้คะ
ยังมีเรื่องราวที่อยากแชร์คะ "ชีวิตหมอนวดในเมืองฝรั่ง"ยิ้มอมยิ้ม01
https://www.facebook.com/groups/732932653475100/?fref=ts
ต้นทุน1หมื่นบาท จากเด็กเสริ์ฟ สู่การเป็นเจ้าของร้านนวด2สาขา ใจกลางซิดนีย์
จุดเริ่มต้น มันเริ่มจากที่เราเรียนไม่จบ เราตัดสินใจบอกแม่ว่าอยากไปอยู่เมืองนอกถามว่าที่บ้านฐานดีมั้ย ตอบเลยว่าไม่แต่ด้วยความใฝ่สูง อยากไปเมืองนอกเหมือนคนอื่นเค้า เริ่มจากหาข้อมูลว่าไปกับเอเจนซี่ไหนดี สุดท้ายเราเลือก เอเจนซี่ชื่อดังย่านสีลม ประเทศที่เราเลือกคือ ประเทศออสเตรเลียคะ
ยื่นรอบแรกวีซ่าไม่ผ่าน โดนหักเงินไป2หมื่น เอกสารทุกอย่างเราต้องเตรียมเอง
ยื่นครั้งที่2 วีซ่าผ่านคะ เงินนี้ได้มาจากไหนเราเอาบ้านเข้าธนาคาร ขอบคุณ ธนาคารไทยพาณิชย์ที่ยอมให้เราเป็นหนี้ เราลงภาษาไป6เดือน ค่าใช้จ่ายหมดไป2แสน2 ยังไม่รวมที่พักค่าตัวร์เครื่องบิน แต่สิ่งที่เราเสียใจคือเราไม่สามารถต่อวีซ่าได้ที่ออสเตรเลีย ต้องกลับมาต่อที่ไทย แต่ไม่เป็นไรในใจคิดว่าได้มาก็พอ
เราจำได้ทุกวันนี้ไม่เคยลืมพี่กับแม่ไปส่งสนามบิน เราไม่หันกลับไปมองเลย บอกแม่ให้รีบกลับบ้าน เงินตอนนั้นที่พกติดตัวมา1หมื่นบาท ถามว่าพอมั้ย ตอบ เลยว่าไม่พอ ถ้าเป็นคนอื่นสิ่งเเรกที่เค้ามาถึงต้องไปโอเปร่าเฮาส์ ถ่ายรูปสวย แต่ส่วนเราต้องหางานให้ได้ค่าห้อง ค่ากิน ค่าใช้จ่ายและที่สำคัญเงินดอกเบี้ยที่ต้องส่งค่าบ้านทุกเดือน และความหวังของคนข้างหลัง มาถึงซิดนีย์ นั่งรถไฟเข้าเมือง เดินหาบ้านตามเวปไซต์ สุดท้ายได้บ้านที่คนอยู่กันเป็นโหล มันถูกที่สุดแล้วกับเงินที่พกติดตัวมา เรานอนห้องลิฟวิ่งที่ต้องแชร์4คน แค่มีม่านบางกั้นไว้ ไม่เป็นไรเอาไว้แค่นอนให้มีแรง เราเดินหางานตามไทยทาวเกือบทุกร้าน สุดท้ายเราได้งานในวันรุ่งขึ้น ต้องขอบคุณร้าน ณ บางกอก ที่ให้โอกาสเราได้ร่วมงาน เราทำได้หมดไม่มีคำว่าทำไม่ได้ วันแรกเราไม่รู้หรอกว่าจะได้เงินมั้ย ขอแค่ข้าวและงานคิดแค่นี้ พี่เดียร์ที่เป็นเจ้าของร้านรับเราเข้าทำงาน ดีใจมาก อาชีพแรกของเราคือเด็กเสริ์ฟ เราทำงาน4วัน เรียน 5 วัน ทุกครั้งที่คุยกับแม่ "เหนื่อยมั้ยลูกเราตอบเลยว่าไม่เหนื่อย ห้ามอ่อนแอ ให้แม่เห็น ส่งรูปสวยๆให้แม่ดูตลอด" เราเรียน8โมงครึ่ง ถึงบ่าย2ครึ่ง เข้างาน5โมงเย็น เลิกตี4 กลับถึงบ้านตี5 มีเวลานอน3ชม เราไป รร สายประจำถ้าวันไหนทำงาน แต่ถ้าวันไหนไม่ได้ทำงานเราเข้าเรียนตรงเวลา แต่ถ้า เสาร์-อาทิตย์ เราทำงานเต็มวัน เข้างานเที่ยง เลิกงานตี4 ลองนับ ชม ดูนะคะว่าเราทำงานกี่ ชม เราแบ่งเงินเป็น 2ก้อน ก้อนแรกจ่ายดอกเบี้ยค่าบ้าน ก้อนที่2 เก็บเงินจ่ายค่าวีซ่าเวลามีน้อยคะ ต้องรีบเก็บเงินให้เร็วที่สุด เลยหางานเพิ่ม อีก3วันที่เหลือ เราไปทำงานร้านอาหารไทยนอกเมือง นั่งรถไปประมาณ30นาที งานที่ต้องทำรับโทรศัพท์โฮมตามบ้าน ทำของทอด(ต้องเข้าไปช่วยในครัว ถ้าว่างก็ช่วยเค้าล้างจาน) เงินที่ได้เมื่อเทียบร้านในเมืองถือว่าน้อยมาก ทำงานตั้งแต่4โมงเย็น เลิกงาน4ทุ่ม ถึงบ้าน5ทุ่ม ที่ร้านอาหารจะให้ข้าวกลับมาสำหรับพรุ่งนี้ไว้ไป รร ประหยัดไปได้เยอะ เชื่อมั้ยว่าเราสามารถส่งกลับบ้านได้อาทิตย์ละ1หมื่นบาท ร้านในเมืองที่ทำได้ทิปเยอะ เฉพาะทิปอย่างเดียวสามารถเก็บไว้จ่ายค่าห้องได้ พราะร้านที่ทำเป็นร้านกึ่งบาร์ ถ้าขายเครื่องดื่มได้จะได้เปอร์เซน ไม่ต่างอะไรจากสาวเชียร์เบียร์ เคยได้ทิปสูงสุด$150 จากคนไทยที่มาเที่ยวที่ร้าน ต้องบอกเลยว่าร้านนี้เป็นจุดศูนย์รวมคนไทย ทุกชนชั้น ทำให้ได้รู้จักผู้คนมากมาย มันคือจุดเริ่มต้นของอาชีพต่อ
อาชีพงานคลีน(ทำความสะอาด) บอกเลยคะว่าอาชีพนี้เงินดีใจต้องรัก ได้ไปทำความสะอาดในห้าง สุดท้ายทำได้แค่1เดือน ก็ขอลาออกไม่ใช่ขี้เกลียจคะ แต่ได้งานร้านกาแฟ ไม่ได้เป็นบาริต้านะคะ เคยลองทำแล้วแต่ฝีมือไม่ถึงคะ ทำงานเสริ์ฟร้านกาแฟและช่วยในครัว เริ่มงานตี5 ขอเปลี่ยนเวลาเรียนไปเรียนตอนเย็น จนครบ6เดือน เดือนสุดท้ายทำงานเต็มทีคะ มีอะไรทำหมดจนได้ฉายา ญ เหล็ก ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ นอนให้น้อยทำงานให้เยอะ ต้นทุนชีวิตที่เริ่มต้นจากการเป็นหนี้และใฝ่สูง
เรื่องราวเพิ่งเริ่มต้นนะคะ ยังไม่จบคะ ทุกเรื่องราวที่เขียนในนี้คือเรื่องจริง
+++++ส่วนตัวไม่ได้มีสามีฝรั่งนะคะ ทุนที่เปิดร้านนวด คือแรงงานล้วนๆคะ++++++
ขอโทษด้วยนะคะ ถ้าเขียนผิดพลาดประการใด เป็นครั้งแรกคะ ติชมและเสนอแนะได้คะ
ยังมีเรื่องราวที่อยากแชร์คะ "ชีวิตหมอนวดในเมืองฝรั่ง"ยิ้มอมยิ้ม01
https://www.facebook.com/groups/732932653475100/?fref=ts