DSI กู่ไม่กลับ เริ่มมึน วันเดียวพลาด 3 เรื่องใหญ่ :
- อดีตรองอธิบดีกรมสรรพสามิต ยันรายละเอียดยิบ ม. 27 ทวิ เอาผิดรถโบราณสมเด็จช่วงไม่ได้.
- ธรรมกายแถลงโต้ปฏิเสธทันควัน "หลวงพ่อบริสุทธิ์".
- เจ้าคุณเบอร์ลิน โพสต์แฉซ้ำ พร้อมให้ตอบสังคมกรณี ลอบบี้อัยการหวังฟ้องสมเด็จช่วง ว่าจริงหรือไม่.
-----------------------------------------------------
- โพสต์วันนี้ ตั้งห้วข้อยาวหน่อยนะครับ และเรื่องยาวด้วย.
- เพราะผมต้องการให้ได้ทราบรายละเอียดทั้งหมดอย่าสมบูรณ์ที่สุด.
- สำหรับผู้ที่คอยติดตามข่าววันนี้ ว่า มีอะไรที่เป็นประเด็นร้อน ที่ผมจะหยิบมาพูดถึงบ้าง.
- ซึ่งวันนี้ สื่อเกือบทุกสำนัก ได้รายงานข่าว ข้างต้นนี้กันอย่างแพร่หลาย.
- เพราะดูเหมือนว่า ข่าวเหล่านี้ จะเป็นที่จับตาของสังคมชาวพุทธเป็นพิเศษ โดยเฉพาะศิษย์สายวัดพระธรรมกายซึ่งมีอยู่ทั่วโลก.
--------------------------------
- วันนี้ ผมจะขออนุญาตชวนคุย ๓ เรื่อง ดังหัวข้อที่จั่วไว้ข้างต้นนะครับ.
- พร้อมมีข่าวจาก นสพ. แนบมาให้อ่านรายละเอียดด้วย ในข้างท้ายโพสต์นี้.
--------------------------------------------
DSI กู่ไม่กลับ เริ่มมึน วันเดียวเดินพลาด ๓ เรื่องใหญ่
- ต่อเนื่องจากโพสต์เมื่อวาน ซึ่งผมก็พูดถึง ดีเอสไอ ไปรอบแล้ว.
- จริง ๆ กรมนี้น่าจะเรียกว่า "กรมมีกรรมหนัก" นะครับจึงจะถูก.
- เพราะทำท่าว่า จะได้รับผลกรรมที่สร้างไว้กับ "พระพุทธศาสนา" อย่างต่อเนื่องในเร็วนี้ ๆ เสียแล้ว.
- ดังที่เขามักพูดกันว่า ยุคนี้กรรมติดจรวด คือ ให้ผลเร็วเกินคาด.
- ที่จริงแล้ว มีคนตั้งข้อสังเกตมานานว่า "กรม" นี้.
- มีอะไรแปลก ๆ หลายอย่าง เช่น หากใครได้โอนไปทำงานที่นี่ "มันจะเปลี่ยนไปทันที".
- เปลี่ยนทั้ง ความคิด นิสัย ลักษณะท่าทาง ทั้ง ๆ ที่รู้จักหรือคบกันมานานนี้แหละ.
- ที่สังเกตชัดเจน ก็คือ มักจะ "ลืมกฏแห่งกรรม" คือ จะไม่เกรงกลัวบาปบุญคุณโทษใด ๆ ทั้งสิ้น กริยาท่าทางที่แสดงออกต่อพระสงฆ์ก็เปลี่ยนไป.
- แม้ตัวเองก็จะห่างเหินศาสนาไปโดยไม่รู้ตัว ก็ไม่รู้เป็นเพราะอะไร.
------------------------------
- ดูพฤติกรรมได้ เช่น แม้แต่พระผู้ใหญ่ระดับปู่ก็ไม่เกรง ใจ ไร้สัมมาคารวะ ลืมคำที่พ่อแม่เคยสอนให้เคารพพระสงฆ์ไปเสียสิ้น.
- คือ นึกจะทำอะไรก็ทำ เหมือนเป็นคนนอกศาสนา ทั้งที่เคยเข้าไปยังวัดหรือศาสนาสถานแบบนอบน้อมเคารพ ระวัง สำรวมกายใจ แต่ก็มาเปลี่ยนไป.
---------------------
- บางคน พอมาได้มาทำงานที่ ดีเอสไอ ก็ ค่อย ๆ เปลี่ยนไปแบบไม่รู้ตัว.
- ซึ่งบางคนก็ลืมตัวไปเลย ว่า เป็นคนไทย หรือเป็นชาวพุทธ.
- อย่างนี้ จะไม่ให้เรียกว่า "กรมมีกรรมหนัก " ได้อย่างไร.
- เพราะวัน ๆ คนอื่น เขามีแต่สะสมบุญ นี่กลับตรงกันข้าม.
-------------------------
- พูดมาถึงตรงนี้ อย่าเพิ่งโกรธว่า เจ้าคุณเบอร์ลิน มองโลกในแง่ร้ายนะครับ.
- จะพิสูจน์คำพูดนี้ก็ไม่ยากครับ ว่าง ๆ ให้ใส่เครื่องแบบหน่วยงานนี้ แล้วออกไปเดินตลาดได้เลย.
- รับรองผู้คนมองไม่เป็นมิตรตั้งแต่หัวยันเท้าก็แล้วกัน.
- โดยเฉพาะในช่วงนี้ ช่วงที่มาขยันหาเรื่องพระเรื่องเจ้านี้แหละ.
- หรือหากจะให้จะ ๆ ก็โน้นเลย ตามตลาดนัด หรือตลาดโรงเกลือ.
- ลองไปเดินซีครับ แล้วจะรู้ว่า "ชาวบ้านเขามีปฏิกริยากับหน่วยงานนี้กันยังไง".
------------------------
- ผมเขียนมาถึงตรงนี้ ทีมงานส่งซิกมาว่า...
"อาจารย์เจ้าคุณ บอกเตือนพวกทำงานกรมนี้ด้วยว่า..
เวลาตาย จะหาวัดตั้งศพนั้น อย่าไปบอกนะว่า ..
ทำงานที่นี่ เพราะหลวงพ่อหลวงพี่
เกือบจะทุกวัด เตรียมต้อนรับที่วัดกันอยู่แล้ว...(แรง ๆ แต่เขาฝากมาจริง ๆ)".
------------------------------
- ทั้งหมดที่สาธยายมานี้ ก็เพราะพวกท่าน ได้มาล้อเล่นกับ "กฏแห่งกรรม" จนกู่ไม่กลับนะแหละครับ ผลกรรมนี้จึงแรง และเร็ว.
--------------------------------------
DSI เริ่มมึนเอง
- ก็พอจะเข้าใจได้ครับว่า แม้แต่ ตัวอธิบดี กรมดีเอสไอ เอง ก็ดูเหมือนท่านเองก็สูญเสียความมั่นใจ ในตัวเองไปหมดแล้ว ซึ่งก็น่าเห็นใจ ก็เป็นอันรู้ ๆ กัน.
- ลำพังพนักงาน หรือลูกทีม ก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง.
- เป็นอันรู้กันว่า เพราะใคร เพราะอะไร จึงทำให้ กรมสำคัญของประเทศจึงมีสภาพเช่นนี้.
-----------------------------
- ด้วยอาการที่เรียกว่า "มึน" นั้นเอง.
- มาวันนี้ วันเดียว พวกท่านทำงานผิดพลาดถึง ๓ เรื่องใหญ่ ๆ .
- ผมว่าแบบนี้ "เจ้านาย คงไม่แค่ลมออกหูแล้วละครับ".
- รอดูต่อไปว่า "เจ้านายจะสั่นเป็นเจ้าเข้า ใส่พวกท่านอย่างไร".
----------------------------------------
พลาดเรื่องที่ ๑.
- เรื่อง อดีตรองอธิบดี กรมสรรพสามิต ชื่อ นายสมชัย อภิวัฒนพร ได้โพสต์แจงรายละเอียดยิบในโพสต์ของท่านไว้.
- เกี่ยวกับเรื่องที่ ดีเอสไอ จะดำเนินการเอาผิด กับ หลวงพ่อสมเด็จช่วง วัดปากน้ำ กรณีรถโบราณที่กำลังไม่รู้จะจบอย่างไร.
- วันนี้ ท่านอดีตรองอธิบดี ฯ ยังได้ยกกฏหมาย ม. ๒๗ ทวิ เรื่องความผิดกรณีการเสียภาษีสรรพสามิต มาอธิบายด้วย.
- ซึ่งโพสต์ของท่านนี้ ทำให้สังคม ได้รับความกระจ่างเรื่องนี้มาก มีการแชร์ไปอย่างกว้างขวาง ผมเองก็ได้รับโดยตรง.
- ท่านอดีตรองอธิบดี ฯ ท่านได้นำประสบการณ์ตรงมาเล่าให้ฟัง และยกกฏหมายมาประกอบด้วย.
- พร้อมตบท้ายในโพสต์ โดยเตือนเรื่อง กฏแห่งกรรม ต่อ ดีเอสไอไปด้วยว่า...
"อย่าพยายามยัดเยียดคดี ให้ท่านเลย
อย่าได้แปลงถูกเป็นผิดไปเลย
มันจะเป็นกรรมหนักไปเปล่าๆ".
----------------------
- สิ่งที่ทำให้คำพูดของท่านมีน้ำหนักมากที่สุด ก็คือ ตัวท่านเป็นถึงอดีตรองอธิบดีกรมสรรพสามิต กรมที่ดูแลเรื่องภาษีเรื่องรถโดยตรง.
--------------
- โพสต์ ทั้งหมด ของ นายสมชัย อภิวัฒนพร อดีตรองอธิบดี กรมสรรพสามิต...เมื่อง ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๙.
- ซึ่งเพื่อความสมบูรณ์ ผมจึงขออนุญาตท่านเจ้าของโพสต์ นำมาลงทั้งหมดเลย ดังต่อไปนี้...
--------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------
วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2559 เวลา 17:08 น.
เมื่อวันที่ 30 มี.ค. นายสมชัย อภิวัฒนพร อดีตรองอธิบดีกรมสรรพสามิต โพสต์ข้อความ ในเฟซบุ๊ก Somchai Ap ระบุว่า ผมเคยรับราชการ เป็นรองอธิบดีกรมสรรพสามิตครับ
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ รับรองว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง
เจ้าหน้าที่สรรพสามิต ไปตรวจรีสอร์ต แห่งหนึ่ง พบว่า มีแอร์คอนดิชั่น ที่ใช้ในรีสอร์ตยังไม่ได้เสียภาษี ซึ่งได้ซื้อมาตามปกติ มีเรื่องราวเกี่ยวกับการจับกุมมีการต่อรองการเสียภาษีค่าปรับ เจ้าของรีสอร์ตก็ร้องเรียนว่าเจ้าพนักงานสรรพสามิตดำเนินการโดยมิชอบ มีการออกสื่อทางทีวี
ผมไม่รู้จักเจ้าพนักงานสรรพสามิตและเจ้าของรีสอร์ตเป็นการส่วนตัว ผมได้คุยกับเจ้าพนักงานสรรพสามิต จริงอยู่ตาม พรบ.ผู้ครอบครองจะต้องเสียภาษี แต่หลักการจริงของ พรบ.เก็บภาษีสรรพสามิตจากผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรม ตามราคาโรงงานอุตสาหกรรม คือเก็บภาษีจากผู้ผลิต
ในเมื่อเจ้าของรีสอร์ต มีหลัฐานการซื้อ มีใบเสร็จรับเงิน มีหลักฐานการจ่ายเงิน ผู้ผลิตดิ้นไม่หลุด ขึ้นศาลก็แพ้
การที่จะไปดำเนินคดีกับผู้ครอบครองนั่นคือปลายเหตุ คดีนี้ เจ้าของรีสอร์ตไม่สามารถหาหลักฐานการซื้อแอร์มาแสดงให้เจ้าพนักงานสรรพสามิต สรรพสามิตส่งอัยการฟ้องดำเนินคดีตามมาตร161แห่ง พรบ.สรรพสามิต คือมีสินค้าไว้ครอบครอง"โดยรู้ว่าเป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษี"
อัยการสั่งไม่ฟ้องเพราะขาดพยานหลักฐานที่แสดงว่าผู้ครอบครองรู้ว่าเป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษีกับเจ้าของรีสอร์ต แต่เจ้าพนักงานสรรพสามิตถูกร้องว่าปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และ ป.ป.ช.กำลังไต่สวนอยู่ขณะนี้ครับ
คดีนี้ถ้าจะไปเทียบเคียงกับคดี รถยนต์โบราณ น่าจะได้
รถยนต์ก็จอดอยู่ให้พี่น้องชาวพุทธได้ชม
คนทำคดีน่าจะใช้สมอง ไม่ต้องออกหมายสมเด็จท่าน ไม่ต้องเชิญ ไปสอบสมเด็จท่านเอง
ส่วนเรื่องที่สมเด็จท่านจะมอบหมายให้พระรูปใดเป็นผู้ชี้แจง ก็นำมาใช้เป็นหลักฐานได้ตามกฎหมาย ไม่ต้องทำเป็นข่าวให้ใหญ่โต สมเด็จท่านอายุก็มาก 90 กว่าแล้ว ถ้าไม่มีจริยาวัตรที่ดีงามคงไม่ได้รับการแต่งตั้ง
เจ้าหน้าที่ถ้าทำให้ท่านต้องมัวหมอง ระวังนรกนะครับ ผมเคยเป็นคณะกรรมการพิจารณาพิกัดอัตราภาษีศุลกากรอยู่ 3 ปี ถ้าเจ้าหน้าที่คิดจะใช้ กฎหมายศุลกากรมาดำเนินการ กับท่านสมเด็จ
อย่าเลยครับ ตาม ม.27 ทวิ ตัวบทเขียนไว้ชัดเจนว่าจะดำเนินคดีแก่ผู้ครอบครองได้ ต้องรู้แล้วว่าเป็นรถที่ยังมิได้เสียภาษี ม27ทวิ"ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่ยังมิได้เสียภาษี"
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ ดีเอสไอ ได้แถลงข่าวว่ามีข้อมูลรถจดประกอบลักษณะนี้กว่า 6,000 คัน แต่เร่งตรวจสอบเฉพาะคันนี้ในช่วงเวลาที่จะเสนอชื่อสมเด็จฯขึ้นทูลเกล้าแต่งตั้ง
ที่ ดีเอสไอเปิดแถลง ก็เป็นขั้นตอน การนำเข้าชิ้นส่วนจากต่างประเทศแต่ละชิ้น ไม่ว่าตัวถัง เครื่องยนต์ และอุปกรณ์ส่วนควบ ซึ่งเป็นเวลาก่อนที่จะมีผู้ไปนำถวายสมเด็จช่วง ข้อเท็จจริงท่านอยู่ปลายทาง ที่รถสำเร็จรูปมาแล้ว จึงมีการถวายจอดอยู่แสดงโชว์เป็นรถโบราณไว้ในพิพิธภันฑ์มิได้ออกไปใช้งาน เหมือนรถยนต์ทั่วไป
แต่ขณะที่รถยนต์อีก 6,000 คัน กลับไม่รีบทำการตรวจสอบและดำเนินการแต่อย่างใด ควรไปดำเนินคดีกับรถยนต์ที่วิ่งอยู่บนท้องถนนมากกว่า
ทำให้เห็นกระบวนการยุติธรรมว่า แม้กฎหมายจะดี แต่องค์กร และบุคคลในกระบวนการยุติธรรมถ้าบังอาจบิดเบือนข้อกฎหมายตีความตามอำเภอใจจึงถือเป็นเรื่องน่าเศร้าอย่างยิ่ง
ทั้งสรรพสามิตและศุลกากร ดูที่เจตนาของผู้ครอบครองว่า รู้หรือไม่รู้ ว่าเสียภาษีไม่ถูกต้อง
ถ้ารู้ต้องถูกดำเนินคดี ก็เท่านั้นเอง
ถามทุกท่านท่านซื้อรถยนต์มาขับทุกวันนี้เคยเห็นหลักฐานเสียภาษีสรรพสามิต ศุลกากร คนขายรถมันเคยแสดงหลักฐานให้ท่านดูไหมว่าเสียภาษีมาถูกต้องครบถ้วนแล้ว
แล้วสมเด็จท่านจะทราบได้อย่างไรว่ารถคันนี้เสียถูกต้องหรือไม่ถูกต้องอย่างไร.
------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------
- นี้คือ โพสต์ทั้งหมด ของ ท่านสมชัย ครับ.
- ถึงตรงนี้ ผมจึงว่า ดีเอสไอ พลาดใหญ่ เรื่องที่ ๑. ดังที่จั่วไว้ข้างต้น.
-------------------------------
- ณ เวลานี้ คงต้องถามดัง ๆ ไปยัง ดีเอสไอ แล้วละว่า ..
- จากนี้ไป คดีรถโบราณ ของ สมเด็จช่วง นี้จะเดินไปทางไหนดีละครับ.
- ถึงจะมีคน ได้ตั้งธงไว้อย่างไรก็ตาม แต่งานนี้ ธงกลับกลายเป็นหอกพุ่งใส่คอหอยผู้เกี่ยวข้อง ที่พยายามป้ายความผิดให้พระแล้วละครับ.
- ต่อไปนี้ ตั้งหลักให้ดี ๆ ก็แล้วกัน หากตั้งหลักไม่ดี อาจจูงมือพากันเดินสู่ "คุก" เสียเองก็ได้อย่าทำเป็นประมาทไปนะครับ.
- แต่ ดีเอสไอ ทราบมัยครับ ว่า..
"ขณะนี้ด้วยการกระทำของท่านนั้น ได้สร้างความเสียหายมหาศาลแค่ไหน ทั้งกับพระศาสนา และตัวหลวงพ่อสมเด็จช่วงเอง".
----------------------------
- เห็นหรือยังว่า คนเรานั้น เมื่อมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ และหลงไปคบคนพาล ไปร่วมแก๊งค์ทำลายศาสนา ผลสุดท้าย "มันจะมีสภาพอย่างไร".
- นี่เพียงแค่กรรมเริ่มให้ผลเท่านั้นนะครับ ตั้งสติรับให้ดี ๆ ก็แล้วกัน ลูกหนัก ๆ กำลัง ตามมาอีกมากนัก.
--------------------------
DSI กู่ไม่กลับ เริ่มมึน วันเดียวพลาด 3 เรื่องใหญ่ : (โดย เจ้าคุณเบอร์ลิน)
- อดีตรองอธิบดีกรมสรรพสามิต ยันรายละเอียดยิบ ม. 27 ทวิ เอาผิดรถโบราณสมเด็จช่วงไม่ได้.
- ธรรมกายแถลงโต้ปฏิเสธทันควัน "หลวงพ่อบริสุทธิ์".
- เจ้าคุณเบอร์ลิน โพสต์แฉซ้ำ พร้อมให้ตอบสังคมกรณี ลอบบี้อัยการหวังฟ้องสมเด็จช่วง ว่าจริงหรือไม่.
-----------------------------------------------------
- โพสต์วันนี้ ตั้งห้วข้อยาวหน่อยนะครับ และเรื่องยาวด้วย.
- เพราะผมต้องการให้ได้ทราบรายละเอียดทั้งหมดอย่าสมบูรณ์ที่สุด.
- สำหรับผู้ที่คอยติดตามข่าววันนี้ ว่า มีอะไรที่เป็นประเด็นร้อน ที่ผมจะหยิบมาพูดถึงบ้าง.
- ซึ่งวันนี้ สื่อเกือบทุกสำนัก ได้รายงานข่าว ข้างต้นนี้กันอย่างแพร่หลาย.
- เพราะดูเหมือนว่า ข่าวเหล่านี้ จะเป็นที่จับตาของสังคมชาวพุทธเป็นพิเศษ โดยเฉพาะศิษย์สายวัดพระธรรมกายซึ่งมีอยู่ทั่วโลก.
--------------------------------
- วันนี้ ผมจะขออนุญาตชวนคุย ๓ เรื่อง ดังหัวข้อที่จั่วไว้ข้างต้นนะครับ.
- พร้อมมีข่าวจาก นสพ. แนบมาให้อ่านรายละเอียดด้วย ในข้างท้ายโพสต์นี้.
--------------------------------------------
DSI กู่ไม่กลับ เริ่มมึน วันเดียวเดินพลาด ๓ เรื่องใหญ่
- ต่อเนื่องจากโพสต์เมื่อวาน ซึ่งผมก็พูดถึง ดีเอสไอ ไปรอบแล้ว.
- จริง ๆ กรมนี้น่าจะเรียกว่า "กรมมีกรรมหนัก" นะครับจึงจะถูก.
- เพราะทำท่าว่า จะได้รับผลกรรมที่สร้างไว้กับ "พระพุทธศาสนา" อย่างต่อเนื่องในเร็วนี้ ๆ เสียแล้ว.
- ดังที่เขามักพูดกันว่า ยุคนี้กรรมติดจรวด คือ ให้ผลเร็วเกินคาด.
- ที่จริงแล้ว มีคนตั้งข้อสังเกตมานานว่า "กรม" นี้.
- มีอะไรแปลก ๆ หลายอย่าง เช่น หากใครได้โอนไปทำงานที่นี่ "มันจะเปลี่ยนไปทันที".
- เปลี่ยนทั้ง ความคิด นิสัย ลักษณะท่าทาง ทั้ง ๆ ที่รู้จักหรือคบกันมานานนี้แหละ.
- ที่สังเกตชัดเจน ก็คือ มักจะ "ลืมกฏแห่งกรรม" คือ จะไม่เกรงกลัวบาปบุญคุณโทษใด ๆ ทั้งสิ้น กริยาท่าทางที่แสดงออกต่อพระสงฆ์ก็เปลี่ยนไป.
- แม้ตัวเองก็จะห่างเหินศาสนาไปโดยไม่รู้ตัว ก็ไม่รู้เป็นเพราะอะไร.
------------------------------
- ดูพฤติกรรมได้ เช่น แม้แต่พระผู้ใหญ่ระดับปู่ก็ไม่เกรง ใจ ไร้สัมมาคารวะ ลืมคำที่พ่อแม่เคยสอนให้เคารพพระสงฆ์ไปเสียสิ้น.
- คือ นึกจะทำอะไรก็ทำ เหมือนเป็นคนนอกศาสนา ทั้งที่เคยเข้าไปยังวัดหรือศาสนาสถานแบบนอบน้อมเคารพ ระวัง สำรวมกายใจ แต่ก็มาเปลี่ยนไป.
---------------------
- บางคน พอมาได้มาทำงานที่ ดีเอสไอ ก็ ค่อย ๆ เปลี่ยนไปแบบไม่รู้ตัว.
- ซึ่งบางคนก็ลืมตัวไปเลย ว่า เป็นคนไทย หรือเป็นชาวพุทธ.
- อย่างนี้ จะไม่ให้เรียกว่า "กรมมีกรรมหนัก " ได้อย่างไร.
- เพราะวัน ๆ คนอื่น เขามีแต่สะสมบุญ นี่กลับตรงกันข้าม.
-------------------------
- พูดมาถึงตรงนี้ อย่าเพิ่งโกรธว่า เจ้าคุณเบอร์ลิน มองโลกในแง่ร้ายนะครับ.
- จะพิสูจน์คำพูดนี้ก็ไม่ยากครับ ว่าง ๆ ให้ใส่เครื่องแบบหน่วยงานนี้ แล้วออกไปเดินตลาดได้เลย.
- รับรองผู้คนมองไม่เป็นมิตรตั้งแต่หัวยันเท้าก็แล้วกัน.
- โดยเฉพาะในช่วงนี้ ช่วงที่มาขยันหาเรื่องพระเรื่องเจ้านี้แหละ.
- หรือหากจะให้จะ ๆ ก็โน้นเลย ตามตลาดนัด หรือตลาดโรงเกลือ.
- ลองไปเดินซีครับ แล้วจะรู้ว่า "ชาวบ้านเขามีปฏิกริยากับหน่วยงานนี้กันยังไง".
------------------------
- ผมเขียนมาถึงตรงนี้ ทีมงานส่งซิกมาว่า...
"อาจารย์เจ้าคุณ บอกเตือนพวกทำงานกรมนี้ด้วยว่า..
เวลาตาย จะหาวัดตั้งศพนั้น อย่าไปบอกนะว่า ..
ทำงานที่นี่ เพราะหลวงพ่อหลวงพี่
เกือบจะทุกวัด เตรียมต้อนรับที่วัดกันอยู่แล้ว...(แรง ๆ แต่เขาฝากมาจริง ๆ)".
------------------------------
- ทั้งหมดที่สาธยายมานี้ ก็เพราะพวกท่าน ได้มาล้อเล่นกับ "กฏแห่งกรรม" จนกู่ไม่กลับนะแหละครับ ผลกรรมนี้จึงแรง และเร็ว.
--------------------------------------
DSI เริ่มมึนเอง
- ก็พอจะเข้าใจได้ครับว่า แม้แต่ ตัวอธิบดี กรมดีเอสไอ เอง ก็ดูเหมือนท่านเองก็สูญเสียความมั่นใจ ในตัวเองไปหมดแล้ว ซึ่งก็น่าเห็นใจ ก็เป็นอันรู้ ๆ กัน.
- ลำพังพนักงาน หรือลูกทีม ก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง.
- เป็นอันรู้กันว่า เพราะใคร เพราะอะไร จึงทำให้ กรมสำคัญของประเทศจึงมีสภาพเช่นนี้.
-----------------------------
- ด้วยอาการที่เรียกว่า "มึน" นั้นเอง.
- มาวันนี้ วันเดียว พวกท่านทำงานผิดพลาดถึง ๓ เรื่องใหญ่ ๆ .
- ผมว่าแบบนี้ "เจ้านาย คงไม่แค่ลมออกหูแล้วละครับ".
- รอดูต่อไปว่า "เจ้านายจะสั่นเป็นเจ้าเข้า ใส่พวกท่านอย่างไร".
----------------------------------------
พลาดเรื่องที่ ๑.
- เรื่อง อดีตรองอธิบดี กรมสรรพสามิต ชื่อ นายสมชัย อภิวัฒนพร ได้โพสต์แจงรายละเอียดยิบในโพสต์ของท่านไว้.
- เกี่ยวกับเรื่องที่ ดีเอสไอ จะดำเนินการเอาผิด กับ หลวงพ่อสมเด็จช่วง วัดปากน้ำ กรณีรถโบราณที่กำลังไม่รู้จะจบอย่างไร.
- วันนี้ ท่านอดีตรองอธิบดี ฯ ยังได้ยกกฏหมาย ม. ๒๗ ทวิ เรื่องความผิดกรณีการเสียภาษีสรรพสามิต มาอธิบายด้วย.
- ซึ่งโพสต์ของท่านนี้ ทำให้สังคม ได้รับความกระจ่างเรื่องนี้มาก มีการแชร์ไปอย่างกว้างขวาง ผมเองก็ได้รับโดยตรง.
- ท่านอดีตรองอธิบดี ฯ ท่านได้นำประสบการณ์ตรงมาเล่าให้ฟัง และยกกฏหมายมาประกอบด้วย.
- พร้อมตบท้ายในโพสต์ โดยเตือนเรื่อง กฏแห่งกรรม ต่อ ดีเอสไอไปด้วยว่า...
"อย่าพยายามยัดเยียดคดี ให้ท่านเลย
อย่าได้แปลงถูกเป็นผิดไปเลย
มันจะเป็นกรรมหนักไปเปล่าๆ".
----------------------
- สิ่งที่ทำให้คำพูดของท่านมีน้ำหนักมากที่สุด ก็คือ ตัวท่านเป็นถึงอดีตรองอธิบดีกรมสรรพสามิต กรมที่ดูแลเรื่องภาษีเรื่องรถโดยตรง.
--------------
- โพสต์ ทั้งหมด ของ นายสมชัย อภิวัฒนพร อดีตรองอธิบดี กรมสรรพสามิต...เมื่อง ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๙.
- ซึ่งเพื่อความสมบูรณ์ ผมจึงขออนุญาตท่านเจ้าของโพสต์ นำมาลงทั้งหมดเลย ดังต่อไปนี้...
--------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------
วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2559 เวลา 17:08 น.
เมื่อวันที่ 30 มี.ค. นายสมชัย อภิวัฒนพร อดีตรองอธิบดีกรมสรรพสามิต โพสต์ข้อความ ในเฟซบุ๊ก Somchai Ap ระบุว่า ผมเคยรับราชการ เป็นรองอธิบดีกรมสรรพสามิตครับ
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ รับรองว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง
เจ้าหน้าที่สรรพสามิต ไปตรวจรีสอร์ต แห่งหนึ่ง พบว่า มีแอร์คอนดิชั่น ที่ใช้ในรีสอร์ตยังไม่ได้เสียภาษี ซึ่งได้ซื้อมาตามปกติ มีเรื่องราวเกี่ยวกับการจับกุมมีการต่อรองการเสียภาษีค่าปรับ เจ้าของรีสอร์ตก็ร้องเรียนว่าเจ้าพนักงานสรรพสามิตดำเนินการโดยมิชอบ มีการออกสื่อทางทีวี
ผมไม่รู้จักเจ้าพนักงานสรรพสามิตและเจ้าของรีสอร์ตเป็นการส่วนตัว ผมได้คุยกับเจ้าพนักงานสรรพสามิต จริงอยู่ตาม พรบ.ผู้ครอบครองจะต้องเสียภาษี แต่หลักการจริงของ พรบ.เก็บภาษีสรรพสามิตจากผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรม ตามราคาโรงงานอุตสาหกรรม คือเก็บภาษีจากผู้ผลิต
ในเมื่อเจ้าของรีสอร์ต มีหลัฐานการซื้อ มีใบเสร็จรับเงิน มีหลักฐานการจ่ายเงิน ผู้ผลิตดิ้นไม่หลุด ขึ้นศาลก็แพ้
การที่จะไปดำเนินคดีกับผู้ครอบครองนั่นคือปลายเหตุ คดีนี้ เจ้าของรีสอร์ตไม่สามารถหาหลักฐานการซื้อแอร์มาแสดงให้เจ้าพนักงานสรรพสามิต สรรพสามิตส่งอัยการฟ้องดำเนินคดีตามมาตร161แห่ง พรบ.สรรพสามิต คือมีสินค้าไว้ครอบครอง"โดยรู้ว่าเป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษี"
อัยการสั่งไม่ฟ้องเพราะขาดพยานหลักฐานที่แสดงว่าผู้ครอบครองรู้ว่าเป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษีกับเจ้าของรีสอร์ต แต่เจ้าพนักงานสรรพสามิตถูกร้องว่าปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และ ป.ป.ช.กำลังไต่สวนอยู่ขณะนี้ครับ
คดีนี้ถ้าจะไปเทียบเคียงกับคดี รถยนต์โบราณ น่าจะได้
รถยนต์ก็จอดอยู่ให้พี่น้องชาวพุทธได้ชม
คนทำคดีน่าจะใช้สมอง ไม่ต้องออกหมายสมเด็จท่าน ไม่ต้องเชิญ ไปสอบสมเด็จท่านเอง
ส่วนเรื่องที่สมเด็จท่านจะมอบหมายให้พระรูปใดเป็นผู้ชี้แจง ก็นำมาใช้เป็นหลักฐานได้ตามกฎหมาย ไม่ต้องทำเป็นข่าวให้ใหญ่โต สมเด็จท่านอายุก็มาก 90 กว่าแล้ว ถ้าไม่มีจริยาวัตรที่ดีงามคงไม่ได้รับการแต่งตั้ง
เจ้าหน้าที่ถ้าทำให้ท่านต้องมัวหมอง ระวังนรกนะครับ ผมเคยเป็นคณะกรรมการพิจารณาพิกัดอัตราภาษีศุลกากรอยู่ 3 ปี ถ้าเจ้าหน้าที่คิดจะใช้ กฎหมายศุลกากรมาดำเนินการ กับท่านสมเด็จ
อย่าเลยครับ ตาม ม.27 ทวิ ตัวบทเขียนไว้ชัดเจนว่าจะดำเนินคดีแก่ผู้ครอบครองได้ ต้องรู้แล้วว่าเป็นรถที่ยังมิได้เสียภาษี ม27ทวิ"ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่ยังมิได้เสียภาษี"
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ ดีเอสไอ ได้แถลงข่าวว่ามีข้อมูลรถจดประกอบลักษณะนี้กว่า 6,000 คัน แต่เร่งตรวจสอบเฉพาะคันนี้ในช่วงเวลาที่จะเสนอชื่อสมเด็จฯขึ้นทูลเกล้าแต่งตั้ง
ที่ ดีเอสไอเปิดแถลง ก็เป็นขั้นตอน การนำเข้าชิ้นส่วนจากต่างประเทศแต่ละชิ้น ไม่ว่าตัวถัง เครื่องยนต์ และอุปกรณ์ส่วนควบ ซึ่งเป็นเวลาก่อนที่จะมีผู้ไปนำถวายสมเด็จช่วง ข้อเท็จจริงท่านอยู่ปลายทาง ที่รถสำเร็จรูปมาแล้ว จึงมีการถวายจอดอยู่แสดงโชว์เป็นรถโบราณไว้ในพิพิธภันฑ์มิได้ออกไปใช้งาน เหมือนรถยนต์ทั่วไป
แต่ขณะที่รถยนต์อีก 6,000 คัน กลับไม่รีบทำการตรวจสอบและดำเนินการแต่อย่างใด ควรไปดำเนินคดีกับรถยนต์ที่วิ่งอยู่บนท้องถนนมากกว่า
ทำให้เห็นกระบวนการยุติธรรมว่า แม้กฎหมายจะดี แต่องค์กร และบุคคลในกระบวนการยุติธรรมถ้าบังอาจบิดเบือนข้อกฎหมายตีความตามอำเภอใจจึงถือเป็นเรื่องน่าเศร้าอย่างยิ่ง
ทั้งสรรพสามิตและศุลกากร ดูที่เจตนาของผู้ครอบครองว่า รู้หรือไม่รู้ ว่าเสียภาษีไม่ถูกต้อง
ถ้ารู้ต้องถูกดำเนินคดี ก็เท่านั้นเอง
ถามทุกท่านท่านซื้อรถยนต์มาขับทุกวันนี้เคยเห็นหลักฐานเสียภาษีสรรพสามิต ศุลกากร คนขายรถมันเคยแสดงหลักฐานให้ท่านดูไหมว่าเสียภาษีมาถูกต้องครบถ้วนแล้ว
แล้วสมเด็จท่านจะทราบได้อย่างไรว่ารถคันนี้เสียถูกต้องหรือไม่ถูกต้องอย่างไร.
------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------
- นี้คือ โพสต์ทั้งหมด ของ ท่านสมชัย ครับ.
- ถึงตรงนี้ ผมจึงว่า ดีเอสไอ พลาดใหญ่ เรื่องที่ ๑. ดังที่จั่วไว้ข้างต้น.
-------------------------------
- ณ เวลานี้ คงต้องถามดัง ๆ ไปยัง ดีเอสไอ แล้วละว่า ..
- จากนี้ไป คดีรถโบราณ ของ สมเด็จช่วง นี้จะเดินไปทางไหนดีละครับ.
- ถึงจะมีคน ได้ตั้งธงไว้อย่างไรก็ตาม แต่งานนี้ ธงกลับกลายเป็นหอกพุ่งใส่คอหอยผู้เกี่ยวข้อง ที่พยายามป้ายความผิดให้พระแล้วละครับ.
- ต่อไปนี้ ตั้งหลักให้ดี ๆ ก็แล้วกัน หากตั้งหลักไม่ดี อาจจูงมือพากันเดินสู่ "คุก" เสียเองก็ได้อย่าทำเป็นประมาทไปนะครับ.
- แต่ ดีเอสไอ ทราบมัยครับ ว่า..
"ขณะนี้ด้วยการกระทำของท่านนั้น ได้สร้างความเสียหายมหาศาลแค่ไหน ทั้งกับพระศาสนา และตัวหลวงพ่อสมเด็จช่วงเอง".
----------------------------
- เห็นหรือยังว่า คนเรานั้น เมื่อมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ และหลงไปคบคนพาล ไปร่วมแก๊งค์ทำลายศาสนา ผลสุดท้าย "มันจะมีสภาพอย่างไร".
- นี่เพียงแค่กรรมเริ่มให้ผลเท่านั้นนะครับ ตั้งสติรับให้ดี ๆ ก็แล้วกัน ลูกหนัก ๆ กำลัง ตามมาอีกมากนัก.
--------------------------