เพื่อนๆครับ วันนี้เรามาคุยกันเรื่องการแพทย์ในพระไตรปิฎก ภาค 3 กันต่อนะครับ
สำหรับภาค 2 อ่านทบทวนได้ที่ลิงค์นี้ครับ
http://pantip.com/topic/34941082
วันนี้เอาเรื่อง “เหตุให้อายุยืนในพระไตรปิฎก” มาฝากครับ
สำนักข่าวโซหูเน็ตของจีน รายงานว่า พบหลวงจีนมรณภาพนามว่า อู๋อวิ๋นชิง อายุ 160 ปี
ร่างกายไม่เน่าไม่เปื่อย ที่วัดหลิงฉวน อำเภออันหยาง ในมณฑลเหอหนัน แม้จะมรณภาพมาแล้วกว่า 8 ปีก็ตาม
หลวงจีนอู๋อวิ๋นชิง นี้ เกิดเมื่อปี ค.ศ.1838 (พ.ศ.2381) ในเมืองซิ่งหยาง
เมื่ออายุ 15 ปี บิดามารดาเสียชีวิต หลังจากนั้น จึงออกจากบ้านเพื่อบวช
จนกระทั่งมรณภาพด้วยโรคชราเมื่อปี ค.ศ.1998 (พ.ศ.2541)
อ่านเจอข่าวนี้แล้วทำให้นึกถึงพระพากุลเถระครับ บันทึกไว้ในพระไตรปิฎกว่า ท่านอายุ 160 ปี
“พระเถระครองเรือน 80 ปี อาพาธเจ็บป่วยไร ๆ ก็มิได้มีตลอดกาล...
แม้บวชแล้ว อาพาธแม้เล็กน้อยมิได้มีเลย”
เหตุที่ท่านมีร่างกายแข็งแรงและอายุยืนเช่นนี้เพราะผลบุญที่ท่านได้ทำไว้ในอดีตชาติเป็นหลัก
โดยเฉพาะบุญจากการถวายยารักษาโรคแก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นต้น
ในเมืองไทยก็มีนักบวชหลายท่านที่มีอายุยืนเกิน 100 ปี เช่น หลวงปู่ละมัย ฐิตมโน เป็นต้น
ท่านมีอายุถึง 141 ปี หลวงปู่ละมัยเป็นเจ้าสำนักสงฆ์สวนป่าสมุนไพร อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์
แม้ท่านจะมีอายุมากแล้ว แต่เส้นผมยังดกดำ สุขภาพแข็งแรง
พระครูปัญญาวุธากร เหลนหลวงปู่ละมัย กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้อายุยืน
คาดว่ามาจากการที่หลวงปู่ชอบกินสมุนไพร ชอบฉันหมากเป็นประจำ ส่วนอาหารที่ชอบที่สุดคือ ปลาร้า 555555
มีชาวจีนอีกท่านหนึ่งที่อายุยืนมากๆคือ นาย ลี ชิง ยุน (李清云) ซึ่งมีอายุยืนถึง 256 ปี
ก่อนที่นายลี ชิง ยุนจะเสียชีวิต 3 ปี คือในปี พ.ศ. 2473
ศาสตราจารย์ วู ชุง-เฉียน ซึ่งเป็นคณะบดีของคณะศึกษาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยหมินกั๋วประเทศจีน
ได้ค้นพบหลักฐานแสดงบันทึกว่า นายลี ชิง ยุน ได้เกิดในปี พ.ศ. 2220
เพราะมีหลักฐานว่ารัฐบาลแห่งจักรพรรดิ์จีนได้ฉลองยินดีกับนาลี ชิง ยุนเมื่ออายุครบปีที่ 150
ต่อมาก็ฉลองอีกครั้งเมื่ออายุครบปีที่ 200 เมื่อย้อนเวลากลับไปจากการเฉลิมฉลอง 2 ครั้ง
จึงเชื่อได้ว่านายลี ชิง ยุน น่าจะเกิดในปี พ.ศ.2220
ในปี พ.ศ.2471 หนังสือพิมพ์นิวยอร์ค ไทมส์
ได้เคยเขียนบันทึกผู้สูงวัยซึ่งอยู่เป็นเพื่อนบ้านกับนายลี ชิง ยุน
ต่างก็ได้ยืนยันตรงกันว่าปู่ของพวกเขารู้จักและเคยเห็นนายลี ชิง ยุน ตั้งแต่ปู่ของพวกเขายังเป็นเด็ก
และหลังการเสียชีวิตของนายลี ชิง ยุน ในปี พ.ศ. 2479
นิตยสารไทมส์ และนิวยอร์ค ไทมส์ ได้รายงานว่านายลี ชิง ยุน มีภรรยา 23 คน
และมีทายาทกว่า 200 คนเรื่อยมาตลอดระยะเวลา 256 ปี 55555
อาจารย์ดา หลิว เป็นอาจารย์สอนมวยไทเก็ก ซึ่งเป็นลูกศิษย์คนหนึ่งของนาลี ชิง ยุน
ได้เล่าให้ฟังว่าเมื่อ อาจารย์ลี ชิง ยุนอายุได้ 130 ปี ได้พบกับฤาษีที่มีอายุมากว่า 500 ปีบนภูเขา
และสอนอาจารย์ลี ชิง ยุน ด้วยวิชามวย 9 มังกรปา-กว้าจ่าง (ชื่อมวยชนิดหนึ่งของสำนักบู๊ตึ้ง)
และแนะนำสอนการหายใจควบคู่กับชี่กง ฝึกสอนการเคลื่อนไหวที่ประสานไปกับเสียงแบบต่างๆ
และรวมถึงข้อแนะนำเกี่ยวกับอาหาร
ในปี พ.ศ. 2470 นายลี ชิง ยุน ได้ถูกเชิญโดยนายพลหยาง เซิน
เพื่อให้มาพบเขาที่ตำบลวันในมณฑลเสฉวน และได้ถ่ายรูปที่นั่น
โดยนายพลหยาง เซินได้สนใจและทึ่งกับความกระฉับกระเฉง ความแข็งแกร่ง
และความองอาจของนายลี ชิง ยุน ที่มีอายุมากในขณะนั้นถึง 250 ปีแล้ว
เพราะนายลี ชิง ยุน ในเวลานั้นยังเดินได้เป็นปกติ สายตาดีและมีผิวพรรณที่ดี
สุขภาพแข็งแรง หลังตรง หนังตึง เส้นผมกับฟันยังเป็นของแท้ตามธรรมชาติ
การตอบสนองและการพูดคุยเป็นไปอย่างยอดเยี่ยม
นายลี ชิง ยุน เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร ได้สนับสนุนและผลักดันให้ใช้ เห็ดหลินจือป่า,
ผลโกจิ เบอร์รี่ (เก๋ากี้), โสมป่า, He Shou Wu (สมุนไพรจีนบำรุงเลือด ชื่อภาษาอังกฤษว่า Polygonum),
และใบบัวบก ผสมผสานร่วมกับสมุนไพรอื่นๆ
ในบทความที่ชื่อ "เต่า-นกพิราบ-สุนัข" ซึ่งพิมพ์เผยยแพร่ในรายงานของนิตยสาร ไทม์
เมื่อวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2476 ได้รายงานประวัติรวมถึงคำตอบเคล็ดลับในการมีอายุยืนของนายลี ชิง ยุน
ซึ่งก็คือ "มีจิตใจสงบนิ่ง, นั่งเหมือนกับเต่าหมอบ, เดินเหินปราดเปรียวกระฉับกระเฉงเหมือนนกพิราบ,
นอนหลับสนิทเหมือนสุนัข"
กรณีที่อาจารย์ดา หลิว ลูกศิษย์คนหนึ่งของนาลี ชิง ยุน ได้เล่าว่า
นายลี ชิง ยุน ได้พบกับฤาษีซึ่งมีอายุมากว่า 500 ปีบนภูเขา และฤาษีก็ได้สอนวิธีการต่างๆที่ทำให้อายุยืนนั้น
ในเรื่องนี้ผมเองก็ได้ยินบ่อยๆครับ โดยเฉพาะเรื่อง พระผู้สำเร็จ
คือ ตามป่าตามเขาและบริเวณชายแดนของไทย ลาว เวียดนาม กัมพูชา พม่า ทิเบต เนปาล เป็นต้น
มีพระผู้สำเร็จอยู่จำนวนมาก โดยเฉพาะที่ถ้ำจุงจิงในประเทศกัมพูชา หรือ ภูเขาควาย ในประเทศลาว
พระผู้สำเร็จเหล่านี้เป็นฌานลาภีบุคคลคือ ได้บรรลุฌานในระดับต่างๆ แสดงฤทธิ์ได้ ย่นย่อระยะทางได้
หายตัวได้ อำพรางตัวได้ หลายรูปอยู่ได้โดยไม่ต้องฉันอาหาร บางรูปยืดอายุตัวเองให้ยาวออกไป 200 ปีก็มี 400 ปีก็มี
เช่น หลวงปู่พูสี เป็นต้น ซึ่งมีอายุถึง 400 กว่าปี เป็น 1 ใน 6 ของพระบังบดที่มีอยู่ ณ ภูเขาควาย ประเทศลาว
หรือพระที่มีอายุมากกว่านั้นก็มีครับ
อุบาสกคนหนึ่งชื่อ “อุ๊ย” เล่าว่า เคยบวชและออกเดินธุดงค์อยู่ 9 ปี
คราวหนึ่งหลังจากสงครามครั้งที่ 2 ได้ไม่นาน ท่านได้เดินธุดงค์จากเมืองไทยไปทิเบต
ไปกันทั้งหมด 5 รูป เข้าทางพม่า ผ่านชายแดนอินเดีย และข้ามเทือกเขาหิมาลัยไป
ด้วยความทุรกันดารของเส้นทางทำให้พระที่เดินธุดงค์มาด้วยกัน ค่อยๆมรณภาพไปทีละรูป
จนเหลือ “อุ๊ย” เพียงรูปเดียว เมื่อท่านข้ามเขาไปแล้วเจอป่าใหญ่สมบูรณ์
พอเข้าไปในป่าก็พบต้นโพธิ์ต้นใหญ่ ที่โคนต้นมีโพรงกว้างมากภายในจุคนได้ถึง 50 คน
ในโพรงนั้นมีพระภิกษุนั่งทำภาวนาอยู่หลายรูป ได้แก่ พระอาจารย์ 1 รูป พระฝรั่ง 2 รูป
พระอินเดีย 2 รูป พระพม่า 2 รูป พระจีน 1 รูป พระทิเบต 1 รูป และตัวท่านที่เข้าไปสมทบอีก 1 รูป
เหตุที่อุ๊ยไปถึงได้เพราะมีสายบุญกับพระอาจารย์คือ ในอดีตเคยทำบุญกับท่านเอาไว้
อุ๊ยเรียกพระอาจารย์ที่สอนภาวนาอยู่นั้นว่า “หลวงพ่อโพรงโพธิ์” เป็นพระที่มีบุคลิกต่างจากพระภิกษุทั่วไปคือ
มีร่างกายที่สูงใหญ่มาก กล่าวคือ ปกติอุ๊ยสูงประมาณ 170 กว่าเซนติเมตร แต่เมื่อไปยืนเทียบกับท่าน ปรากฏว่า
อุ๊ยสูงแค่สะดือของพระอาจารย์เท่านั้น แม้ท่านจะสูงแต่ก็สมส่วน ผิวสวยเหมือนเด็กอ่อนๆ คล้ายๆลูกตำลึงสุก
หน้าอิ่ม โครงหน้าแบบคนอินเดีย คิ้วโก่ง จมูกไม่โด่งมาก ปากสวย ผิวขาว หูยานเกือบถึงกลางคอ
ผิวไม่มีรอยย่น ตัวตรง คอกลม ไม่เห็นลูกกระเดือก มือเต็ม ฝ่าเท้ายาว นิ้วมือและนิ้วเท้าหลั่นกันนิดๆ
ไม่เห็นตาตุ่ม เท้าไม่มีเว้า ไม่เป็นแอ่ง ส้นกลม กล่าวคือ ได้ลักษณะมหาบุรุษบางประการ
ท่านห่มจีวรแบบ “ห่มดอง” สีจีวรเหมือนสีเปลือกไม้ บาตรของท่านทำจากเม็ดมะม่วงหิมพานต์ขนาดใหญ่มาก
โยมอุ๊ยทดลองวัดดูพบว่า กว้าง 2 คืบ ยาว 3 คืบ สีดำเมื่อม
หลวงพ่อโพรงโพธิ์ได้เห็นเม็ดมะม่วงหิมพานต์ตั้งแต่เม็ดของมันใหญ่ขนาดนั้น
ครั้งหนึ่งพระจีนจึงถามว่า ท่านอายุเท่าไร หลวงพ่อโพรงโพธิ์จึงหยิบเอาถุงหนังโตเท่ากำปั้น
ข้างในมีเมล็ดทราย ขนาดเล็กๆ ไม่ใหญ่กว่าเม็ดงา พระจีนเอาออกมานับดูเพื่อจะได้รู้ว่าท่านอายุเท่าไร
แต่ก็นับไม่หมดเพราะมีเยอะจึงเลิกนับไปก่อน อุ๊ยเล่าว่า ท่านอธิษฐานไว้ว่าจะเข้านิพพานพร้อมกับพระศรีอาริย์
จากเรื่องนี้ทำให้นึกได้ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเคยตรัสไว้ว่า
“ผู้ใดเจริญอิทธิบาท 4 ทำให้มาก ทำให้เป็นประหนึ่งยาน... ผู้นั้นเมื่อปรารถนาก็พึงดำรงอยู่ได้ตลอดกัป”
ซึ่งกัปในที่นี้เป็นระยะเวลาที่ยาวนานมาก การเจริญอิทธิบาท 4 ในที่นี้คือเจริญด้วยการทำสมาธิขั้นสูง
บางท่านอาจจะสงสัยเรื่องความสูงของหลวงพ่อโพรงโพธิ์ว่า จะเป็นไปได้หรือที่ท่านสูงกว่า 3 เมตรทีเดียว
ความจริงตามที่บันทึกไว้ในกินเนสส์บุ๊กนั้น คนที่สูงใกล้เคียงกับระดับนี้ก็มีคือ
นายลีโอนิด สตัดนิก ชาวยูเครน เขาสูงถึง 257 เซนติเมตร จากการวัดส่วนสูงเมื่อปี พ.ศ.2549
และในพระไตรปิฏกบันทึกไว้ว่าพระสมณโคดมพุทธเจ้ามีพระวรกายสูงถึง 16 ศอก
หาก 1 ศอกคือ 50 เซนติเมตร ก็แสดงว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราสูงถึง 8 เมตรทีเดียว
และความจริงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์อื่นๆมีความสูงมากกว่านี้อีกมาก
และถ้าเพื่อนๆเคยไปพิพิธภัณฑ์อาวุธโบราณต่างๆ จะเห็นว่าอาวุธในอดีตนั้นใหญ่มาก
เราไม่อาจถืออาวุธนั้นด้วยมือเพียงข้างเดียวได้ จึงชี้ให้เห็นว่าคนยุคโบราณตัวใหญ่กว่าปัจจุบันเพราะสิ่งแวดล้อมดีกว่า
และหากย้อนอดีตไปเรื่อยๆสิ่งแวดล้อมก็จะดีกว่าในปัจจุบันมากขึ้นเรื่อยๆ
อาหารก็จะมีคุณประโยชน์มากกว่าด้วย จึงเป็นไปได้มากที่คนในสมัยพุทธกาลมีความสูงถึง 8 เมตรจริง
สารคดี มนุษย์ยักษ์ สุดยอดมนุษย์ ครับ

สำหรับเหตุให้อายุยืนในพระพุทธศาสนานั้นสรุปได้ ดังนี้
1.ทำบุญยารักษาโรค
2.ทำบุญภัตตาหาร
3.ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
4.ปล่อยสัตว์ปล่อยปลา
5.เจริญอิทธิบาท 4 (นั่งสมาธิขั้นสูง)
6.ออกกำลังกายและควบคุมเรื่องอาหาร
ฯลฯ
6 ข้อนี้ โดยย่อครับ จึงทำเครื่องหมาย ฯลฯ ไว้
เพื่อนๆที่เคยอ่านพระไตรปิฎกมาก็จะทราบว่า สาเหตุแห่งการทำให้อายุยืนมีมากกว่านี้ครับ
เรื่องอิทธิบาท 4 ที่ผมบอกว่า เป็นเรื่องการนั่งสมาธิขั้นสูงและทำให้อายุยืนนั้น มีคำอธิบายอย่างนี้ครับ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสไว้ใน "มหาปรินิพพานสูตร" ว่า
ดูก่อนอานนท์ ผู้หนึ่งผู้ใดเจริญอิทธิบาท 4 ทำให้มาก ทำให้เป็นประหนึ่งยาน
ทำให้เป็นประหนึ่ง วัตถุที่ตั้ง ตั้งไว้เนือง ๆ อบรมไว้ ปรารภด้วยดี โดยชอบ
ดูก่อนอานนท์ ผู้นั้น เมื่อปรารถนา ก็พึงดำรง (ชนม์ชีพ) อยู่ได้ตลอดกัป เกินกว่ากัป
... ดูก่อนอานนท์ ตถาคตนั้น เมื่อปรารถนา ก็พึงดำรง (ชนม์ชีพ) อยู่ได้ ตลอดกัป หรือเกินกว่ากัปดังนี้.
(มหาปรินิพพานสูตร มมร . เล่ม 13 ข้อ 94 หน้า 276 )
พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังตรัสขยายความเรื่องอิทธิบาท 4 ไว้ว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในเรื่องอายุของภิกษุ มีอธิบายอย่างไร
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ เจริญอิทธิบาทประกอบด้วย
ฉันทสมาธิปธานสังขาร
เจริญอิทธิบาทประกอบด้วยวิริยสมาธิ...
จิตตสมาธิ... วิมังสาสมาธิปธานสังขาร
เธอนั้น เพราะเจริญอิทธิบาท4 เหล่านี้ เพราะกระทำให้มากซึ่งอิทธิบาท 4 เหล่านี้
เมื่อปรารถนาก็พึงตั้งอยู่ได้ถึงกัป 1 หรือเกินกว่ากัป 1.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้แลเป็นอธิบายในเรื่องอายุของภิกษุ.
(จักกวัตติสูตร มมร. เล่ม 15 ข้อ 50 หน้า 121)
สิ่งสำคัญที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้คือ ให้พิสูจน์ด้วยตัวเองครับ เช่น เรื่องเจริญอิทธิบาท 4 แล้วทำให้อายุยืน จริงไม่จริง อย่างไร แต่ต้องทำให้ถูกดี (ถูกต้อง) ถึงดี (มากพอ) และ พอดี จึงจะได้ผลดี บางครั้งเรามาติดกันตรงที่เปลือก ถ้าว่ากันโดยข้อมูลยากจะสรุปให้เห็นตรงกันครับ พระพุทธเจ้าสอน เอหิปัสสิโก ควรลองพิสูจน์ดูครับ ผมชอบคำสอนในพระพุทธศาสนาตรงนี้มาก คือ ไม่บังคับให้เชื่อ แต่ท้าให้พิสูจน์ครับ 55555 แน่จริงๆ
พระไตรปิฎกมีอะไรมากกว่าที่คิด ตอน 3
สำหรับภาค 2 อ่านทบทวนได้ที่ลิงค์นี้ครับ http://pantip.com/topic/34941082
วันนี้เอาเรื่อง “เหตุให้อายุยืนในพระไตรปิฎก” มาฝากครับ
สำนักข่าวโซหูเน็ตของจีน รายงานว่า พบหลวงจีนมรณภาพนามว่า อู๋อวิ๋นชิง อายุ 160 ปี
ร่างกายไม่เน่าไม่เปื่อย ที่วัดหลิงฉวน อำเภออันหยาง ในมณฑลเหอหนัน แม้จะมรณภาพมาแล้วกว่า 8 ปีก็ตาม
หลวงจีนอู๋อวิ๋นชิง นี้ เกิดเมื่อปี ค.ศ.1838 (พ.ศ.2381) ในเมืองซิ่งหยาง
เมื่ออายุ 15 ปี บิดามารดาเสียชีวิต หลังจากนั้น จึงออกจากบ้านเพื่อบวช
จนกระทั่งมรณภาพด้วยโรคชราเมื่อปี ค.ศ.1998 (พ.ศ.2541)
อ่านเจอข่าวนี้แล้วทำให้นึกถึงพระพากุลเถระครับ บันทึกไว้ในพระไตรปิฎกว่า ท่านอายุ 160 ปี
“พระเถระครองเรือน 80 ปี อาพาธเจ็บป่วยไร ๆ ก็มิได้มีตลอดกาล...
แม้บวชแล้ว อาพาธแม้เล็กน้อยมิได้มีเลย”
เหตุที่ท่านมีร่างกายแข็งแรงและอายุยืนเช่นนี้เพราะผลบุญที่ท่านได้ทำไว้ในอดีตชาติเป็นหลัก
โดยเฉพาะบุญจากการถวายยารักษาโรคแก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นต้น
ในเมืองไทยก็มีนักบวชหลายท่านที่มีอายุยืนเกิน 100 ปี เช่น หลวงปู่ละมัย ฐิตมโน เป็นต้น
ท่านมีอายุถึง 141 ปี หลวงปู่ละมัยเป็นเจ้าสำนักสงฆ์สวนป่าสมุนไพร อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์
แม้ท่านจะมีอายุมากแล้ว แต่เส้นผมยังดกดำ สุขภาพแข็งแรง
พระครูปัญญาวุธากร เหลนหลวงปู่ละมัย กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้อายุยืน
คาดว่ามาจากการที่หลวงปู่ชอบกินสมุนไพร ชอบฉันหมากเป็นประจำ ส่วนอาหารที่ชอบที่สุดคือ ปลาร้า 555555
มีชาวจีนอีกท่านหนึ่งที่อายุยืนมากๆคือ นาย ลี ชิง ยุน (李清云) ซึ่งมีอายุยืนถึง 256 ปี
ก่อนที่นายลี ชิง ยุนจะเสียชีวิต 3 ปี คือในปี พ.ศ. 2473
ศาสตราจารย์ วู ชุง-เฉียน ซึ่งเป็นคณะบดีของคณะศึกษาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยหมินกั๋วประเทศจีน
ได้ค้นพบหลักฐานแสดงบันทึกว่า นายลี ชิง ยุน ได้เกิดในปี พ.ศ. 2220
เพราะมีหลักฐานว่ารัฐบาลแห่งจักรพรรดิ์จีนได้ฉลองยินดีกับนาลี ชิง ยุนเมื่ออายุครบปีที่ 150
ต่อมาก็ฉลองอีกครั้งเมื่ออายุครบปีที่ 200 เมื่อย้อนเวลากลับไปจากการเฉลิมฉลอง 2 ครั้ง
จึงเชื่อได้ว่านายลี ชิง ยุน น่าจะเกิดในปี พ.ศ.2220
ในปี พ.ศ.2471 หนังสือพิมพ์นิวยอร์ค ไทมส์
ได้เคยเขียนบันทึกผู้สูงวัยซึ่งอยู่เป็นเพื่อนบ้านกับนายลี ชิง ยุน
ต่างก็ได้ยืนยันตรงกันว่าปู่ของพวกเขารู้จักและเคยเห็นนายลี ชิง ยุน ตั้งแต่ปู่ของพวกเขายังเป็นเด็ก
และหลังการเสียชีวิตของนายลี ชิง ยุน ในปี พ.ศ. 2479
นิตยสารไทมส์ และนิวยอร์ค ไทมส์ ได้รายงานว่านายลี ชิง ยุน มีภรรยา 23 คน
และมีทายาทกว่า 200 คนเรื่อยมาตลอดระยะเวลา 256 ปี 55555
อาจารย์ดา หลิว เป็นอาจารย์สอนมวยไทเก็ก ซึ่งเป็นลูกศิษย์คนหนึ่งของนาลี ชิง ยุน
ได้เล่าให้ฟังว่าเมื่อ อาจารย์ลี ชิง ยุนอายุได้ 130 ปี ได้พบกับฤาษีที่มีอายุมากว่า 500 ปีบนภูเขา
และสอนอาจารย์ลี ชิง ยุน ด้วยวิชามวย 9 มังกรปา-กว้าจ่าง (ชื่อมวยชนิดหนึ่งของสำนักบู๊ตึ้ง)
และแนะนำสอนการหายใจควบคู่กับชี่กง ฝึกสอนการเคลื่อนไหวที่ประสานไปกับเสียงแบบต่างๆ
และรวมถึงข้อแนะนำเกี่ยวกับอาหาร
ในปี พ.ศ. 2470 นายลี ชิง ยุน ได้ถูกเชิญโดยนายพลหยาง เซิน
เพื่อให้มาพบเขาที่ตำบลวันในมณฑลเสฉวน และได้ถ่ายรูปที่นั่น
โดยนายพลหยาง เซินได้สนใจและทึ่งกับความกระฉับกระเฉง ความแข็งแกร่ง
และความองอาจของนายลี ชิง ยุน ที่มีอายุมากในขณะนั้นถึง 250 ปีแล้ว
เพราะนายลี ชิง ยุน ในเวลานั้นยังเดินได้เป็นปกติ สายตาดีและมีผิวพรรณที่ดี
สุขภาพแข็งแรง หลังตรง หนังตึง เส้นผมกับฟันยังเป็นของแท้ตามธรรมชาติ
การตอบสนองและการพูดคุยเป็นไปอย่างยอดเยี่ยม
นายลี ชิง ยุน เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร ได้สนับสนุนและผลักดันให้ใช้ เห็ดหลินจือป่า,
ผลโกจิ เบอร์รี่ (เก๋ากี้), โสมป่า, He Shou Wu (สมุนไพรจีนบำรุงเลือด ชื่อภาษาอังกฤษว่า Polygonum),
และใบบัวบก ผสมผสานร่วมกับสมุนไพรอื่นๆ
ในบทความที่ชื่อ "เต่า-นกพิราบ-สุนัข" ซึ่งพิมพ์เผยยแพร่ในรายงานของนิตยสาร ไทม์
เมื่อวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2476 ได้รายงานประวัติรวมถึงคำตอบเคล็ดลับในการมีอายุยืนของนายลี ชิง ยุน
ซึ่งก็คือ "มีจิตใจสงบนิ่ง, นั่งเหมือนกับเต่าหมอบ, เดินเหินปราดเปรียวกระฉับกระเฉงเหมือนนกพิราบ,
นอนหลับสนิทเหมือนสุนัข"
กรณีที่อาจารย์ดา หลิว ลูกศิษย์คนหนึ่งของนาลี ชิง ยุน ได้เล่าว่า
นายลี ชิง ยุน ได้พบกับฤาษีซึ่งมีอายุมากว่า 500 ปีบนภูเขา และฤาษีก็ได้สอนวิธีการต่างๆที่ทำให้อายุยืนนั้น
ในเรื่องนี้ผมเองก็ได้ยินบ่อยๆครับ โดยเฉพาะเรื่อง พระผู้สำเร็จ
คือ ตามป่าตามเขาและบริเวณชายแดนของไทย ลาว เวียดนาม กัมพูชา พม่า ทิเบต เนปาล เป็นต้น
มีพระผู้สำเร็จอยู่จำนวนมาก โดยเฉพาะที่ถ้ำจุงจิงในประเทศกัมพูชา หรือ ภูเขาควาย ในประเทศลาว
พระผู้สำเร็จเหล่านี้เป็นฌานลาภีบุคคลคือ ได้บรรลุฌานในระดับต่างๆ แสดงฤทธิ์ได้ ย่นย่อระยะทางได้
หายตัวได้ อำพรางตัวได้ หลายรูปอยู่ได้โดยไม่ต้องฉันอาหาร บางรูปยืดอายุตัวเองให้ยาวออกไป 200 ปีก็มี 400 ปีก็มี
เช่น หลวงปู่พูสี เป็นต้น ซึ่งมีอายุถึง 400 กว่าปี เป็น 1 ใน 6 ของพระบังบดที่มีอยู่ ณ ภูเขาควาย ประเทศลาว
หรือพระที่มีอายุมากกว่านั้นก็มีครับ
อุบาสกคนหนึ่งชื่อ “อุ๊ย” เล่าว่า เคยบวชและออกเดินธุดงค์อยู่ 9 ปี
คราวหนึ่งหลังจากสงครามครั้งที่ 2 ได้ไม่นาน ท่านได้เดินธุดงค์จากเมืองไทยไปทิเบต
ไปกันทั้งหมด 5 รูป เข้าทางพม่า ผ่านชายแดนอินเดีย และข้ามเทือกเขาหิมาลัยไป
ด้วยความทุรกันดารของเส้นทางทำให้พระที่เดินธุดงค์มาด้วยกัน ค่อยๆมรณภาพไปทีละรูป
จนเหลือ “อุ๊ย” เพียงรูปเดียว เมื่อท่านข้ามเขาไปแล้วเจอป่าใหญ่สมบูรณ์
พอเข้าไปในป่าก็พบต้นโพธิ์ต้นใหญ่ ที่โคนต้นมีโพรงกว้างมากภายในจุคนได้ถึง 50 คน
ในโพรงนั้นมีพระภิกษุนั่งทำภาวนาอยู่หลายรูป ได้แก่ พระอาจารย์ 1 รูป พระฝรั่ง 2 รูป
พระอินเดีย 2 รูป พระพม่า 2 รูป พระจีน 1 รูป พระทิเบต 1 รูป และตัวท่านที่เข้าไปสมทบอีก 1 รูป
เหตุที่อุ๊ยไปถึงได้เพราะมีสายบุญกับพระอาจารย์คือ ในอดีตเคยทำบุญกับท่านเอาไว้
อุ๊ยเรียกพระอาจารย์ที่สอนภาวนาอยู่นั้นว่า “หลวงพ่อโพรงโพธิ์” เป็นพระที่มีบุคลิกต่างจากพระภิกษุทั่วไปคือ
มีร่างกายที่สูงใหญ่มาก กล่าวคือ ปกติอุ๊ยสูงประมาณ 170 กว่าเซนติเมตร แต่เมื่อไปยืนเทียบกับท่าน ปรากฏว่า
อุ๊ยสูงแค่สะดือของพระอาจารย์เท่านั้น แม้ท่านจะสูงแต่ก็สมส่วน ผิวสวยเหมือนเด็กอ่อนๆ คล้ายๆลูกตำลึงสุก
หน้าอิ่ม โครงหน้าแบบคนอินเดีย คิ้วโก่ง จมูกไม่โด่งมาก ปากสวย ผิวขาว หูยานเกือบถึงกลางคอ
ผิวไม่มีรอยย่น ตัวตรง คอกลม ไม่เห็นลูกกระเดือก มือเต็ม ฝ่าเท้ายาว นิ้วมือและนิ้วเท้าหลั่นกันนิดๆ
ไม่เห็นตาตุ่ม เท้าไม่มีเว้า ไม่เป็นแอ่ง ส้นกลม กล่าวคือ ได้ลักษณะมหาบุรุษบางประการ
ท่านห่มจีวรแบบ “ห่มดอง” สีจีวรเหมือนสีเปลือกไม้ บาตรของท่านทำจากเม็ดมะม่วงหิมพานต์ขนาดใหญ่มาก
โยมอุ๊ยทดลองวัดดูพบว่า กว้าง 2 คืบ ยาว 3 คืบ สีดำเมื่อม
หลวงพ่อโพรงโพธิ์ได้เห็นเม็ดมะม่วงหิมพานต์ตั้งแต่เม็ดของมันใหญ่ขนาดนั้น
ครั้งหนึ่งพระจีนจึงถามว่า ท่านอายุเท่าไร หลวงพ่อโพรงโพธิ์จึงหยิบเอาถุงหนังโตเท่ากำปั้น
ข้างในมีเมล็ดทราย ขนาดเล็กๆ ไม่ใหญ่กว่าเม็ดงา พระจีนเอาออกมานับดูเพื่อจะได้รู้ว่าท่านอายุเท่าไร
แต่ก็นับไม่หมดเพราะมีเยอะจึงเลิกนับไปก่อน อุ๊ยเล่าว่า ท่านอธิษฐานไว้ว่าจะเข้านิพพานพร้อมกับพระศรีอาริย์
จากเรื่องนี้ทำให้นึกได้ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเคยตรัสไว้ว่า
“ผู้ใดเจริญอิทธิบาท 4 ทำให้มาก ทำให้เป็นประหนึ่งยาน... ผู้นั้นเมื่อปรารถนาก็พึงดำรงอยู่ได้ตลอดกัป”
ซึ่งกัปในที่นี้เป็นระยะเวลาที่ยาวนานมาก การเจริญอิทธิบาท 4 ในที่นี้คือเจริญด้วยการทำสมาธิขั้นสูง
บางท่านอาจจะสงสัยเรื่องความสูงของหลวงพ่อโพรงโพธิ์ว่า จะเป็นไปได้หรือที่ท่านสูงกว่า 3 เมตรทีเดียว
ความจริงตามที่บันทึกไว้ในกินเนสส์บุ๊กนั้น คนที่สูงใกล้เคียงกับระดับนี้ก็มีคือ
นายลีโอนิด สตัดนิก ชาวยูเครน เขาสูงถึง 257 เซนติเมตร จากการวัดส่วนสูงเมื่อปี พ.ศ.2549
และในพระไตรปิฏกบันทึกไว้ว่าพระสมณโคดมพุทธเจ้ามีพระวรกายสูงถึง 16 ศอก
หาก 1 ศอกคือ 50 เซนติเมตร ก็แสดงว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราสูงถึง 8 เมตรทีเดียว
และความจริงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์อื่นๆมีความสูงมากกว่านี้อีกมาก
และถ้าเพื่อนๆเคยไปพิพิธภัณฑ์อาวุธโบราณต่างๆ จะเห็นว่าอาวุธในอดีตนั้นใหญ่มาก
เราไม่อาจถืออาวุธนั้นด้วยมือเพียงข้างเดียวได้ จึงชี้ให้เห็นว่าคนยุคโบราณตัวใหญ่กว่าปัจจุบันเพราะสิ่งแวดล้อมดีกว่า
และหากย้อนอดีตไปเรื่อยๆสิ่งแวดล้อมก็จะดีกว่าในปัจจุบันมากขึ้นเรื่อยๆ
อาหารก็จะมีคุณประโยชน์มากกว่าด้วย จึงเป็นไปได้มากที่คนในสมัยพุทธกาลมีความสูงถึง 8 เมตรจริง
สารคดี มนุษย์ยักษ์ สุดยอดมนุษย์ ครับ
สำหรับเหตุให้อายุยืนในพระพุทธศาสนานั้นสรุปได้ ดังนี้
1.ทำบุญยารักษาโรค
2.ทำบุญภัตตาหาร
3.ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
4.ปล่อยสัตว์ปล่อยปลา
5.เจริญอิทธิบาท 4 (นั่งสมาธิขั้นสูง)
6.ออกกำลังกายและควบคุมเรื่องอาหาร
ฯลฯ
6 ข้อนี้ โดยย่อครับ จึงทำเครื่องหมาย ฯลฯ ไว้
เพื่อนๆที่เคยอ่านพระไตรปิฎกมาก็จะทราบว่า สาเหตุแห่งการทำให้อายุยืนมีมากกว่านี้ครับ
เรื่องอิทธิบาท 4 ที่ผมบอกว่า เป็นเรื่องการนั่งสมาธิขั้นสูงและทำให้อายุยืนนั้น มีคำอธิบายอย่างนี้ครับ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสไว้ใน "มหาปรินิพพานสูตร" ว่า
ดูก่อนอานนท์ ผู้หนึ่งผู้ใดเจริญอิทธิบาท 4 ทำให้มาก ทำให้เป็นประหนึ่งยาน
ทำให้เป็นประหนึ่ง วัตถุที่ตั้ง ตั้งไว้เนือง ๆ อบรมไว้ ปรารภด้วยดี โดยชอบ
ดูก่อนอานนท์ ผู้นั้น เมื่อปรารถนา ก็พึงดำรง (ชนม์ชีพ) อยู่ได้ตลอดกัป เกินกว่ากัป
... ดูก่อนอานนท์ ตถาคตนั้น เมื่อปรารถนา ก็พึงดำรง (ชนม์ชีพ) อยู่ได้ ตลอดกัป หรือเกินกว่ากัปดังนี้.
(มหาปรินิพพานสูตร มมร . เล่ม 13 ข้อ 94 หน้า 276 )
พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังตรัสขยายความเรื่องอิทธิบาท 4 ไว้ว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในเรื่องอายุของภิกษุ มีอธิบายอย่างไร
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ เจริญอิทธิบาทประกอบด้วย
ฉันทสมาธิปธานสังขาร
เจริญอิทธิบาทประกอบด้วยวิริยสมาธิ...
จิตตสมาธิ... วิมังสาสมาธิปธานสังขาร
เธอนั้น เพราะเจริญอิทธิบาท4 เหล่านี้ เพราะกระทำให้มากซึ่งอิทธิบาท 4 เหล่านี้
เมื่อปรารถนาก็พึงตั้งอยู่ได้ถึงกัป 1 หรือเกินกว่ากัป 1.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้แลเป็นอธิบายในเรื่องอายุของภิกษุ.
(จักกวัตติสูตร มมร. เล่ม 15 ข้อ 50 หน้า 121)
สิ่งสำคัญที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้คือ ให้พิสูจน์ด้วยตัวเองครับ เช่น เรื่องเจริญอิทธิบาท 4 แล้วทำให้อายุยืน จริงไม่จริง อย่างไร แต่ต้องทำให้ถูกดี (ถูกต้อง) ถึงดี (มากพอ) และ พอดี จึงจะได้ผลดี บางครั้งเรามาติดกันตรงที่เปลือก ถ้าว่ากันโดยข้อมูลยากจะสรุปให้เห็นตรงกันครับ พระพุทธเจ้าสอน เอหิปัสสิโก ควรลองพิสูจน์ดูครับ ผมชอบคำสอนในพระพุทธศาสนาตรงนี้มาก คือ ไม่บังคับให้เชื่อ แต่ท้าให้พิสูจน์ครับ 55555 แน่จริงๆ